ฉันมีเรือบุญอยู่ลำหนึ่ง เรือลำซึ่งจะพาข้ามสู่ฝั่งฝัน เรือธรรมเรือทองล่องสู่แดนนิรันดร์ เพียรประคองรักษ์เรือลำนั้นก่อนสายเกิน เรือที่รวมชีวิตจิตวิญญาณ ให้ข้ามผ่านพ้นทุกข์สุขสรรเสริญ มิหลงมั่นมายาคำยอเยิร มิหลงเพลินกิเลสโลกย์โศกลวงลวง เรือลำนี้มีไว้แค่ใช้ข้าม มิใช่งามประดับหรูฤาห่วงหวง ในเส้นทางธารน้ำตาบ่าล้นทรวง ให้พาล่วงลอยเหนือโศกพบโลกทิพย์ คือเรือบุญในดวงจิตสถิตรู้ นำทางสู่นิพพานหวังสถิต ดั่งหางเสือนำทางธรรมนำชีวิต ตราบชั่วนิจนิรันดร์...ขวัญพร้อมพลี.....!
วันสุดโศกโลกสอนสัจจธรรม เกินจะร่ำบอกใครในใจขวัญ ทุกข์ยิ่งใหญ่หากรู้ทำใจนิ่งเงียบงัน ผ่านพ้นวันสะเทือน..รู้เตือนใจ เกิดดับนับเนื่องพันธนา เพรงพรหมชะตาเสมือน ธรรมดาพรากจากลาเลือน คือเพื่อนมนุษย์นิรันดร์ ใครเล่าหนีพ้นวัฏฏเจ็บจาก วิบากรอกุศลสู่สวรรค์ เสบียงบุญสะสมทุกวัน อนันต์ค่าอัญมณีภายใน สิ้นลมไฟธาตุแตกดับ คืนกลับสู่ดินมิไปไหน คืนสู่ธรรมชาติหนึ่งเดียวนะดวงใจ วันมิไกลทำความดี..พลีแด่โลก..กตเวทิตาคุณ..!
สุริยาแย้มแต้มโลกหล้าอีกคราแล้ว ดวงดอกแก้วได้ฝนก็หล่นหอม รายรอบวิมานดินได้ดมดอม ไพรพะยอมยามนี้พร้อมพลีบาน อรุณสิริรับขวัญแด่ทุกมวลมนุษย์ สอนพิสุทธิ์ธรรมชาติวาดวนหวาน มีสุขทุกข์หนาวร้อนฤดีฤดูกาล รู้พ้นผ่านดับโศกวิปโยคมายา รู้สึกตัวทั่วพร้อมน้อมใจรับ มิหลงติดกับบ่วงรักเล่ห์เสน่หา ค่อยแกะออกจากสุขลวงหวงพันธนา ดินและฟ้าเมตตาภาวนาชีวี อธิษฐานให้จิตพร่างกระจ่างแจ่ม ดั่งบัวแย้มรับแสงทองส่องชีพนี้ รักใดไหนเล่าจะบริสุทธิ์เท่าธรรมประดับชีวี คือบุญรัศมีที่นำทางสว่าง..ว่าง...นิรันดร์..!
พลีดอกไม้หอมหอมจากอ้อมฝัน มากำนัลแด่คนดีนะที่รัก ความสุขใดไหนเล่าเท่าความภักดิ์ คือมหัศจรรย์รักแท้ตราบนิรันดร์ เมตตาเอื้อโอบแบ่งปัน ผ่านคืนวันพิสูจน์เคียงคู่ขวัญ อย่าน้อยใจใครไม่เห็นความสำคัญ จงตั้งมั่นสวรรค์มีตาฟ้าเปิดใจ ในเส้นทางร้างไร้หมายเคียงข้าง มิอ้างว้างสู่ทางธรรมอันไสว เกาะเกี่ยวกันสู่นิพพานฝันแม้นแสนไกล อธิษฐานใจต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์นิมิตธรรม ให้จิตต่อยอดบุญสร้างทุนทิพย์ คอยจารจิบเพาะบ่มเพียรอบร่ำ คิดดีพูดดีทำดีพลีน้อมนำ พรสัจจธรรมจากใจดวงนี้อัญมณี...ไพร! .................. ...................... แสงเทียน.ส่องจิตพร่างสู่ลานสรวง http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6194.html http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song420.html คืนนี้... จันทร์ครึ่งดวงพอกันกับใจดวง..ครึ่งเดียวดายเดียว ราวเสี้ยวจันทร์แรม ดวงเดินออกไปดูจันทร์ดวงงาม ทอดแสงผ่านใบระยิบของต้นก้ามปูและจามจุรีที่สูงใหญ่ ใบงามพร่างกระจ่างท่ามกลางแสงจันทร์ทอทอดลอดโลมไล้ แม้จะหยาดสายหวานเพียงครึ่งเดียวตามเรียวจันทร์แรม และกับ ใจดวง ดวงดายเดียวที่เหลือเพียงครึ่งเดียวพอกัน พลันนอนหลับตาฝันฝันบนเตียงโบราณและฟังเพลงนี้ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song169.html เพราะขอบฟ้ากว้าง กุ้ง กิตติคุณ เธียรสงค์ ป่านนี้แก้วตา นิจจาคอยพี่ โอ้ป่านฉะนี้ คนดีคงทุกข์โศกตรม คิดถึงคืนวัน ที่สองเรานั้นรื่นรมย์ ต่างชื่น ต่างชม ภิรมย์รักกันมา บัดนี้พี่ยัง รักเธอไม่หน่าย สู้อยู่เดียวดาย ไม่คลายความรักแก้วตา รสรักยังตรึง ซาบซึ้งแน่นดวงวิญญา ขอเพียงแก้วตา สัญญาไม่เปลี่ยนใจ แต่เรานี้ต้องอยู่ห่างกัน ต่างคนต่างฝัน ต่างคนตื้นตันทรวงใน เห็นดารา นึกว่าเนตรน้อง พี่หลงพี่จ้อง มองไป เห็นเงากิ่งไทร พี่ยังเคลิ้มไป ว่ากานดา อยู่ฟ้าเดียวกัน พระจันทร์ดวงหนึ่ง แปลกใจสุดซึ้ง ไยจึงไกลน้องหนักหนา ฟ้านี้ไกลไป ไม่เหมือนดังใจเสน่หา อยากใกล้กานดา อยากให้ขอบฟ้า แคบแคบเอย อยู่ฟ้าเดียวกัน พระจันทร์ดวงหนึ่ง แปลกใจสุดซึ้ง ไยจึงไกลน้องหนักหนา ฟ้านี้ไกลไป ไม่เหมือนดังใจเสน่หา อยากใกล้กานดา อยากให้ขอบฟ้า แคบแคบเอย.... ...................... เลยอยากอดอ้อนฝากใจฝากจันทร์ พาตัวเองออกไปฝันพลี ภายใต้เรียวแสงแห่งจันทร์แรมนี้ ที่ก็ยังหว่านหวาน ให้ม่านเมฆและสายลมพร่างพัดผ่าน คำซึ้งๆตรึงใจไปกระซิบฝากหมอน หวังยามเธอคนดีคนไกลหลับตานอนหนุนให้คะนึงหา จันทร์เอ๋ยจันทร์งาม ช่างทรงพลัง....ให้มนุษย์ฝันไกลได้ฝากใจได้แบ่งปัน และได้โอบเอื้อฝันให้กับผู้คนบนพสุธา ได้รับความงามอันแสนหวานเย็นยามราตรี แทนฤดีที่เร่าร้อนแรงราวแสงตะวันในยามทิวาวัน ดวงเดินทองน่องช้าช้า...ช้าช้า.. แหงนเงยแลฟ้าและหมู่ดาว และเฝ้าหวังว่าคนไกลที่ดวงแสนรักเอยแสนรักในกมลนั้น จะไม่ลืมคำมั่าสัญญาระหว่างเรา..ระหว่างไกล วันนี้..ดวงรู้สึกสุขสงบมาก ในยามบ่ายใกล้ตะวันโพล้เพล้ ดวงได้นอนดูกระรอกน้อยค่อยๆป่ายปีนต้นมะม่วง และเฝ้าเอาใจช่วยยามกระโดดวับ จับเกาะกิ่งแก้วอย่างคล่องแคล่วว่องไว ดูใบไม้ยักษ์พลูด่างแล้วหลับตา ว่าดวงกำลังอยู่ในป่าอัฟริกา..หรือพงไพรที่ไหนสักแห่ง ที่แสนเงียบสงบงาม.. เพราะ หันไปทางไหนก็มีแต่...ใบไม้พร่างพรายระยิบตา รับนวลแสงสีทองส่องให้เกิดประกายพราวพร่าง ดูนั่นซี.. สไบไพลใบตองอ่อน กำลังร่ายฟ้อนอ้อนสายแสงงาม ราวสไบนางฟ้าที่มาลีลาซัดส่ายไหว ราวสไบแพรไหมใบไม้รอห่มร่าง ให้นางนวลนางไม้ได้หอมห่มบ่มงาม และ.. ดวง...ในท่ามกลางกองหนังสือมากมายหลายเล่ม ที่กองไว้ยังไม่มีเวลาอ่าน เริ่มค่อยๆพลิกอ่านเล่มแรก *เมื่อหมอเป็นมะเร็งภาค2 ยุทธศาสตร์สุดท้ายในการต่อสู้กับมะเร็งพิมพ์ครั้งที่สี่แล้ว ของศาสตราจารย์ นายแพทย์ ม.ร.ว ธันยโสภาคย์ เกษมสันต์ ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้จาการศึกษาและทดลอง โดยใช้ชีวิตของท่านเองเป็นเดิมพัน และนาทีนี้ ดวงขอกราบคารวะแด่ดวงวิญญาณ อันแสนงดงามตราบจนนาทีสุดท้ายแห่งชีวิตของท่าน ผุ้สร้างคุโณปการแด่เพื่อนมนุษย์ ผู้ยังว่ายวนในวัฎฎอนิจจังสังขาร และมิพานพบคำว่าสัจจธรรมแห่งชีวิต อันหาความเที่ยงแท้แน่นอนหาได้ไม่ ให้ได้ตระหนักรำลึกรู้ ถึงนาทีชีวิตทุกนาทีว่าแสนมีค่า อย่าได้ปล่อยวันเวลาให้เปล่าเปลืองประโยชน์ หายใจไปวันวัน รอจนกว่าร่างนั้นใกล้สลายลาลับปราณแตกดับ ถึงคิดทำความดี เพราะบางทียามนั้นก็สายเกินไป ท่านเป็นผู้เพียรสร้างกุศลจิตมาตลอดชีวิต และตราบจนถึงนาทีสุดท้าย และยามร่างท่านมลายอินทรีย์หายไปจากโลกนี้ ท่านก็ยังฝากคำสอนใจในหนังสือ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ไว้สอนใจ ด้วยดวงใจคารวะ และด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปิติใจ ถึงนวลเนื้อใจของท่านผู้เป็นสุภาพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่แห่งผืนดิน หนึ่งในหกสิบล้านราวฮีโร่ในดวงใจดวง ดวงเพียงน้อมพลีขออนุญาตินำบางส่วนมาน้อมนำใจ ถ่ายทอดความปิติใจความงามความดีของปูชนียบุคคล ผู้กล้าผจญกับโรคร้ายอย่างมีสติ อย่างกล้าหาญ อย่างมีอารมณ์ขัน อย่างผู้ถึงพร้อมคำว่าตายก่อนตาย ให้ความงดงาม..