22 กรกฎาคม 2552 22:15 น.

อาจมิใช่บทกวีที่เลิศเลอสำหรับเธอคงล้ำค่ากว่าสิ่งใด..!..

พุด


กระซิบกับปรอยฝนที่หล่นร่วง
กับพราวดวงดอกไม้ในคืนหวาน
ราตรีนี้หัวใจขวัญเบ่งบาน
เหมือนสายธารแห่งรักถักทอใจ

สวัสดีดวงใจในความฝัน
ทุกคืนวันเคียงใกล้ใช่หรือไม่
สะพานฝันวันของเราวิมานไพร
ดอกหญ้าไสวในสายลมห่มทายทัก

หอมแก้มเธอซ้ำซ้ำแทนคิดถึง
ฝากตราตรึงซึ้งใจให้ประจักษ์
แทนขอบคุณมากมายนะที่รัก
แทนจิตภักดิ์ดวงนี้พลีเพื่อเธอ

บทกวีจากดวงใจอรชรแสนอ่อนหวาน
ลบโลกรานเลือนแล้งสนองเสนอ
อาจมิใช่บทกวีที่เลิศเลอ
สำหรับเธอคงล้ำค่ากว่าสิ่งใด..!
.....................................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2889.html
ทาสรัก 

พี่รู้สึกตัวเมื่อสายเสียแล้ว
ปักใจแน่แน่ว รักแต่เธอหลงแต่เธอ
ตกเป็นทาสสวาท จนพร่ำเพ้อ
ลุ่มหลงแต่เธอผู้เดียว รักเดียว
จะคิดหักใจให้ลืมเคยรัก
ลืมใจเคยภักดิ์ไม่รักเธอ
เลิกรัก เทียว ตัดใจรักไม่ขาด
ประหลาดจริงเจียว
ไยรักยึดเหนี่ยว รักจริงเจียว รักจริงใจ
ถ้าพี่รู้ว่าเธอนั้นมีเจ้าของ
จะไม่ปองซ้ำสองเป็นรองใคร
พี่มารู้โฉมตรู นั้นมีคู่ใจ
แล้วยังมาหลอกพี่ใย ให้หลงไหลละเมอ
พี่รู้สึกตัว ก็สุดจะฝืน
ถอนใจไม่ขึ้น รักแต่เธอ หลงแค่เธอ
ตกเป็นทาสสวาทใต้เบื้องบาทเธอ
ลุ่มหลงรักเก้อ เพราะรักเธอถึง ระทม
  
ถ้าพี่รู้ว่าเธอนั้นมีเจ้าของ
จะไม่ปองซ้ำสองเป็นรองใคร
พี่มารู้โฉมตรู นั้นมีคู่ใจ
แล้วยังมาหลอกพี่ใย ให้หลงไหลละเมอ
พี่รู้สึกตัว ก็สุดจะฝืน
ถอนใจไม่ขึ้น รักแต่เธอ หลงแต่เธอ
ตกเป็นทาสสวาทใต้เบื้องบาทเธอ
ลุ่มหลงรักเก้อ เพราะรักเธอถึง ระทม... 
 
				
22 กรกฎาคม 2552 11:42 น.

แด่เธอ..ดั่งดวงดอกไม้...ในสายใจ...!

พุด


พิเศษพิสุทธิ์
แด่..
น้องอนงนางค์
และ
น้องปรางทิพย์..ในสายใจของพี่พุดไพร
............................

ทิวาหวามรับขวัญเริ่มวันใหม่
ประโลมใจให้งามไปตามฝัน
ฝึกลมหายใจอยู่กับปัจจุบัน
อัศจรรย์พบว่างกระจ่างใจ

ไม่ปวดร้าวเศร้าหมองครรลองโลกย์
ที่หมุนโศกหมุนเศร้าหนาวแค่ไหน
รู้ประคองจิตงดงามท่ามเป็นไป
ไม่หวั่นไหวอดีตลับมิกลับคืน

เพราะคืนวันล่วงลาหาไม่แล้ว
ราวดอกแก้วร่วงพราวลงพรายพื้น
ชีพชนม์สั้นฝันมายาใช่ยาวยืน
เพียงหยิบยื่นไมตรีมีเมตตา

รักคือสิ่งงดงามท่ามโลกแล้ง
ประดุจแสงอาทิตย์ส่องสู่หล้า
เสมือนจันทร์ดวงงามบนนภา
ให้ไขว่คว้าสร้างสรรดีพลีแด่ชน...!
................................


