21 ตุลาคม 2551 13:39 น.
พุด
บนเส้นทางสายโศกโลกเหน็บหนาว
มากเรื่องราวรานร้าวเศร้าว้าวุ่น
ลบความกลัวฝากงามให้ใจละมุน
ให้หอมกรุ่นด้วยแรงบุญกุศลธรรม
เฝ้าถามดวงจิตชีวิตหนึ่ง
จะตราตรึงตรมน้ำตาทุกเช้าค่ำ
ฤาปล่อยวางสร้างทางใหม่เลิกระกำ
ถึงทรงจำอันฝากไว้คล้ายแผลใจ
ก่อนสิ้นฝันวันงามท่ามโลกแล้ง
เลิกเสแสร้งแกล้งลวงจากหวั่นไหว
ลบลืมลาบทเรียนเก่าเคยหนาวใจ
เริ่มต้นใหม่ในวันนี้ตราบมีกัน
เพียงหมายปองธรรมทองนำชีวิต
ให้สถิตหลอมจิตเรางามดั่งฝัน
ตราบเท่าที่โลกนี้ยังมีดวงตะวัน
จะฝ่าดั้นคว้าดาว.....เคียงเจ้าจอมใจ...
21 ตุลาคม 2551 12:24 น.
พุด
เด็ดดอกพุดพิสุทธิ์ค่ามาถักร้อย
แทนโซ่สร้อยรัตนตรัยจากใจขวัญ
แทนคำมั่นสัญญารักนิรันดร์
แทนผูกพันเกินใดค่ามาประมาณ
มิ่งมงคลวันดีนะที่รัก
จงภูมิภักดิ์ใจตนผู้กล้าหาญ
ทองเนื้อแท้กระทบใดไม่ร้าวราน
ปัญญาญาณพร้อมทั่วอย่ากลัวภัย
คืนและวันหมุนวนเป็นวัฏฏะ
คือสัจจะสอนจิตว่างกระจ่างใส
ทั้งดีร้ายผ่านมาก็ผ่านไป
บทเรียนใจชีวิตหนึ่งซึ้งค่าคน
จุดเทียนทองกราบพระพุทธปฏิมา
บุญรักษาศรัทธาใจสร้างกุศล
ทั้งชาตินี้ชาติหน้างามกมล
บันดาลดลจิตเราสองครองนิพพาน...
.....................
แด่เธอผู้เป็นดั่งดวงตะวัน
เพชรอันฉายฉันท์ ณ กลางใจ
เนื่องในวันคล้ายวันเกิด
16 ตุลาคม 2551 00:00 น.
พุด
ดอกเดียวดายบานแย้มในยามดึก
หนาวล้ำลึกกับพสุธาไทแสนโศกศัลย์
ในวันนี้ทุกดวงใจสะอื้นจาบัลย์
เกินรำพันบอกกล่าวเศร้าเพียงใด....
เดือนดวงงามยังส่องพรายคล้ายวันเก่า
หากใจเหงาอ้างว้างกว่าวันไหน
วันที่ตะวันดับลับลาจากดวงใจ
วันที่ไทยสับสนจนเกินทน
ไม่อยากรับรู้ถึงฝันร้าย
สิ้นสลายแล้วแก้วจอมใจกลางสายฝน
ดอกน้ำตาพร่างพรูในกมล
กับวันวนวัฎฎโลกวิปโยคลา
นิทรานิรมิตจิตวางว่าง
พบกระจ่างเพ็ญจันทร์ ณ กลางฟ้า
หอมปาริชาติสวรรค์ลอยลมมา
ราวรอท่ารับขวัญวันสิ้นลม....!
................................
7 ตุลาคม 2551 22:53 น.
พุด
(เดือนต่ำดาวตก)
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song219.html
....................
ต่อจากภาคแรก
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem119389.html
กระท่อมริมเชิงเขาใกล้เงาลำธารฝัน
...............
ผม..มาถึงกระท่อมริมเชิงเขา
ด้วยหัวใจแสนเบิกบาน
สุขสงบลึกล้ำดำดื่มมาตลอดทางท่ามทุ่งนาป่าเขา
เงาละหานที่ทอดตัวอยู่เบื้องล่างแลทอดต่ำลงไป
หัวใจดวงเหงางามเงียบ
เริ่มคลี่หอมขจรขจาย
ราวถูกคลี่คลุมด้วยกรุ่นกลิ่นแสนหวาน
ของมวลผกาแลเสียงแมกไม้ สายธาร..
ที่ไหวระริกระรินร่ำพร่ำเพ้อละเมอครวญ
ผม..ได้ยินเสียงนกไพร... กำลังโผผิน
ได้ยินด้วยใจดวงนวลดวงนี้ดวงดีของผมเอง
ที่แสนแปลกเป็นยิ่งนัก
เพราะ
ราวกับผมมีพลังพิเศษแผกคิดผิดใคร
ในร่างนี้..ให้รับทุกรสสดสล้าง..ทุกสรรพเสียง
ราวหลอมละลายกลายเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติปานนั้น
ผม..จอดรถ..ช้าช้า
พร้อมกับยกแขนสบัดไหล่หมุนไปมา...
เพื่อยืดร่างคลายเมื่อยขบ..
ก่อนที่จะได้พบกับลุงสอน
ชายผู้เฒ่า
ผู้...ที่เป็นดั่งบิดาทางธรรม..
เฝ้าพร่ำสอนธรรมชาติงาม...วิถีไพรให้ผมได้รับรู้เรียนรู้
และ...
ได้รู้จักอย่างถ่องแท้ถึงแก่นแท้..เลยทีเดียว..เชียว..
และ
ชาย...ผู้มีรอยย่นบนใบหน้า
ราวกับกาลเวลา..
ได้เมตตากำนัลสิ่งล้ำค่าเอาไว้
ประกาศก้องให้โลกหล้าและผู้คนที่เพิ่งผ่านมาทีหลัง
ได้รับรู้ถึงสัจจธรรมอันจริงแท้ที่แน่นอน
คือสิ่งพึงสังวรณ์ยากหนีพ้น
อันคือ...เกิดแก่เจ็บตายว่ายวน..ทุกข์ถ้วน
ผม..ยิ้มทายทัก
พร้อมกันกับ
ที่ลุงสอนค่อยๆทะยอยขนข้าวของลงไปเก็บ
แล้วก็มานั่งคอยเป็นเพื่อนคุย
ให้ผมได้ซักถามทุกความเป็นไปในช่วงที่ผมไม่อยู่...
เขาจะรู้และเข้าใจผมดี..ว่า..
ผมชอบอยู่คนเดียวเงียบเงียบลำพัง
หากไม่มีธุระอะไร ก็จะไม่มากวนใจ
และ..
หากมีอะไรจะไหว้วานขอความกรุณา
ผม...ก็จะเดินออกมาตามตัวจากกระท่อมส่วนตัวของผมเอง
ส่วน...
กระท่อมของลุงสอน
และครัวจะแยกออกไป
ไม่ห่างไกลกันนักพอเดินถึงกันได้ไม่นานนาที
จะมีรั้วชบาและพู่ระหงเป็นดงกั้น
และ
ส่วนรายรอบชิดใกล้กระท่อมของผม
ก็จะเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้มงคล
ที่ลุงสอนเพียรเพาะพันธุ์ปลูกไว้
ราวกับกลัวว่าจะสูญหายไปเสียหมดจากผืนแผ่นดินไทย
ที่มีนับถ้วนไม่สิ้น..หลากหลายพันธุ์นัก..
ทั้ง
ขนุน เงินไหลมาทองหลาง ทรงบาดาล ธรรมรักษา
ทองอุไร บัว ใบละบาท ประดู่ โป๊ยเซียน
พุทธรักษาไผ่ พิกุลทอง เฟื่องฟ้า มรกตแดง
มะขาม มะลิ โมก ราชินีหินอ่อน วาสนาราชินี
วาสนาอธิษฐาน สนฉัตร
และ
ไหนจะแนวสูงถัดไปราวดงใหญ่ไพรพฤกษ์
นั้นคือ...
สักทอง...ที่กำลังออกดอกนวลพราวชูช่อ
และพากันพ้อผลัดใบเกลื่อนกล่นลงพรายพรม
จนพื้นพร่างกลายเป็นสีน้ำตาลทอง
และนั่น..อีกล่ะ
ดงแสงจันทร์
รวมทั้งหมากนวลหมากผู้หมากเมีย
ออมเงินออมทอง
และ
ยังอีกมากมีมากมายพรรณไม้ไพรมงคล
ที่ลุงสอนได้ทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเลิ้ยงดูราวลูกรักก็มิปาน
หากมิเหน็ดหนื่อยด้วยใช้น้ำรักน้ำใจ
ที่พราวพรายราวหยาดน้ำค้างใส
คอยพร่างพรมตลอดมานับหลายปีทีเดียว
ที่ทุกเทียวไปเทียวมา
ผมจะกลับมาเห็นพัฒนาการไพร
ที่ระเริงร่าพากันแตกช่อกอไสว..หยัดยืนเยี่ยมฟ้า
พาให้น้ำนัยน์ตาผมเอ่อซึม..ด้วยแสนปิติรักเช่นเฉกกัน...
แต่น่าแปลก...เป็นยิ่งนัก
ที่กลับมีบางพรรณไม้..
ที่กว่า...
ลุงสอนผู้เชื่อถือเรื่องโชคลางชะตา
จะยินยอมให้ผมได้ลงแรงปลูกได้ก็
ต้องเพียรใช้เวลาอธิบายแสนนาน
คือต้นลั่นทม..
ที่ผมต้องพยายามเริ่มร่ายนิยามว่างามอย่างไร
เล่าถึงความประทับใจว่าลำต้นใหญ่งดงาม
กลีบดอกสวยงามละมุนตากลิ่นหอมจับใจ..
และ
เป็นเพียงต้นเดียวที่ผมแสนรักนักรักหนา
ราวต้นไม้ในฝัน...
พันผูกจิตวิญญาณผมมาตั้งแต่วัยเยาว์
ไม่นับปาริชาติหรือทองหลาง
และมากมายพันธุ์ไม้ไทย
ในใจงามนวลมาอย่างนานเนิ่นเนานานให้ได้โปรดเข้าใจ
และน่าดีใจ...
ที่ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ..เอาชนะใจลุงสอนได้..
แต่...
ส่วนอีกสองสามต้นเช่น
โศก ลุงสอนไม่ยินยอมให้ปลูก
บอกชวนให้หดหู่เศร้าใจ
เพราะคำว่าโศกนั้น
มักจะชวนให้นึกถึงความโศกเศร้าอยู่เสมอ
และ...
เพราะมีความเชื่อสืบต่อกันว่า
หากปลูกต้นโศกเอาไว้ในบ้านแล้วละก็
คนในบ้านก็จะมีแต่ความทุกข์เศร้า
หม่นหมอง อมทุกข์อมโศกกันไปหมด
โดยที่ไม่ทราบเลยว่า
แท้จริงแล้ว ชื่อเดิมของโศกคือ อโศก
ที่หมายถึงไม่มีความโศกเศร้า
มะละกอ มะละกอ
ที่ลุงสอนบอกผมว่า
เป็นพืชล้มลุกอีกชนิดหนึ่งซึ่งมีชื่อ
ที่ส่งไปในทางที่ไม่ค่อยจะดีนัก
เพราะบางคนเชื่อว่ามะละกอนั้น
เหมือนกับการแตกออกเป็นกอ
หรือ ละ จากเผ่าจากกอ
หากบ้านไหนปลูกมะละกอ
เอาไว้ในบริเวณบ้านแล้วล่ะก็
บ้านหลังนั้นก็จะไม่มีความสุข
เพราะลูกหลานจะแตกแยก
ออกไปเป็นกลุ่มๆ
มีความคิดที่ขัดแย้งกัน
ต่างก็คอยจะทะเลาะเบาะแว้ง
จนหาความสุขไม่ได้
หากจะปลูกไว้เพื่อเก็บรับประทาน
ก็ควรปลูกไว้ริมรั้วนอกบ้าน
มิได้ห้ามปลูกโดยสิ้นเชิง
เพราะมะละกอขึ้นง่าย
และทนทานดีมีประโยชน์มิใช่น้อย
เต่าร้าง ก็อีกต้น
ต้นไม้ที่คนไทยเชื่อกันว่า
จะส่งผลที่ไม่ดีแก่ผู้ปลูกนั้น
มักจะมีชื่อที่ค่อนไปในทางที่ไม่ดีนัก
ในกรณีของต้นเต่าร้างก็เช่นกัน
ถือว่าเป็นอัปมงคลนาม
เชื่อกันว่าหากสามีภรรยาคู่ใด
ปลูกต้นเต่าร้างเอาไว้ในบ้าน
ก็อาจจะต้องเลิกราหย่าร้างกันไปก็เป็นได้
เพราะชื่อเต่าร้างนั้น ก็แสดงไปในความหมาย
ของการเลิกร้าง-ร้างรา หรือหย่าร้างอยู่แล้ว
ดังนั้น จึงไม่เหมาะที่จะปลูกต้นไม้ชนิดนี้
ไว้ในบริเวณบ้าน เพื่อครอบครัวของคุณ
จะได้มีแต่ความสงบสุขตลอดไป
ชบา ชบาก็เป็นต้นไม้อีกชนิดหนึ่ง
ที่มีผู้นิยมนำมาปลูกไว้
ในบริเวณบ้านมากพอสมควรเลยทีเดียว
เพราะชบา
มักจะออกดอกบานสะพรั่ง
อยู่ตลอดเวลา และสีของดอกก็ยังมีให้เลือกมากมาย
ทั้งสีแดงสีเหลือง ขาว ชมพู ส้ม
ดูเพลินตายิ่งนัก
แต่ในสมัยโบราณนั้น
ไม่นิยมปลูกต้นชบาเอาไว้ในบริเวณบ้าน
เพราะดอกชบานั้น
มักจะถูกนำไปใช้เมื่อเกิดเรื่องที่ร้ายๆ ขึ้นเช่น
นำดอกชบามาร้อยเป็นพวง
ไปสวมคอนักโทษ
ที่กำลังจะถูกประหารอีกด้วย
หากจะปลูกก็ควรไว้นอกรั้วบ้าน
และ..เพียงแค่นี้..
บางที..
ผมก็แสนตลกกับความคิดโบราณของลุงสอน
หากทว่านี่..คือสิ่งที่พอจะอนุโลมได้
เนื่องจากผมแค่มาใช้ชีวิตในวันหยุด
ผม..คิดว่าหากผมมาอยู่จริง
ก็คงค่อยว่ากันอีกทีนึงว่า
ผมจะต้องคิดเพียรใช้วิธีไหน
ดัดไม่แก่ ที่มีค่านิยมที่แสนแปลกนักสำหรับคนรุ่นใหม่
ที่รักทุกพันธุ์ไม้ไทย
และ....
มีทัศนเห็นว่า
ไม่ว่าต้นไม้อะไรๆก็ดีไปหมดทั้งนั้น
เพราะ....
คืออัญมณีไพรแห่งผืนดิน..
มิให้โลกแล้งไร้ไปเสียสิ้นเสียหมด
และ
ยังดีที่อีกด้านของที่ดินนั้น
ลุงสอนและลูกชายคนขยัน
ต่างพากันทำไร่ตามฤดูกาลเช่นไร่ข้าวโพด ไร่ถั่ว
ไร่มันสัมปะหลัง
และ
ก็ได้พากันลงพืชผักสวนครัวไว้จนกินไม่หวาดไม่ไหว
ต้องหาทางนำไปจ่ายแจก
รวมทั้งพวกสมุนไพรไทยมากมาย
ที่บางครั้งได้ใช้รักษาโรคแบบ
ไม่มีผลข้างเคียง
ที่มีสรรพคุณมากมาย
ตามที่ลุงสอนเพียรเฝ้าเล่าสอนให้ผมฟังว่า
รากต้นหางกระรอก.....
รสจืด ฝนทาและรับประทาน แก้พิษงูขบกัด
หัวอัญชันป่า ..
รสเย็น ถอนพิษทั้งปวง แก้พิษสุนัขบ้ากัด
พนมสวรรค์(ดอก, ต้น)
รสเฝื่อน แก้พิษตะขาบ แมลงป่อง แก้พิษฝี
นาคราช (ไส้หนุมาน)
รสเย็น เผาพอกแก้พิษงู ตะขาบ แมลงป่อง ถอนพิษทั้งปวง
ใบบุนนาค
รสฝาด สมานบาดแผลสด แก้พิษงู
รากโปร่งฟ้า
รสเฝื่อนเย็น แก้ตามัว ตาฟาง แก้พิษงู พิษสัตว์กัดต่อย แก้วัณโรคชนิดบวม
รากประยงค์ป่า
รสฝาดเฝื่อนเมา ถอนพิษทั้งปวง
แก้พิษเสมหะ
แก้หอบเนื่องจากปอดพิการ แก้ไอ แก้พิษสุนัขบ้า
ใบผักคราดทะเล
รสเฝื่อน แก้โรคผิวด่าง
แก้แผลฟกช้ำ แก้พิษแมลงกัดต่อย แก้เส้นเลือดขอด
ใบผักบุ้งทะเล
รสขื่นเย็น ถอนพิษลมเพลมพัด
แก้จุกเสียด แก้ไขข้ออักเสบ แก้คัน
ชะล้างบาดแผล ทาแผลเรื้อรัง
แก้พิษแมงกะพรุนไฟได้ดีรากโลดทนงแดง
.................
............
และณ.......
บัดนี้ไม่ว่าสมุนไพรหรือพันธุ์ไม้เกษตรอะไร
เราคนไทย
ควรได้ระมัดระวัง ว่าจะมีฝรั่งหรือคนต่างชาติ
แสนฉลาดมานำพันธุ์ไป
และ
ไม่ทันไรกลับไปจดลิขสิทธิ์...
ยามที่ผลิตออกมาเป็นยาแล้ว
ให้ใจเราแป้วด้วยปวดร้าวเศร้าลึกเลย..
แบบบทเรียนจากเปล้าน้อยละห้อยใจให้แสนหวนหา
ที่จู่ๆมานำทรัพยากรเราอันแสนล้ำค่าไปเแยบยล
ราวกับของตัวเองก็มิปาน...ประมาณนั้น..ประมาณนี้..
และ
นี่คือโลกที่รานรุกด้วยเทคโนโลยี่ทางพันธุกรรม
ใครดีใครได้...มือใครยาวสาวได้สาวเอา
ไม่ละอายใจ
ทั้งๆรู้ว่าของๆใคร..ของๆเขา จะเอาไปเสียอย่าง..ใครจะทำไม..
...........
..........
ผม...ค่อยๆพาตัวลัดเลาะเดินเลียบลำธารสายงาม
ตามผมมาด้วยคือสุนัขพันธุ์ไทยชื่อเจ้า..เสือ
ที่ดุพอกันและฉลาดล้ำน่าดูหากมีผู้บุกรุกเข้ามา
ก็อย่าหวังเลยว่าจะรอดคมเขี้ยวไปได้
ใจดวงดายเดียวของผมเริ่มเข้าที่เข้าทาง
สัมผัสกับความงามรายรอบ
ที่พาให้ผมรู้สึกแสนดีเสียเหลือเกิน
นั่น..
สักทองต้นใหญ่อีกแล้ว
ที่กำลังออกดอกไสวแพรวพราย
ขาวพร่างละมุนช่อ..รอร่วงราย
สักทองต้นไม้...
ที่ชื่อมีความหมายราวสักหรือสักกะนั้น หรือคือพระอินทร์
ผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ที่สุดในสรวงสวรรค์
นอกจากนั้นคำว่า สัก ยังพ้องเสียงกับ ศักดิ์
ซึ่งหมายถึงยศถาบรรดาศักดิ์ เกียรติศักดิ์
แล้วยังนั่น...
ดงต้นแสงจันทร์พรรณราย
ที่ลุงสอน...เพียรบอกผมว่า
ให้นำพามาปลูกเอาไว้ชิดชายตลิ่ง
เพราะเป็นไม้งามราวสาดแสงสีนวล
ที่ดูเย็นตาเย็นใจราวดวงจันทร์ขวัญฟ้า
ให้คนเราได้พากันชื่นชม
ต้นแสงจันทร์ก็เช่นกัน
หากในค่ำคืนที่แสงของดวงจันทร์ สาดส่องมา
ต้องใบงามของมัน
ก็จะเกิดความงดงาม
เป็นสีนวลเปล่งประกายจับตาจับใจยิ่งนัก
บางคนถึงกับเปรียบเทียบ ความงามของต้นแสงจันทร์
กับรัศมีสีนวลผ่องของดวงจันทร์ว่า
มีความงดงาม อบอุ่น อ่อนโยน เทียบเท่ากัน
คนโบราณเชื่อว่า ครอบครัว
ที่ปลูกต้นแสงจันทร์ไว้ภายในบริเวณบ้าน
จะได้รับอิทธิพลของต้นไม้ชนิดนี้เช่นกัน
โดยจะส่งผลให้สมาชิกทุกคนภายในบ้าน
มีจิตใจที่เยือกเย็น อบอุ่น อ่อนโยน
มีกิริยามารยาทที่เรียบร้อย สุขม เย็นตาเย็นใจ
ราวกับสีเหลืองของดวงจันทร์
ที่ทำให้ใครต่อใครต้องหลงใหล
ไม่มีความก้าวร้าวร้อนรน เข้ามาแผ้วพานได้เลย
..........
ไหนจะ....
ดงดอกทองกวาวกำลังเบ่งบานสะพรั่ง
สีแสดแดงแรงร้อนไปทั้งราวป่า
อินทนิล..หว้า คล้าน้ำ เคลียตลิ่ง
จิกน้ำกำลังทิ้งพวงพราว
ลงพรายพรมห่มไปทั้งท้องธารให้หวานด้วยสีชมพูแฉก
ที่กำลังค่อยๆแหวกว่ายหมุนวนไปตามเกลียวสายชลแสนฉ่ำเย็น
.........
........
ร่างผม..เริ่มรู้สึกเมื่อยล้า..จากค่อยๆ
วักน้ำในลำธารแสนหวานมาล้างหน้าให้สดชื่น
กลับกลายเป็น...
ใจผมอยากสัมผัสเกลียวกลม
ไปกับพลังหอมห่มแห่งสายน้ำอันแสนใสฉ่ำเย็นนั้นทั้งร่าง..
ผมจึง...ค่อยๆถอดเสื้อออกจากตัว
แล้วพาร่างลงไปแหวกว่ายดำผุดดำว่าย
นอนลอยตัวเหนือสายน้ำพร้อมหลับตานิ่ง
ทิ้งร่างใจให้เป็นหนึ่งเดียวกับสายธาราแห่งรักนิรันดร์
นาทีนั้นราวร่างผม
ราวกับถูกเคลียไคล้ได้รับแรงรักปลอบประโลมดวงใจ
ให้แสนสุขล้ำเกินรำพันรำพึง
ผม..ได้รับกลิ่นแสนหวานซึ้ง
จากรวงดอกจิกสีชมพู
ที่กำลังพรูพร่างลงในท่ามกลางความงามเงียบ
ให้หัวใจผมยิ่งเย็นเฉียบแสนฉ่ำชื่นอย่างที่สุด
ผม..รู้แล้วว่าทำไม
คนเรานั้นสมาธิปัญญา
จะพลันเกิดได้เมื่อจิตนั้นได้พลีฝันรับฝึก
ให้รู้หยุดนิ่งทิ้งทุกอย่างวางว่างราวไร้ร่าง
ให้มีเพียงกำหนดรู้..
แค่ดูลมหายใจตามลมหายใจว่ายังไหวแผ่ว
และแผ่วผ่านปานอณูละออละเอียดละเมียดนวล
จนในที่สุด..จิตผมนั้นราวกับ
ถูกพลังแห่งความลึกลับ
พาให้ลอยตัวสูงขึ้นไปในห้วงอนันตกาล
อันคือความว่างราวไร้ขอบเขต ไม่มีที่สิ้นสุด.......
กระทั่งลมหายใจสะอาดบริสุทธิ์นั้น
ได้พลันพาร่างให้ผมได้สัมผัส**ทิพยนิรมิตในฝัน**
สวรรค์ในอกในจิตใสจากบ้านภายในผมเอง
อันคือราวแดนสวรรค์สรวง
คือบึงบัวพร่างในท่ามทิวทิพย์เมฆ
เสกสายแสนหวานตระการจรัสเรืองราวสายรุ้ง
นี่ละกระมัง
ที่เรียกกันว่า..*พลังปิติเกษมมหัศจรรย์แห่งจิต*..
ที่ทุกชีวิตต่างอยากค้นพบ..
หากมิมีวัน
ตราบใดที่ใจยังไม่สว่างสะอาดสงบ
จะไม่มีวันสยบร่างให้ลอยห่างเหนือโลกย์โศกเศร้าได้เลย
ผม...ทำจนเคยกับการฝึกนิ่ง
และผสานลมหายใจแห่งดวงชีวี
ให้เป็นหนึ่งเดียวกับทุกสรรพสิ่งที่เป็นธรรมชาติ
จนในที่สุด..
ผม..รู้ทางที่จะนำจิต
ไปพบแสนสว่างพร่างพราวนั้นแล้ว
และ
คือราวอัญมณีเพชรแพรวพรรณรายฉายฉันท์
ให้คอยส่องนำกระจ่างสว่างจิต
และให้ผม..สนิทแนบแน่นกับธรรม จนล้ำลึก..ลึกล้ำ
และ
ทำให้ผมมีขวัญกำลังใจเพียรภาวนามิหยุด
เพื่อที่จะรู้หยุดคิด..มิรับผัสสะใด
มิไหวครวญนาน
มิรานร้าวเศร้ากับขยะใดจากใจคน
ที่กมลยังรกเรื้อ
ให้ครองเนื้อนวลใจจนหมดใสสิ้นงาม
ผม..กำลังทราบด้วย..ฌาณ..ว่า..
กุศลแห่งการรักษาศีลทานอย่างบริสุทธิ์
การมิยอมหยุดฝึกภาวนาสร้างสมาธิพาให้ผมพบ*ปัญญาบุญ*
ที่จะน้อมหนุนนำให้ผมเดินมิผิดทาง
ได้ตามรอยธรรมรอยทองรอยพระพุทธบาท
ที่ยาตรานำทางไปก่อนหน้าแล้ว
สู่แดนดินเมืองแก้วแพร้วพร่าง
สว่างใสไร้สุขสิ้นทุกข์ใดจะหมายมากรายกล้ำ
ทำร้ายให้จำต้องเวียนว่ายในวัฎฎสังสารอีกต่อไป..!!
........
..........
ผม...จำต้องดึงจิตกลับมา
กับตะวันลาตะวันดวงโพล้เพล้
ในยามนี้....
ที่ทั้งราวไพร
กำลังบรรเลงดนตรีแสนใสเย็นแสนวังเวง
หากงามใจเป็นที่สุด
ผม...ได้ยินเสียงนกกา
ได้ยินเสียงดุเหว่าแว่ว
ได้ยินราวเสียงสิงสาราสัตว์นานา..กำลังกู่ก้องปองรักเพรียกหา
พากันกลับรวงรังแห่งรัก
ให้หัวใจยิ่งงามเหงาล้ำลึก
เพิ่มรู้สึกแสนวังเวงเงียบงาม...
ผม...
ค่อยๆเดินหันหลังลาสายน้ำแสนใสหวาน
ในท่ามกลางฟ้าระเรื่อเจือสายแสงสีส้มสุก
แจ่มจรัสพรายรัศมีสีชมพูประปราย
ที่งามคล้ายฉากแห่งสวรรค์สรวง
ผม.....
รักความงามยามตะวันตกดิน
อาจจะเป็นเพราะ
ในยามเยาว์ทุกคราที่ผมเหงาเศร้า
ผมจะเฝ้าไปนั่งริมทะเล
ที่บ้านเกิดอย่างเหว่ว้าดายเดียว
เพื่อรอคำอำลาจากดวงตะวัน
ที่จะค่อยๆผันดวงเคลียไคล้ผืนน้ำ
ราวกับจะให้รับรู้ถึงความอาวรณ์อาลัย
ต่อทุกผืนฟ้าแลหล้าโลกน้ำทะเล
ยามนั้น....
ผมจะนั่งนิ่งน้ำตาซึม
และ..
ในก้นบึงดวงใจดวงนวลของผมจะ
ราวได้ยินเสียงกระซิบ สอน
จากฉากตอนแห่งความพรากจากอันแสนยิ่งใหญ่นั้น
ราวผมจะ..ได้ยินคำจากสวรรค์เบื้องบน
ทรงเมตตากรุณา..
มาสอนสัจจะใจสัจจะจริง
*สัญญาแห่งฟ้าดิน*..ให้ได้รับรู้ว่า
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าสิ้นหวัง
ให้รอตะวันยามอรุณรุ่ง ที่จะมาถึง..
มาเยือนแย้มแต้มพลังหวังหวานให้เราเสมอ
และ..มาตรแม้นถึงกาลจำพรากลา
ก็ราวกับว่ายังทิ้งความงามกว่างามแสนล้ำเลอค่าฝากไว้
ราวกับบอกว่า
*จงทำหน้าทุกนาทีของเจ้าอย่างมีคุณค่า
ฝากไว้ในหล้าก่อนจะลาลับ..ดับมอดดวง..
และพลัน..พลีรู้หน้าที่ที่จะคืนมาใหม่
และ..
กาลเวลาชีวิตก็เช่นเฉกกัน
ย่อมมีเกิดแก่เจ็บตายราวว่ายวนวงกลับมา..
หากทว่าสิ่งสำคัญคือ
ให้รู้ทันเท่าเฝ้าเพียรพบจบชีวิต
ภายใต้ร่มเงาพระรัตนตรัย
อย่า..!
ให้เสียทีที่ได้เกิดมาในร่มเงาพระพุทธศาสนา
ที่แม้นฝรั่งมังค่า
ก็ยังรู้ค่าตระหนักค่า
ว่า..
*ฟ้าพุทธภูมิ..*นั้นแสนงามเพียงไร
ไม่นับคำสอนยิ่งใหญ่
ที่จะพาเพียรจบพบทาง..
แห่งความเบาสบาย..ไร้ร่าง..วางว่าง..และแสนสว่างสะอาดสงบ
สยบทุกข์ได้อย่างจริงแท้..
..............
..............
ผม..เอื้อมมือเด็ดดวงดอกพุดไพรดอกไม้ในดวงใจแสนรัก
มาสามสี่ดอกจากรวงช่อกอไสวใบเขียวพร่างริมทาง
ตั้งใจจะมาวางเคียงหมอนที่นอนนวลนุ่มขาว
ให้หวนหอมพราวเศร้า..ซึ้ง
อาบเอิบใจ..อิ่มใจ..
และ
กลับมา..นอนเงียบเหงาฟังเสียงเรไรร้อง
เสียงสายน้ำซอนเซาะโตรกผาหิน
ได้ยินเสียงส่ำสัตว์ที่เริ่มจางหายไป
ราวกับ..ณ..บัดนี้กำลังพักผ่อน
รอฉากตอนต่อสู้แห่งวันใหม่
เพื่อเตรียมพลังใจออกล่าเหยื่อในไพรพง
ที่คงพอกันกับผู้คนในดงมนุษย์เมือง..
......
.......
หัวใจผมเริ่ม...
เบาสบายแสนว่างงาม
กับแสงเทียน....
ที่วางไว้เหนือหัวนอนในตะเกียงทองเหลืองโบราณ
วับแวม พรายพราวแสงจับเรียวนัยน์ตาผม
ที่กำลังซึมซึ้งกับทุกสรรพสิ่งลำพัง..