ความดีแห่งชีวิตหนึ่งนี้ ได้เผยแพร่เป็นบทเรียนเป็นดั่งวิทยาทาน แด่ทุกดวงใจที่ได้อ่านผ่านตานะนาทีนี้ และ แด่ผู้ป่วยมะเร็งหัวใจ ที่กัดกร่อนให้น้ำนวลในหัวใจแล้งไร้คล้ายทะเลทรายก็มิปาน และ ที่ยังไม่ป่วยให้เข้าใจถึงคำว่าชีวิตยิ่งขึ้น และ จะหยิบยกคำนำจากสำนักพิมพ์ที่ท่านได้กล่าวไว้ดังนี้ *ถึงตอนนี้ผมคิดว่า ผมพบสัจธรรมในการรักษามะเร็ง แล้วละ ผมสนุกมากับการเป็นมะเร็งครั้งนี้ เมื่อก่อนก็สนุกกับการร้องเพลงคาราโอเกะ สนุกกับการเล่นปิงปองกับหลานๆ สนุกกับการอ่านหนังสือ แต่การเป็นมะเร็งเป็นความสนุกที่สุดในชีวิต* *ธันย์ โสภาคย์ *สรุปเอาไว้เช่นนี้ หลังการผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่ *ธันย์ โสภาคย์* เขียนเล่าเส้นทางในการต่อสู้กับมะเร็งตลอดมา ในนิตยสารชีวจิต เรื่องชุดแรกรวมเล่มและตีพิมพ์ไปแล้วในชื่อ *เมื่อหมอเป็นมะเร็ง* และต่อด้วย*ยุทธศาสตร์สุดท้ายในการต่อสู้กับมะเร็ง* ซึ่งตีพิมพ์เป็นภาคสอง เล่มนี้ที่ดวงนำมาแนะนำ หลังจากที่พบว่ามะเร็งลุกลามไปที่ตับ *ธันย์ โสภาคย์* ใช้เวลาหลังการผ่าตัดร่วมสองปี ในการเรียนรู้เรื่องมะเร็ง เอาตัวเองเข้าทดลอง ทั้งการแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์แผนทางเลือก ทำกงานหนักยิ่ง ทั้งเดินสายบรรยาย เขียนหนังสือ รักษาคนไข้ โดยเฉพาะคนไข้มะเร็ง และยังใช้เวลาที่เหลือหาความสุขให้ตนเอง ทั้งเดินทางท่องเที่ยว วิ่งมาราธอน ขี่จักรยานเสือภูเขา .. เป็นหมอ เป็นอาจารย์ ศึกษาและเขียนหนังสือเล่มนี้ให้เป็นคู่มือ ของคนที่ต่อสู้กับมะเร็ง อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง สรุปถึง*ธันย์ โสภาคย์* ว่า *ความเป็นหมอ เป็นครู ความเป็นนักวิทยาศาสตร์ ความกล้าหาญและความเสียสละของอาจารย์นั้น ยิ่งใหญ่เหลือเกินในโลกแคบๆของวงการแพทย์สมัยนี้* ดั่งที่ดวงจะยกบางประโยค มาน้อมนำใจให้ทุกดวงใจได้ปันแบ่งนะบัดนี้ จากตอนหนึ่งในหลายสิบตอน ที่หวังว่าจะก่อเกื้อให้เกิดประโยชน์ ในทางด้านจิตวิญญาณ มาน้อมนำทางให้สว่างกระจ่างใจ เป็นบทเรียนสอนใจที่ยิ่งใหญ่ ให้เราทุกดวงใจได้คิดใฝ่ดี มิยอมก้มหัวให้โชคชะตายอมแพ้พ่ายต่ออุปสรรคใดใด และ อย่าได้ผลัดวันประกันพรุ่ง ที่จะเพียรสร้างนวลเนื้อหอมงามใจ ทำความดีให้กับผู้อันเป็นที่รัก และแด่เพื่อนมนุษย์ ก่อนที่จะสายเกิน จากหนึ่งในหลายๆตอน ที่น่าอ่านแบบสอดแทรกอารมณ์ขัน ....................... *ฑูตสวรรค์* จากฝืมือรจนาของนักเขียนผู้วายชนม์ ผู้เพียรพลีจิตอันแสนกระจ่างพร่างพราว ราวสายแสงเพชร มาส่องสว่างนำทางใจให้กับเพื่อนมนุษย์ ผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ผลงานงามอันแสนเลอล้ำค่าทางการแพทย์ และจิตวิญญาณผู้ให้ ผู้มิยอมแพ้ ผู้แสนหาญกล้า อันเปรียบประดุจดั่งอัญมณีใจ ที่แสนงามแสนยิ่งใหญ่เป็นยิ่งนักแล้ว ในดวงใจดวงน้อยน้อยดวงนี้ ที่จะขอพลีคารวะ น้อมนำมาฝากทุกสายตาทุกดวงใจ นะบัดนี้ค่ะ *ด้วยความไม่ประมาท ฉันสำนึกนึกเสมอว่า ตนเองอยู่ไม่ไกลจากความตายมากนัก เสมือนไม้ใกล้ฝั่ง สำหรับคนที่มีมะเร็งแฝงอยู่ทั้งในตับและปอดในขณะนี้ ฉันเกิดความคิดทีเล่นทีจริงว่า น่าจะสำรองอาศรมบนสวรรค์ไว้สักหลังหนึ่งได้แล้ว ฉันจึงเริ่มติดต่อกับฑูตสวรรค์ทางจิตวิญญาณดู ไม่รู้ว่าสายการสื่อสารจะว่างบ้างตอนไหน เพราะเท่าที่ทราบข่าวสารทั่วโลกวันนี้ มีคนตายมากมายเหลือเกิน ทั้งแผ่นดินไหวที่เมืองจีน ตุรกี กรีซ ไต้หวัน ทั้งน้ำท่วม พายุเฮอริเคนในอเมริกา เครื่องบินชนกันกลางอากาศ เครื่องบินชนคอนโดมีเนียม และ เครื่องบินตกด้วยเหตุต่างๆ กว่าสิบเครื่องในเวลาใกล้เคียงกัน โรงงานอบลำไยที่สันป่าตองเชียงใหม่ มีสารโพแทสเซี่ยมระเบิด พาคนตายไปหลายสิบคน หมอดูหลายท่านทำนายไว้ก่อนแล้วว่า จะมีอุบัติภัยร้ายๆที่มากับY2K เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วสวรรค์จะว่างหรือเปล่าก็ไม่รู้ ต่อไปนี้เป็นการสนทนาโต้ตอบทางโทรศัพท์ทางไกล ระหว่างเลขาฯของฉันกับเทวฑูต ผู้เป็นเลขาฯของแดนสุขาวดี ตามที่จิตวิญญาณของฉันรับทราบ *ฮัลโหล ที่นี่ที่ไหนคะ* เลขาฯของฉันถาม *โยมเอ๋ย ที่นั่นมันก็บ้านเธอนะซี แต่ที่นี่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์นะจ๊ะ* เสียงจากสวรรค์มีกังวานน่าทึ่ง *มีธุระอะไรมิทราบ* *อ๋อ ดี ชั้นต้องการสำรองอาศรมให้เจ้านายสักหลังหนึ่งนะค้า *อ้อ แล้วเจ้านายของโยมพร้อมจะมาเมื่อไร อาตมาจะได้ส่งจานบินไปรับ *ก็คงเร็วๆนี้แหละค้า เพราะที่กรุงเทพฯ เขาออกข่าวไปแล้วว่าเจ้านายของดีชั้นได้ตายไปแล้ว นายท่านจึงไม่อยากให้พวกนั้นผิดหวัง* *เร็วๆนี้คงไม่ได้หรอกหนู เอ๊ย โยม.. เพราะอาศรมบนสวรรค์ชั้นนี้เต็มโม้ด ต้องอดใจรอโครงการสอง คงจะเสร็จหลังวิกฤตการณ์วายทูเค* *หมายความว่าไงหรือคะ ท่านตรีฑูต* *เฮ้ย เรียกเทวฑูตพอแล้ว ไม่ต้องบอกซีเท่าไรก็ได้..อ๋อ วายทูเค ก็แปลว่า เวย์ทูครายไงละโยม ไม่เห็นรึ ชาวโลกตอนนี้ร้องห่มร้องไห้กันจ้าละหวั่น เศรษฐกิจของสวรรค์ก็พลอยถูกถล่มไปด้วย ค่าเงินบาทตกไปถึงหนึ่งดอลล่าร์ต่อสี่สิบบาท สงสัยการสร้างเจดีย์สวรรค์จะค้างเติ่ง* *แต่เรามีเงินจะบริจาคให้นะเจ้าคะ ขอท่านเทวฑูตโปรดพิจารณาด้วย* *เอ้อ ดีซี ถ้าได้สักห้าล้านก็จะได้อาศรมเดี่ยว สามห้องนอนสี่ห้องน้ำในหมู่บ้านสวรรค์นิเวศ *ถ้ามีแค่สองล้านละเจ้าคะ* *สองล้านก็ได้อาศรมแบบเฮเว่นเฮ้าส์ พออยู่ได้* *ถ้าล้านเดียวล่ะเจ้าคะ* *อ๋อ ก็อยู่ห้องแถวไปก่อนละกันนะโยม *แปลว่าถ้าใครมีไม่ถึงล้าน ก็ไม่ได้ขึ้นสวรรค์เป็นความจริงหรือเจ้าคะ* *ไม่จริ๊ง ไม่จริงจ๊ะ สวรรค์เป็นอัตตานะจ๊ะ ใครทำกรรมดีก็ขึ้นสวรรค์ได้ทั้งนั้น แต่กรรมดีนี่มันรวมถึงทานด้วยนะโยม ถ้าไม่ทำทานสวรรค์ก็ยังไม่ว่าง NO VACANCY น่ะพอรู้ใช่ไหมล่ะ *ถ้าเช่นนั้นเจ้านายของดิฉันยังไม่ยอมตายดีกว่า ท่านจะสะสมทานบารมีให้มากพอก่อนนะเจ้าค่ะ พร้อมแล้วจะโทรมาใหม่ สวัสดีค้า* *เดี่ยวก่อน..