พุดพัดชา...มีความสุขทุกวัน
ไม่ได้บอกดอกนะว่า..
ในเวิ้งวันนั้นจะไม่พบทุกข์
หาก..
ซึ้งกำซาบใจดีว่า
โลกนี้หมุนไปเป็นธรรมดาเช่นนั้นเอง
มีสุขย่อมมีทุกข์

จึ่งยอมรับได้
ในทุกอารมณ์ผัสสะ ที่มากระทบ
ไม่ว่ารานร้าวเศร้าหมองฤาสุขล้นปรี่
ใจดวงนี้มีเพียงประคับประคอง
ให้รู้ทันเท่าหนาวโลกย์อย่างเข้าใจ 

คนดี...
ชีวิตนี้คือนวนิยายคล้ายเช่นนั้น
ชีพประดุจดั่งฝันมิเสแสร้ง
บางบทมิใช่รับอยากแสดง
พรหมมิได้แกล้ง
สวรรค์มิได้ปิดจิตดวงเดิม  ...!

ชีวิตนี้...จึ่งคิดดีคิดให้ไมตรีรัก
หยาดน้ำค้างภักดิ์หยาดน้ำค้างใจ
หากจะกระซิบบอกภักดิ์รักบางใคร
นั่นหมายถึง...
ความเข้าใจ อยากให้ทุกดวงใจ
แลโลกโศกสุข..นี้
อย่างเห็นอกเห็นใจ
อภัยเมตตาอย่างไร้คำพิพากษากันและกัน
จง...
โอบเอื้อฝันปันดีพลีให้
เพราะ..
เมื่อสิ้นไร้ร่างแลลมหายใจ ..
จักไม่ได้กล่าวคำว่า..

*เสียใจ..เพราะสายเกิน...!!*


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song101.html
หยาดเพชร 

เปรียบ เธอเพชรงามน้ำหนึ่ง
หวาน ปานน้ำผึ้งเดือนห้า
หยาด เพชร เกล็ดแก้ว แวว ฟ้า
ร่วง มา จากฟ้า หรือไร
หยาด มาแล้วอย่าช้ำโศก
ปล่อย คนทั้งโลกร้องไห้
หยาด เพชร เกล็ด แก้ว ผ่อง ใส
นั้นอยู่ไกล เกิน ผูก พัน
แม้ ยามเพชรหยาดจากฟ้า
ร่วงลงมา ฟ้าคง ไหว หวั่น
ดวงดาวก็พลอยเศร้า โศก ศัลย์
มิอาจกลั้น น้ำตา อา ลัย
เอื้อม มือคว้าหยาดเพชรแก้ว
เผลอ รักแล้วจึงฝันใฝ่
หยาด เพชร หยาดละออง ผ่องใส
แม้นอยู่ใน ความ มืด มน

แม้ ยามเพชรหยาดจากฟ้า
ร่วงลงมา ฟ้าคง ไหวหวั่น
ดวงดาวก็พลอยเศร้า โศก ศัลย์
มิอาจกลั้น น้ำตา อา ลัย
เอื้อม มือคว้าหยาดเพชรแก้ว
เผลอ รักแล้วจึงฝันใฝ่
หยาด เพชร หยาดละออง ผ่อง ใส
แม้นอยู่ใน ความ มืด มน... 
 
 				
21 กรกฎาคม 2552 10:12 น.

ไยต้องพ้อ..รอ....สวรรค์...!

พุด


เช้าชื่นตื่นมาด้วยเสียงฝน
พร่างหยาดหล่นบนใบไม้ใกล้หน้าต่าง
หอมจำปีคลี่กลีบหวานในเรื่อราง
จิตกระจ่างรับอรุณละมุนละไม

เสียงนกเขาตัวเดิมยังขันคู
คงไร้คู่ครวญหาว่าอยู่ไหน
อยากกระซิบบอกไปว่าอยู่ในใจ
เจ้าจะร่ำไปไยใจรักจริง

วิมานดินวันนี้มีความรัก
มาทายทักมวลแมกไม้สรรพสิ่ง
รายรอบเรือนเงียบงามในความนิ่ง
เห็นก้านกิ่งดวงดอกแก้วในแวววัน

ยิ้มหวานหวานรับขวัญลืมรานโศก
วิบากโลกลาเลือนเสมือนฝัน
ทำสิ่งดีพลีให้เธอเอื้อโอบปัน
สร้างสวรรค์ ณ กลางใจไยต้องรอ...!
...........................................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3216.html
สวรรค์ปิด 

โอ้ยอดรักอย่าจากพี่ไป
โปรดอภัยที่ร้ายเธอก่อน
หากความรักอยู่นิรันดร
ห่วงอาวรณ์รักเธอไม่คลาย
สุดที่รักโปรดหวลคืนมา
โปรดคืนมาสร้างชีวิตใหม่
เรื่องที่แล้วโปรดคิดอภัย
อย่าห่างไกลคิดไปจากจร
เธอจากไปแสนไกลห่าง
สุดอ้างว้างและเดียวดาย
โอ้สวรรค์นั้นคงหน่าย
ชีวิตวายเมื่อเราจากกัน
เธอจากไปแสนไกลห่าง
สุดอ้างว้างและเดียวดาย
โอ้สวรรค์นั้นคงหน่าย
ชีวิตวายเมื่อเราจากกัน
  ดนตรี
เธอจากไปแสนไกลห่าง
สุดอ้างว้างและเดียวดาย
โอ้สวรรค์นั้นคงหน่าย
ชีวิตวายเมื่อเราจากกัน
เธอจากไปแสนไกลห่าง
สุดอ้างว้างและเดียวดาย
โอ้สวรรค์นั้นคงหน่าย
ชีวิตวายเมื่อเราจากกัน... 
 
  				
19 กรกฎาคม 2552 21:41 น.

ลีลาวดีผลิบาน...ให้รานเศร้าในรอยใจ...!

พุด

Pic+005.jpgpagePlumeria.jpgpink_plumeria.jpg
วันที่ฟ้าไร้เมฆฝน
ขับรถดั้นด้นสู่เส้นทางรกเรื้อ
เรือกสวนไร่นา
ที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเมืองกรุงสักเท่าไร
เห็น....
บัวบึงผลิดอกบานหวานแย้มตระการ
ให้ภู่ผึ้งภุมรินทร์
ชิดเชยชมคลึงเคล้าเคลียเกสรสราญ

นาข้าวไล่โทนสี
มีทั้งที่กำลังเขียวไพลเขียวขจี
บ้างก็ที่กำลังสุกปลั่งระย้าระยับ
สะท้อนวะวาววับ
รับ..
สายแสงแดดสีทองยามสุริยาฟ้าโพล้เพล้
โอละเห่ละช้ากับฟ้าแสนงาม
แล้ว...
นั่นดงตาลหวานว้าเหว่
เคียงข้างนาข้าวราวคู่ขวัญคู่ใจก็มิปาน


ในรอนแสงตะวันลา
เห็นวิถีไทวิถีทุ่งยังรุ่งงาม
ท่ามแสงอุษาวันอันแสนเงียบงัน
ได้อารมณ์อันดื่มด่ำล้ำลึก
รู้สึก..
แสนซาบซึ้งกับรอยไถ
มาตรแม้นแปรไปมิหวนคืน

ไร้คนกับควาย
ไร้นากับเกวียน
ไร้เคียวเกี่ยวเก็บ
จนเหน็บหนาวยามนึก
แต่กระนั้น...
ก็ยังพาให้กมลดวงดินดวงเดิม
ย้อนรำลึกคิดคืนหลังกลับไป
ใน..
สมัยสุโขทัย
แล..
กรุงศรีอยุธยายังเป็นราชธานี

ยามที่..
สายใจเจ้าพระยายังงามใสไหล
ระรินระรินล่องให้ว่องว่ายราวขวัญเรียม

แผ่นดินแม่มาตุภูมิ
อันกว้างไกลไพศาลแสนอุดม
ดั่งคำที่ว่า..
ในน้ำมีปลาในนายังมีข้าวกล้าให้แลละลิบ
ประดุจพืชพันธุ์ทิพย์ฟ้าประทาน
หว่านหวัง..
ให้ลูกหลานไทยยังได้มีกินอิ่มท้อง...
มิพักต้องพึ่งวัวควายเหล็กที่ต้องจ่ายเจ็บ
ด้วยค่าน้ำมันราคาแพง..แสน..

วิถีไทที่เช้าขึ้นมา...
สาวนาใส่งอบบังหน้านวลลงนาลงสวน
เพื่อทำกินมิสิ้นแรงเพียร
รู้อยู่อย่างสมถะพอเพียง
และมีเพียงความงามสงบในวิถีไพร
ดำรงตนอยุ่ในการรู้พึ่งพาพึ่งพิง
โอบเอื้อเมตตากรุณากันฉันท์พี่น้อง

ชีวิตที่แสนสุขไกลจากโลกแสงสี
มีเพียงดนตรีธรรมชาติ
ยามเข้าไต้เข้าไฟ
พร้อมหน้าแม่พ่อล้อมวงกินข้าว 
อาหารพื้นบ้านอันเป็นวงจรธรรมชาติ
แสนสะอาดปราศจากสารพิษ


แล้ว...ก่อนนอน
เล่านิทานหิ่งห้อยให้ลูกหลานฟัง  
ก่อนเอนหลังฟังเสียงหรีดหริ่งเรไรกบเขียด
ขันก้องประลองเสียงราวเถียงกัน
แล้ว..
นิทราฝันไป..
ใต้พรายแสงดาวพราวเพ็ญดวง    
เพื่อ..
รอรุ่งวันอันแสนเป็นชีวีที่แสนเรียบง่าย
ได้ชิดใกล้ธรรมะ ธรรมชาติ
ด้วยดวงใจใสพิสุทธิ์สะอาด
อย่างหาใดเทียม

และ..
นั่นคือความรู้สึกในนาทีที่หัวใจได้สัมผัส
จนต้องติดปีกใจปีกฝันอันอิสรา
เพื่อย้อนเวลา....
คืนสู่อดีตอันซึ้งค่าในสายใจ
....................


จากนาข้าว...
ลึกเข้าไปคือ..*สวนลีลาวดี*
ฤาที่ชื่อว่าดวงดอกลั่นทม
ทีมีมากมายนับหลายพันต้น
ออกดอกดวงผลิพราว
หลากสีสัน
หลากเศร้า
อวลเคล้ามากับสายลม
ให้ดอมดมพรมจูบด้วยรัก
และ...
รู้สึกหลงรักอย่างยากจะถอนใจ
ในงามน่าหลงใหลแห่งมนตรามหาเสน่ห์
ในดวงดอกอันอ่อนหวานอ่อนโยน
พาให้..คิดถึง..
คราคราวที่ก้าวย่าง
ไปในพระบรมมหาราชวัง
และ...
หลังจากนั้นได้
แรงฝันบันดาลใจเพียรพลีรจนา
เรื่องราว
ชื่อว่า...
*ลีลาวดีมณีรุ้ง*
ที่..ใคร่..
ขอฝากไว้ให้จรุงในอ้อมใจ ทุกดวงใจ
ณ บัดนี้ อีกคราครั้ง
เพื่อพบพลังแห่งความรักชาติรักแผ่นดิน
มิรู้สิ้นตราบวันลา....!
................................

ลีลาวดีมณีรุ้ง!


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song100.html
(แต่ปางก่อน)
......................

ตะวันแก้วดวงทุยติมณี
กำลังทอดวงเรี่ยต่ำระดับแมกไม้
เหนือ..
เจ้าพระยาและพระบรมมหาราชวัง
ในยามย่ำสนธยา...


ให้ทุกจิตใส..ใจดวงงาม
ตกอยู่ในภวังค์เศร้าแสนเศร้า..
สุขแสนสงบสุข

กลิ่นลั่นทมพร่างไสวรายเรียงริมทาง
ใกล้ทางศิลามณีทอด
สู่พิมานสถานสรวงพระบรมมหาราชวัง
ที่...
สึกกร่อนผ่านร้อนหนาวยาวนาน
มาหลายรัชสมัยยังดำรงรอรับ
ทุกร่างที่ย่างกรายมาเยือน..รอย
ราวกับ..กำลัง
จะคอยสอนสัจจะใจในทุกย่างก้าวไทย..ไท
แล..
ใจทุกดวง
ที่ยังรักยังหวงแหนในผืนแผ่นดิน.. 
ให้แสนถวิลเทวษ
แกมภาคภูมิปิติในทุกอดีตอันหอมงาม
ที่ล่วงลาเลยลับ...ยามอยากย้อนคืน


แผ่นศิลา..
ทุกๆก้อนกร่อน
บอกความหนักแน่นมั่นคงตรงมั่นมิหวั่นไหว
ต่อทุกรอยเท้าไทย
ให้..
หยัดยืนเต็มร่าง
อย่างสมค่าคน
บนแผ่นดินไทแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง
ณ..ที่แห่งนี้..ที่เราเรียกว่าไทยไท..