ที่ผม..กำลังแสนสุขสงบใจอย่างที่สุด
ผม..ได้ยินเสียงแมกไม้ไหวเอน
เสียงดงดอกหญ้ากำลังระเนนร่างพ้อล้อสายลมไหว
เสียงพายุใหญ่..กำลังจะพัดผ่านมา
เสียงฟ้าฝนหลงฤดู
ที่กำลังจะปรายโปรยโรยละออละออง
ไปทั่วท้องไร่ท้องนาทอง
ห้วยหนองคลองบึง
ให้ทั่วถึงผืนหล้าฟ้าไทยให้ได้พบใสรื่นชื่นฉ่ำเย็นอีกครา
ฤา...
ราวหยาดจากฟ้า
จากหยาดน้ำใจพระราชหฤทัยราวน้ำค้างเพชร
หากทว่าที่มาคือฝนเทียม...
หรือฝนหลวง.....อันคือห่วงใยพันผูก
ให้ชาวนาไทหัวใจทองได้พากันปลูกรวงเรียวแห่งรัก
ด้วยภักดี..พลีเพื่อผองชนคนไทยได้มีกิน..กันตาย...ไปตราบนานเนานิรันดร์
และราว
กับรับรู้ซึ้งถึงหัวใจลูกผู้ชายคนนี้
ที่ชอบนอนฟังเสียงฝนครางฟ้าครวญ
ให้ใจดวงนวลแสนอิ่มงาม
อ่อนโยนอ่อนหวานอย่างที่สุดแล้ว
ผม...ค่อยๆกางหนังสือบทกวีธรรม ธรรมชาติ
จากบทประพันธ์ของกวีในดวงใจ..
และไล้สายตาไต่ไปช้าๆ
ให้จิตไสวไปตามอักษราภาษาฝันที่แสนงาม
ด้วยสุนทรียรสอันหมดจดใจ
ในท่ามกลางแสงเทียน
เสียงสายฝนพร่าง
ที่พาสายฝันให้พลันบรรเจิดจิตแจ่มกระจ่าง
และ
นี่คือสวรรค์..วาง .ว่าง
สำหรับหัวใจชายชาติไพรใจดวงทรนงคงมั่นไร้พันธนา
และ
จักหอมสนิทในนิทรา...
ตราบจนกว่า...
จะถึงยามอรุณรุ่ง..
รับกรุ่นกลิ่นดอกไม้ไพรดอกไม้ป่าสะพรั่งริน
กับหยาดน้ำค้างพลิ้วพร่างพลิกพริ้งกลิ้งกลางกลีบใบ
ให้หัวใจได้รู้ถวิล..มิสิ้นรัก..ใน..ทุก..อัญมณีไพร.....!!!
........
.........
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ
พระเอกยังไม่ได้เข้าเล้าไก่ลุ้นไก่ให้ฟักไข่เลยค่ะอิอิ!!!!!
........
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song219.html
เดือนต่ำดาวตก
เดือนต่ำดาวตกเสียงนกละเมอ
เผลอร้องกลางดึก ดวงจิตระทึก
พี่นึกว่าเป็น เสียงเธอ
ผวา มองจ้องตามเพียงครู่
รู้ตัวว่าเก้อ ต้องกลับมาเพ้อ รำพึง
เงาไผ่หรุบหรู่แหงนดูเดือนต่ำ
น้ำค้างร่วงกราว
ใจยิ่งปวดร้าว ยามไร้เธอเคียง คนึง
ความรักที่เคยชื่นทรวงใจซ่าน
หวานดังน้ำผึ้ง
แปรเปลี่ยนบึ้งตึงเหมือนเดือนเลือนลา
แม้ท้องฟ้าไร้
ทั้งดาวและเดือนก็เหมือนพี่นี้
ไร้คู่ชีวี นอนแนบนิทรา
เหมือนคนไม่มีหัวใจ ได้แต่ผวา
เสียงลมพริ้วมานึกว่าเสียงนาง
เดือนต่ำดาวตกเสียงนกละเมอ
เผลอร้องครั้งใด
พี่แทบคลั่งไคล้คิดถึงทรามวัย มิวาง
ผวากายหมายโลมเนื้อเกลี้ยง
พบเพียงหมอนข้าง
แทนที่แม่นางน้องเจ้าเคยนอน
แม้ท้องฟ้าไร้
ทั้งดาวและเดือนก็เหมือนพี่นี้
ไร้คู่ชีวีนอนแนบนิทรา
เหมือนคนไม่มีหัวใจ ได้แต่ผวา
เสียงลมพริ้วมานึกว่าเสียงนาง
เดือนต่ำดาวตกเสียงนกละเมอ
เผลอร้องครั้งใด
พี่แทบคลั่งไคล้คิดถึงทรามวัย มิวาง
ผวากายหมายโลมเนื้อเกลี้ยง
พบเพียงหมอนข้าง
แทนที่แม่นางน้องเจ้าเคยนอน...