1 พฤศจิกายน 2550 09:53 น.
พุด
ยังคงนั่งตรงนี้ ณ..ที่เก่า
กับงามเงาแสนโศกในโลกฝัน
มายารักมายาลวงบ่วงผูกพัน
พันธนานิรันดร์ตราบวันตาย
บนเส้นทางสายฝันอันสับสน
หนาวกมลเกินหันกลับรู้เมื่อสาย
ทางข้างหน้าอาจพบเพียงความเดียวดาย
เมื่อสิ้นไร้เธอเคียง..เพียงลำพัง
แลละลิบโน่นทิวทิพย์วิมานสวรรค์
ดั่งภาพฝันในนิมิตตั้งจิตหวัง
สักวันหนึ่งคงไปถึงมิหยุดยั้ง
สร้างพลังจากใจตัวกลัวไปไย
เด็ดลั่นทมดอกสุดท้ายหมายอธิษฐาน
สิ้นร้าวรานทางชีวิตสว่างไสว
สิ้นไหม้หมองเคยครองโศกสี่ห้องใจ
รู้..เส้นทางสว่างไป...พบฝั่งฝัน..นิรันดร.....!
...........................
31 ตุลาคม 2550 00:03 น.
พุด
ทัดจำปีเคลียแก้มยิ้มแกมเศร้า
ผ่านเรื่องราวเศร้าสร้อยสุดโศกศัลย์
วันมงคลยิ่งใหญ่เหนือดวงชีวัน
ฟ้ารินร่ำหยาดน้ำตามาสังเวย
เงียบงันในดวงใจเกินใครจักหยั่งรู้
เทพเฝ้าดูพร้อมน้ำค้างคำกระซิบเอ่ย
อย่าเสียใจจนเสียขวัญปล่อยวันเลย
ฝึกให้เคยโลกนี้ไม่จีรัง
ทุกสิ่งตั้งอยู่แล้วดับไป
หมุนวนใหม่ให้มวลมนุษย์มิสิ้นหวัง
ดั่งดวงสุริยาฟ้าสว่างให้พลัง
ลืมเรื่องราวหนหลังยากย้อนคืน
จึ่งเงียบงันในท่ามมายาโศก
ธรรมดาโลกพุทธะสอนให้ตื่น
ดั่งบัวบานเหนือน้ำจิตงามชื่น
ทุกวันคืนการพลัดพรากฝากสอนสัจจธรรม...!
.....................
29 ตุลาคม 2550 10:18 น.
พุด
เจ้าเกิดมาทำไมในโลกนี้
เพียงเสพสุขสุนทรีย์ฤาไฉน
ฤาทำดีพลีแด่โลกก่อนสายไป
ยังประโยชน์ยิ่งใหญ่แด่แผ่นดิน
ลมหายใจแสนสั้นวันแสนโศก
วันลาโลกให้ใครใครอาลัยถวิล
ฟ้าร่ำไห้เดือนดับน้ำตาริน
ทั้งธรณินท์ทุกสรรพสิ่งนิ่งเงียบงัน
เกิดแก่เจ็บตายว่ายวนวัฏฏวิบาก
ความพรากจากรอเรานะยอดขวัญ
เพียรสะสมบุญบารมีมีสติกับปัจจุบัน
ก่อนสิ้นแสงตะวันในดวงใจ
และนี่คือคำตอบชอบด้วยเหตุ
หนีเทวษทุกข์ทนหมุนวนใหม่
รักษาศีล สมาธิ ปัญญาภาวนาทุกวันไป
นานแค่ไหนอย่าท้อรอถึงฝั่งพระนิพพาน..
27 ตุลาคม 2550 08:30 น.
พุด
ณ..แผ่นดินชมพูทวีป พาราณสี
มากคนดียึดมั่นศาสนา
งดงามอยู่ริมฝั่งคงคา
สายธาราจากแดนสรวงสู่ปวงชน
เทวสถานสะพรั่งสองฟากฝั่ง
ฝากฝังศรัทธาทุกแห่งหน
ชำระบาปพร่ำภาวนาท่องมนต์
เผาร่างคนที่รักล้างมลทิน
ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน
ป่าร่มขวัญยิ่งใหญ่หวนถวิล
บุญสถานพระศาสดาแสดงธรรมหลังฝนริน
ธรรมจักรหมุนมิสิ้นสืบสอนใจ.
พาราณสีที่บุญจาริกภูมิพุทธศาสนา
ข้าวกล้าสุกปลั่งไสว
เป็นแดนธรรมแดนทองเหนือแดนใด
กระจ่างใสสอนวางว่าง..พบทางบุญ...!!!