ที่มีอิสรา...ในทุกธุลีหล้า
และ
ฝากความงามล้ำค่าในยามเรืองรุ่ง
ในทุกรัชสมัยอันไสวไพจิตรพิลาสนิรมิต
ดั่งเมืองแก้วเมืองขวัญ
ราวสวรรค์ลอยมาเยือน
ด้วยความสงบสุขมาอย่างนานช้า...


สมกับคำเสียสละ
ที่บรรพบุรุษ
ได้หลั่งเลือดชะโลมหล้าทาพสุธาทอง
เพื่อปกบ้านป้องเมืองจากอริราชศัตรู
ไว้ให้ลูกหลานไทย
ที่
ยังมีเลือดเนื้อกตัญญุตาในหัวใจ
ได้จำจดความงดงามนาม
ความหาญกล้าที่แสนยิ่งใหญ่
ให้มีไทยไทมาถึงทุกวันนี้


ต้นลั่นทมสีชมพู ขาว เหลือง ....
สูงตระหง่านหวานปนโศก
ปลิดใบทิ้ง
เหลือเพียงลำต้นแกร่งพร้อมก้านกิ่ง
ที่ไสวพวงรวงร้อยพร้อยพราว
เต็มไปด้วยดวงดอกดอกละมุนเศร้าหอม
เหนือพะยอมใด...ในทรงจำ
อัน..
ย้ำความสะท้อน
ย้อนสะเทือนระทมได้ถมทับทวี...


ผู้หญิงร่างเสลาสล้างบอบบาง
ในชุดผ้าซิ่นไหมทองผ่องผุดพิสุทธิ์พราย
รัดร่างอันสล้างกลมกลึง
กับเสื้อแพรไหมเผยไหล่ล้ำ
ห่มสไบสีทองพันพรางทบ
จนดูแปลกตากว่าใครในละแวก


และ
แสนแผกพิศพิเศษพิสุทธิ์
ผุดพรายละออริมเรียวแก้มซูบซีดนั้น
คือ..
เธอคนงามทัดดวงดอกลั่นทม
สามสีสามดอกหยอกเย้าวงหน้าละมุนนวล
ให้ยิ่ง..
รานหวานโศก
ราวจะหยุดโลก
ให้หันมาสัมผัสวิโยคงามแสนงาม
ยามสัมผัสผ่านพบ..


เธอมุ่นทบเกลียวผมตลบสูง
เผยต้นคอระเหิดระหงชวนให้หลงใหล
และ..
ยามเธอค่อยๆเคลื่อนไหว
เยื้องย่างอย่างช้าช้า
ในสายแสงตะวันลาสีทอง..
ยิ่งชวน..
ให้ผ่องพิศสะดุดตาสะดุดใจ
ในเหว่ว้าเงียบงามนิ่งงันราวโลกฝัน
ในอดีตสมัยสี่แผ่นดินย้อนหวนคืนกลับมา


ให้เต็มตื้นในวิญญาญ์
เต็มนัยน์ตาท้น
แทบล้นละหลั่งหยาดน้ำตา
สำหรับผู้มีดวงตาที่สาม
ยาม
ได้แลพบร่างงาม
ในท่ามกลางสถานที่แห่งนี้
ที่คือ..
ความมลังเมลืองเรืองรุ่งเป็นอมตะ
ที่ตราไว้ในทุกดวงจิตถวิลรัก
ในเงื้อมงามเงาอดีตขวัญ
วันแห่งความตระการ
ปานประหนึ่งแดนทิพยสถานมณีรุ้ง

ดั่งนามงามแสนงาม..

*กรุงเทพมหานคร
อมรรัตนโกสินทร์มหินทรายุ- ธยา
มหาดิลกภพนพรัตน์ราชธานี
บุรีรมย์อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน 
อมรพิมานอวตารสถิต 
สักกะทัตติยะวิษณุกรรม- ประสิทธิ์ *
.............................................


เธอ...คนดี..
พลีหยาดน้ำตา
รินหลั่งรดหยดบนพื้นพสุธา
ด้วย
ความสำนึกลึกล้น
ด้วยความปิติเกษมเศร้าแสนเศร้า
ที่ยากยิ่งอธิบายพรายเงาซึ้งตรึง
ในก้นบึ้งแห่งงามดวงใจใครเล่ารู้นี้


ณ..ยามนี้..ยามเย็นย่ำสนธยา
กับ..
ทิวากรรอนแสงราวร่ำลาฟ้าดิน
ให้ดวงหฤทัยถวิลล้ำลึก
รู้สึกถึงค่ากาลเวลา
และ
อดีตลาเลือนลอยลับ
ราวหวนกลับมา
ให้เธอทิ้งวิญญาณ์ดายเดียวรำลึก
ราวอยู่...
ผู้เดียวเปลี่ยวเปล่า
ในโลกเหงาแสนเหงาเงียบงามร้างไร้...ลำพัง...!


ในท่ามกลาง...
พลังแห่งหอมห้อม
ล้อมหัวใจเหว่ว้า..ในภวังค์ฝัน
ให้เธอ
ทอดตานิ่งงันใต้ลั่นทมอันสะพรั่งพราว.....

 
เสียงมโหรีแว่วหวาน
แกมเศร้าราวเสภาโศกวัน
วิปโยคที่เธอเคยมาณ.ที่นี่

วันที่...
*ตะวันในดวงใจไทยทั้งดวง*
ลาล่วงสู่แดนทิพย์สถิตนิรพาน
แดนว่างงามตราบชั่วนิจนิรันดร์

วันที่
*แม่ฟ้าหลวง*
แห่งปวงชนชาวไทยสวรรคาลัย
ไปสู่แดนแก้วแพร้วเพริศพรรณราย..
*แดนดินแห่งขวัญนิรันดร์รัก*
..............


และแสนแปลกดีที่
เธอ..คนดี..
ได้ยินบทเห่เรือราวหวานแว่วแผ่ว
ทรงพลังจากลำนำลำน้ำเจ้าพระยา
ราวครวญคร่ำ...
ผ่าน...
ฟากฟ้ากว้าง
มาเยือนเรือนทิพย์เรือนใจ
ให้ไหวครวญให้ยิ่งเหว่ว้าอ้างว้างว่างใจ..
ในวันนี้นาทีนั้น...
ราว
นิรันดร์โศกโลกหยุดหมุนไปตราบชั่วกาล...!


ให้..
หยาดน้ำตาเธอยิ่งพร่างริน..มิสิ้นสาย..!
สุดถวิลเทวษโสมนัสปิติ
อย่างยากที่จะรำพึงรำพัน..
พร้อมกันกับ
ดวงดอกลั่นทม..แสนหอมงาม...
พลัน
พลี...
ปลิดปลิว....ปลิดปลิว...... 
ลิ่วลอย....ค่อย..ค่อย...
ร่วง...รายพรายพรมห่มร่างรานหวานเศร้า..
ราวปลอบประโลม..
อย่างเงียบงามดายเดียว....ดายเดียว...!
...........................


บทชมเรือกระบวน

ลอยลำงามสง่าแม้น         มณีสวรรค์ 
หยาดโพยมเพียงหยัน     ยิ่งฟ้า 
เหมราชผาดผายผัน        โผนเผ่น นภาฤา 
พายพะแพรวพายถ้า       ถี่พร้อมผันผยอง


บทบุญกฐิน

ผดุงธรรมเผด็จทุกข์ทั้ง     แผ่นผไท 
บังบาปเบิกบุญใบ             บ่มสร้าง 
หกรอบนักษัตรสมัย          โสมนัส 
เชิญเทพชุมชเยศอ้าง        อรรถพร้องพรถวาย
..........

บทชมเมือง

สยามเอยอุโมษครื้น      คุณขจร 
สุขสถิตสถาพร              ผ่านฟ้า 
ไตรรงค์ลิ่วลมสลอน      อวดโลก 
ตราบเมื่อนี้เมื่อหน้า       มื่อโน้นนิรันดร์เกษม


บทสรรเสริญพระบารมี

....วังทิพย์คือท้องทุ่ง           ม่านงามรุ้งคือเขาเขิน 
ร้อนหนาวในราวเนิน         มาโลมไล้ต่างรสสุคนธ์ 
   ย่างพระบาทที่ยาตรา       ยาวรอบหล้าฟ้าสากล 
พระเสโทที่ถั่งทน               ถ้าใหลรวมคงท่วมไทย



ขอจงทรงพระเจริญ            พระชนมเกินร้อยปีปลาย 
อาพาธพินาศหาย                ผองพาลพ่ายแพ้บุญใบ 
จงเสวยสวัสดิ์                     พูนพิพัฒน์ปราบมารภัย 
ผ่องแผ้วพระหฤทัย             ทุกทิพาราตรีกาล 
พระประสงค์ทุกสิ่งเสร็จ       แม้สรรเพชญพระโพธิญาณ 
ดำรงรัชย์ชัชวาล                  ดั่งเสียงสวรรค์นิรันดร์เทอญ
....................................................................


18-4.jpgleelawadee03.jpgbelle-vista001.jpg7223-1.jpg1236908234.jpg1207843053.jpg				
19 กรกฎาคม 2552 17:06 น.

สายรุ้ง...มิสิ้น...สลาย...!

พุด


เพรงบุพเพพาให้เรามาพบ
อย่าให้จบจากเจ็บจนเหน็บหนาว
กว่าจะไขว่คว้าขวัญร้อยเรื่องราว
ที่งามพราวราวสายรุ้งประดับใจ

เพราะกุศลเราสองเสมอเสมือน
รักคืนเรือนแต่ปางก่อนฤาไฉน
ให้สนิทชิดใกล้มิพรากไกล
หลอมฤทัยคงมั่นสวรรค์รอ

กุมมือกันฝ่าดั้นสู่แดนทิพย์
แดนนิมิตกราบกรานอธิษฐานขอ
พระพุทธองค์ทรงดำเนินล่วงไปรอ
เพียรให้พอมิท้อแท้มิแพ้ใจ

วันและคืนตื่นรู้ดั่งพุทธะ
เรียนสัจจะจากทุกข์มิหวั่นไหว
พบทางทองล่องเรือธรรมนำทางไป
สู่แดนไสวเกษมสุขตราบนิรันดร์....!
.....................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4423.html
เรือใบบนสายรุ้ง ใหม่ เจริญปุระ 

ฉันรู้ว่าเธออยู่ไหน
รู้ว่าเธออยู่ไกล
รู้ว่าเธอจะรอ อยู่ตรงปลายสายรุ้ง
ฉันต้องข้ามไป
ด้วยเรือใบสักลำ กับพลังของฉัน
และด้วยลมแห่งรัก กับวิญญาณของฉัน
แม้ว่าเธอจะไกลสักเพียงใด
ฉันก็จะไป ไปหากัน
เรือใบบนสายรุ้ง
จงนำความรักไป
มีคนที่รักฉัน
เขาจะคอยอยู่
คอยฉันด้วยหัวใจ
ประกายแห่งสายรุ้ง
นำทางให้ฉันที
ไปเจอความรักแท้ ที่ตรงปลายทาง
เจอใจที่ดีดี

แม้จะมีแต่ฉัน
อยู่บนความเวิ้งว้าง
แม้จะไปอีกไกล
แต่ไม่เคยอ้างว้าง
เพราะว่ามีจุดหมายอยู่ในใจ
ไม่ท้อไม่ลังเล ไม่หลงทาง
เรือใบบนสายรุ้ง
จงนำความรักไป
มีคนที่รักฉัน
เขาจะคอยอยู่
คอยฉันด้วยหัวใจ
ประกายแห่งสายรุ้ง
นำทางให้ฉันที
ไปเจอความรักแท้ ที่ตรงปลายทาง
เจอคนที่แสนดี
ดวงตะวันยังทอ สายรุ้งเรืองรอง
วางบนละอองสายฝน
เรือจะลอยลำไป
ในท้องฟ้าเบื้องบน
ค้นหารักที่แท้จริง
จะไม่มีวันใด ที่สายรุ้งเลือนลาง
ในการเดินทางครั้งนี้
ลมแห่งรักรุนแรง
อยู่ทุกวินาที
รู้ ว่าฉันจะมีเธอ

ฉันรู้ว่าเธออยู่ไหน
รู้ว่าเธออยู่ไกล
รู้ว่าเธอจะรอ อยู่ตรงปลายสายรุ้ง
ฉันต้องข้ามไป
แหละฉันจะเจอเธอ... 
 
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด