10 กรกฎาคม 2546 10:18 น.
พุด
คืนวันอันดายเดียว
เปล่าเปลี่ยวปลิดกลีบดอกไม้หวาน
กระดังงาร่วงหล่นด้วยร้าวราน
หวานสิ้นหวานปนเปื้อนธุลีดิน..
พลิ้วไหวม่านฝนกับลมหนาว
พลิ้วพรายพายุใจปลิดกลีบสิ้น
ไม้งามรอร่วงสู่ผืนดิน
ถวิล..จุมพิตเปลือกตาของเธอ....
รอรสจูบหวานซึ้งซึ้งใจรัก
ที่แน่นหนักรอภักดิ์นานเสนอ
รอวันหวานแสนดีให้โลกเพ้อ
รอเสนอรอสนองวันสองเรารวมหนึ่งเดียว!
10 กรกฎาคม 2546 10:08 น.
พุด
ไยพระพรหม ไม่บอกซึ่งที่อยู่
จะได้รู้ส่งเมล์ขึ้นไปหา
วอนพระพรหมให้แก้ไขโชคชะตา
วอนเมตตา..ลูกนี้ทำแต่ดี...
ไยพระพรหมไม่บอกซึ่งที่อยู่
กลัวมนุษย์รู้ไม่สงบต้องคอยหนี
มากเรื่องรักมากเรื่องเศร้าในโลกนี้
มากชีวี ที่หลงทาง อ้างว้างใจ...
เมื่อท่านเมินไม่บอกถึงที่อยู่
เรื่องรักดูเหตุใดไยหวั่นไหว
ลูกขอทำวันนี้เพื่อฝันไกล
โชคเป็นใจ เปลี่ยนชะตา วอนฟ้าดิน!
10 กรกฎาคม 2546 09:53 น.
พุด
คิดถึง....... คำเพียงสองคำ
ที่ทรงพลังอันยิ่งใหญ่
รวมความรู้สึกลึกล้ำ มากค่า หลากอารมณ์ มากความหมาย......
เป็นคำที่....ทุกคนบนโลกนี้ ต้องเคยพานพบ
หนีไม่พ้นพอๆกับคำว่ารัก......ที่คู่กันมา..ราวคู่โลก
ไม่รัก คงไม่คิดถึง.....หรือ.....
เพียงคิดถึง แต่ไม่รัก คงมีบ้างเหมือนกันนะ....ใครกันล่ะ.... ห้ามใจได้....
แค่คิดถึง......ไม่ล้ำเลยเกยต่อไป....มากกว่านั้นเลย.....ดีจัง.....
คิดถึง.....คน.....วัตถุ.....สิ่งของ...ที่ข้องเกี่ยวเหนี่ยวดวงใจให้เราโหยหา ..........
คิดถึง......ธรรมชาติ งาม สถานที่ที่เคยรักเคยไป
แล้วใจเราแสนสุขล้ำเกินรำพึงรำพันเฝ้าฝันหา.....
หรือคิดถึง.....คนที่ผ่านมา.....แล้วผ่านเลยไป....ไม่หวนคืน.......
คิดถึงใครเอ่ย...ที่อย่างน้อย....เคยให้บทเรียน
ให้จำจด บทที่ทำให้ใจรวดร้าว รานแยกแหลกยับ.....
อยากบอกว่า.....ขอบใจจริงๆ....เหมือนเพลงพี่เบิร์ด....ที่แทงใจดำ.......
อกหักครั้งนี้ ฉันมีเธอเป็น ดั่งครู
สอนฉันให้เข้าใจ..... รักร้าวเป็นเช่นไร......ขอบใจจริงๆ........
ฟังทีไร...ก็สอนใจตัวได้เหมือนกัน....ขอบใจจริงๆนะ.......
บทเรียน.....ในทางลบที่เราน่าจะ......ขอบใจ....คนสอน....
ที่ยอมเสียเวลา....
ดีกว่าเอาปีนไปจ่อ...
หรือขอด่า....ให้หนำใจ......
เพราะคงไม่มีใครอยากแกล้งใคร.....ให้ใจเจ็บช้ำและรานร้าว.....
ถ้าไม่ใช่คนนั้นเกิดมาเพื่ออยากร้ายถ่ายเดียว
คิดถึง....คิดถึง...คิดถึง.....วัยรุ่น....วัยร้อน...วัยแรง....เรื่องรัก...
และขอมอบกลอนบทนี้ให้นะคะ จำเขามาค่ะ.........
