ราตรีที่จันทร์ดวงทองผ่องพราย หยาดสายน้ำผึ้งแสนหวาน โลกในใจนิ่งเงียบเลิกราน ผสานธรรมอบร่ำใจ ทุกข์มายาสมมุติหลุดพ้น สับสนไขว่คว้าหวั่นไหว แท้เที่ยงทุกสิ่งราวฝันไป รักใดไหนเล่ายาวนาน มิช้านานกาลเวลารอรับ หนาวนับมิกี่ปีผันผ่าน เดียวดายเจ็บทุกข์รุกราน ลำพังผ่านสู่แดนใดเลือกรอ แดนสวรรค์อันว่างร้างไร้ภพ ฤาจักจบวิบากวนยากพ้นหนอ นิพพานเสียเดี๋ยวนี้ณ..ที่นี่อย่ารีรอ เพียงมิท้อเพียรพบปัญญาญาณ แลลึกลงในจิตชีวิตขวัญ หลงโศกศัลย์ฝันเสน่หามายาหวาน ธรรมชาติภุมรินทร์บินภิรมย์เพียงชมผ่าน ฝากพิษราน... ฝากพิษเศร้าเจ้าดวงดอกไม้..ตายทั้งเป็น...!
อีกคราครั้ง ที่ดวงออกเดินทางไปกับจินตนาการฝันฝันฝัน สู่เส้นทางสายสวรรค์หล้า เส้นทางสายรวงข้าวกล้าสุกปลั่ง สะพรั่งพราวดั่งทองทาเต็มท้องทุ่ง รอประดับหล้าประดับดิน ให้ผ่องพรายฉายฉานปานประหนึ่งนิรมิต เส้นทางสายงามสู่ทะเลสาบสีเงิน ณ..บัดนี้ถูกขยายออกให้กว้างขึ้น หากทว่า.. บึงบัวยังคงไสวเคียงบึ้งนาในดวงใจ... ที่มิผันไปดั่งรอยไถแปร ฟ้ายังเป็นสีฟ้าอมโศก สวยด้วยสีม่วงหม่นเทาทึมด้วยถึงวันวสันตฤดู ฝูงนกน้ำ นกกระยาง ยังคงบินฉวัดเฉวียนร่อนขึ้นลงในดงตาลหวาน ที่บ้างก็แสนเดียวดาย โดดเดี่ยว ดูแสนเปลี่ยวเหงา บ้างก็เคียงเงาคู่ บ้างก็ดูคล้ายดั่งครอบครัวเคียง เรียงพร้อมหน้าพ่อแม่แลลูกผูกพัน ในท่ามม่านฝนหม่นมัว มุ่งเข้าสู่เส้นทางอันแสนมีมนตรา ราวพาดวงจิตดวงย้อนยุคสู่สมัยทวารวดี นับพันปีมาแล้ว สู่สุโขทัย อยุธยา ณ..หอมห้วงแห่งเวลาที่แสงสงบสุขงามงด แสนหมดจดด้วยความวิถีชีวี ที่ยังคงมีความเรียบง่าย รู้ใช้ชีวีอย่างพอเพียงเพียงพอ... และ..ในท่ามเสียงสายฝน จากฟ้าเบื้องบนอันทรงพลังธรรมศักดิ์สิทธิ์ อันสามารถนิรมิตบันดาลดล ให้ทั้งโลกหล้าแลผองชนเรานี้ จักมีอันหมุนไปในทิศทางใด...อันสุดแท้ที่ใครจะหยั่งรู้ จิตดวงหนึ่งซึ่งแสนซาบซึ้ง รู้ค่า...ของอำนาจฟ้าดินสิ้นทั่งทั้งน้ำลมแลไฟ จึ่งได้น้อมดวงใจ ท่องมนตราสวดพระคาถา เพื่อเป็นสิริสวัสดิ์มงคลแก่ทุกดวงชีวี พลีทุกครา.. ที่มาเยือนแดนดินแห่งวิมานมนตราทวารวดีนามนี้... ด้วยความคิดดี คิดได้ คิดให้เมตตาดั่งหยาดละอองฝนใสเย็นในทุกยาม ใกล้..ทะเลสาบสีเงิน เข้าไปทุกขณะ เวลาที่ฟ้าคร่ำฝนครวญ พายุแรงพัดกราวไหวจนไม้ใหญ่ฟ้อนใบระบัด หลุดร่วง ควงพลิ้วปลิวผลอยลอยวน อุโมงค์ต้นไม้สานใบแผ่ปกคลุม ดูร่มครึ้มดั่งป่าแรกแปลกปาหารย์ฝัน เสมือนหนึ่ง.. เรากำลังดั้นด้นมาค้นพบโลกที่ปราศจากมลทิน ฟ้า..หลังฝนค่อยๆแจ่มกระจ่าง เปรียบเหมือนจิตทุกดวงที่จักพบความว่างสะอาด หลัง.. ผ่านพ้นพายุใจ..เช่นฉะนั้น เพื่อรอรับพลังมหัศจรรย์รัก มหัศจรรย์หวัง ที่มิมีวันสิ้นสุด หากเรา.. มิหยุดยอมเพียร ยอมพ่าย เราก็จักได้จิตดวงสดสะอาด มาวาดวนเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ หลังการพักชำระใจ ให้ทุกสิ่งร้ายกลายเป็นอดีตอันลอยลา.. นัยน์ตาของหญิงหนึ่ง จึ่ง...พบซึ้งเกษมในธรรม ธรรมชาติ อันแสนบริสุทธิ์สะอาดรายรอบได้ในทุกยาม เห็นงามจากจิตอันเลื่อมประภัสสร เห็นใบไม้สอดซ้อนสลับระยับยิบ กำลังพลิกพลิ้วพริบพรายฟ้อนออดอ้อนสายแสงสุริยา ให้เกิด... ภาพจรัสค่า มลังเมลืองใจ เกินค่ำคำใดกล่าวเล่าบอก นอกจากต่างต้องใช้จิตนิรมิตเห็น รู้ด้วยตัวเองในดื่มด่ำอันงามอมตะนั้น ขุนเขาในเงาฝนเงาฝัน ยังทอดตัวเงียบงัน งดงาม ไล่ลดหลั่นสล้างโอบกอดทุ่งหญ้า ทุ่งสัปปะรด ทุ่งดวงดอกไม้ป่าแสนหวาน ที่กำลังนานพร่างแตะแต้ม พื้นพสุธา ให้แสนน่าเสน่หาเป็นที่สุด ดงไผ่รวกยังพัดไกว เกิดเสียงแกรกกรากฝากสอนสัจจธรรมป่า ให้รู้คุณค่าแห่งดนตรีไพร ดนตรีที่ต้องใช้ใจดวงนิ่งนิ่ง ฟังทุกสรรพสิ่ง... ที่กำลังบรรเลงเพลงพร้อง มิให้จิตหมองหมางระบมระทม ทุกข์ท้อ ขอเพียงแค่เงี่ยหูฟัง นั่นเสียงเรไร จิ้งหรีด แมลงกรีดปีกร่ำ ผสานซร้องก้องไปทั่วถิ่น แหละนี่คือ.. กลิ่นอายแห่งความเป็นธรรมดา ใช่มายาสีสัน อันพาให้ทุกข์จีรัง ดวงตามืดบอดหลงทางอย่างอ้างว้าง ในท่ามทะเลกิเลสโลกย์ หาพ้นโศกพบสุขนิรันดร์ไม่... เสียงสายน้ำเพชร ยังพร่างริน กระซิบ กระซิก กระซี๊ ราวให้ทุกดวงชีวี ได้ทบทวนหวนไห้ รู้ค้นหลังมาฝากฝังใจ ตราบจนลมหายใจสุดท้ายหมายเคียงธรรม ปฏิบัติธรรม ในท่ามกลาง.. วิมานมนตราทวารวดีที่คงงามดงด แสนให้พลังสด ด้วยชื่นแสงแห่งอรุณอรุโณทัย กับ.. ฟ้าใสสะอาด กับ... เรือนไทยพิลาสรายรอบด้วยพวงพะอยมป่า มวลดวงดอกไม้นานาพรรณไหวกิ่ง ทั้งลีลาวดี โมก ปีบ ลำดวน มะลินวล พุดซ้อนอ้อนอวลร่ำ ในยามค่ำ ที่ฟ้าคงเต็มด้วยดวงดารารายพรายกระพริบ ราวเพชรพร่างสายแสนสุกใส ประดับใจเราทุกดวงให้แสนสุขล้ำเกินรำพันรำพึง มีเพียงซาบซึ้ง.. จนตระหนักว่า...ช่างแสนโชคดีนักหนา ที่ได้ลืมตาเกิดมา บนผืนแผ่นดินไทยแผ่นดินทองแผ่นดินธรรม อันแสนล้ำค่านี้ ทั้งยังมีโอกาสได้พบพระธรรม ได้นำน้อมมาสอนจิตฝึกใจ ให้เดินไปตามรอยบาทแห่งองค์สมเด็จพระศาสดา ไหนจะยัง.. ได้เกิดมาใต้ร่มฉัตรเพชรแห่งองค์พระมหากษัตรา ที่ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตามหาบุญญาบารมี ใต้ร่มธงไตรรงค์นี้ ที่แสนให้อิสราแด่ทุกชาติศาสนาอย่างเที่ยงธรรม ใต้ผืนดินอันแสนอุดมราวทองคำล้ำค่า ที่.. สามารถหว่านโปรยพืชผักข้าวกล้าให้ระย้ารวง ให้ปวงประชาไทได้อิ่มไม่อดอยาก... แล..วิมานในฝันสวรรค์หล้า นามว่าวิมานมนตราทวารวดี ณ..ที่แห่งนี้ ไม่นานช้านี้ที่จักพลีพบศาลาทรงไทย มีองค์พระปฏิมาสุกปลั่ง ให้น้อมนำจิตกรานกราบ ถวายพวงมาลาพร้อมตั้งสัจจาธิษฐานภาวนา ให้.. เกิดปัญญาญาณอันสว่างเรืองโรจน์ ลบลืมโศกมายาโลกย์มายาตัวตน เพื่อ...ข้ามพ้นไปสู่ฝั่งฝัน อันแสนว่าง กระจ่าง สงบ ทุกภพภูมิตราบชั่วนิจนิรันดร์...! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song774.html สี่แผ่นดิน คนมี ชีวิตและกายา ถือ กำเนิดเกิดมา เป็นหญิง หรือว่าเป็นชาย ผู้มี พระคุณอันแสนยิ่งใหญ่ กว่า สิ่งใด ก็คือแผ่นดิน เป็นแดน ที่ให้ชีวา พึ่งพา อาศัยและอยู่กิน คุณใด จะเปรียบแผ่นดิน เอื้อชีวิน จากวันที่เกิด จนตาย ยามใด ความทุกข์กรายมาเยือน ทุกข์ใดเล่าจะเหมือน ความทุกข์เยือน เรือนกาย หากเรือน ของเรามีทุกข์ กรายใกล้ สุขอย่างไร อย่างไรตัวเรา ยามดี เราดีตาม ในยาม มีทุกข์ควรแบ่งเบา บุญคุณ ยิ่งใหญ่นานเนาว์ หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน ยามใด ความทุกข์กรายมาเยือน ทุกข์ใดเล่าจะเหมือน ความทุกข์เยือน เรือนกาย หากเรือน ของเรามีทุกข์ กรายใกล้ สุขอย่างไร อย่างไรตัวเรา ยามดี เราดีตาม ในยาม มีทุกข์ควรแบ่งเบา บุญคุณ ยิ่งใหญ่นานเนาว์ หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน...
ฟ้าสวยจนเกินกล่าว เมฆพราวกระจายดั่งภาพฝัน ริมบึงสายน้ำรักนิรันดร์ ราวสวรรค์รอมาแสนนาน ฝันไปว่าได้รับจูบแผ่วไล้ละมุน หอมกรุ่นแกมดอกไม้ป่าแสนหวาน ใจดวงเศร้าเลิกเหน็บหนาวร้าวราน ดอกรักบานสะพรั่งณ..กลางใจ พลังใดไหนเล่าจักยิ่งใหญ่เท่าพลังรัก ซึ้งประจักษ์จนหวามไหว อกใครไหนเล่าจะอุ่นเท่าเทพฤทัย นานแค่ไหนไม่หวั่นขวัญเฝ้ารอ แม้นโลกจักหมุนไปพบวิปโยค แสนโศกสับสนอธิษฐานขอ รักแห่งเราเป็นดั่งรักแท้นิรันดร์ก็เพียงพอ จะไม่ท้อ แม้นเพียงรอ...ฝันสมมุติ...
ดวงใจแสนหวั่นไหวยามคิดถึง ลึกซึ้งห่วงหาฟ้าดินรู้ ไกลสุดหล้าน้ำตาพรู ให้รับรู้คนทางนี้พลีใจรอ นางฟ้า...ที่รัก วิมานภักดิ์รอรับขวัญอธิษฐานขอ ให้ดลจิตคิดคืนหลังนะนวลละออ เรามิท้อรอพร้อมหน้าฟ้าเมตตา ยอดเทวี..แห่งดวงหฤทัย อยู่หนไหนใจห่วงหา ส่งอ้อมกอดสู่ขวัญชีวา ในปรารถนาอย่าพรากกันนิรันดร..! วันที่พายุร้าย พรายพัดแรงราวแกล้งโลกให้โศกราน วันที่สายการบินหนึ่งพาผู้โดยสารสังเวยเกือบร้อยชีวิต พาให้จิตหลายดวงที่ร้อยรัดกับผู้เป็นที่รักในเที่ยวบินมรณะนั้น ถึงกับนิ่งงันฝันร้ายด้วยความตกตะลึง วันที่ทำให้.. ใจดวงหนึ่งพลอยหวั่นไหววิปโยคโศกสะเทือนไปด้วย และขอร่วมแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งมาณ..ที่นี่. และ..พลอย..พาย้อนคิดกลับ.. ไปถึงเรื่องรักที่เคยรจนาฝากไว้นานมา..ค่ะ อย่าร้องไห้เพื่อฉัน..นะเชน! ปริมกำลังเดินทางไปสุราษฎร์ธานี.... กับเที่ยวบินของสายการบินไทย....... ด้วยใจ ที่เต็มไปด้วยความสุข.......... จะไม่ให้มีความสุขได้อย่างไรเล่า........ เมื่อมีหนุ่มคนดีของปริมรอรับอยู่ที่นั่น .......... ปริมรอเวลานี้มาแสนนาน..... เวลาที่จะโผเข้าสู่อ้อมกอดอันแข็งแรง และอบอุ่นของคนที่ปริมรัก และภักดีด้วยใจทั้งดวง......... ........ หนุ่มคนซื่อของปริมถูกย้ายไปทำงานที่นั่นในตำแหน่ง.. เจ้าหน้าที่ที่ดินประจำอำเภอเล็กๆแห่งหนึ่ง........... ........ ปริมรักกับเชนมานานหลายปี ตั้งแต่เด็กก็ว่าได้ เชนเป็นทั้งเพื่อน...ทั้งพี่ ผู้แสนจะอ่อนโยน..ใจดี.. .และ..เชนไม่เคยห่างหายไปจากชีวิตของปริม ไม่ว่าในยามใดที่ปริมต้องการ.......... นานหลายเดือน......... ที่ปริมรู้สึกมีบางสิ่งขาดหายไปจากชีวิต....ไม่มีเชนคอยชิดใกล้....ช่วยเหลือ.......ทุกเย็นเชนจะขับรถไปรับปริมจากโรงเรียนอนุบาลเล็กๆ ที่ปริมสอนอยู่......... เชนหัวเราะง่าย...ใจดีนักหนา จะมีขนมไปแจกเด็กๆ..... และบางครั้งจะแอบพ้อกับปริม....เมื่อไหร่หนอ.... ปริมจะใจอ่อน..ยอมรับคำขอแต่งงานของเชนสักที....... ปริมจะได้สอนลูกของเราเองบ้างนะ.... ปริมสับสน.......ปริมเพียงแต่รอบคอบ... ใจแข็ง..เพื่อจะรอให้ทุกอย่างลงตัวมากกว่านี้..... .ปริมอยากมีเงินเก็บสักก้อนเพื่อจะได้เริ่มชีวิตใหม่ที่แสนจะสวยงาม......... แต่.......... วันนี้ปริมพร้อมแล้ว เชนทำให้ปริมไม่รีรออีกแล้ว...... ตั้งแต่เชนจากไป...ปริมรู้สึกโลกนี้ช่างว่ างเปล่า... เดียวดาย ไร้หวัง ซะเหลือเกิน จดหมายเชนที่เล่าถึงสภาพความกดดัน..... ของการเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ตงฉินของเชน แต่ไปขัดผลประโยชน์ของ ผู้มีอิทธิพล ทำให้ปริมรู้สึกร้อนรุ่มใจ............ .และยิ่งเชนพร่ำพรรณนาถึงความคิดถึงปริมอย่างมากมาย........... ในคืนวันที่เดียวดาย........ในอำเภอเล็กๆ ซึ่งห่างไกลความเจริญ.. โดยที่ไม่มีปริมเคียงข้าง........... เดือนก่อนเชนขึ้นมาหาปริม และก่อนจากลา...... เชนดึงปริมเข้าไปกอด ...พร้อมกับทำให้ปริมประหลาดใจ ด้วยการสวมแแหวนวงเกลี้ยงให้ปริมที่นิ้วนางซ้าย....... .เชนกระซิบบอกว่า..นี่คือแหวนหมั้นจากหนุ่มข้าราชการคนจน..... และคิดว่าถ้าปริมยินดี ก็ให้สวมมันไว้........ จนกว่าจะถึงวันนั้น..ของสองเรา ปริมน้ำตาซึม...โลกทั้งโลกตรงหน้าที่เคยว่างเปล่า................ เมื่อขาดเชน......กลับสว่างไสวโดยพลัน..... .ปริมรู้..นับจากนาทีนั้น..ว่าปริมขาดเชนไม่ได้ .. และจะไม่มีวันทำให้เชน...ต้องรอคอยอีกต่อไป.......... ปริมตัดสินใจในวันนี้....เพื่อจะบอกเชนว่า.. ปริมจะไม่จากไปไหน ปริมเพียงแต่ขอให้เชนจัดพิธีมงคลเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของการเริ่มชีวิตคู่ ..... เพื่อการเริ่มต้นที่งดงามในชีวิตหนึ่งนี้....... ปริมรู้ว่าเชนรอคำตอบนี้........มาแสนนาน................... เชนคงจะยิ้มแก้มปริ และคงจะกอดปริมแน่นด้วยความดีใจ................ ปริมเหลือบดูแหวนอีกวงที่ปริมสวมคู่กับแหวนของเชน... ที่ปริมตั้งใจจะมอบให้เชน..และจะบอกคนที่ปริมรักดังดวงใจว่า................ เราจะไม่มีวันพรากจากกันอีกตราบชั่วนิรันดร์ ................ ปริมหลับตาคิดและฝัน..... รอที่จะให้ถึงเวลาแห่งความสุข รอเวลาที่เครื่องบินจะแตะรันเวย์...... และปริม...... จะได้โอบกอดใครบางคนแนบแน่นเท่ากับแรงใจแห่งรักที่มี ........ ปริมจะสร้างชีวิตใหม่.......ชีวิตที่สมถะ เรียบง่าย...งดงาม..มากล้นด้วยความรัก .....ความเข้าใจ......กับเชน...........ปริมจะเนรมิตให้บ้านเล็กๆริมลำคลองในชนบทแห่งนี้....ให้เต็มไปด้วยชีวิตชีวา....... ปริมจะปลูกผักสวนครัวมุมหนึ่งของบ้าน.......เย็นๆปริมจะขอให้เชนดูแลรดน้ำให้..........และปริมจะปลูกไม้ดอกที่จะออกดอกชูช่อสวยงาม.....จนกลายเป็นบ้าน.....ในดงดอกไม้นานาพรรณ......... เย็นๆปริมจะทำกับข้าวที่เชนชื่นชอบไว้รอท่า..........และเมื่อค่ำคืนมาเยือนปริมจะออกมานอนชานระเบียงเพื่อชื่นชมดาวเดือน ในอ้อมกอดของคนที่ปริมรักนักรักหนา................. ปริมฝัน..........และฝัน.................จนนาทีสุดท้ายของชีวิตที่ปลิดปลิว................ .......... สถานีข่าวทุกหนแห่งในประเทศไทย.....กำลังแพร่ภาพออกไปพร้อมข่าวด่วน........เครื่องบินของสายการบินไทย..ตกที่สุราษฎร์ธานี..ตอน 3ทุ่ม..ขณะที่ฝนตกหนักและมีพายุ..........และหนึ่งในรายชื่อผู้โดยสาร.......มีชื่อของนางสาวปริม บุรีรักษ์ .................................................................................................................................. เขียนจากความทรงจำอันเจ็บปวด จากการสูญเสียคนที่รักไปด้วยเหตุการณ์ในวันนั้น
