12 มิถุนายน 2546 01:11 น.
พุด
กลางสระน้ำสีฟ้าอ่อน ใสแจ๋ว
มีร่างใครคนหนึ่งในชุดบิกินี่ สีฟ้าสวยเข้มกว่า..
ในท่า ลอยตัว ตามสบาย มองฟ้าปล่อยดวงใจลอยล่องฝัน
ไปไกลแสนไกลถึงใครบางคน
ที่ดูราวใกล้แค่เอื้อมแต่กลับไม่อยากเอื้อมให้ถึง....
ฟ้ากว้าง..ยามเย็น มีเมฆขาวนวลแตะแต้ม..อาทิตย์หลบอยู่หลังดงไม้สูง
เสียดฟ้า เป็นแถวทิว ฉากชั้น กั้นสายตา จากโลกภายนอก.....
รายรอบเงียบงาม ...สงบสุขจนเผลอใจคิดว่าวิมานทายทักให้พักใจ..
นิ่งนาน ในน้ำสวย กับดวงใจที่สุขล้ำ..
ยามเงยหน้าเห็นฟ้าหวาน.แย้มยิ้มพริ้มเพรา..เบื้องบนนภา..
พร้อมเพลงหวานไหวจากวิทยุที่ใครบางคนเปิดทิ้งไว้ริมสระ....ลอยลมมา..
รักเอย..
จริงหรือที่ว่าหวาน...หรือทรมานใจคน .....
ความรักร้อยเล่ห์กล รักเอยลวงล่อใจคน หลอกจนตายใจ
รักนี่..มีสุขทุกข์เคล้าไป ใครหยั่งถึงเจ้าได้ คงไม่ช้ำฤดี..
รักเอย.....
รักที่ปรารถนา รักมาประดับชีวี
หวั่นในฤทัยเหลือที่ เกรงรักลวงฤดี รักแล้วขยี้ใจ(ฮัม.........)
...............................................................
ขืนห้ามความรักคงมิได้ กลัวหมองไหม้ ใจสิ้นสุขเอย..(ฮัม........)
หลับตา..ครวญตาม..กับน้ำเคลียปริ่มริมแก้ม หนาวเยือกไปถึงดวงใจ
ในนาทีนี้ ใช่เลย..... หวั่นในฤทัยเหลือที่...
เกรงรักลวงฤดี รักแล้วขยี้ใจ..ฮัมๆๆๆๆๆๆๆๆ
ขืนห้ามความรัก คงมิได้ กลัวหมองไหม้ ใจสิ้นสุขเอย..........ฮัมๆๆๆๆๆ......
ในความรัก เป็นความทุกข์ ดั่งพระพุทธองค์ทรงสอนสั่ง
ดั่งพระจันทร์ทั้งข้างขึ้นข้างแรมมีทั้งหวานฉ่ำพรำสุขล้น
กับมืดหมองหม่นราวจันทร์แรมร้างราลาลับดับสูญ..ในยามพรากจาก
มิยั่งมิยืน..มิเที่ยงมิแท้แน่นอน
แปรผันลวงหลอนยอกย้อนหลอกใจ ให้กับใจมนุษย์ทั้งหลาย
ที่ยังต้องเวียนว่ายหนีไม่พ้นบ่วงกรรม.
ตราบที่โลกยังหมุนวน
และฤดียังหมุนเวียนมาชดใช้กรรมนะดวงใจ!
12 มิถุนายน 2546 00:33 น.
พุด
ฉันเขียนเรื่องนี้ กับฉากสายฝนหลงฤดูพรมพร่าง
ตกต้องแตะพื้นน้ำในสระสวนขวัญ สวนจินตนาการ
ที่ฉันมาฝากใจฝากร่างทายทัก พักใจทุกโมงยามที่เหงาเศร้าดายเดียว
เป็นฉากสายฝน สายฝัน ที่หม่นเศร้า เทาทึมรอบทิศทาง มีไม้งาม
รายรอบระบัดใบ..ไหวเอนรับหยาดละอองฝน
ชะล้างหม่นมัวให้เขียวสด สดสะพรั่งใสสะอ้านทันตา....
ฉันเงยหน้าแหงนรับหยาดฝนพรมพรำ ให้ชะล้างหมองหม่นของ
ร่างและใจฉันเฉกเช่นกัน ในวันนี้..
ในร้าวฤดี... คิดถึงบทเพลงเพลงหนึ่ง
จนเผลอร้องออกมาท่อนหนึ่งด้วยซึ้งซ่านและรานร้าวใจ.....
ล้างให้ออก ล้างให้ออก ล้างใจเธอ ด้วยใจฉันเอง!
.................
และอยากฝากเพลงนี้ ที่เคยโดนใจให้กับทุกคนที่แสนรัก แสนห่วงใย
ที่ดวงใจกำลังหมองไหม้ด้วยมลทินรัก มลทินแห่งใจ..ได้คิด..