*เทวฑูตขอปรับความเข้าใจ *ไม่ยอมตายเฉยๆคงไม่ได้หรอกโยม ไม่ว่าใครจะตายเมื่อไรล้วน มีประกาศอยู่บนสวรรค์แล้วทั้งสิ้น* *อ้าวแล้วมีทางแก้ประกาศได้มั้ยละเจ้าคะ*เลขาฯของฉัน ไม่ลดละความพยายาม *ได้ แต่ต้องผ่านที่ประชุมของทวยเทพทั้งหลาย ซึ่งมีพระอินทร์ผู้ทรงฤทธิ์เป็นองค์ประธาน* *ใครเป็นผู้เสนอญัตติให้เปลี่ยนประกาศได้เจ้าคะ* *อ๋อ เจ้าทุกข์เองก็ทำได้*เทวฑูตอธิบาย *มีชาดกเรื่องหนึ่งในพระไตรปิฏก ใช้เป็นบรรทัดฐานได้ เปรียบเสมือนส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความไง คุ้นเคยดีอยู่แล้วมิใช่รึ *ในกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีกษัตริย์สองเมืองจะทำสงครามกัน ฝ่านหนึ่งไปถามพระฤาษีมีฤทธิ์ ซึ่งติดต่อกับพระอินทร์ได้ ได้รับคำแจ้งว่าฝ่ายตนจะชนะ จึงประมาท ปล่อยเหล่าทหารสนุกสนานบันเทิง ส่วนกษัตริย์อีกฝ่ายหนึ่งทราบข่าวทำนายว่าฝ่ายตนจะแพ้ จึงตระเตรียมการให้แข็งแรงยิ่งขึ้น ครั้นถึงเวลารบจริง ฝ่ายหลังนี้ก็เอาชนะกษัตริย์ฝ่ายที่มัวประมาทได้ พระอินทร์ถูกต่อว่าจึงกล่าวเทวคติออกมา *ความบากบั่นพากเพียรของคน เทพทั้งหลายก็กีดกันไม่ได้* *แปลว่าคนที่ถูกกำหนดให้ตาย แต่ยังมีจิตใจต่อสู้ด้วยความบากบั่นพากเพียร ยังมีสิทธิ์รอดได้ *เลขาฯ ของฉันขอคำยืนยัน *แปลว่า สวรรค์ก็เป็นประชาธิปไตย* *อ๋อ แน่นอน เทวดาทุกประเภท ตลอดจนถึงพรหมที่สูงสุด ล้วนเป็นผู้ร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เวียนว่ายในสังสารวัฎเช่นเดียวกับมนุษย์ทั้งหลาย และ ส่วนใหญ่ก็เป็นปุถุชน ยังมีกิเลสคล้ายมนุษย์ แม้จะมีเทพเป็อริยบุคคลบ้าง ส่วนมากก็เป็นอริยะมาก่อนตั้งแต่ครั้งยังเป็นมนุษย์ แม้ว่าเมื่อเปรียบเทียบโดยเฉลี่ยตามลำดับฐานะ เทวดาจะเป็นผู้มีคุณธรรมสูงกว่า แต่ก็อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน แต่ก็พูดรวมๆไปได้ว่าเป็นระดับสุคติด้วยกัน *เทพชั้นดาวดึงส์เหนือกว่ามนุษย์ 3 อย่าง คือมีอายุทิพย์ ผิวพรรณทิพย์ และความสุขทิพย์ *แต่มนุษย์ชาวชมพูทวีป ก็เหนือกว่าเทวดาชึ้นดาวดึงส์3ด้าน คือ กล้าหาญกว่า มีสติดีกว่า และมีการประพฤติพรหมจรรย์(การปฎิบัติตามอริยมรรค) *มนุษย์อยากไปเกิดในสวรรค์ แต่เทวดาถือว่าการเกิดเป็นมนุษย์ ต่างหากคือสุคติของพวกเขา *พุทธพจน์มีว่า *ภิกษุทั้งหลาย ความเป็นมนุษย์นี้แล นับว่าเป็น การไปสู่สุคติของเทพทั้งหลาย* *ท่านเทวฑูตเจ้าคะ* เลขาฯ พหูสูตรของฉันอยากรู้ต่อ *แปลว่าเทวดาชอบจุติไปเกิดในหมู่มนุษย์ทั้งหลาย* *ใช่แล้ว* ท่านเทวฑูตตอบ *ว่าแต่โยมยังอยากขึ้นสวรรค์อยู่รึเปล่า* *ท่านหมายความว่า ชาติก่อน ชาติหน้า และนรกสวรรค์มีจริงหรือเจ้าคะ *ตามพระพุทธศาสนามีหลักฐานในคัมภีร์ ซึ่งแปลความหมายตามอักษรว่ามีจริง* *แต่การพิสูจน์เท่านั้นยังไม่สิ้นสุด เพราะไม่มีใครรู้จริง ก็เคยมีคนตายแล้วมาอธิบายที่ไหน ช้าๆนานๆเราได้ข่าวว่ามีคนระลึกชาติได้ มีเค้าเงื่อนให้คิดว่าจริง แต่ก็พิสูจน์ไม่ได้นะโยม* *ถ้าเช่นนั้น พระพุทธศาสนาสอนมนุษย์ว่าควรปฎิบัติอย่างไรคะ ให้เชื่อหรือไม่เชื่อ* *พุทธศาสนาไม่แนะนำให้มนุษย์ครุ่นคิดว่าตายแล้วไปไหน ถือว่ายังเป็นอวิชชาเป็นเรื่องไกลตัว ไม่มีคำเฉลยแบบตรงไปตรงมา พุทธศาสนาสอนให้มนุษย์สนใจการปฎิบัติ ต่อชีวิตปัจจุบันเอาไว้ให้จงดีเท่านั้นเป็นพอ กรรมดีทั้งหลายทั้งปวงจะเสริมบุญบารมี ให้ผู้ปฏิบัติดีแล้วเดินทางไปสู่สุคติได้แน่นอน ......................... เมื่อฉันได้ทราบความดังนั้นแล้ว รู้สึกว่ากรรมทั้งหลายที่ฉันทำมา ก็มีทั้งกรรมดีกรรมชั่ว หรือกรรมไม่สู้ดีนักอยู่มาก อยากทราบต่อไปว่า จะสามารถลบล้างกรรมชั่วโดยการไถ่บาปได้หรือไม่ หรืออีกนัยหนึ่ง กรรมดีจะหักกลบลบหนี้กรรมชั่วได้หรือไม่ ฉันปรึกษาท่านผู้รู้เรื่องนี้ดีแล้ว พอสรุปได้ความว่า *กรรมชั่วของแต่ละคนไม่มีทางไถ่บาปได้โดยตรง มีแต่ทำให้เจือจางลงได้ โดยหมั่นกระทำแต่กรรมดีในช่วงชีวิตที่เหลือ พระท่านอธิบายว่า กรณี้เปรียบเสมือนน้ำหนึ่งถังมีสีแดงของกรรมชั่ว มองเห็นน้ำสีแดงชัดเจนอยู่ ไม่สามารถสกัดเอาสีที่เจือปนอยู่ออกได้ แต่ถ้าเราหมั่นเติมน้ำบริสุทธิ์ลงไปในถังนั้น จะพบว่าสีแดงของน้ำจะค่อยๆจางไปๆ จนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ทั้งที่สีแดงก็ยังคงอยู่ในน้ำนั้นปริมาณเท่าเดิม หาได้ลดลงหรือหายไปไม่ ฉันใดก็ดี หากมนุษย์ผู้มีกรรมชั่วร้ายมาก่อน เช่น องคุลีมาร ผู้เคยฆ่าคนเป็นว่าเล่น ยังสมารถกลับเนื้อกลับตัว ประกอบกรรมดีจนเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าได้ แต่เมื่อเป็นอริยะแล้ว หากยังฝืนประพฤตินอกลู่นอกรอย อยู่อย่างพระเทวทัต ก็มีสิทธิ์ถูกถอดถอนยศศักดิ์ และถูกลงโทษให้าสมถูกธรณีสูบได้อยู่...... ............................................. .......................................... ดวงจึงขอจบบทแนะนำหนังสือแสนดีมีค่าเล่มนี้ ที่สอนให้เราทุกดวงใจได้มรณานุสติ หันมาคิดใฝ่เพียรสร้างแต่กรรมดีกุศลจิต ให้มีเมตตาจิตคิดอภัยแบ่งปัน โอบเอื้อน้ำใจอันแสนใสพิสุทธิ์ เพื่อช่วยกันเป็นรวมเป็นพลังหยุดโลกร้อน..ให้ผ่อนเย็นสุขสงบ.. หวังทุกดวงใจคงได้อะไรไม่มากก็น้อยจากน้ำใจของดวง ที่ปรารถนาดีและห่วงใยที่ทุ่มเทใจถ่ายทอดนำมามอบให้ หากอยากอ่านรายละเอียดก็หาซื้อได้นะคะ และ ด้วยจิตคารวะขอกุศลผลบุญนี้ได้ผ่านไปยังท่านผู้เขียน ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ม.ร.ว ธันยโสภาคย์ เกษมสันต์ ซึ่งนะบัดนี้ท่านคงไปเสวยทิพยสุขในสวรรค์อันแสนสุคติเย็นแล้วค่ะ .............................. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6194.html แสงเทียน เพลงพระราชนิพนธ์ จุดเทียนบวงสรวง ปวงเทพเจ้า สวดมนต์ค่ำเช้า ถึงคราวระทมทน โอ้ชีวิตหนอ ล้วนรอความตายทุกคน หลีกไปไม่พ้น ทุกข์ทนอาทรร้อนใจ ต่างคนเกิดแล้ว ตายไป ชดใช้เวรกรรมจากจร นิจจังสังขารนั้นไม่เที่ยง เสี่ยงบุญกรรม ทุกคนเคยทำกรรมไว้ก่อน เชิญปวงเทวดา ข้าไหว้วอน ขอพรคุ้มไปชีวิตหน้า ทนทรมานมามากแล้วจะกราบลา หนีปวงโรคาที่เบียดเบียน แสงแววชีวาเปรียบแสงเทียน เปรียบเทียนสิ้นแสง ยามแรงลมเป่า ชีพดับอับเฉา เหมือนเงาไร้ดวงเทียน จุดเทียนถวาย หมายบนบูชาร้องเรียน โรคภัยเบียดเบียน แสงเทียนทานลมพัดโบย โรครุมเร่าร้อน แรงโรย หวนโหยอาวรณ์อ่อนใจ ทำบุญทำทานกันไว้เถิด เกิดเป็นคน ไว้เตรียมผจญชีวิตใหม่ เคยทำบุญทำคุณ ปางก่อนใด ขอบุญคุ้มไปชีวิตหน้า ทนทรมานมามากแล้วจะกราบลา แสงเทียนบูชาจะดับพลัน แสงเทียนบูชาดับลับไป... http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=101 รักกันวันนี้ดีกว่า เผื่อว่าพรุ่งนี้มีอันเป็นไป แม้เธอและฉันนั้นต้องพลันสิ้นใจ ฉันจะหวังใครให้เป็นที่รักยิ่ง รักกันวันนี้ดีกว่า เผื่อว่าพรุ่งนี้มีใครมาชิง ฉันอาจพลาดแพ้เหลือแก้คืนทุกสิ่ง แล้วจะหมายอิงแอบอ้อนวอนรักใคร พรุ่งนี้ไม่มีอะไรแน่นอน แปรผันยอกย้อน ลวงหลอนเปลี่ยนใจ เผื่อว่าพรุ่งนี้โลกแตกสลายไป วันนี้เล่าใครจะอยู่คู่ฉัน รักกันวันนี้ดีกว่า เผื่อว่าพรุ่งนี้จำใจไกลกัน ฉันอาจสิ้นหวัง เหมือนดังสิ้นชีวัน เหลือแต่เพ้อฝัน สุดกลั้นใจหมองตรม รักกันวันนี้ดีกว่า ..พุดพัดชา ดวงเคยไปส่ง ดวงใจมากมายหลายดวง ที่ดวงแสนรักเอยแสนรักในกมล แต่..จำต้องพลัดพรากจากลา... หลายสถานที่หลายสถานีชีวิต ที่ฟ้าลิขิตให้เราต้องพบพรากจากลา..เป็นธรรมดา ธรรมดา โลก บางครั้งก็ที่สถานีรถไฟ บางทีก็ไปถึงสนามบิน ... ก่อนพรากไกล..ดวงจะกอดลาทุกดวงใจ... จูบแก้มซ้าย..ขวา.... และกระซิบอวยพร ให้เดินทางปลอดภัย.. จนคนที่จากไปบอกไม่ต้องกอดแน่นมากก็ได้.. ไม่ได้ไปนานหลายปี เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว........ . ดวงเลยบอกว่า..ไม่ได้สิ... มันเป็นสิ่งแสนดีที่อยากมอบให้เธอ เป็นสิ่งที่เสนอให้มา... เพื่อแสดงว่าเรารู้สึกอาวรณ์อาลัย รักและรอ ขอครบสูตรหน่อย..... จริงมั้ยคะ..ขาดก็แต่พวงมาลัยคล้องมือ ที่ดวงมักจะถือเป็นประเพณีที่ชอบนำไปคล้องใจผู้มาเยือน. แต่สำหรับบางคนแค่ใช้ใจคล้องใจ..ก็พอ ไม่จำเป็นต้องลงทุนพ้อรอลาด้วยดอกไม้ ซึ่งมินานจะพานลาจะพาเหี่ยวเฉา ดวงเป็นคน..ละเอียดอ่อน..กับทุกสิ่ง... วัยวันสอนบทเรียนให้ดวงรู้ว่า.โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน. กับทุกเวลาของชีวิตนี้ที่แสนสั้น.....ยิ่งนัก...... ความทุกข์..ความสุข..ที่ผ่านเข้ามาทายทัก สอนให้ดวง ใช้เวลาของชีวิตอย่างไม่ประมาท..... และพยายามใช้อย่างมีคุณค่า...ต่อทุกคนที่ดวงรักเท่าที่ใจจะทำได้............ คุณๆคงไม่ทราบว่า ดวงเคยสูญเสีย.. ครอบครัวของคนที่ดวงรัก..ผูกพันยิ่ง..ราวน้องสาว....... พร้อมกันทั้งสามคน พ่อ..แม่..ลูก...... เพราะเที่ยวบินที่ตกที่สุราษฎร์ธานี.. ในค่ำคืนหนึ่ง ที่ฝนตกราวฟ้ารั่ว....ร่ำไห้..เมื่อสองปีก่อน พร้อมกับที่นักร้องยอดนิยม...เจมส์..ผู้โชคดี รอดชีวิตมาได้.......... ทุกครั้งที่ดวงไปสนามบิน..ดวงจึงมักจะเศร้าหมองใจ... ดวงรอเวลาที่จะเขียนสิ่งดีดี..... เพื่ออุทิศให้กับน้องสุดที่รัก ที่ลาลับไป ไกลสุดหล้า...... และดวงอยากบอกคุณๆว่า...ใจดวง.. ยิ่งแสนเศร้า...เพราะก่อนวันเดินทางลาจาก... เธอได้โทรมาร่ำลาดวง...ด้วยเสียงหัวเราะ..... อย่างมีความสุข........ ดวงพยายามเว้าวอนให้เธออยู่ต่อ ราวรู้.และราว.อยากยื้อยุด จากกำหนดนัดของฟ้าดิน.......... แต่.....คำที่เธอบอกดวงราวสังหรณ์ย้ำอาลา.... เธอต้องกลับพร้อมครอบครัว..... ใช่เลย....... เธอจึง...จากดวงไป...พร้อมทั้งครอบครัวที่อบอุ่น.. แสนรักของเธอจริงๆ..พ่อ..แม่..ลูก........ โดยทิ้งให้ผู้อยู่หลัง..เจ็บปวด ด้วยรัก อาวรณ์ อาลัย อย่างยากยิ่งที่จะทำใจ...เนิ่นนาน...... น้องรัก.....ดวงสัญญา... วันหนึ่งเมื่อใจดวงพร้อม ดวงจะเขียนถึงคุณงามความดีราวตำนาน... ที่เธอฝังฝากไว้ให้กับทุกคน.. ที่บ้านเกิด....บ้านเกาะ...ของเรานะ....น้องรัก.... ระหว่างเรา...กาลเวลา และทุกสิ่ง มิอาจพรากจาก ความทรงจำที่แสนดี แสนงาม......... ตราบจนชั่วฟ้าดินสลายลับ......................... ดวงเขียนเรื่องนี้ เพราะได้ตระหนักชัดว่า... โลกนี้ไม่เคยมีอะไรแน่นอน ให้เราเตรียมพร้อมทางจิตวิญญาณ ไว้เพียงนั้น ที่จะฝ่าฟันพาดวงใจอันผ่องแผ้ว ไปสู่ฝั่งฝัน อันว่าง สว่าง สงบ และจบด้วยความสุขนิรันดร์.. ไม่มีภพมีชาติอีกต่อไป.. แม้..หนทางจะยังแสนไกลเป็นยิ่งนัก..ก็จักอย่าได้ละความเพียร.. และดวงคิดถึงเพลงๆนี้ พร้อมความทรงจำรำลึกที่เจ็บปวด... .ดวงอยากมอบเพื่อเตือนใจ... ให้ผู้อ่านที่ดวงรักยิ่ง ทุกทุกท่าน......... ตระหนักคิด...และรู้ว่า..... วันนี้....คุณได้ทำสิ่งดีดี...ให้กับคนที่คุณรัก....หรือยัง.......... ถ้ายัง....คุณทำเสียนะคะ....ก่อนที่.....พรุ่งนี้จะสาย......เกินไป........ ด้วยรัก... จากใจ.....ดวงนี้..จากเนื้อใจดวงนี้..ที่ยากยิ่งที่ใครจะหยั่งถึง ความรู้สึกมากมายมากมีที่ตราตรึงเงียบงาม สงบ สว่าง พร่างพรมใจให้ใสสวยในทุกยามด้วยความภาคภูมิเป็นยิ่งนัก.. กับ..การให้..ให้..และให้.. ให้ความรักโลก รักผู้คน... บนผืนดินเดียวนี้ ที่ดั่งเพื่อนพ้องน้องพี่.ร่วมชะตากรรม และ... จนกว่าจะถึงวันตะวันลา.. วันที่ฝากร่างอ่อนล้าใจอ่อนแรงให้ผืนพสุธากลบหน้า.. และขอกล่าวคำว่า..ลาก่อนชั่วนิจนิรันดร์...ระหว่างเรา!นะคนดีนะดวงใจ! .........................
พลีรจนาด้วยความรักภาคภูมิใจ แด่... ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายธาร ที่กำลังจะบินไปทำหน้าที่ พลีแด่โลกแล้งไร้อัฟริกา ด้านสาธารณสุขค่ะ ............. อกแผ่นดินภูมิใจในตัวเจ้า แม้นเหน็บหนาวเพียงใดไปตามฝัน ฝากความดีพลีแด่โลกดับแล้งวัน ดั่งธาราสวรรค์หยาดให้จิบน้ำทิพย์ทอง แดนดินใดให้เมตตากุศลจิต ต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ทั้งผอง ให้งดงามลบโศกสะเทือนครอง เพียงหมายปองปิดทองหลังองค์พระปฏิมา เจ้านกไพรในวันนี้สู่ป่ากว้าง หวังเลือนร้างวิปโยคใต้หล้า แผ่นดินแล้งด้วยโรคภัยนานา ปรารถนาสร้างบุญการุณย์ธรรม ขวัญเคียงข้างทางทองเจ้าแผ้วถาง ยามอ้างว้างพร่างน้ำใจระรินร่ำ เดินเดินเดินไปสู่ภูผาจิตน้อมนำ ให้โลกจำจารจดใจเจ้างดงาม....! .......................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song314.html บ้านเรา บ้าน เรา แสน สุขใจ แม้จะอยู่ ที่ไหน ไม่สุขใจ เหมือนบ้านเรา คำ ว่าไท ซึ้งใจ เพราะใช่ ทาสเขา ด้วยพระบารมีล้นเกล้า คุ้มเรา ร่มเย็น สุขสันต์ รุ่ง ทิพย์ ฟ้า ขลิบทอง พริ้วแดดส่อง สดใส งามจับใจ มิใช่ฝัน ปวง สตรี สมเป็นศรีชาติ เฉิดฉัน ดอก ไม้ชาติไทยยึดมั่น หอมทุกวัน ระบือ ไกล บุญ นำพา กลับมาถึงถิ่น ทรุดกายลงจูบดิน ไม่ถวิลอายใคร หัว ใจฉัน ใครรับฝาก เอาไว้ จาก กัน แสน ไกล ยังเก็บไว้ หรือเปล่า เมฆ จ๋า ฉัน ว้า เหว่ ใจ ขอวานหน่อยได้ไหม ลอยล่องไป ยังบ้านเขา จง หยุดพัก แล้วครวญรับฝาก กับสาว ว่าฉันคืนมาบ้านเก่า ขอยึดเอา ไว้เป็น เรือน ตาย... ..............