ครั้งหนึ่งในรอยกาลหวานเสน่หา อิงธาราอุ่นไอในอ้อมฝัน ฟ้าสีรุ้งรัศมีทองผ่องพรายพรรณ สนธยาวันในอ้อมตักได้พักใจ รอยทรงจำมากมายเกินนับนึก หอมล้ำลึกสลักรอยฝากหวามไหว หลอมรวมรักรวมภักดิ์ใจถึงใจ หากทำไมแค่อดีตซ้ำย้ำมายา ทุกก้าวใจในรอยจำทำให้เจ็บ แสนหนาวเหน็บเกินเก็บไว้พิษเสน่หา คือน้ำผึ้งหว่านคำซึ้งหวังตรึงตรา สร้างโซ่กรรมพันธนาให้สาใจ อย่าอ้างว้างทางสายโศกโลกลวงหลอน ทุกฉากตอนแค่ละครฝันวันไหนไหน ยากหยั่งถึงใจเธอนะดวงใจ ยอมถอดใจ...กล่าวคำว่า..ลานิรันดร์...!
เช้านี้อวลอากาศหอมละออระรินระริน มากับสายลมพัดเย็นชื่น ดวง..ตื่นมากับความภิรมย์รื่นในดวงใจอย่างเหลือเกิน... ได้ยินเสียงนกเขาไพร ร้องคูกู่ก้องจากดงดวงดอกจำปี ที่กำลังไกวไหวกิ่งราวเปลธรรมชาติ ฟ้าหอมสะอาดด้วยสายฝนพรมพรำในยามย่ำรุ่ง พรายพัดผ่านม่านเมฆหม่น ให้...กระจ่างแจ่ม..รับอรุณ หมุนวนวันใหม่ มาให้เราทุกดวงใจได้เริ่มต้นใหม่อีกครา เป็นทิวาหวาน ฤาทิวาหวามในท่ามโลกมายา...นิรันดร์ หอมลำเนานวลมาในมโนนึก คิดถึงวิมานบ้านไร่ คิดถึงซุ้มพวงชมพู ที่พร่างพรูดอกนิดน้อยห้อยหอม ให้แสนละเมียดละมุนใจ คิดถึงดวงดอกไม้ป่าดอกไม้ไพรพื้นบ้าน บานชื่น ดาวเรือง หงอนไก่ มะลิลามะลิซ้อน คิดถึงซุ้มเล็บมือนาง ฟ้อนอวด ดวงดอกดกสามสีสามสวย ช่วยกันแข่งขันประชันสีอันแสนไสว คิดถึงเงิ้อมเขาเหงางามในท่ามม่านหมอก โอบกอด..เคลียไคล้ คิดถึงดวงดอกไม้ไทยๆ พุดซ้อนอ้อนกลีบพร่างสวยหวานเย็น คิดถึงเข็มพุ่มขาวพราวฝัน คิดถึงดงกุหลาบชูช่อนับร้อยพัน ให้ฝันพราย... คิดถึงสายธาราเล็กๆ ที่ทอดตัวลดเลี้ยวไปในท่ามกระท่อมทับ และ.. พรึบพรับด้วยดวงดอกบัวบึงหลากพรรณ ที่พากันชูช่อแสนสง่างามดั่งนาม*บัวบูชา* *บัวกลางบึง * บัวแห่งศรัทธาสัจจธรรม ที่คงคำสอนล้ำค่า จากพระพุทธองค์ ประดุจดั่งมวลมนุษย์ในพสุธานั้นเปรียบ ดังบัวสี่เหล่า... ให้เราได้พิจารณาในธรรม คิดถึง..ค้างผักพื้นบ้าน ที่คงสดสะล้างอวบอิ่มนิ่มนวลผิว ไม่ว่าฟักแฟง แตงกวา แตงไทย บวบ และ.. มะนาวเขียวไพลที่เต็มไปด้วยลูกดกทุกราวกิ่งแทบหัก และ ที่ตัดฉับกับสีส้ม ของส้มจิ๊ด จัดจ้าน.. ที่หว่านหวังจักได้เก็บเกี่ยวแลกมาเป็นเงินงาม ได้ต่อเติมการดำรงชีวีชีวิตรอด ป่านฉะนี้... ฟ้าที่บ้านป่าบ้านไพร คงใสสวยด้วยเมฆสีนวลนิ่มพริ้มเพราแผ่กระจาย มาให้ชีพชนม์ชาวบ้านไร่ วิมานบ้านไร่วิมานชาวดินได้ พบกับสุขสงบเงียบงามสมถะเรียบง่ายมิรู้สิ้น ตราบ... ยังรู้ค่าแห่งผืนดิน อันคือ...วิถีไทวิถีทอง วิถีที่ครองจินต์ จิตวิญญาณไทย ให้ดำรงความยิ่งใหญ่อิสรามานานแสนนาน ไปตราบกาล แห่งลูกหลานเหลนโหลนแห่งเรา..! ................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1933.html วิมานดิน ฝากรักเอาไว้ ฝากไปในแสงดวงดาว ที่ส่องประกายวับวาว วาว อยู่บนฟากฟ้า ให้แสงสุกใส ได้เป็นเสมือนดวงตา คอยส่องมองเธอด้วยแวว ตา แห่งความภักดี เก็บฟ้ามาสาน ถักทอด้วยรักละมุน คอยห่มให้เธอได้อบ อุ่น ก่อนนอนคืนนี้ ให้เสียงใบไม้ ขับกล่อมเป็นเสียงดนตรี คอยกล่อมให้เธอฝันดี ดี ให้เธอเคลิ้มไป เป็น วิมานอยู่บนดิน ให้เธอได้พักพิง พิง และนอนหลับไหล เก็บ ดาว เก็บเดือนมาร้อยมาลัย เก็บหยาดน้ำค้างกลางไพร มาคล้องใจเราไว้รวมกัน ก่อนฟ้าจะสาง ก่อนจันทร์จะร้างแรมไกล ยังอยู่กับเธอข้างเคียง กาย อยู่ในความฝัน ฝากเสียงกระซิบ ฝากไปในสายลมผ่าน ข้ามขอบราตรีที่ยาว นาน ให้เธอฝันดี เป็น วิมานอยู่บนดิน ให้เธอได้พักพิง พิง และนอนหลับไหล เก็บ ดาว เก็บเดือนมาร้อยมาลัย เก็บหยาดน้ำค้างกลางไพร มาคล้องใจเราไว้รวมกัน ก่อนฟ้าจะสาง ก่อนจันทร์จะร้างแรมไกล ยังอยู่กับเธอข้างเคียง กาย อยู่ในความฝัน ฝากเสียงกระซิบ ฝากไปในสายลมผ่าน ข้ามขอบราตรีที่ยาว นาน ให้เธอฝันดี ให้เธอได้อบ อุ่น และนอนฝันดี ให้เธอได้อบ อุ่นอยู่ใน วิมาน...
