22 ธันวาคม 2551 12:32 น.
พุด
ขวัญยังงดงามท่ามโลกลวง
มายาบ่วงวิบากกรรมย้ำรอยแผล
สัจจธรรมพบความจริงสิ่งเที่ยงแท้
เพียงมิแพ้ยอมพ่ายหมายฝากดี
ลมพัดใบไม้ไหวรอโรยร่วง
ประดุจปวงสรรพสิ่งชนม์ชีพนี้
สลายลาฝากเพียงค่าแห่งชีวี
หวังพร้อมพลีเมตตาวอนฟ้าดิน
อดีตเก่าเคยเหน็บหนาวสักเท่าไร
รู้ทำใจให้สว่างกระจ่างสิ้น
อยู่กับวันนี้ให้เงียบงามดวงชีวิน
ให้สายธารธรรมระรินเย็นชื่นตื่นเบิกบาน
เป็นบัวพุทธผุดชูช่อรอแสงทอง
ให้สาดส่องนำทางอย่างกล้าหาญ
ลบลาโศกเลือนเศร้าเคยร้าวราน
ทิ้งวันวารรับวันชื่น...คืนสุนทรีย์จากนี้ไป...!
...........................................
21 ธันวาคม 2551 18:38 น.
พุด
หลับตาสิคนดี
ฟังสรรพเสียงโลกนี้จากใจใส
ได้ยินเสียงนกร้องในดวงใจ
เสียงเพลงไพรบรรเลงกล่อมหอมดอกไม้
ยินเสียงสายธารแอบกระซิบ
กับระยิบดารารายพรายสุกใส
กับสายลมพัดครวญข้ามฟ้าไกล
ถึงบางใครแสนรักเอยแสนรักในกมล
แค่ระยะทางที่ขวางกั้น
จิตรวมกันด้วยแรงบุญแรงกุศล
อธิษฐานจิตฟ้าดินบันดาลดล
ให้คุ้มขวัญกมลคืนกลับมา
หลับตานะคนดี
รอเดือนปีผ่านไปถวิลหา
คนทางนี้ไม่ท้อรอเวลา
รอนางฟ้าคืนสู่อ้อมขวัญนิรันดร.!
20 ธันวาคม 2551 14:25 น.
พุด
เห็นดอกบัวงามท่ามสายฝน
งามเสียจนแลเห็นโลกแสนอ่อนหวาน
กลีบละมุนรับหยาดละอองผลิแย้มบาน
ตะวันพรายฉายฉานปานสายรุ้ง
รายรอบปานประหนึ่งพสุธาทิพย์
โอบด้วยฟ้าขลิบทองอันเรืองรุ่ง
ดูทุกสิ่งด้วยดวงใจจรัสจรุง
ฟ้าวันพรุ่งรอรับสายธารใจ
ให้แผ่นดินไทยแผ่นดินทองสิ้นหมองหม่น
ให้ชีพชนม์พบทางสว่างไสว
ให้รู้รักษ์สามัคคีประสานใจ
ธำรงไทไว้ให้มั่นขวัญอิสรา
ประชาธิปไตยยังใหญ่ยิ่ง
เหนือทุกสิ่งหลอมรวมชนทั่วหล้า
สืบทอดชาติ ศาสนา กษัตรา
มงคลหล้าสงบงามนิยามไทย...
18 ธันวาคม 2551 21:03 น.
พุด
เดินเดียวดายดูเดือนในยามดึก
ลึกลึกแลเห็นโลกแสนโศกศัลย์
พสุธาทองในครองฝันงามมหัศจรรย์
หวังสายรุ้งแสงตะวันยังพร่างพราย...!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song304.html
ใน...ราตรีหนึ่ง
ไพลนั่งดายเดียวเดียวดาย
ดูไฟพริบพราวบนตึกสูง..สูงลิ่ว
กับลมหนาวละลิ่วละล่องมาปะทะร่างราน....
แลละลิบลงเบื้องล่าง แลรายรอบราวเมืองสวรรค์ฝันสับสน..
กับชีวิตผู้คน..อลวนอลเวง..ในเมืองลวง และ..
รอดาวนำทางใจศรัทธาใจดวงไกล
ที่กำลังลอยละลิ่วปลิวด้วยลมรักลอยมาหา
มาปลอบประโลมใจ
ยามที่ไพลราวธุลีเล็กนิดเดียว
ในโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้
ที่ไพลเฝ้าเพียรแต่สงสัย ถามใจตัวเองว่า..