ใช้หัวใจดวงดี ดวงหนักแน่น..รู้รัก..รู้อภัย..รู้เข้าใจ..รู้กลืนกล้ำอดทน
เพื่อชะโลมน้ำทิพย์รินรดหยดล้างใจให้กับคนดี..ทุกคนที่ยังหลงวนหลงเวียน
มืดบอดอยู่ในบ่วงกรรม..บ่วงรัก..บ่วงเสน่หา..หาทางออกมิพบเจอ
ฉันทอดน่อง..เดินช้าๆแหงนหน้าท้าหยาดพิรุณใส อย่างตั้งใจ..
ให้..สายฝนชุ่มฉ่ำรินรดใจดวงร้าว
ในวันนี้ที่รานแยกแหลกยับ กับการจากไปของเธอ..นะคนดี...
เอื้อมมือเด็ดดอกพิกุล ดอกเล็กละมุนซ้อนกลีบหวานเศร้า มาไว้ในอุ้งมือ
หวนคิดถึง วันก่อนเก่า ที่ไปวัดยามเช้ากับคุณย่า
และนั่งดายเดียวร้อยมาลัยใต้ต้นพิกุล พวงมาลัยหอมงาม
พวงมาลัยแห่งชีวิต ที่ตามติดงามงดมาคล้องดวงใจ
จนถึงบัดนี้ มิสิ้นไร้หายไปไหน
และไม่เคยมีสร้อยเส้นใด
แม้จะเป็นเพชรพราวสูงเทียบเลอค่าเท่านี้ในดวงใจที่ใสงาม..
คนดี..เธอรู้ไหมว่า ด้วยดวงตา และดวงใจพิสุทธิ์ใสดวงนี้ที่มากมีความทรงจำ
ราวกับซ่อนรุ้งเลื่อมพรายงามฉายฉาน อยู่ในสายใจ สายไยรัก ที่มิมีวันมอดสิ้น
และแจกแจงรจนา ออกมาได้ทั้งหมด..ทั้งใจ..
คนดี..ฉันผู้หลงรักนาทีนี้ นาทีแห่งสายฝนพรำ..
นาทีแห่ง สายฝัน สายน้ำผึ้งพระจันทร์ และแสงสร้อยสุริยายามจะลาลับฟ้า
ราวรอระบายฝัน สร้างพลังถักทอใจทุกดวงให้ก้าวเคียงกันฝ่าฟันไปบนถนนสายดอกไม้งาม..จรุง!
ฉันแสนรักนาที..หม่นเศร้า ราวสายฝนในใจฉันพรำรินรด..
ให้ใจซึ้งเศร้าจนเกินทนจนชาชิน จนนิ่งงัน และเงียบงามในที่สุด..
ต้นไม้แสนรักทุกต้นยังหยัดยืน กวัดแกว่งรอท่า ทายทักให้ฉันพักใจ..ระทม..ระทวยทดท้อรอลา!
นั่นต้นลั่นทม..ดอกพราว ที่เธอ..เคยก้าวเข้ามาเพื่อรอท่าให้เราสองอยู่ในอ้อมกอดสักครั้งสักครา กับวันเวลาแสนดีแสนรักที่รอมาแสนนาน..
เป็นฉากฝัน ที่สวยงาม หวามไหว..ที่บัดนี้ในม่านฝนและม่านน้ำตา..ฉันเหลียวหา..ไม่มีเธอ!
เป็นฉากฝันที่ลาลับ ยากหวนกลับคืนมา..ดั่งสายน้ำ..ที่รินไหลไปมิอาจย้อนหวนทวนคืนเฉกเช่นกัน..
นั่นทองหลาง..ออกดอกแดงพราว เคยสวยจัดจ้า แต่ไฉนเล่า!..กลายกลับเป็นแดงหม่นราวหยดเลือดและหยาดน้ำตา..ในวันนี้..ที่ไม่มีเธอ..อีกต่อไป..
พญาสัตบรรณ..เป็นช่อชั้น สูงใหญ่ คอยปกป้องผองภัย คุ้มแดด คุ้มฝน คุ้มหัวใจ คุ้มชีวีฉันนี้ให้มีชีวารอท่าเธอเสมอมา..กลับยืนเศร้า ราวได้ทำหน้าที่สิ้นสุดลงแล้ว.
คนดี....ลมกระชั้นกระโชกแรง พัดกระโปรงฉันพลิ้วไหว พัดหัวใจฉันกระเจิงไปกับสายฝนและลมแรง..
หอบหัวใจฉันนี้ให้พะว้าพะวัง กับฉากฝันต่อแต่นี้ที่สิ้นไร้เธอเคียง..
ฉัน..บรรจงเก็บพิกุล เต็มกอบกำ และห่อดอกดวงนั้นในผ้าเช็ดหน้า..ผืนโต..
ฉัน..จะกลับไปตั้งสมาธิร้อยมาลัยดอกพิกุล ในคืนค่ำนี้..ถวายพระ..
และสวดมนต์ภาวนาให้นานกว่าทุกค่ำคืนเพื่อเราสอง..