ฟ้า...ค่อยๆคลี่ม่านตระการ เปิดรับสายแสงแรกสราญ รับอรุณรุ่ง..อีกวันและอีกวัน ดวงดอกไม้ละออทั้งโลกหล้า ก็ต่างพากันคลี่รอรับดวงดอกแดดอ่อนๆอุ่นๆ ให้ไล้ละมุนหยาดน้ำฝนหยดน้ำค้าง พร่างระเหยหายวับไปกับพรายสุริยา แล้ว.. ต่างพากันแย้มเผยอกลีบเกสรแสนหวาน บานรอมวลหมู่ภู่ผึ้งภุมรินทร์ มาตอมบิน..ตามติดชิดเชย..ชม.. สายธารา... ยังระรินไหลพร่างพรม ในป่าใหญ่พฤกษ์ไพรกว้าง จาก..เทือกภูสู่แดนดินที่ราบลุ่ม ฝากความกลุ้มระทึก ให้นอนหลับไม่ลึกไม่เต็มตื่น ด้วยกลัวภัยจากสายน้ำป่า ที่นับวันจะแล้งไร้น้ำใจ ต่างพากันพร้อมพลีไหลเชี่ยวกราก มาฝากมาสอนบทเรียนสัจจธรรม.. มวลมนุษย์ไม่รู้รักษ์ พึ่งพาพิงพิงอิงเอื้อโอบซึ่งกันและกัน ไม่สมานฉันท์สามัคคี ดีแต่ทำลายล้าง อ้างต่างชาติ ศาสนา วัฒนธรรมประเพณี ซึ่งแท้ที่จริงแล้วไซร้.. เหนือกว่าสิ่งใดในโลกาภิวัฒน์นี้ คือความยิ่งใหญ่แห่งธรรม ธรรมชาติ ที่นำความบริสุทธิ์ สว่างสะอาดสงบ มาพบ..มาสู่ขวัญปันดี.. มาพลีให้ทุกดวงชีวีได้ชื่นชมโลกลดโศกตรม ให้ธาตุ ดินน้ำลมไฟ ยังคงผสานผสมเพาะบ่ม สอดประสาน ประทานเมตตาแด่สรรพชีวาชีวิต ให้ยังคงสถิตทอด ดำรงอยู่รอดมาอย่างนานช้า อย่างกรุณาปราณี อย่างมิ่งมิตรที่หยิบยื่นไมตรี อย่างที่แสนสัตย์ซื่อถือมั่นเป็นภารกิจหน้าที่ ดั่งดวงตะวันนี้ ที่ยังมิเคยหนีหาย ดั่งลมที่ยังร่ายพัดโบกไหว ดั่งดาวไสวเดือนพรายในราตรี ดั่งสายน้ำรักนิรันดร์ในฤดีที่ยังคงไหลล่อง ดั่งพระแม่ธรณีทองที่ยังคงทอดนิ่งหนักแน่นให้เหยียบย่ำ ให้ได้หว่านเพาะพืชพรรณอุดมสมบูรณ์ พูนเพิ่มพลังแห่งรักพลังลมหายใจ ที่จักพาให้โลกหมุนไป หมุนไป หวังให้ทุกดวงใจนับพันล้านได้ตระหนัก รู้สรรสร้างฝันดีรู้พลีคืนกลับกตเวทิตาต่อฟ้าดิน ต่อแผ่นดินแม่มาตุภูมิ รู้ภาคภูมิใจ รู้ปันแบ่งหยาดน้ำใจรัก รู้ค่าความภักดีต่อโลกรู้ลดโศกแล้งไร้ หมายสร้าง... สงบสันติสุขให้หมดทุกข์โพยภัยไปทุกหย่อมหญ้า หากทว่า... กี่ครั้งคราวกี่หนาวเหน็บกี่หมื่นทุกข์ที่บุกโหมโถมถา พวกมนุษย์ใต้หล้า ก็ยังต่างพากันไร้สิ้นจิตสำนึก ไม่รู้สึกถึงพลังธรรม ธรรมดา ที่ฟ้าดินเมตตาประทาน ยังประมาทหาญหัก ยังไม่รู้รักษ์ ..รู้ทะนุถนอมดูแล รู้เพียงแค่เห็นแก่ตัวทำลาย ราวหมายให้การเกิดดับนับอนันต์นี้ถึงที่สุดกระนั้น.. แลฝัน...ใดไหนเล่า.. จะวิปโยคโศกสะเทือนเท่า เมื่อวันหนึ่ง... มวลมนุษย์จะตรึงตรมด้วยหยาดน้ำตา เสมือนค่าคำทำนาย.. ที่ว่า... โลกหล้าที่แสนหมดจดงดงามนี้ จักถึงกาล..สิ้นไร้ซึ่งแสงตะวัน... ไปตราบชั่วนิจนิรันดร...!