จากเนินทุ่งที่แลไกลได้รายรอบ พบภูผาโอบกอดดั่งสวรรค์ มีไร่สัปปะรดละลดหลั่นลาดชัน ในท่ามวันฟ้าสว่างกระจ่างใจ ดงดอกหญ้าระบัดไหวกับสายลม ระงมเสียงนกร้องในดงไผ่ ผีเสื้อแมลงบินว่อนวัฏฏไพร รอดอมเกสรไสวยามบัวบาน มีกระท่อมในฝันนิรันดร์รัก ได้พิงพักดูดวงดอกไม้หวานแสนหวาน เอนกายนอนนับดาวเดือนตรงนอกชาน ฟังเพลงนิทานหิ่งห้อย..พร้อมร้อยมาลัย เป็นมาลัยกลีบบัวมาเรียงร้อย แซมด้วยสร้อยพุดซ้อนอรชรไสว เด็ดมะลิผลิพราวมาบูชาพระรัตนตรัย ฝึกสมาธิใจในปัจจุบันรับขวัญวัน ในห้องพระกรานศิระกราบพระพุทธ จิตพิสุทธิ์ให้พสุธาสิ้นโศกศัลย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลให้รู้รักสามัคคีกัน พลีชีพอันแสนสั้นสร้างสรรงาม ให้แดนดินพุทธภูมิยังคงอยู่ ดับแล้งไร้คู่แผ่นดินสยาม พระพ่อหลวงดั่งฉัตรเพชรชนทุกนาม วะวาววามดั่งรัศมีรุ้งสุริยา มิ่งมหานทีทองเจ้าพระยา สู่ทุ่งกล้าผลิเรียวรวงภักษา อุดมผลทรัพย์ในดินถิ่นทองธารา หยาดน้ำค้างฟ้าโปรยสอนสัจจธรรม มองสรรพสิ่งจากนิ่งในเนื้อใจแท้ เฝ้าคอยแก้จิตกระจ่างเพาะบ่มร่ำ รู้เมตตารู้ให้สายธารธรรม รอพ้นกรรมที่เวียนวนจนนิรันดร์ เกี่ยวก้อยเธอนะดวงใจมุ่งไปสู่ แดนแห่งรู้แดนแห่งธรรมนะยอดขวัญ มีเรือนรักได้พิงพักได้แบ่งปัน คุ้มค่าขวัญวันได้เกิดมาใต้ฟ้าไทย..ใต้ฟ้าทอง..!
หอมระรินละอองบัวในลมหนาว แย้มบานพราวท่ามฟ้ากระจ่างใส ตระการตางามแสนงามในดวงใจ ประดับไพรสอนสัจจธรรมมิย้ำวน เกิดในตมรู้ชูช่อรอแสงทอง ให้สาดส่องพ้นโศกพบกุศล ใช่เป็นเหยื่อเต่าปลาไร้ค่าคน พากมลให้วางว่างสร้างสมบุญ แล้วจิตจักผ่องพรายโชติฉายฉาน ดั่งบัวบานนิรันดร์ให้หอมกรุ่น ละทิ้งโศกประดับโลกละไมละมุน รู้บุญคุณชีพนี้ที่เกิดมา แม้นทุกข์สุขในฤดีมิยึดมั่น เพียรแบ่งปันโอบเอื้อใจ..ปรารถนา เมตตาธรรมล้ำเลิศกรุณา ให้สมค่าคำว่ามนุษย์...หลุดพ้นกรรม... ..................................! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4414.html บัวแล้งน้ำ คนเราต้องมี หัวใจ ต้องมีเลือดเนื้อ ข้างใน ต้องมีความดี คู่กาย ต้องมีความหมาย ในตัวเอง อดีตที่เคย ผ่านมา เราคงต้องผ่าน พ้นไป จะดีหรือเลว อย่างไร ขึ้นอยู่กับใจ เราเอง กระเสือก กระสน ดิ้นรน กันไป ก่อนเคย เลวร้าย ก็ลืม ให้ลง มีเพียง พรุ่งนี้ เรื่องเก่าเก่า ก็ปลง ด้วยใจ ซื่อตรง เราคง ได้ดี ถ้าบัวไม่มี รากใบ คงมองไม่สวย เท่าไหร่ ถ้าบัวแล้งน้ำ แห้งตาย ไม่เหลือความหมาย ให้ชวนมอง คนเราก็คง เหมือนกัน นึกฝันแต่ความ ยิ่งใหญ่ หลงลืมว่าเคย เป็นใคร สุดท้ายก็บัว แล้ง น้ำ กระเสือก กระสน ดิ้นรน กันไป ก่อนเคย เลวร้าย ก็ลืม ให้ลง มีเพียง พรุ่งนี้ เรื่องเก่าเก่า ก็ปลง ด้วยใจ ซื่อตรง เราคง ได้ดี ถ้าบัวไม่มี รากใบ คงมองไม่สวย เท่าไหร่ ถ้าบัวแล้งน้ำ แห้งตาย ไม่เหลือความหมาย ให้ชวนมอง คนเราก็คง เหมือนกัน นึกฝันแต่ความ ยิ่งใหญ่ หลงลืมว่าเคย เป็นใคร สุดท้ายก็บัว แล้ง น้ำ...
คืนหวานจันทราทรงกลด งามงดเกินกว่าคำใดเสกสรร โลกนวลละไมท่ามแสงจันทร์ สวรรค์ลอยหล้าสู่ใจ โคมลอยลอยลิ่วสู่ฟ้า มนตราราตรีหวามไหว ดั่งโลกทิพย์นิมิตกลางหทัย สุขใดไหนเล่าเท่าเทียมทัน แย้มยิ้มทิ้งโศกโลกลวง ทุกข์บ่วงมายาแห่งฝัน รัดรึงตรึงร้อยผูกพัน นิรันดร์นิทราสุขใจ ในอ้อมตักภักดีพลีรัก ทายทักดาวรายไสว หอมกลิ่นรสสุคนธ์รำไร หลอมรวมใจพลีร่างขวัญ..รับจันทร์งาม...! .......................................................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song481.html คิดถึง จันทร์ กระจ่าง ฟ้า นภา ประดับ ด้วยดาว โลก สวย ราว เนรมิต ประมวล เมืองแมน ลม โชย กลิ่น มาลา กระจาย ดินแดน เปรืยบ มี แสง คนึง ถึง น้อง นวลจันทร์ งาม ใด หนอ จะพอ ทัดเทียบ เปรียบน้อง เจ้า งาม ต้อง ตาพี่ ไม่มี ใครเหมือน ถ้า หาก น้อง อยู่ด้วย และช่วย ชมเดือน โลก จะ เหมือน เมืองแมน แม่นแล้ว นวลเอย... ....................................
น้อมนิรมิตในดวงจิตอธิษฐาน ดั่งบัวบานเหนือโลกเหนือโศกศัลย์ วิบากใดเคยก่อต่อผู้ใดหมดสิ้นกัน ขอคว่ำขันกรวดน้ำอโหสิกรรม รักกี่ครั้งพลั้งพลาดใจบาดเจ็บ เคยหนาวเหน็บรานร้าวน้ำตาร่ำ ไม่ตอกย้ำซ้ำวนว่าใครทำ เพียงขอนำมาจำจดเป็นบทเรียน ว่ากี่ทุกข์แสนเศร้าเกินกล่าวนั้น เพราะยึดมั่นกี่ภพชาติมิแปรเปลี่ยน แท้ตัวเราหลงอัตตาเฝ้าวนเวียน คอยเบียดเบียนมิปล่อยวางกระจ่างใจ มาวันนี้มองเข้าไปในชีวิต ถูกหรือผิดจิตเป็นกลางสว่างใส รักฤาชังหวังฤาหวานให้ผ่านไป แค่ทำใจฉันท์เช่นเห็นโลกุตรธรรม...!
งามแสงเดือนจับพุทธพักตร์ดั่งอำพัน คืนแห่งจันทร์วันเพ็ญเดือนสิบสอง สายน้ำเจ้าพระยาดั่งอาบทอง ผองพี่น้องแผ่นดินธรรมรินร่ำใจ ลอยกระทงบูชาแม่พระคงคา จุดเทียนบูชาวะวูบไหว ประกายเพชรพร่างสายธารหวานเหลือใจ หลอมรวมใจอธิษฐานจิตนิมิตบูชา ย้อนรอยกาลสู่อดีตอันเรืองรุ่ง อลังการแห่งกรุงสุโขทัยสืบศาสนา นางนพมาศประดิษฐ์กระทงด้วยดวงดอกไม้นานา พรรณผกาดั่งโกมุทตระการหวานรับจันทร์ น้อมสักการะรอยพระบาทพระศาสดา ณ ริมฝั่งนัมมทานทีอดีตขวัญ บูชาพระอุปคุตเหนือชีวัน ทรงปราบมารพลันให้สิ้นแผ่นดินทอง แล้วลอยทุกข์ลอยโศกลอยโรคภัย ลอยดวงใจหลงกิเลสเลิกเศร้าหมอง ลอยมายาสรรพสิ่งที่หลงใหลอยากครอบครอง เหลือเพียงครองจิตดวงใสไม่หลงวน ได้ยินบทเพลงงามแสงเดือนเยือนส่องหล้า รอจันทรากระจ่างกลางเวหน โอบประคองยอดดวงใจหลอมกมล วันมงคลราตรีชื่น...คืนสุขนี้.... ...................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song302.html ลำนำแห่งกระทงสยาม ลำน้ำน่าน ใบตองอ่อนเจียดวางอย่างปราณีต บรรจงกรีดกลีบดอกออกเป็นแผ่น หยวกน้ำว้าจัดวางตามขวางแกน บัวกลีบแน่นพับติดจิตอ่อนตาม สุดเวิ้งน้ำเวิ้งฟ้าประดาดับ สะท้อนจับภาพเก่าเงาสยาม เปลวเทียนทองรองเรืองเมืองโอฬาร เหล่าเทวาแดนวิมานประทานพร พรุดอกไฟสว่างวาบขนาบน้ำ แตกดอกตามลำแสงราวแผลงศร วัฒนธรรมฟูเฟื่องเมืองอมร ทั้งเพลงกลอนสาวหนุ่มกลุ่มเด็กมี มาลัยร้อยกระทงลงตามแบบ พุทธธรรมฝังแนบแถบเทียนสี ธูปหอมหวนชวนดมชมวารี ลอยเป็นพลีบูชาคงคาชล อธิษฐานผ่านหน้าเทวาน้ำ ความดีงามทั่วแหล่งทุกแห่งหน นำศรัทธาข้าลอยไปในวังวน ให้ดิ่งท้นซึมหายเคล้าสายธาร เหล่ามาลีนี้เยี่ยงเคียงดวงใจ หว่านโปรยไปไหลล่องทั้งคลองสาน อภัยเถิดขอขมาต่อหน้าธาร เศร้าซมซานให้ลับกับเวิ้งชล เหลือความดีศรีศักดิ์จักคงไว้ หนุนนำใจให้สุขทุกแห่งหน ก้มหน้าน้อมแนบอิงตลิ่งชล ศรัทธาท้นอาบแสงแห่งจันทร์เพ็ญ กระทงทองลอยนิ่งสิ่งงามงด ยิ่งสวยสดแสงเงาเรามองเห็น เด่นอยู่นานบานฉ่ำจากย่ำเย็น จนเดือนเพ็ญสิ้นแสงแห่งนภา... ................... บุหลันลอยดวง สว่าง กลางฟ้า กระจ่างใจ ... ริมฝั่งฝัน ปิงวังยมน่าน ผ่านสู่เจ้าพระยา ในราตรี... ที่กระทงสายพรายพริ้วพริบพราวราวพร่างเพชรแพร้วพร่าง กลางลำนำ ลำน้ำ สายธาร หวานวะวับแวม แกมประกายวูบไหวแตะแต้มดวงใจ ให้หนุ่มสาวเคล้าคลึงคลอ พนอนวลเนื้อละอียด เบียดละอ่อน แนบนุ่มนวลนาง นวลน้อง เฝ้าประคองรักประคองกระทงลงคงคาบูชารำลึกถึงพระคุณ..เทวีแห่งน้ำ.. ท่ามกลางลมหนาวพร่าง กลางจันทร์เพ็ญ พรมหวานพราย ให้ทุกดวงใจได้ฝากฝันฝากพลังรักพลังศรัทธาใจไทยทั้งชาติ ที่เชื่อกันมาแต่โบราณนานมาว่า.. แม่น้ำลำคลองทุกสายจะไหลรวมกันไปยังนัมทามหานที.. ที่ไหลผ่านไปยังพระธาตุจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ ดังนั้น การลอยกระทง จึงเป็นดั่งการสักการะต่อองค์พระธาตุบนสรวงสวรรค์ และเชื่อว่าเป็นการลอยทุกข์โศกโรคภัย ความเคราะห์ร้ายทั้งปวงออกไปจากชีวิต และแสดงความชื่นชมยินดีผูกพันใจต่อสายน้ำ ในชีวิตไทยโบราณที่มีบ้านอยู่ริมฝั่งนที และแทบทุกเรื่องราวในชีวีหนีไม่พ้นได้มาจากสายน้ำ ไม่ว่าอาหาร การสื่อสารเส้นทาง และแม้กระทั่งความรัก ที่มักมากับประเพณีเทศกาลจากลำน้ำ... หนุ่มสาวคงเพียรเฝ้าพะนอ ขออธิษฐานบานบนต่อแม่พระคงคา ให้บุหลันกลางฟ้าและดวงดารา..รับรู้รักนี้ ที่หนักแน่นมั่นคงซื่อตรงคงมั่น เป็นดั่งสักขีพยานใจ.. และในดวงใจดวง..ก็พลันคิดถึงสายน้ำปิง.. ในค่ำคืนนี้... ที่คงงามงดตระการตาตระการใจ พาให้ใจดวงฝันฝันฝันเฝ้าอยากไปฝากฝัน ไปชื่นชมดื่มด่ำล้ำลึกกับใครสักคนในคะนึง.. ดวงได้แต่ฝันสล้างพร่างละออพ้อเพ้อเห็น กระทงสายพรายพร้อยนับร้อยพันพรูพร่างกลางสายน้ำ งามอะคร้าวพราวพลอยราวสายสร้อยสายโซ่เพชร ร้อยดาวเรียงดวงรวงดาวมลังเมลืองเรืองรองกลางผืนน้ำ . ไหนจะกว๊านพะเยา ที่สายน้ำไม่ไหล พาให้ทุกดวงใจกังวลว่าทุกข์ตรมจะไม่ลอยพรากจากลาไปไหนพ้น เลยหัวใส..เรื่องอะไรจะลอยกระทงลงน้ำ.. สู้จุดโคมลอยไปในนภากาศ ให้วาดหวังมิดีกว่าหรือ และหากพร้อมใจจุดโคมลอยในเรือสักร้อยลำในกว๊านพะเยา กับให้ทุกหมู่บ้านรายรอบพร้อมใจจุดโคมลอยปล่อยพร้อมกันไป มีดอยบุษราคัมและดอยหนอกเป็นดั่งฉากหลัง ในช่วงเวลาอาทิตย์ลาลับฟ้า ดั่งฉากสวรรค์หวานเจือสีส้มแสดแสง..แดงแรงร้อนเร่า.. ให้งามเงาในน้ำดั่งกระจกสะท้อนเลื่อมพราย ราวมากโคมนับพันทวีคูณพูนเพิ่ม แค่นี้ก็คงงามพร่างกลางใจไทยทุกดวงแล้ว.. ดวงขอฝากลำน้ำบทเพลงสักขีแม่ปิง อิงหวานฉ่ำร่ำรมย์ให้ระรื่นชื่นฉ่ำใจมานะราตรีนี้นะคะ พร้อมกับบทเพลงกว๊านพะเยาค่ะ.... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song303.html ช..กุศล ดลพี่มาพบเจ้า ใจพี่ยังร้อนผ่าว ความรักรุมเร้าคลั่งไคล้ ญ..น้ำ คำ รักของคนเมืองใต้ จะจริงแท้แค่ไหน สาวเชียงใหม่ครวญใคร่ถวิล ช..ชีพสลาย ยังไม่คลายรักเจ้า ญ..จริงดั่งใจหรือเปล่า หวั่นเกรงเคลือบเอาที่ลิ้น ช..รัก จริง เพียงหัวใจแดดิ้น ไม่วายเว้นถวิล มิสิ้นความรักได้เลย ญ..น้ำ ปิง ล้น ฝั่ง ช..ดัง รัก พี่เปี่ยมฤดี แล้วเจ้าเอย ญ..แล้ว คง ละ เลย ไม่เหมือนเอ่ย ช..โอ้ทรามเชยมิเคยแหนงหน่าย ญ..หน่อยเถิดนะ คงจะไม่เห็นหน้า ช..ถ้าพี่เป็นเหมือนว่า วานน้องฆ่าเสียให้ตาย ญ..สาบาน ชจ๊ะสาบานก็ได้ หากความรักสลาย ขอตายในสายแม่ปิง ช.. รัก กัน หวาน ชื่น ญ.. เกรง ขม ขื่น ชื่นกลับชังช้ำอกหญิง ช..