ฉันจะร้อยพวงที่สองวางไว้ใกล้หมอน และหลับฝัน เพื่อตื่นขึ้นมาในนิทราที่แสนดี
ว่ามีเธอคอยดอมดมพรมจูบเส้นผมอวลหอมกับลมหายใจรักระริน ที่รินรดเป็นหนึ่งเดียว
ของสองเรา..
คนดี..หลับฝันดีนะ และไม่ว่ากี่ทิวา และราตรีจะผันผ่าน นานเนาไปกับกาลเวลา เนิ่นนานสักปานใด
ก็จะยังมีผู้หญิงคนนี้..ที่รักคุณยิ่งนัก ที่มีอ้อมกอดแห่งรัก ไว้ทะนุถนอมห้องหัวใจและร่างคุณ
ไม่ว่าจะต้องการอบอุ่นหรือยามดายเดียวนะดวงใจ!
10 มิถุนายน 2546 23:26 น.
พุด
มีชีวิตติดดินตั้งแต่เด็ก
โลกใบเล็กกับทะเลกว้างกับฟ้าใส
กับชีวิตผู้คนมากน้ำใจ
โลกสวยใสสร้างหัวใจให้งดงาม..
มาวันนี้ภายในใจไม่เลิกหวัง
สร้างพลังมอบน้ำใจไม่เกรงขาม
ถึงผ่านพบคนไม่เข้าใจซ้ำเติมตาม
ย่ำเหยียดหยามยิ่งสู้อย่างรู้ตน
โลกมนุษย์มากคนมากความคิด
มากถูกผิดพลั้งพลาดหากสับสน
เพียงพบผ่านเป็นบทเรียนสอนใจตน
ไม่วกวนอ้างว้างทางแห่งใจ..
ขอฝากคำสอนใจในทุกสิ่ง
อยากได้รักจริงจากใครใจสวยใส
อย่าหวงแหนโหดร้ายทำลายใคร
แบ่งปันใจเอื้อโลกฝันกันและกัน
มีน้ำใจมองโลกสวยหลายหลายด้าน
ใจเบิกบานมอบดอกไม้แห่งความฝัน
เป็นลำธารเย็นชื่นชื่นใจกัน
แล้วสวรรค์..จะลอยมาแตะแต้มใจไม่ช้านาน..นะคนดี!
10 มิถุนายน 2546 23:20 น.
พุด
ตะวันเฟือนฟ้อนรอนรอนแสง
เหลือบเรียวแดงราวส้มสุกงามเจิดจ้า
ลอดโลมไล้ฟองเมฆนวลพราวราวรุ้งพุ่งพราวตา
นกถลากางปีกฟ้อนย้อนรอยแสงแห่งตะวัน..
เรี่ยเรี่ยรำรำระบำฟ้อน
ลมออดอ้อนไพรพฤกษ์พงดงไม้ฝัน
ตะวันฟ้อนพริ้งพราวเฝ้าปลอบดวงชีวัน
ช้อนตาพลันไยมืดหม่นจนหมองใจ..
ตะวันฟ้อนดับกลางใจคนว้าเหว่
โอ้ทะเล..เงียบงามเลิกหวามไหว
ตะวันฟ้อนอ้อนชั่วครู่เฟือนฝันไป
ตะวันจริงกลางใจ..ไม่มีแล้ว..ดับมืดมน..จนนิรันดร์!
10 มิถุนายน 2546 23:09 น.
พุด
จันทราแห่งความหวังสุกปลั่งเรืองรอง ณ ..ฟากฟ้าไกลโพ้น
โลกยังรอให้ความฝัน..
บุปผาราตรี..ยังบานสะพรั่ง หอมระริน
ดอกไม้ในหัวใจยังถวิลเบ่งบาน
ให้รจนางานเขียนรื่นรมย์
ข้าไม่ต้องการเวทีใหญ่
ขอแค่ฝากฝัน ฝากใจ ฝากรักของข้าล้นใจ ให้ใครบางคนรับรู้..
มีรอยยิ้มอิ่มเอมที่มุมปาก..
กระชากหัวใจสะเทือนไหวยามถึงบทโศกตรม
ระทมไปกับบรรทัดฝัน ที่บรรจงสร้างฝันโลกแลชีวิต...
แสงสร้อยสุริยา รอท่าทุกวัน ให้คนช่างฝันถักทอมาวางแทบเท้าเธอ..
ริมฝั่งธารสีน้ำตา ริมภูผาสีกำมะหยี่
ริมใจดวง..นี้สีโศก..สะเทือน..
ในทิวาวารไร้หัวใจ..ในกระซิบของสายลมเปลี่ยวดายเดียว..
ในจันทร์เสี้ยว..แสนรักซึ้งเศร้า..
ที่เธอมิเคยเฝ้าแหงนมอง..
ได้ยินไหม...
เสียงคลื่นเว้าวอนออดอ้อนฝั่ง กับรอนรอนแสงสนธยา..
กับปรารถนาและรอยจูบฝากตะวันรอน เว้าวอนเธอเสมอมาเสมอไป
ในดินแดนสุดท้ายกับฝันพลี!........