จะมอบนิยามใดให้แก่โลกใบนี้ดี..ละหนอ ละหนา
ที่มีทั้ง ดิ้นรนเหว่ว้าสับสนต่อสู้
สุขแสนสุขในบางมุมของโลก
และโศกแสนโศกโลกแทบสะเทือนไหวในบางชีวาชีวิต
ที่ถูกลิขิตไปตามกาลไปตามแกน
ความงามซ่อนอยู่มากมาย
ความชั่วร้ายก็ซ่อนอยู่มากมี
สุดแต่ใจเรานี้จะไขว่คว้าและ
ชะตากรรมนำพาหมุนวนให้ไปพานพบกับสิ่งใด
บางวันสุขล้นหัวใจอยู่ดีดี..
พออีกนาทีต้องมานั่งเศร้าดายเดียวลำพัง
น้ำตาพร่างพลันพรู
ร้างไร้ผู้ใดรู้เห็น....
โอ้ช่างไฉนเลย สวรรค์เอ๋ยสวรรค์ลา สวรรค์ปิด
........
ไพลจึงพลันคิด..
ฝันใฝ่
ใส่จินตนาการงาม..ให้..เมืองมลังเมลือง
เบื้องล่างนั้น
คือเมืองสวรรค์ในฝัน....
ที่มีแม่น้ำเนรัญชราไหลผ่าน
มีม่านหมอกราวสายไหม
มีดวงดอกไม้หวานแอร่มแต้มไพรระดะดวง
มีเส้นทางสายงามทอดทาบราวอาบทองทา
นำพาไปสู่ป่าหิมพานต์
ณ.แดนดินแห่งมนต์ขลัง
เป็นป่างามสะพรั่งพรรณตระการตา
มีดวงดาราพร่างดาระดาดกระพริบพราว
มืทางช้างเผือกงามอะคร้าว
ราวรุ้งเรียวรอรับร่างขึ้นไปไกวชิงช้าเมฆ
เสกรวงดาวหว่านพราวพร่างพรมห่มให้โลกงามเลยค่ะ..
ไพล..พรรณนายากจังเลย
หากวาดเป็นภาพออกมาได้คงดีนะคะ.... .
หยาดน้ำค้างพร่างพรมลมลูบไล้
แสงจันทร์ฉายคลายเศร้าคอยเฝ้าขอ
ไกวชิงช้าเมฆเสกรวงดาวพราวสร้อยคอ
คล้องขวัญรอขอเกี่ยวใจไปนิรันดร์...
ไพล.. ใส่เสื้อหนาวชาวเขา
ออกมานั่งรอดูดวงดาวแห่งศรัทธารัก
หวังจักโชนแสงส่องมาปลอบประโลมใจ ในยามเหว่ว้า
และดาวในดวงชีวาก็พลันส่องกระจ่างกลางใจ
ดาวประจำใจดาวประจำเมือง..แห่งรักเราสอง
รอหัวใจไพลลอยละล่องติดปีกฝัน
พลันสู่ไพรพฤกษ์พงเลยค่ะ.
ในฝัน ไพลนุ่งผ้าถุงชาวเขาผืนงาม
และคลอคล้องร่างห่มพรายให้หนาวคลาย
ด้วยผ้าไหมทอทอดสอดดิ้นทองสีไพล..
และ
บนภูผาสีเงิน ที่ใกล้แสนใกล้
ราวเอื้อมมือคว้าดาวสุกใสเอามาใส่อุ้งมือได้
ไพลมีเขาคนนั้นยืนนิ่ง
ให้พิงไหล่อยู่ในอ้อมโอบอ้อมอกอุ่นละมุนหอมหอมหอม
ทั้งกรุ่นกลิ่นดอกไม้ไพร.
และกลิ่นอุ่นไอไออุ่นจากอ้อมอกแนบละมุนละไม..
ไปถึงหัวอกหัวใจให้หนาวคลาย..ให้คลายหนาว
และใครคนนั้นพลันชี้ชวน
ให้ไพลชมทางช้างเผือก
ไพลกระซิบขออธิษฐานใจ....
ใครละหนอ ใครกันละนี่ ที่จะได้รับรู้รับทราบ
หรือ..
อาจมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้ยินได้ฟัง..
พระเอกในฝันในใจ
หรือมีเพียงใจดวงเศร้าร้าวไหวของไพลได้ยินคำดายเดียวลำพัง.. .