น้อง ควร รู้ ใจ พี่ทุกสิ่ง เช่นแม่ปิงรู้จริงใจพี่ ญ..หน่อยจะคร้าน นานกลับกลายหายชื่น ช..พี่ไม่ไปไหนอื่น จะขอชื่นรักอย่างนี้ ญ..อุ๊ยตาย อายเขาบ้างซีพี่ พร้อมจูบฝากรักสักที ไว้เป็นสักขีแม่ปิง... .............. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4125.html โอ้ธารสวรรค์ กว๊านพะเยา ธารรักเราครวญคร่ำ ลมโชย พริ้วฉ่ำ ในวังน้ำวน พร่างพรมมนต์รักมา ดูราวสายชล ธารสวยตระการ อยู่ในนิทรา แว่วเพลงรัก ของปักษา ร้องอำลาคืนรัง โน่นทิวทุ่งลิบ รวงทิพย์ เรืองรอง ราวสีทองเปลวปลั่ง ธาราไหลหลั่ง ใสราวน้ำวัง ขังน้ำตาแห่งดาว ห้วงน้ำลึกนัก ห้วงรักลึกกว่าหลายเท่า แม้นรัก ไม่จริงกับเรา อายกว๊านพะเยา หลายเท่าเอย โน่นทิวทุ่งลิบ รวงทิพย์ เรืองรอง ราวสีทองเปลวปลั่ง ธาราไหลหลั่ง ใสราวน้ำวัง ขังน้ำตาแห่งดาว ห้วงน้ำลึกนัก ห้วงรักลึกกว่าหลายเท่า แม้นรัก ไม่จริงกับเรา อายกว๊านพะเยา หลายเท่าเอย... ....................... และในจินตนาการรัก ที่ดวงใช้แค่ดวงใจละไมฝัน พลันติดปีกโผผินบินไปตามลำน้ำเจ้าพระยาขึ้นสู่เชียงใหม่ เมืองล้านนา เมืองแห่งดวงตาสวรรค์ ที่อยากฝากฝันฝากใจกับสาวงาม สักคนที่งามแต๊ๆไปตราบชั่วนิจนิรันดร และในฝันท่ามกลางฟ้าพร่าง.. ดวงเห็นนางใจ นางในฝันนั้น นวลน้องงาม หนั่นแน่น นวลเนื้อนุ่ม กลมกลึงรัดรึงใจพิลาสพิไล ห่มสไบสีงาช้าง.. เดินทอดย่างในผ้าซิ่นสีแดง..มุ่นมวยผมแกมเกศ รัดเกล้าด้วยมาลัยดอกพุดพิสุทธิ์หอมงาม ห้อยพวงพราวระย้าย้อย ด้วยดวงดอกมะลิซ้อนอ้อนหวานเอียงอายอายเอียงเคียงข้าง ด้วยหนุ่มน้อยรูปงาม ในชุดชาวไทรัฐฉานสง่างามพอกันริมฝั่งน้ำ น้ำในตาสาว วะวาววะวับวิบระยิบพร่างพริบดั่งเพชรพราว แข่งกับนวลแสงดาวที่พากันเฝ้าพร่างพริบ..อิจฉา ยามเธอช้อนตาสบตา พากันส่งกระทงน้อยลงคงคา ให้สายน้ำในธารา ในดวงตาในดวงใจ เป็นดั่งพยานใจพยานรักชั่วกาล.. อย่าให้รักหวานกลายกลับเป็นขม เหมือนดั่งเพลงที่กำลังลอยลมพร่างพลิ้วมาเลย ................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song301.html ริมฝั่งน้ำ ริม ฝั่ง น้ำ พร่ำเพ้อ ละเมอครวญ เคยชื่นชวนเมื่อหวลคนึงไป จิตใจยังชื่นชู แสงเดือนส่องยิ่งมองแล้วจิตเผลอ เธอยังอยู่ เคล้าคลอคู่ชื่นชูรู้สึกเหมือน เตือนใจจำ เธอกับฉัน ก่อนนั้นเคยชื่นฉ่ำ ริมฝั่งน้ำสุขล้ำฉันจำได้ อะไรจะเทียมทัน เคยเรียกเธอ เสนอรักรำพัน