31 สิงหาคม 2552 22:56 น.
พุด
สวนในดวงใจนกไพรขับขาน
ดอกไม้บานรับแสงทองในอุษา
บัวบึงยังตราตรึงริมท้องนา
นวลนภางามไสวในใจดวง
วันชื่นคืนช้ำย้ำรอยโศก
ธรรมดาโลกฝากรักเคยห่วงหวง
ใช่จีรังหวังหวานปีลาล่วง
สัจจะลวงนิรันดร์รักภักดิ์มายา
ตื่นจากฝันแสนหวานกาลกลายกลับ
ใจยอมรับเงียบงามตามประสา
ใจดวงเดิมเพิ่มบทเรียนสอนชีวา
รู้ซึ้งค่าในดวงจิตชีวิตวน
ดวงดอกธรรมผลิตระการบานชูช่อ
งามละอออวลอุ่นบุญกุศล
อธิษฐานวอนไหว้ฟ้าดินดล
ให้กมลรู้วางว่างกระจ่างใจ....!
.............................
เส้นทางสายสวนฝันสวรรค์ไพร..!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4258.html
(ณ..วันนี้)
หยดน้ำ..พาร่างในผ้าซิ่นลายดำสลับแดงราวสาวล้านนา
กับเสื้อผ้าเปลือกไหมสีนวลไข่ไก่ไหล่ล้ำ
ค่อยๆเดินช้าๆ
ไปตาม..*เส้นทางสายสวน*สายฝันสวรรค์งาม
เพื่อไปวัด...
เส้นทางที่...
ยังพร่างไปด้วยแมกไม้ใบระยิบ
พลิกพรายพร่างฟ้อนอ้อนสายแสงตะวัน
ยามสะท้อนเสียดยอดออดอ้อนเวิ้งฟ้า
เส้นทางที่...
พาให้หัวใจดวงนิดดวงน้อยของหยดน้ำ
ยิ่งนวลใสนวลใยยิ่งแสนงามสงบสุข
หยดน้ำ...
แหงนเงยมองยอดไม้แล้วแย้มยิ้มยินดี
ที่เกาะที่เธอรักแสนรักนี้
ยังคงมีพันธุ์ไม้เมืองร้อนนานาพรรณ
ที่พากันขึ้นเซาะซอนซ่อนซ้อนสลับราวป่าดงดิบณ..กลางเกาะ
งามอย่างพงพฤกษ์ไพรแสนเฉิดฉันท์ราวสวรรค์สรวง
ที่ยังพาให้ดวงใจได้รับพลังสดกระจ่าง
ราวกับยังมีอัญมณีทิพย์เขียวไสไพรมณีซุกซ่อน
มิร้อนแล้งไร้ดั่งโลกรายรอบ....
เธอจึ่งรำลึกนึกถึงบทกวีที่แสนงามพอกัน
ที่พากันไหลหลั่งมาประโลมใจในนาทีนี้
................
วุ้งเวิ้งชะวากผา.....................................ฆนแผ่นศิลาสลอน
ช่องชานชโลธร......................................ชลเผ่นกระเซ็นสาย
ปรอยปรอยประเลห์เห-........................ มอุทกพะพร่างพราย
ซาบซ่านสราญกาย................................กระอุร้อนก็ผ่อนซา
ท่อธารละหานห้วย................................ ก็ระรวยระรินวา-
รีหลั่งถะถั่งมา........................................บมิขาดผะขาดผัง
ไม้ไล่สล้างชม........................................ขณะลมกระพือวัง-
เวียงเสียงก็เสียดดัง.............................. ดุจซอผสานสาย
แสนสาธรารมณ์.................................... จรชมก็ชวนสบาย
ใจหงอยก็ค่อยหาย................................ หฤหรรษเหิมหาญ
เซิงสนสล้างพฤก-............................... ษพิลึกลดามาลย์
บงบุษยาบาน.........................................ระบุดอกระดาษไพร
ฉุนโฉมระงมฆาน..................................สุวมาลย์จรูงใจ
ส่งก้านตระการใบ..................................พิศล้วนพิไลพรรณ
ริ้วริ้วพระพายพา....................................สุรภีละเวงวัน
ผึ้งภุมรีสัญ-.............................................จรสูบสุเกสร
ร้องร่อนวะว่อนเชย................................รสเรณุกำจร
เกลือกบุษบากร..................................... ระกะกลีบกระหึ่มเสียง
ที่มา อิลราชคำฉันท์ โดยพระยาศรีสุนทรโวหาร (ผัน สาลักษณ์)
วิเวกการะเวกร้อง.......................รงมสวรรค์
เสนาะมิเหมือนเสนาะฉันท์.......... เสนาะซึ้ง
ประกายฟ้าสุริยาจันทร์..................แจร่มโลก
เมฆพยับอับแสงสอึ้ง......................อร่ามแท้ประพันธ์เฉลย
สรวงสวรรค์ชั้นกวีรุจีรัตน์
ผ่องประภัสรพลอยหาวพราวเวหา
พริ้งไพเราะเสนาะกรรณวัณณนา
สมสมญาแห่งสวรรค์ชั้นกวี
อิ่มอารมณ์ชมสถานวิมานมาศ
อันโอภาสแผ่ผายพรายรังสี
รัศมีมีเสียงเพียงดนตรี
ประทีปทีฆรัสสะจังหวะโยน
รเมียรไม้ใบโบกสุโนกเกาะ
สุดเสนาะสำเนียงนกที่ผกโผน
โผต้นนั้นผันตนไปต้นโน้น
จังหวะโจนส่งจับรับกันไป
เสียงนกร้องคล้องคำลำนำขับ
ดุริยศัพท์สำนึกเมื่อพฤกษ์ไหว
โปรยประทิ่นกลิ่นผกาสุราลัย
เป็นคลื่นในเวหาสหยาดยินดี
ที่มา หนังสือสามกรุง นิพนธ์ พระราชวรวงค์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์
พิกุลบุนนาคบาน.......................กลิ่นหอมหวานซ่านขจร
แม้นนุชสุดสายสมร...................เห็นจะวอนอ้อนพี่ชาย
เต็งแต้วแก้วกาหลง...................บานบุษบงส่งกลิ่นอาย
หอมอยู่ไม่รู้หาย.........................คล้ายกลิ่นผ้าเจ้าตราตรู
มลิวันพันจิกจวง........................ดอกเป็นพวงรวงเรณู
หอมมาน่าเอ็นดู........................ชูชื่นจิตคิดวนิดา
ลำดวนหวนหอมตรลบ...............กลิ่นอายอบสบนาสา
นึกถวิลกลิ่นบุหงา..................... รำไปเจ้าเศร้าถึงนาง
..........................
หยดน้ำ..
เห็นต้นระกำ..ลูกสีแดงสุกก่ำห้อยย้อยขึ้นเป็นกอ
ที่คงอยากพ้อเพื่อนมนุษย์ว่า
*ไฉนมาตั้งชื่อพิลึกไร้มงคลแบบนี้ให้
ทั้งๆที่ใครๆยังมิทันได้ชิมหวาน
ก็พานพาให้หลงเชื่อเบื่อคำว่าระกำ..ว่าจักทำให้ช้ำใจเสียก่อนแล้ว...
และ ...
นั่นกระท้อนต้นใหญ่ใบดกสูงเสียดฟ้า
ที่ทิ้งลูกเหลืองทองผ่องสุก
ให้หลุดร่วงหล่นปนเปรอะไปกับผืนดิน
ที่นกกาก็คงกินมิหมด ถึงยอมปล่อยคว้างอย่างมิเหลียวแล
และ...
แม้กระทั่งมนุษย์ ในเกาะแห่งเศรษฐกิจการท่องเที่ยวแสนดี
ที่ทุกวันนี้
คงไม่ค่อยมีคนละเมียด
มานั่งคว้านมานั่งทำกระท้อนทรงเครื่องฤาแช่อิ่ม
ด้วยคงคิดว่าเปล่าเปลืองเสียเวลา..
หาได้ซึ้งค่าที่จักสืบทอด
ภูมิปัญญาการแกะสลักผลไม้ไทย
อันมีฝีมือละมุนละม่อมละเมียด
ที่แสนเลิศวิไลให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
ดั่งบทเห่เรือชมเครื่องคาวหวาน
บทพระราชนิพนธ์ โดย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒
เห่ชมผลไม้
ผลชิดแช่อิ่มโอ้ เอมใจ
หอมชื่นกลืนหวานใน อกชู้
รื่นรื่นรสรมย์ใด ฤๅดุจ นี้แม่
หวานเลิศเหลือรู้รู้ แต่เนื้อนงพาลฯ
ผลชิดแช่อิ่มอบ หอมตรลบล้ำเหลือหวาน
รสไหนไม่เปรียบปาน หวานเหลือแล้วแก้วกลอยใจ
ตาลเฉาะเหมาะใจจริง รสเย็นยิ่งยิ่งเย็นใจ
คิดความยามพิสมัย หมายเหมือนจริงยิ่งอยากเห็น
ผลจากเจ้าลอยแก้ว บอกความแล้วจากจำเป็น
จากช้ำน้ำตากระเด็น เป็นทุกข์ท่าหน้านวลแตง
หมากปรางนางปอกแล้ว ใส่โถแก้วแพร้วพรายแสง
ยามชื่นรื่นโรยแรง ปรางอิ่มอาบซาบนาสา
หวนห่วงม่วงหมอนทอง อีกอกร่องรสโอชา
คิดความยามนิทรา อุราแนบแอบอกอร
ลิ้นจี่มีครุ่นครุ่น เรียกส้มฉุนใช้นามกร
หวนถวิลลิ้นลมงอน ชะอ้อนถ้อยร้อยกระบวน
พลับจีนจักด้วยมีด ทำประณีตน้ำตาลกวน
คิดโอษฐ์อ่อนยิ้มยวน ยลยิ่งพลับยับยับพรรณ
น้อยหน่านำเมล็ดออก ปล้อนเปลือกปอกเป็นอัศจรรย์
มือใครไหนจักทัน เทียบเทียมที่ฝีมือนาง
................
หยดน้ำ....ยืนนิ่งๆกลางสะพานเล็กๆ
ที่ทอดผ่านลำธารสายงามในอดีต
ที่ณ..บัดนี้...
รกเรื้อด้วยดงหญ้า
ดงไม้นานาพันธุ์
เถาวัลย์พันเกี่ยวเลี้ยวลดแทรกซอนเซาะไซ้ไผ่กอ
ที่กำลังเสียดสีด้วยแรงลมพัดผ่านแผ่วผิวหวิวแว่ว
ให้เกิดเสียงดนตรีธรรมชาติ
ที่ดูราวกับไร้ใครสนใจเหลียวแลอยากฟัง...ในวันนี้ณ..วันนี้..!.
ในมโนนึกของหยดน้ำ..
ได้ยินเสียงตัวเอง
และเด็กๆร้องเพลงเสียงหวานใสลอยลมมา
และ....
ก่อนที่จะพากันกรูเกรียวขึ้นไปคว้าเถาวัลย์โหนเหนี่ยว
ทิ้งตัวลงยังธารน้ำสายใสใหลเย็น ณ.เบื้องล่าง
นั่นภาพเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆ
แก้มอิ่มพรื้มเพราชมพูพริ้งพราว
ผมเปียลีบลู่กวัดแกว่งไปมา
ยามใบหน้าแหงนเงยหัวเราะเริงร่าแสนสนุก
และ..
เรือนผมถูกแตะแต้มด้วยรวงละอองเกสรพราว
กราวร่วงจากดวงดอกจิกสีชมพูพริ้งพร่างพรมห่มหอมงามให้
เธอ....หัวเราะเสียงดัง
ก่อนที่จะพากันแข่งกับเพื่อนๆ
กรูขึ้นบนตลิ่งครั้งแล้วครั้งเล่า
และเฝ้าคว้ากิ่งเถาวัลย์โหนตัว
อย่างแสนสราญบานเบิกใจเป็นที่สุด
เป็นความสราญใจสนุกสนาน
ที่ทำให้หัวใจและร่างเธอได้พร่างด้วยกระแสสายน้ำเย็นใส
อย่างยากจะเลือนลืม...ลืมเลือน....
ในทรงจำ.....
เธอจะค่อยๆลอยตัวเหนือสายน้ำ
ด้วยการทำร่างให้เบาสบายราวไร้น้ำหนัก
และ...
ให้สายน้ำซัดร่าง
พาไปตามเส้นทางสายคดเคี้ยวสู่ทะเลเบื้องล่างแลละลิบ
ด้วยเวิ้งน้ำหม่นมัวสลัวรางในม่านฝน
ที่ยามนั้นด้วยกมลดวงใจใสเยาว์
เธอหาได้หวาดกลัว..หวั่นเกรงไม่
ราวเธอมั่นใจเกินร้อยว่า
*คืบก็ทะเลศอกก็ทะเลคือเพื่อนใจ*
ที่จักไม่มีวันทำร้ายกรายกล้ำเธอ
และกลืนชีวาเพื่อนเธอผู้ใด
หากชีวาชีวิตใคร ยังไม่ถึงคราวถึงฆาต ถึงเวลาชะตาขาด
เธอจะเฝ้านอนดูท้องฟ้า
และให้สายน้ำสายฝนในบางครานั้น....
ซัดพาร่างลอยละล่องไปเรื่อยๆเอื่อยๆอวลงาม
ด้วยดวงดอกโพธิ์ทะเลสีเหลืองละมุนที่ขึ้นอยู่ริมตลิ่ง
และ...
เฝ้าดูพวงเงาะ
ห้อยย้อยแดงดกไปทั่วราวกิ่งอย่างยั่วแย้มให้เด็ดมาชิม
ที่เธอ...ไม่กล้าเหนี่ยวกิ่งเก็บมากิน
เพราะกลัวคำสาปแช่งของเจ้าของสวน
เธอ..แย้มยิ้มกับฟ้ากว้าง
กับสายน้ำเย็นฉ่ำ กับระร่ำรื่นแห่งธารน้ำ สายสงบสุข
ที่ทำ ให้หัวใจอิ่มใส เย็นงามตาม วิถีไพร
และ
กับการกลับมาในวันนี้ที่พาลพาให้ น้ำตาเธอคนดี ปริ่มตา
เมื่อกาลเวลาล่วงผ่านเลย...
เธอ..
จึงแหงนเงยขึ้นซ่อนหยาดน้ำตา
พร้อมกระซิบกับฟ้ากว้าง
กับความดายเดียวแห่งฟ้าดิน
ที่แสนรับรู้รอยอาลัยถวิลในดวงใจอ้างว้าง
ว่า...
เธอยังมิสิ้นอาวรณ์ในเงางามสงบ
แม้ในยามนี้ที่กลับมาพบโลก และวิถีผู้คนที่แปรไป
ในคลองตา...เธอ... เห็นทุเรียนต้นใหญ่สูงเสียดฟ้า
แผ่เรียวกิ่งกว้าง
ใบกระจ่างในพรายแดดสีทอง
ทอทอดลอดโลมไล้ให้แสงเงาพริบพร่าง
ที่ ณ บัดนี้ ห้อยลูกเล็กๆ ใหญ่น้อย
ไปตามกิ่ง แน่นขนัด
รอเวลาทิ้งตัวหลุดร่วง หรือให้เจ้าของสวนมาเก็บไป
ทุเรียนสวนที่หอมอร่อย รสชาติแปลกดี
ที่..
ณ บัดนี้
เธอ พิสวาสเพียงผลงามแปลก หนามแทงแยก ตะปุ่มตะป่ำ
ทั้งลูกเล็กๆ ที่น่ารักนัก
ที่ธรรมชาติหยิบยื่นมาให้
ไม่ว่าสี รูปพรรณ หรือรสชาติอย่างชาญฉลาด
อย่างเกินที่จะเข้าใจในมหัศจรรย์รักนี้ที่ธรรมชาติแลฟ้าดินประทาน
................
และ..นั่น!...
อีกภาพ...ที่เธอตราจำไว้ในเงางามแห่งดวงใจ
ภาพ....
บึงบัวสีขาวไสวกลางสวน
เคียงเนินทรายดอกพราว
ภาพใบบัวแผ่กว้างเขียวไพลเขียวพรายแผ่กระจายบานลอยเต็มบึง
และ...
ในท่ามแสงตะวันรอนอ่อนสร้อยเศร้าซึ้ง
กับเรือลำน้อยสีน้ำเงิน
เด็กหญิงแก้มอิ่มพริ้มเพรา
ในชุดกระโปรงบานฟ่องสีขาวนั่งกลางลำ
และ..
มีเด็กชายผิวคล้ำเปลือยร่างท่อนบน
กำลังลอยคอช่วยเข็นเรือลำน้อย
ให้เจ้าหญิงที่มี...*มงกุฏสายบัว*ล้อมวงหน้านวลใส
ค่อยๆใช้พายพาไปกลางธารใสไหลเย็น
เธอ...
คนที่มีเขาคอยเคียงข้างมิร้างแรมไกล
ไปไหนไปกัน
อย่างพี่ชายอย่างผู้พิทักษ์
อย่างเพื่อนรักที่รู้ใจที่เข้าใจ
อย่างคนที่รอให้ที่พักพิงพึ่งใจ
คอยเอาใจราวเจ้าหญิงในทุกวันเวลา หากเธอต้องการ
ราว
ข้าทาสผู้ภักดีพลีรัก
ที่ขอแค่เห็นรอยแย้มยิ้มยินดีจากเธอ...ก็เป็นพอ..ก็พอใจปิติใจ....
เขา...
ค่อยคอยเอื้อมเก็บบัวดอกนั้นดอกนี้เท่าที่เธอบัญชาการ
ด้วยน้ำเสียงหวานใสอย่างออดอ้อน
อย่างที่รู้ดีว่าเขานั่นยินดีพลีทำทุกสิ่งให้
ยกเว้น...ดาวเดือน
เธอ..ยิ้มหวานใสไร้เดียงสา
เมื่อเขาคว้าบัวมาได้มากมาย
ให้เธอนำมากองไว้กลางตักเธอ
อย่างไม่กลัวเปียกปอน
เธอยกขึ้นจุมพิตช้าๆ
ตรงกลางกลีบเกสรหวานบานพราว
อย่างมิหวั่นเกรงภู่ผึ้งภมรจะพากันร่ำร้องอิจฉา
และ
เพียรบอกให้เขาทำตาม
เขาปรามด้วยเสียงพี่ชายกำราบน้องคนดื้อ
บอกให้ระวังว่าเสื้อสวยจะเลอะหมดแล้วด้วยโคลนเลน
หาก..
เธอยิ่งแกล้งได้แกล้งดีแทนที่จะเชื่อฟัง
กลับทำท่าเอนตัวให้เขาอกสั่นขวัญหาย
คล้ายจะกลับกระโดดลงไปในน้ำ...คว่ำเรือเสียแทน
แล้วแย้มยิ้มหัวเราะเสียงดัง
เมื่อเห็นท่าทางอันแสนน่าตลกตกใจของเขา
เธอร้องเพลงขับขานเสียงหวานใส
ลอยไปกับฟ้าสีเงินกระจ่าง
ในท่ามบึงบัวและเรือสีน้ำเงิน..
บทเพลงที่ยังคงฝังใจจำมาจนวันนี้...
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3719.html
เรือลำหนึ่ง ....
หากชีวิต เปรียบดังทะเล
ฉัน คงคล้าย เป็นเรือ ล่องไป
ให้ลมพาพัดไป
ไร้ ทิศทาง
สุดขอบฟ้า กว้างใหญ่
ใคร รู้ บ้าง
สุดท้ายหนทาง
จะร้าย หรือดี
มีความหวัง
ฝั่ง อันแสนไกล
เห็น เพียงแสงรำไร อ้างว้าง
จะมีใครสักคน
หรือ ไม่มี
หากคืนไหน ไร้ ดาว
เหงา ทุก ที
ชีวิตก็อย่างนี้
อยากมี ความหมาย
เราคงเป็นดั่งเรือน้อย ลำหนึ่ง
ในทะเลแห่งชีวิต กว้างใหญ่
ฟ้า คลื่นลมซัดมา
ก็ หวั่น ไหว
ในใจมีแต่จุดหมาย คือฝั่ง
มันจะไกลสักเพียงไหน ต้องไป
แม้ ว่าในหัวใจ ไม่มีใครเลย
ฉัน ก็คงเป็นแค่เพียง
ผงฝุ่นในสายลม ไม่มี
ไม่มีความหมายใด
ไม่ มี ใคร
มรสุม พัด ผ่าน
ทาน ไว้ ได้
ชีวิตวันต่อไป
ไม่มีใคร รู้
เราคงเป็นดั่งเรือน้อย ลำหนึ่ง
ในทะเลแห่งชีวิต กว้างใหญ่
ฟ้า คลื่นลมซัดมา
ก็ หวั่น ไหว
ในใจมีแต่จุดหมาย คือฝั่ง
มันจะไกลสักเพียงไหน ต้องไป
แม้ ว่าในหัวใจ ไม่มีใครเลย
เราคงเป็นดั่งเรือน้อย ลำหนึ่ง
ในทะเลแห่งชีวิต กว้างใหญ่
ฟ้า คลื่นลมซัดมา
ก็ หวั่น ไหว...
........................
และ...
ในหนาวน้ำตา..
กับวันนี้..ที่กลับมา
เมื่อเธอคนดี...
ย้อนรอยรำลึกซึ้งค่าแห่งน้ำใจภักดีบูชาใสงาม
ที่เขาเคยพร่างรินให้กับเธออย่างมิรู้สิ้นรู้จบ
ทบทวีคูณตราบจนวันลาร่าง
ภาพเด็กชายน้อยผู้แสนรักเธอรักมั่น
คงแสนเหน็บหนาวในวันนั้นในบึงนั้น
หากทำไมเล่า....!
เธอจึงเห็นเพียงรอยยิ้มกว้างอย่างแสนรักภักดิ์พลี
อย่างแสนดีแสนเสียสละด้วยความอดทนเสมอมา
ที่เธอแสนซึ้งค่าอย่างในยามนี้ที่แสนสายเกิน...
คนดี..หยดน้ำ...
ขอพลีน้ำตานะนาทีนี้นะดวงใจ
ขอให้...
มวลเมฆและ
ดวงดาวบนฟากฟ้ากว้าง...กล่อมเห่คุณ...
ให้นำทางไปพบสวรรค์พราว...ราวเรียวรุ้งอย่างที่คุณวาดหวัง...
และ
เพียรเฝ้าเพียงสร้างกรรมดีแด่ทุกผู้คน
ตราบจนนาทีสุดท้าย
ที่
ร่างไร้สิ้นลม
แลดวงวิญญาณของคุณถูกห้อมห่มด้วยสายฝนพรำ
ในวันที่เครื่องบินตก....อย่างเหน็บหนาว
ราว
ดวงใจหยดน้ำฝนและหยาดน้ำตานางฟ้าร่ำไห้พอกัน
ผู้หญิงที่คุณแสนรักรอมานานวัน
ได้มาปันพลีโอบเอื้ออ้อมภักดิ์ให้อ้อมตักไออุ่น
ในอ้อมกอด...พร้อมปิดเปลือกตานะยอดรัก..
และ...
หวังวอนฟ้าดิน...
ได้กล่อมคุณ...
ให้นิทราหลับสบาย...ฝันดี...ไปนานเนานิรันดร์....
จนกว่า..
จะถึงวันที่เราสองจะได้พบกันอีก..ใช่ไหมเล่าคนดีที่รัก
และ...
หยดน้ำ...ยังคงวาดหวัง
ให้...ดวงดาราบนฟากฟ้า...
ทำหน้าที่แทนดวงตาแห่งรักภักดีแห่งดวงใจคุณ
เฝ้าหมุนละมุนมาคอยส่องนำทางใจ
เฝ้าปกป้องคุ้มผองภัย
แด่*เด็กผู้หญิงน้อย**เจ้าหญิงน้อยๆ*
ที่...
คุณรักแสนรัก...ภักดิ์แสนภักดิ์
ดั่งดวงใจไปตราบชั่วกาล....
..........................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4258.html
ณ....วันนี้ ละครทีวี เรือนมยุรา
ญ.... ดังมี สิ่งใดมาดลใจฉัน
ดังใจ โอ้เอยเฝ้าคอยเธอนั้น
นานแสนนาน ฮืม
จึงมาเจอกัน
คล้ายบางสิ่งผูกพัน
ร้อยใจเราร่วมกัน
ช..... ดังมี สิ่งใดมาดลใจฉัน
ดวงใจ โอ้เอย มีเพียงเธอนั้น
นับวัน ฮืมจนแรกเจอกัน
ใจฉันเพียงต้องการ แต่เธอตลอดมา
ช.... ฝากคำสัญญา ฝากวาจา
รักเธอไม่เสื่อมคลาย
ญ.... หมื่นพันสัญญา
ร้อยวาจา หนึ่งเดียวที่เข้าใจ
ช.... รอคอย ผ่านวันเนิ่นนานเพียงไหน
ญ.... คืนวัน ผ่านไปไม่มีความหมาย
พร้อม นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ
และหวังเพียงได้ครอง
รักจนตราบนานตลอดไป
ช.... ฝากคำสัญญา ฝากวาจา
รักเธอไม่เสื่อมคลาย
ญ.... หมื่นพันสัญญา
ร้อยวาจา หนึ่งเดียวที่เข้าใจ
ช..... รอคอย ผ่านวันเนิ่นนานเพียงไหน
ญ.... คืนวัน ผ่านไปไม่มีความหมาย
พร้อม.... นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ
และหวังเพียงได้ครอง
รักจนตราบนานตลอดไป
นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ
และหวังเพียงได้ครอง
รักจนตราบนานตลอดไป...
................