โลกยังคงเป็นเช่นธรรมดาโลก โศกยังคงโศกสัจจสอน รักยังคงรักเอื้ออาทร ฤดูยังหนาวร้อนเฝ้าวนซ้ำ ใจเราต่างหากไปยึดมั่น หลงกับฝันมายาพาครวญคร่ำ ตานอกหลอกให้เห็นดั่งเช่นกรรม ตาในย้ำสว่างใสเห็นในบุญ เฝ้าหลงวัฒนธรรมนำกิเลส ทุกข์เทวษแบกไว้ให้วายวุ่น วัฒนธรรมพระพุทธเจ้าเกื้อการุญย์ ให้อบอุ่นสิ้นทุกข์สุขนิรันดร์ โลกจะหมุนไปในทางไหน รักษาใจเราไว้ถนอมขวัญ ไม่ยึดมั่นถือมั่นปล่อยวางพลัน ทุกสิ่งอันแสนหนักวางพักลง แล้วอิสราในดวงจิตจักปรากฏ ความงามงดสว่างไสวไม่ลุ่มหลง ผัสสะใดมากระทบจิตมั่นคง เดินก้าวตรงตามรอยบาทพระศาสดา... อย่าพ่ายเพียร....!
มิเสียใจมิเสียดายมิไหม้หมอง มิจำต้องร้องครวญถึงความหลัง ลมหายใจอยู่กับวันนี้นาทีปัจจุบัน อดีตฝันคือสิ่งที่ผ่านมาลาลืมเลย เพราะดวงใจใสนิ่งรู้สงบ รู้สยบด้วยเพรงธรรมจึ่งชาเฉย ไม่ทุรนทุรายดั่งใครหมายเหมือนอย่างเคย จิตลงเอยกับคำว่าลานิรันดร์ วิบากใดเคยก่อขอชดใช้ สิ้นสุดให้น้ำใจทุกสิ่งฝัน โลกขนานเกินประสานคว่ำขันกัน อย่ามีอันพบพานหวานซ่อนพิษ อภัยอโหสิกรรมเพียงแค่นี้ ชั่วชีวีไม่ต้องถามใครคนผิด เพรงบุพเพคือชะตาพรหมลิขิต ให้หมดสิทธิ์พบกันวันจบแล้ว แสนง่ายดายแค่คลิ๊กหัวใจไม่หันหลัง ข้างหน้ายังมีเส้นทางกระจ่างแก้ว เดินลำพังอย่างงดงามอย่างแน่แน่ว หมดสิ้นแววอาวรณ์วิบากใด วิมานรักถักร้อยด้วยสายรุ้ง รอวันรุ่งฝันเป็นจริงให้หวามไหว เคยคิดมั่นชั่วชีวันฝังฝากใจ มิทันไร... วิมานสวรรค์พลันลอยสลายกลายเป็นลม...! .................
กลีบดอกไม้โรยร่วงจากต้นรักนิรันดร์ ลงสู่ริมประตูกระท่อมแห่งความฝันอันแสนว่างเปล่า อย่างแช่มช้า ฟ้าแย้มสีโศก รับโลกของหญิงหนึ่ง ที่ยืนนิ่งงันไปกับสวรรค์วิมานหล้า มนตราทวารวดี วิมานที่ดารารายพรายพร่างนับแสนล้านดวง เธอ..ยิ้มรับดวงตะวันสีไพลแสนเศร้าแห่งฤดูใบไม้ร่วง ที่กำลังลาดวงเหนือทิวเขาซ้อนสลับสล้าง อย่างอ้างว้างใจ ทิวไผ่ริมไร่ ระบัดร่ายราวกำลังครวญคร่ำ ถึงคืนค่ำ... ที่เธอมียังมีอ้อมอกอุ่น...โอบประโลม...!
ใครใครขานนามเธอว่าดวงดอกไม้ หากเป็นได้ขอประดับไทยทุกแห่งหน ลดโศกรานลบรานร้าวในใจคน ให้กมลอ่อนหวานประมาณกัน เป็นดอกไม้ประดับหล้าจรุงกลิ่น เฝ้าประทิ่นให้หอมในอ้อมขวัญ ทุกคืนค่ำเคียงข้างน้ำผึ้งจันทร์ ให้หลับฝันแสนสุขลุกสู้วัน เป็นดอกใดก็งามแผกงามแตกต่าง เพียรผลิสร้างโลกสวยอย่างสร้างสรร เป็นบัวทองงามบูชาพุทธพรรณ ฤาจะฝันเป็นดอกหญ้าค่าเพียงดิน เป็นดอกพุดพิสุทธิ์ซ้อนอรชรเศร้า เป็นดอกพราวมะลิมาลัยในถวิล เป็นดอกบานชื่นดอกสายหยุดหอมระริน เป็นราตรีกลิ่นหอมแรงราวแสร้งราน เป็นจำปีคลี่กลีบนวลละมุน เป็นแรกรุ่นกุหลาบสาวหวานแสนหวาน เป็นพุดตานยามสายกลายสีสราญ ขอเพียงบานประดับใจประดับไทยไปนิรันดร์...!
วิเวกเอ๋ยวิเวก คอยสรรเสกโลกภายในสงบใส ไร้ยึดมั่นฝันมายากิเลสใด ปล่อยให้ใจสงบพบทางบุญ โลกอุตสาหกรรมไกลห่างทางสงบ เพียงให้พบความอยากมากขึ้นตามโลกหมุน ผลิตวัตถุมากมายรายรอบให้ว้าวุ่น หลงระบบทุนนิยมยอมเป็นทาสปราศจากตรอง โลกวิเวกเริ่มจากกายไร้ปรารถนา ทุกมายาวัตถุสิ้นทั้งผอง รู้สงบรำงับดับอยากได้มิหมายครอง จิตเลิกปองฝันใฝ่ในสิ่งลวง แล้ววิเวกภายในจักใสพร่าง จิตกระจ่างเตือนตนพ้นห่วงหวง ไม่ว่ารักฤาชังมิหวังได้ใดทั้งปวง เห็นโลกลวงมิหลงมั่นอันตรธาน ช้าช้า...เคลียร์ปัญหาคาใจออก กระซิบบอกกับจิตตัวอย่างกล้าหาญ อยู่ลำพังกับธรรมชาติงามมิร้าวราน ดั่งบัวบานลอยเหนือโลกสิ้นโศกเอย....! ...................