หลวงวิจิตรวาทการ กล่าวไว้ในหนังสือของดีเมือง อินเดียว่า ใครมาเยือนอินเดีย แล้วไม่ได้แวะ พาราณสี ถือว่ายังมาไม่ถึงอินเดีย!! เพราะเมืองหลวงของแคว้นกาสีในสมัยพุทธกาลแห่งนี้ ยังคงรักษาเอกลักษณ์ ความเป็นอินเดียดั้งเดิมไว้ได้ทุกกระเบียดนิ้ว เรียกว่าถ้าอยากรู้จักโฉมหน้าแท้จริงของแดนภารตะ ต้องมาชม กันที่พาราณสี จะได้อรรถรสครบถ้วน ทั้งด้านความงดงามน่าจดจำ และมุมมืดที่สงวนไว้เป็นความลับสุดยอด!!
พาราณสี ได้รับการขนานนามให้เป็น เมืองศักดิ์สิทธิ์ของอินเดีย หรือ Holy City โด่งดังในเรื่องความเคร่งครัดศาสนา ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของ แม่น้ำคงคา และทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองคยา ท้องถนนในเมืองไม่เคยหลับใหล พลุกพล่านไปด้วยรถรานานา ชนิด แถมยังเบียดเสียดยัดเยียดไปด้วยผู้คนหนาแน่นทุกตารางนิ้ว โดย มีประชากรอาศัยอยู่มากกว่าเมืองไทยถึง 2-3 เท่าตัว แต่เชื่อหรือไม่คะว่า เจ้าถนนตัวจริงกลับเป็นบรรดาสัตว์ ท้องถิ่น ที่เดินเพ่นพ่านเข้าตรอกโน้นออกซอยนี้แบบไม่เกรงกลัวใคร ทั้งโค, กระบือ, แพะ, แกะ โดยเฉพาะ โคหรือวัว จะมีหนาตาเป็นพิเศษ และยังมีอภิสิทธิ์เหนือคนอย่างเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน จึงไม่มีใครกล้าแหยมเข้าไปทำร้าย เพราะชาวอินเดียมีความเชื่อฝังใจว่า วัว เป็นพาหนะของท้าวมหาเทพ ถือเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ถ้าเกิดเหตุรถชน วัว จะมีความผิดร้ายแรง กว่าขับรถชน คน!!
และ...
เพราะเมืองนี้เป็นนครแห่งแสงสว่าง ตามความ เชื่อว่าที่นี่เป็นเมืองแรก ที่แสงสว่างสาดส่องเข้ามา หลังจาก ที่พระเจ้าสร้างโลก แต่ละปีจึงมีชาวอินเดียและผู้นับถือศรัทธาจากทั่วโลก หลั่งไหลเข้ามาหลายล้านคน เพื่อสักการะ แม่น้ำคงคา โปรยเถ้าถ่าน และสวดมนต์ให้ผู้จากไป
สำหรับ พุทธศาสนิกชนนั้น
นิยมเดินทางมาเมืองนี้ เพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุ รวมทั้งชมประเพณีเก่าแก่ที่สืบทอดกันมาตามริมฝั่งแม่น้ำคงคา ไม่ว่าจะเป็น ดูการประกาศพระศาสดา, ดูคนอาบสรงในคงคา, ดูการวันทาดวงอาทิตย์, ดูพิธีการปลงศพ, ดูการเคารพน้ำศักดิ์สิทธิ์, มาปลงสัจจะแห่งชีวิต, มาพินิจสองฝั่ง อย่างเป็นธรรม ตลอดจนสัมผัสประเพณีการอาบน้ำล้างบาป และการเผาศพ อันเลื่องชื่อ
ชาวฮินดูเชื่อกันว่า แม่น้ำคงคา ความยาวกว่า 2,500 กิโลเมตร เป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่ไหลมาจาก สรวงสวรรค์ ใครได้อาบ ได้ดื่มกิน ถือเป็นมงคลแก่ชีวิต และการจุ่มตัวลงแม่น้ำแห่งนี้ สามารถชำระล้างบาปที่ทำมาทั้งชีวิต นอกจากนี้ พวกเขายังศรัทธาเป็นมั่น เหมาะด้วยว่า หากจะตายต้องมาตายที่เมืองนี้ เพื่อจะ ได้ขึ้นสวรรค์!! จึงมี มรณะโฮเต็ล โรงแรมสำหรับผู้ป่วยหนักที่กำลังรอความตาย ตั้งอยู่ใกล้ท่าเผาศพด้วย และศพที่เผาริมฝั่งแม่น้ำคงคา จะไม่เผาให้มอดไหม้เหลือแต่ เถ้าถ่าน แต่จะเผาแค่ให้ร่างไหม้ แล้วนำไปลอยที่กลาง แม่น้ำ เป็นอาหารของนกกาและฝูงปลาก่อนจมสู่ใต้คงคา เพราะเชื่อกันว่า ผู้ที่ถูกเผาในแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ จะหลุดพ้นจากวงโคจรชีวิต ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก แต่ได้ขึ้นสวรรค์ในทันที ด้วยเหตุนี้ ชาวฮินดูจากทั่วสารทิศ ไม่ว่ารวยหรือจน จึงดิ้นรนมาเหยียบพาราณสีให้ได้สักครั้งในชีวิต!! ถ้าอยากชมการเผาศพตามประเพณีเก่าแก่ของชาวฮินดู ก็ต้องย่องไปดูที่ ท่าน้ำมณิกรรณิการ์ฆาต หนึ่งในท่าน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่สุด
คนต่างถิ่นอย่างพวกเรา หากได้มีโอกาสไปเยือน พาราณสี แล้วบังเอิญเหลือบไปเห็นศพลอยมาในแม่น้ำคงคา อย่าเพิ่งขวัญหนีดีฝ่อจองตั๋วเครื่องบินกลับบ้านให้เสียฟอร์ม!! เพราะชาวภารตะเชื่อกันว่า มาอินเดียเห็นช้างจะโชคดีเห็นผีจะมีโชคลาภยิ่ง ถ้าเจอทั้งซากศพและนกแร้ง พึงทราบไว้เลยค่ะว่า โชคลาภกำลังเพิ่มพูนทวีใครอยากมีโชค ก็ต้องขยันสอดส่ายสายตาเข้าไว้!!
ทุกคนที่เดินทางเยือนอินเดียหนแรก มักจะอดเป็นห่วงเป็นใยในสวัสดิภาพของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำคงคาไม่ได้ และอาจขนลุกขนพองไปด้วย เมื่อเห็นชาวภารตะทั้งดื่มกินและอาบน้ำจากแม่น้ำคงคาหน้าตาเฉย ทั้งๆที่หากคะเนจากสายตาดูแล้ว ความสาหัส ของมลภาวะคงไม่แพ้คลองแสนแสบบ้านเรา!! ใครอยากชมวิถีชีวิตริมน้ำแท้ๆของชาวเมืองนี้ละก็ ลองนั่งเรือรับจ้างจาก ท่าน้ำทศวเมธ แล่นออกไปกลางแม่น้ำคงคา คุณจะได้เห็นพวกแขกมาอาบน้ำกันคึกคัก ทั้งวักน้ำลูบหน้าลูบตา บ้างก็นั่งสวดมนต์ นั่งสมาธิ และดัดตนตามท่าโยคะต่างๆ ตามท่าน้ำใหญ่ๆยังมีหมอนวดท้องถิ่น คอยให้บริการ คิดค่าจ้างเพียงน้อยนิด แต่ผ่อนคลาย เหมือนขึ้นสวรรค์ปานนั้นเชียว!!
อย่างไรก็ดี องค์การอนามัยโลกเคยนำตัวอย่างน้ำในแม่น้ำคงคาไปตรวจวิเคราะห์ เพราะเป็นห่วงเป็นใยในสุขอนามัยของชาวอินเดีย แต่ผลลัพธ์ปรากฏว่า จำนวนแบคทีเรียในแม่น้ำคงคาอยู่ในระดับที่ไม่เป็น อันตรายต่อสุขภาพของคน เนื่องจากในแม่น้ำคงคามีกำมะถัน ซึ่งช่วยปรับสมดุลได้ตามธรรมชาตินี่ละความมหัศจรรย์ของเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งอินเดีย ซึ่งยืนหยัดอยู่คู่แดนภารตะมานานกว่า 4 พันปีแล้ว โดยชาวฮินดูเชื่อกันว่า แม้โลกจะถูกทำลายด้วยน้ำ หรือไฟ แต่ยังไงซะ พาราณสี ก็จะเป็นอมตะนครตลอดกาล!
ขอบพระคุณด้วยคารวะจากข้อมูล
http://www.thairath.co.th/
http://blog.ssk.ac.th/?p=96