เคยคู่กันใฝ่ฝันถึงเพลงชื่นค่ำคืนเคยได้ฟัง น้ำเต็มเปี่ยมก็เทียมรักสุดหวาน ปานไหลหลั่ง น้ำเต็มฝั่งดุจดั่งรักที่หวัง ยังคงคอย เคยชื่นใจ ฝากไว้หัวใจลอย เฝ้าแต่คอยโอ้รักนั้นเลื่อนลอย ยิ่งคอยยิ่งใจหมอง ริมฝั่งน้ำ พร่ำเพ้อ ละเมอครวญ เคยชื่นชวนเมื่อหวลคนึงไป จิตใจยังชื่นชู แสงเดือนส่องยิ่งมองแล้วจิตเผลอ เธอยังอยู่ เคล้าคลอคู่ชื่นชูรู้สึกเหมือน เตือนใจจำ เธอกับฉัน ก่อนนั้นเคยชื่นฉ่ำ ริมฝั่งน้ำสุขล้ำฉันจำได้ อะไรจะเทียมทัน... ....................... และอีกที่.. เมืองแสนดีแสนงาม นามเพราะเมืองประวัติศาสตร์แห่งชาติไทย สุโขทัย...เมืองในดวงใจแดนจันทร์แดนบุหลันงาม ที่คงฝากความอลังการยิ่งใหญ่ เพราะมีฉากเมืองเก่าของเราแต่ก่อนให้อาวรณ์อาลัย มีหลักศิลาจารึกหลักที่หนึ่ง ที่ตรึงใจก็ด้วยตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ที่นะค่ำคืนนี้คงคลาคร่ำด่ำดื่มกันถ้วนหน้าไม่ว่าหญิงชาย... แต่ดวงกมลของดวง.. ในค่ำคืนนี้นั้น มีฝันอันอะคร้าวรอคลุกเคล้าใจให้ไหวงามอยู่แล้ว.. ดวงตั้งใจจะค่อยค่อยขับรถ..เข้าไปในเส้นทางงาม เลียบลำน้ำเจ้าพระยา..สองข้างทางคือราวป่าเส้นทางสายชนบท ลดเลี้ยวลับขนานไปกับทุ่งนา ดงตาลให้หวานในดวงใจ และให้หวานพระจันทร์พลันพรายสีทองส่องทาทาบอาบรวงเรียว ให้เสี้ยวใจริบหรี่ ได้พร่างพรมห่มด้วยหอมงาม ให้บุหลันดวงหวานเศร้า ริมเจ้าพระยาคลอเคล้า นะร้านชานเมืองชานเรือนไทยเรียบง่าย ที่ดวงเคยเข้ามานั่งดายเดียวเดียวดาย ใต้ดวงดาวในหมู่ร่มไม้เรือนใจพันธุ์ไทยดังไพรพฤกษ์พง ที่ดวงดอกดงการะเวกหวานหอมแทบหลอมละลายใจ.. เททุ่มใจถอดใจร้องไห้ ร้องไห้.... ด้วยไหวคะนึงครวญหวนไห้ถึงใครบางคนสุดทนสุดใจ..แล้ว.. และนั่นดวงดอกไม้ในฝันเศร้าเสมอมามิราโรย..ร้าง มิเคยห่างใจดวงร้าว..นี้ ลั่นทมพราวทุกราวกิ่งแกล้ม..แกมจำปีจำปา.. และกล้วยไม้ป่าห้อยคาคบยามพลบค่ำ ราวดวง..นั่งในไพรพงจริง.. ดวงชอบเด็ดลั่นทมสองสามดอกเสียบแซมผม มาดแม้นไร้ใครดอมดมพรมจูบ ไล้เรียวแก้มแกมรักล้นใจ..ก็ตามทีเถอะนะ.. คืนนี้ ดวงคงนุ่งซิ่นผืนงาม และคงคลุมไหล่สล้างด้วยผ้าไหมทอมือสีไพลผืนเก่า ดวงคงจะขอฟังเพลงคลอพ้อรักฝากไปกับสายชล.. บทเพลงแห่งดวงใจรัก.. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song302.html สายชล เหม่อมองดูสาย น้ำ วน เหม่อมองสายชล ที่ไหล ริน เหม่อมองดูนก ผก ผิน บินลับ ไป ยาม เหงา เราถอนใจ บิน ไป ไม่กลับ มา เปล่าเปลี่ยวจริงหนอ หัว ใจ อยากจะรักใคร เศร้าใจทุกครา หมดแรงกำลัง อ่อน ล้า และหลง ทาง เจ็บ นั้น ยังเจ็บไม่จาง อ้าง ว้าง ดังสาย ชล แม้ใจจะเจ็บ เก็บมาคิดคิด อดีต ช่างงามล้ำล้น มิเคยลืม ภาพเราสองคน มิเคยลืม ยังหลอกลวงตน มิเคยลืม ว่าเคยรักเธอ สาย ชล หลั่งรินไหลวน มาพานพบเจอ เหตุการณ์ผ่านไป ยัง เพ้อ พะวงทุกวัน อก เอ๋ย ขมขื่นตื้นตัน จาก กัน หรือฝัน ไป มิเคยลืม ว่าเคยรักเธอ สาย ชล หลั่งรินไหลวน มาพานพบเจอ เหตุการณ์ผ่านไป ยัง เพ้อ พะวงทุกวัน อก เอ๋ย ขมขื่นตื้นตัน จาก กัน หรือฝัน ไป... .............. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song25.html ลุ่มเจ้าพระยา ลุ่มเจ้าพระยาเห็นสายธารา ไหลล่อง เพียง แต่มองหัวใจให้ป่วน น้ำไหลไป มักไม่ ไหลทวน ชีวิตเรา ไม่มีหวน ไม่กลับทวนเหมือนกัน เรา เกิดมา ผูกใจรัก กันดีกว่า เพราะว่าชีวา แสน สั้น เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิดมั่น จง ผูกพันรักกันด้วยใจ ขอจงเป็น เหมือนเช่น นกไพร ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่กัน เรา เกิดมาผูกใจรัก กันดีกว่า เพราะว่าชีวา แสน สั้น เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิด มั่น จง ผูกพัน รักกันด้วยใจ ขอจงเป็น เหมือนเช่นนกไพร ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่ กัน... ............ และคงอีกคราที่น้ำตาดวงจะหยดเผาะ เมื่อเพลงพ้อมาถึงคำร้อง.. *ขอจงเป็นเหมือนเช่นนกไพร ที่เหินบินคู่กันไปหัวใจ..คู่กัน.*.. และหากดาวประจำเมือง ดาวบนฟ้า คือดวงตาใครสักคน ที่เคยกระซิบบอกดวงว่าทุกความห่วงใย ทุกสายใจสายใยรักระหว่างเราสองนั้น ให้ฝันปองมองหาดาวในดวงใจ ยามเหว่ว้าอ้างว้างร้างไร้ผู้ใด ที่จะพริบพราวเฝ้าปลอบประโลมใจเสมอมาเสมอไป เป็นนิรันดร์รักนี้..ที่มิมีวันได้เคียงครองคู่ และคนดี.. ไม่ว่าค่ำคืนนี้คุณจะอยู่นะที่ใดในประเทศไทยนี้.. ขอจงฝากใจกับจันทร์ฝากฝันกับดาวมาถึงดวง..นะคะ จงพริบพราวและเฝ้าดูดวงดายเดียวริมฝั่งชล..ลำพัง ดวงพร้อมจะหลั่งหยาดน้ำตา.. บูชาพระแม่คงคาบูชารักเรา ที่พลีพร้อมยอมไร้ร้างห่างกันไกลสุดขอบฟ้า.. เพื่อรอวันที่ ดวงตาสวรรค์จากฟ้าเบื้องบน มีเมตตาปรานีให้พรเราสอง และ...คนดีในฝันในดวงใจ.. ดวง..จะพลี..เพียง..ลั่นทมดอกเดียว ที่จะ... ค่อยค่อยลอยละล่อง อย่างเดียวดาย... ดายเดียว... เปลี่ยวเหงา..ไปตามสายชล...กลางสายชล... ลำพัง..! ............................