เมื่อเมฆฝนพายุร้ายพัดพ้นผ่าน ดวงดอกรักแสนหวานบานรับขวัญ ในเส้นทางสายรักแท้นิรันดร์ คือมหัศจรรย์ฝันวันงดงามนิยามภักดิ์ อดทนอภัยเมตตาเข้าใจ หลอมดวงใจสองดวงแนบแน่นนัก ผ่านมายาโลกย์กิเลสโศกเฝ้าทายทัก หากจะรักจงลืมคำว่าเสียใจ ไม่มีใดในโลกสมบูรณ์บริสุทธิ์ โลกสมมุติหยุดยึดมั่นทุกข์หวั่นไหว เมื่อรักแล้วรักเลยนะดวงใจ มิเป็นไรแม้นรักนั้นรอวันลา เพราะรักคือการให้มิใช่ดอกละหรือ ไม่ยึดถือครอบครองปองเหว่ว้า ให้สัจจะรักษาคำมั่นสัญญา คือศรัทธารักให้ภักดิ์ภูมิ ตราบชั่วกาล..! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song480.html คำมั่นสัญญา ถึง ม้วยดิน สิ้นฟ้า มหาสมุทร ไม่ สิ้นสุด ความรัก สมัครสมาน แม้ อยู่ใน ใต้หล้า สุธาธาร ขอ พบพาน พิศวาส ไม่คลาดครา แม้น เนื้อเย็น เป็นห้วง มหรรณพ พี่ ขอพบ ศรีสวัสดิ์ เป็นมัจฉา แม้ เป็นบัว ตัวพี่ เป็นภุมรา เชย ผกา โกสุม ปทุมทอง แม้ เป็นถ้ำ อำไพ ใคร่เป็นหงษ์ จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง ขอ ติดตาม ทรามสงวน นวลละออง เป็น คู่ครอง พิศวาส ทุกชาติไป แม้ เป็นถ้ำ อำไพ ใคร่เป็นหงษ์ จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง ขอ ติดตาม ทรามสงวน นวลละออง เป็น คู่ครอง พิศวาส ทุกชาติไป...
ฝนกำลังพรายสายราวฟ้ารั่ว เสียงระรัวหล่นกราวเหน็บหนาวขวัญ ลั่นทมป่านฉะนี้คงร่วงพลัน ราตรีฝันช่างเหงางามท่ามฝนพรำ หอมจำปีคลี่นวลพราวทุกราวกิ่ง ทุกสรรพสิ่งดูราวระรินร่ำ หยาดน้ำตานางฟ้าสังเวยกรรม โลกมืดดำในรอยกาลผ่านวันวน ล้างดวงตามืดบอดให้สว่าง พบทางว่างกระจ่างแจ่มเลิกสับสน หยดน้ำฝนรินหลั่งลาล้างกมล วิบากพ้นผันผ่านมิรานรอ รอวันรุ่งพรุ่งนี้ฟ้าสีหวาน ดวงดอกไม้บานรับขวัญอย่าเพิ่งท้อ อยู่กับใจเหงาเงียบก็งามพอ และ..มิขอแบกทุกข์รัก..แอกหนักใจ ตอกสลักลั่นดาลจิตเคยติดกับ มิวนกลับหวนไปเริ่มต้นใหม่ ไม่มีคำลาไม่มีคำว่าเสียใจ สิ้นสายใย..เลิกยึดมั่น..กับฝันลวง...! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song129.html หยาดน้ำฝน หยดน้ำตา หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์ หลั่งความขื่นขมที่ถมอยู่ใน ใจตน หยาดย้อยจากปรางสวรรค์เบื้องบน สู่กลางแก้มดินในฐานถิ่นคน นั้นคือหยาดฝน ฉ่ำใจ สาดสายพร่างพรายพรมผืนไร่นา แนวเนิน ป่าดอนโขดเขินคลองขลุงทุ่งหนอง นองไป หล่อเลี้ยงพืชพันธ์ มีผลดอกใบ โลกเคยหลับไหล พลันฝืนตื่นใจ สวยงามสดใส จริงเอย ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา พลันน้ำตานางฟ้าระเหย เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์ ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา พลันน้ำตานางฟ้าระเหย เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์ ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ...