ได้ยินเสียงพรายฝนหล่นช้าช้า น้ำตาฟ้าหลั่งสังเวยโศกโลกสับสน ในวันนี้แผ่นดินทองครองหมองหม่น ท่ามทุกข์ทนคนในชาติขาดสามัคคี ระรินร่วงบนกลีบดวงดอกไม้ พร่างสายเพชรพราวมณีศรี บริสุทธิ์ใสดั่งหยาดน้ำค้างมหานที หากไยฤดีราวฝนพรำช้ำเกินใด ขอสายฝนหลั่งสั่งลาอัตตามวลมนุษย์ ให้รู้หยุดรู้คิดจิตไสว สว่างวาวพราวแพรวอยู่ภายใน รู้กฏความเป็นไปนิรันดร์ ให้จิตภายในเรืองรองส่องนำทาง สู่เส้นทางวางว่างสว่างขวัญ ไร้มายายึดมั่นชั่วกาลกัลป์ สู่เวิ้งกาลอนันต์สิ้นฝันลวง...!
อรุณยังเงียบงามในยามรุ่ง สายแสงรุ้งยังส่องฉายประกายฝัน อาทิตย์อุทัยยังซื่อตรงเป็นนิรันดร์ ปลอบปลุกขวัญพบวันชื่นคืนสุนทรีย์ จักรวาลกว้างใหญ่เกินใดเปรียบ หากจะเทียบกับลมหายใจแห่งชีพนี้ รู้บ้างไหมช่างแสนสั้นวันชีวี เพียงความดีฝากไว้ให้โลกตรา เป็นดวงดอกไม้ประดับหล้าลาลบโศก ฝากให้โลกหอมงามนิยามค่า ใช่รอเพียงภุมรินทร์ชื่นเชยลา ดั่งมายาวูบวับดับหายไป รักแผ่นดินรักชาติศาสนา เทิดศรัทธาพระมหากษัตราผู้ยิ่งใหญ่ มิ่งมณีประดับจิตเหนือดวงใจ ก่อนพรากไกลได้ยิ้มพรายหมายภาคภูมิ...! บนแผ่นดิน..รัก..รัตนโกสินทร์..! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3685.html บทเพลงรัตนโกสินทร์ แสงเดือนคืนเพ็ญพูนดวงกระจ่างฟ้า แลกำลังพร่างสายทอแสงแสนหวาน.. หว่านลงมาอาบหล้า ไล้ร่างนวล ที่กอดตระกองประคองเคียง ด้วยร่างสุภาพบุรุษผิวสีทองแดงบนเตียงนุ่ม ด้วยเครื่องนอนหมอนม่านมุ้งสีขาว... ละอองละออหยาดน้ำค้างกำลังระรินระริน กลมกลิ้งลงมาราวเพชรพราว สู่ใบบัวกลางบึงกว้าง... อย่างมิร้างแรมรักในทุกราตรี..ริมเรือนไทย ริมหมอน.. มาลัยมะลิลา..มาลาสร้อยที่ร้อยรัด ถักทอด้วยดวงดอกรักเป็นพวงภักดิ์อุบะ ระย้าย้อยพร้อยพรรณรายด้วยดวงดอกกระดังงา จนแปรกลายเป็นหอมอวล มาให้นวลอารมณ์ดายเดียวล้ำลึก ในยามดึกน้ำค้างพรม ที่.. ลมก็ยังระบัดพัดโบกอย่างแผ่วเบามาปลอบประโลม... เธอ...จึงค่อยๆลืมตาอย่างช้าช้า พร้อมนัยน์ตารานโศกหวานเศร้า เมื่อยามกระทบเข้ากับแสงสะท้อนจากนวลจันทรา และมวลหมู่ดวงดารา ที่กำลัง.. กระพริบระยิบระยับราวกับปรายโปรยด้วย เพชรจรัสจนเกิดประกายรัศมีสีรุ้งพุ่งพรายฉายฉาน จาก.. ดารารายเรียงดวงนับพัน ในว่ายเวิ้งฝันอนันตกาลกาแลคซี่ ดอกไม้ไทยหวานตรลบมา ในราตรี ที่ยังได้ยินเสียงดุเหว่าแว่วแผ่วครวญหวนไห้ เรไรร่ำ อวลอากาศยังสดหนาวฉ่ำหากแสนเยียบเย็น บทเพลงแห่งภักดิ์ ถูกขับขานด้วยพลังจากน้ำเสียงทุ้มนุ่มลึก ฝากความรู้สึกซาบซึ้งตรึงตรา สลักค่ามาจากดวงจิตภักดี ที่.. พร้อมพลีมอบให้ *แด่ หญิงเดียว..หนึ่งในดวงใจ* ที่เขาเทิดทูนศรัทธาบูชา จริงใจ มากค่าเกินกว่าปรารถนาใด.. ปานประหนึ่งคือ *ปาฏิหารย์รักมหัศจรรย์ฝันอันแสนยิ่งใหญ่ จากเทพไท้แห่งสวรรค์สรรส่งลงมากำนัล ให้เขานั้นได้พบ แล้วเคียงคู่ครอบครอง เป็นเจ้าของไปตราบชั่วนิจนิรันดร http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3685.html รัตนโกสินทร์ รัตนโกสินทร์ คือแผ่นดิน ที่หล่อหลอม หัวใจ ร้อยความรัก รวมผู้คน มากมาย อาศัย อยู่ร่วมชายคา เชื้อชาติไหน ก็พี่น้อง ล้วนพวกพ้อง ข้องเกี่ยวนาน เนิ่นมา ทุกชีวิตมีสุขใจ ใต้ฟ้า ใต้บารมี จักรีวงศ์ และเมื่อความรัก ของเราเกิดขึ้น จากดวงใจสองดวง ที่ซื่อตรง บนแผ่นดิน แห่งความรัก ด้วยศรัทธาที่มั่นคง รักย่อมยืนยง ตลอดไป ขอแค่มี เธอกับฉัน และมีรัก ที่ผูกพันหัวใจ ก็สุขแล้วบนแผ่นดิน กว้างไกล แห่งรัตนโกสินทร์ และเมื่อความรัก ของเราเกิดขึ้น จากดวงใจสองดวง ที่ซื่อตรง บนแผ่นดิน แห่งความรัก ด้วยศรัทธาที่มั่นคง รักย่อมยืนยง ตลอดไป ขอแค่มี เธอกับฉัน และมีรัก ที่ผูกพันหัวใจ ก็สุขแล้วบนแผ่นดิน กว้างไกล แห่งรัตนโกสินทร์... เธอ..จึงลืมตาตื่นมาอย่างช้าๆ ราวแสงแห่งนวลจันทรา คอยไล้ลูบ..ปลุก ให้ลุกขึ้นเหลือบแลไปยัง.. เขา..คนดี.. *สุภาพบุรุษชายชาตรีผิวสีทองแดง* กำลังหลับสนิทในนิทรา.. อย่างแสนสุขเสมอใจ ใน... ท่ามแสงเทียนทอกระทบจนเกิดเงา ให้ใบหน้าดูงามสงบ ราวรูปสลักนักรบโบราณ ที่ผ่านการกรำศึกมาอย่างโชกโชน... เขา...กลับคืนเรือนมา หลังรอนแรมราวนกไพรพเนจร มาให้เธอกอดตระกองในอ้อมตักอ้อมใจ ให้ดวงดอกไม้ไทยรายรอบเรือนรักปลอบประโลม พร้อมพลีให้เขาเองเฝ้าดอมดมพรมจูบ ทุกนวลตารางนิ้วแห่งร่างงามของนางในดวงใจ อย่างทะนุถนอม... หอม หอม หอม อย่างมิรู้เบื่อ.. พลางเพื่อรำพึงรำพันกระซิบสั่ง ดั่งคำมั่นสัญญา... ว่า *ตราบจนชั่วฟ้าดินสลาย มีเพียงความตายเท่านั้น จะมาพรากจากสองดวงจิต ที่ดั่ง.. *หลอมรวมชีวิตเป็นหนึ่งเดียวตราบไปชั่วกาล* และ.. ทุกคำมั่น.. มิใช่เฉกเช่นดั่งคำหวานอันดาดดื่น หากคือคำอธิษฐานสัจจวาจา ที่ล้ำเลอค่าเกินกว่าผู้ใดจะล่วงรู้ นอกจาก.. ฟ้าดินอินทร์พรหม เท่านั้น ที่.. คงพร้อมอวยชัยแลรับรู้ ในพลังแห่งรักอันยิ่งใหญ่งดงามนี้ ที่เกินกว่าจะมีสิ่งใดจะขวางกั้น นอกจากสวรรค์จักร่วมสรรส่งให้กำลังใจ.. พร้อมอวยชัยเมตตาประทานพร ให้เขา.. *สุภาพบุรุษชายชาติอาชาไนย ลูกผู้ชายชาติไทยหัวใจกล้าแกร่งเหี้ยมหาญ ที่ยอมหมายพลีร่างจิตดวงชีวิตแลวิญญาณ เพื่อ.. ปกบ้านป้องเมือง ในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ยอมตาย.. อย่างหาญกล้าในหน้าที่.... ที่จักพลีแม้นหยาดเลือดหยดสุดท้าย เพื่อทาแผ่นดิน..รักษาแผ่นดิน มิให้โบยบินสิ้นอิสราตกไปอยู่ในเงื้อมมือของชาติใด ที่คิดไม่ซื่อ หวังยื่นมือเข้ามายึดถือครอบครอง เขา..กระซิบ บอกเล่า ให้เธอคนดี ที่เขาพลีใจได้พลอยร่วมรับรู้ ถึงชะตากรรมบ้านเมือง ที่กำลังเกิดการแตกแยกสามัคคี มีเพียงหวังอยากได้อำนาจ มากอบโกยกินชาติ อย่างแสนชาญฉลาด..อย่างแยบยล จนเสียหายนับหมื่นล้าน เสมือน*โครงการสนามบินสุวรรณภูมิ* ที่คนไทยภูมิใจได้ไม่นานก็ต้องอัปยศ และ... พลอยให้โลกทั้งโลกร่วมรานโศกสลดใจ ไปกับความน่าอดสูนี้ ที่คนไทยไม่เคยตระหนักชัด ว่า... ได้สร้างความวิบัติ ให้แก่ชาติบ้านเมือง อย่างมิน่าให้อภัย ด้วย การทำลายความเชื่อถือให้หมดสิ้นไป จากสังคมชาวโลกนานาอารยะ ที่อยากจะมาร่วมค้าขายลงทุน เมื่อ.. ชาติไทยเรานี้ มีเพียงกรุ่นกลิ่นแห่งความคอรัปชั่น กันไปทุกหัวระแหง แถมบ้านเมืองยังไม่สงบด้วยรบกันเอง บรรเลงกันในแผ่นดิน ที่ให้ข้าวให้น้ำมานานเนิ่นจนเกินนับ จนเกิน.. จักคิดแบ่งแยกด้วยคำว่าชาติศาสนาใด นอกจาก..เพียง มีหน้าที่สำนึกถึงพระคุณอันแสนยิ่งใหญ่ของแผ่นดิน ที่ได้ฝากชีวินมาตราบจนถึงรุ่นลูกหลาน... และ.. หวังนานเนาจนถึงรุ่นเหลนโหลนในภายหน้า ใช่หันมาฆ่าแกงกันเอง บรรเลงเพลงกรรม ใส่ผู้บริสุทธิ์ แล้ว... หวังฤาว่าจะหยุดโลกให้เลิกแล้งไร้ร้อนระอุ ปะทุด้วยควันปืนและไฟสงครามได้ นอกจาก.. ต้องสังเวยชดใช้บาปกรรม..ตายตกตามตามกันไป อย่างน่าวิปโยคโศกสะเทือนใจจนสุดทน เขา...กลับมาบอกเล่า ส่งข่าว... ให้เธอได้ตระหนักชัด ถึงความวิบัติจากการทำลายด้วยเงื้อมมือมวลมนุษย์ ที่.. แสนโหดร้ายหมายเพียงฆ่าฟัน ห้ำหั่น แบ่งแยกอย่างไร้มนุษยธรรม คงจะยังโศกาจาบัลย์ไม่พอ..จากภัยธรรมชาติ คงจะยังซาบซึ้งไม่พอถึงบทเรียนทุกข์เทวษ ที่ไร้แท้เที่ยง... กับความแปรเปลี่ยนที่โลกยากจะเลี่ยงหลบ นอกจาก.. รอพบจุดจบพรากจากกันไปทีละมากๆ กวาดล้างให้สิ้นซากแห่งความมืดดำ ให้อธรรม หมดสิ้นไป จากผืนดินทอง แผ่นดินไท แผ่นดินรัตนธรรม แผ่นดินพุทธภูมิ ที่มี.. องค์พระบรมศาสดาเป็นดั่งฉัตรเพชรกางกั้น มีองค์ในหลวงเป็นพระประมุขแก้ว..แสนงามล้ำ เป็นที่พึ่งทางใจ.. ไปตราบชั่วลมหายใจแสนสั้น..จักสิ้น.... เขา..จึงกลับมา..คืนเรือนให้เธอรับขวัญ และ.. ปันแบ่งความรักภักดี ที่จักพลีให้แก่กันและกัน อย่าง...ผู้รู้เท่าทันความเป็นชีวิต ที่จักมีมรณานุสติสถิต..รอ..เป็นเที่ยงแท้ และ..อย่างแน่นอน ยากหนีพ้น เขากอดเธอแนบแน่นเท่าแรงรัก ด้วยอ้อมแขนชายชาตินักรบ ที่หวัง.. จักสยบให้โลกร่มเย็นเป็นสุขเงียบงาม ในท่ามวิถีไทยแบบชาวพุทธ ผู้รักความสมถะพอเพียง ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร..ศรัทธา ใต้ฟ้าสีทองผ่องอำไพ ที่ยังคงมี..เรียวรวงไสว ข้าวกล้าที่สุกปลั่งระย้าย้อย คอยหล่อเลี้ยงให้ทุกชีวีในแผ่นดินทองนี้ ได้มีกินอิ่มท้อง ได้คิดปองหมายมาด สร้างสรรทำความดี ก่อน.. ชีวีจะสิ้นในท่ามตะวันโศกโลกแสนงามสงบนี้... ............... และ... กับราตรีนี้.. ที่โลก ยังคงหมุนไป..หมุนไป..อย่างไม่หยุดยั้ง ในท่ามราตรีเพ็ญที่ยังแสนงาม ในท่ามแสงจันทรา ดวงดารารายพรายแสงกระพริบวะวิบวับวะวาววาม ในท่ามแสงเทียนทองทอดทอ เบื้องหน้าพระพักตร์พระพุทธในโบสถ์คร่ำทุกหนแห่ง ท่ามกลิ่นระร่ำรินของดวงดอกไม้ไทย ท่ามกลาง.. ความหวานไหวของเงาแมกไม้ในสายน้ำนิรันดร์ เขาและเธอ.. ขอเพียง...ได้เคียงครองคู่กัน อยู่กับคู่ขวัญแม่ยอดรักยอดดวงหฤทัย และ... จักมิยอมพ่ายเลิกอธิษฐานใจ เพียรทำความดี พลีให้โลกนี้ก่อนชีวีวาย ฝากไว้..ให้กับ..*แผ่นดินแห่งรักนี้* ที่ชื่อ. รัตนโกสินทร์ อัน.. หมายถึงแผ่นดินแม่.... แผ่นดินเกิด.... แผ่นดินที่ล้ำเลอเลิศ ที่ทำให้เธอและเขาได้หยัดยืนอย่างทรนง คงมั่นมาอย่างแสนสุขช้านาน ได้รู้ซึ้งถึงค่าคำว่า *รักแท้นิรันดร์เป็นเฉกเช่นฉันท์ใด* แค่นั้น..ก็ แสนยิ่งใหญ่ เกินค่ากว่าสิ่งใด..ในชาติหนึ่งนี้..ชีวิตหนึ่งนี้...แล้ว!!!!! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3740.html เพื่อรักเธอ ฟ้า เกิดมาเพื่อดาว เมฆบางและเบา ล่องลอยคู่สายลม เหมือน สร้างมาเพื่อชื่น ชม ซึ่งกันและกัน คู่กันเรื่อยมา ขาว ก็มีสีดำ ทะเลสีคราม เกิดมาเพื่อฝูงปลา หลาย สิ่งดูสวยงามจับตา นั่นเป็นเพราะว่า เกิดมาคู่กัน และฉัน เกิดมาเพื่อเธอ เพื่อมีความรัก ให้เธอ เท่านั้น สิ่งที่เธอสุขใจ หากเป็นสิ่งที่ฉัน ทำได้ ย่อมทำให้เธอ ฟ้า เกิดมาคู่ดาว ยังเพียงชั่วคราว ค่ำคืนจึงพบเจอ แต่ฉัน เกิดมาเพื่อเธอ เพื่อจะรักเธอ ตลอดเวลา และฉัน เกิดมาเพื่อเธอ เพื่อมีความรัก ให้เธอ เท่านั้น สิ่งที่เธอสุขใจ หากเป็นสิ่งที่ฉัน ทำได้ ย่อมทำให้เธอ ฟ้า เกิดมาคู่ดาว ยังเพียงชั่วคราว ค่ำคืนจึงพบเจอ แต่ฉัน เกิดมาเพื่อเธอ เพื่อจะรักเธอ ตลอดเวลา...
กลีบดอกไม้กระจัดกระจายริมกระท่อม พรมหอมฝากนวลค่อยร่วงหล่น ลีลาวดีผลิดอกพราวบานเต็มต้น รอหยาดฝนพร่างสายพรายละออง ดั่งหยาดน้ำตานางฟ้ายามพรากจาก ตามวิบากกรรมเก่าแห่งเราสอง ระรินทิพย์สัจจธรรมแด่เราปอง อย่าหลงครองอาลัยใจคะนึง แลสายฝนมาเยือนหล้ายิ่งว้าเหว่ ดอกรักเร่กระซิบมาว่าคิดถึง ดอกบัวบานบานสอนจิตคิดลึกซึ้ง ปล่อยรัดรึงมายาพันธนาใจ ค่อยค่อยคลี่ดวงจิตจารจิบธรรม ให้น้อมนำพรำพรมน้ำค้างใส งามผ่องพรรณดั่งฉันท์เช่นอัญมณีไพร สว่างไสวสิ้นโศกแลโลกชัด... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song336.html ปีศาจวสันต์ เรา จากกันวันนั้นยังจำ จากกันวันนั้นฝนพรำ พรางม่านกรรม คล้ำครึ้มคลุมเวร ลมครางฝนครวญ ไพรสั่นชวน รวนระเนน ความกดดัน ขั้นเดน เหมือนจะเค้น ฆ่า กัน เรา จากกันวันนั้นนานมา แต่เมื่อวสันต์ลีลา ฤาสร่างซาฝนฟ้าฟูมฟาย ฤดู ฤดี มันไม่มี วันคืนวาย มันสาปใจ สาปกาย คล้ายมนต์ร้าย พรายผี ผี วสันต์ มันหลอก มันหลอน ปีศาจวสันต์วันก่อน ยังสังวรณ์ เวรนี้ ฟัง โถฟัง ฟังฝนตกซี เหมือนนรกตกตี ย้ำ ขยี้ ใจ ตรม ไป จากไป ไปแล้วไปเลย อย่ามาชวนชิดชวนเชย ปีศาจเอย ร้างเลยอารมณ์ ลมมา ฝนมา จงอย่ามา พาระทม เพียงโศกทราม เศร้าซม ฉันจะล้ม ตายแล้ว...
คิดถึงแผ่นดินเงียบงามในยามก่อน กุลสตรีไทยอรชรแสนอ่อนหวาน ประดับหล้าลาโศกลบโลกราน ให้เล่าขานมหัศจรรย์ขวัญพสุธา น้ำมีปลานาพราวด้วยเรียวรวง หอมละออดวงดอกไม้ทั้งราวป่า ประเพณีสืบสานตำนานมา ขวัญโลมหล้าฟ้าดินบันดาลดล เกี่ยวก้อยร้อยมาลัยกราบพระพุทธ จิตบริสุทธิ์กระจ่างสร้างกุศล เจริญสติภาวนาพุทธมนต์ สว่างกมลพบวางว่างทางชีวิต วันนี้... ทั่วทุกที่ทุกข์ทนหม่นดวงจิต ให้หยาดน้ำค้างธรรมอมฤต หยาดสายทิพย์โปรยปรายในสายใจ...! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song129.html หยาดน้ำฝน หยดน้ำตา หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์ หลั่งความขื่นขมที่ถมอยู่ใน ใจตน หยาดย้อยจากปรางสวรรค์เบื้องบน สู่กลางแก้มดินในฐานถิ่นคน นั้นคือหยาดฝน ฉ่ำใจ สาดสายพร่างพรายพรมผืนไร่นา แนวเนิน ป่าดอนโขดเขินคลองขลุงทุ่งหนอง นองไป หล่อเลี้ยงพืชพันธ์ มีผลดอกใบ โลกเคยหลับไหล พลันฝืนตื่นใจ สวยงามสดใส จริงเอย ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา พลันน้ำตานางฟ้าระเหย เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์ ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา พลันน้ำตานางฟ้าระเหย เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์ ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ...
เจ้านกไพรในใจดวง ลาล่วงแรมไกลเกินใจฝัน ผกโผผินบินตามแสงตะวัน หมายฝ่าดั้นคว้าดาวประดับใจ ใจหายเดียวดายลึกลึก รู้สึกอ้างว้างกว่าวันไหน ขอบฟ้าไกลแสนไกล หวั่นไหวทุกข์ท้อทรมา โลกวันนี้เหว่ว้ากว่าวันใด อาจสายไปได้พบหน้า รอแสนนานกับกาลเวลา ไม่รู้เลยว่าต้องพรากกัน คืนนี้ดาวดวงร่วงพรู รับรู้น้ำตาจากจิตขวัญ ศรัทธาภักดิ์รักผูกพัน เป็นนิรันดร์กี่ภพยากลบลืม...!