ให้คิดถึงเพียงใด ใจจะขาด
ก็มิอาจไปตามความคิดถึง
ห้ามมาหา แต่ อย่าห้ามความคะนึง
ตราบใจซึ้ง ดวงนี้ มีพลัง.........(แห่งรัก)นะคะ.....
คิดถึง....เป็นคำที่คิดถึงได้ ไม่จำกัด จำนวนนับ ไม่ว่ากับคน..
หรือ ทุกสิ่งที่เราอยากจะรักอยากจะคิดถึง
คิดถึง....บางครั้งก็....ทำให้โลกนี้หม่นมัวชั่ววูบ....
ถ้าเราคิดถึงเขาข้างเดียวแบบข้าวเหนียวนึ่งที่ค้างปี..
แต่บางหนก็ดี.......ถ้าเรา...มีคนแชร์กันคนละครึ่ง...
มีผู้รับ ไม่ใช่มีแต่ผู้ส่ง แล้วหายไปเป็นอากาศธาตุ
การที่เราคิดถึงใคร และใครคนนั้นก็คิดถึงเราเหมือนกัน
เป็นความรู้สึกที่ต้องหาคำสวิงๆมาอธิบายความให้ซาบซึ้งถึงใจหน่อยดีไหม......
เหมือนๆกับ...การนอนรอ...วันรุ่งพรุ่งนี้ที่จะได้พบกับหวานใจ
เป็นความตื่นเต้นที่แสนสวยงามแสนวาบหวามใจ
สิ่งที่ทำให้ชีวิตเราแย้มยิ้มพริ้มเพรา ลืมโลก
เมื่อมีร่างงามมาปรากฏตรงหน้า....
หัวใจเราจะชา.....วูบ....วูบ.....วับ....วับ..แต่..ไม่ดับหายไปเสียทีเดียว
วันนี้....แค่อยากเขียนบอกว่า คำใดในโลกนี้....
ถ้าหัดคิดรู้จัก ใช้ในทางบวก มันจะไม่มีวันกล้ำกราย
ทำร้ายใจเราได้เลยนะ.....
คำว่าเสียใจ เสียใจ...
ถ้าใจเรา....ยังรู้จักคำๆนี้ก็แสดงว่า ......
เรายังมีความอ่อนโยน ละมุนอยู่ ......
คิดเสียว่า......เมื่อมีคำว่าเสียใจ....ก็คงต้องมีคำว่าดีใจ...
.เหมือนดังกลางคืนต้องมีกลางวัน
เหมือนดังมีฉัน.....วันหนึ่งอาจจะมีเธอ....
มีละเมอ....ก็อาจมี...ความจริง....เป็นสัจจธรรม.......นะ
ยามใด....วันไหน ที่ใจเศร้าหม่นมัวดุจอาทิตย์อับแสง
หมดเรี่ยวแรงจะสู้โลก ถึงเราจะเหงาใจ
ไม่มีใครเลย.....ไม่มี.....
แต่...แน่ละหรือ.....
คิดให้ดี เรายังมีโลกนี้ที่แสนงาม แสนสวย
ให้เราลืมตาตื่นมาดูโลกให้เป็น.....
เรายังมีดวงตา....ยังมีดวงใจที่ยังสามารถมองเห็นงาม
ตามใจฝันเพื่อนำมาประโลมชีวิตนี้ ให้เย็นรื่นชื่นฉ่ำ ไม่มอดหวัง......
รักตัวเอง.....อยู่กับตัวเองให้เป็น........
รักโลก.....อยู่กับโลกให้เป็น.....
รักเพื่อน....อยู่กับเพื่อนให้เป็น.....
รักธรรมชาติ.....อยู่กับธรรมชาติให้เป็น
เสพสุนทรีย์ ด้วยดวงใจที่ไม่หวังรานรุก.....
แล้วบอกกับตัวเองทู้ก ทุกวันนะคนดี.......
เราโชคดี....ที่ได้สัมผัสแลลืม มองเห็นสิ่งดีๆมาเติมต่อ
รอไฟฝัน ของชีวิตอีกวัน อีกวัน และอีกวัน
และแสนดีจัง....ที่ได้รู้จักคำว่าคิดถึง.....ยังมีใครบางคนให้คิดถึง...
ในซอกส่วนลึกนี้ของชีวี ที่แอบๆซุกซ่อนอย่างอ่อนหวาน
และอ่อนโยน เอาไว้เงียบๆ ล้ำค่า นะที่รัก.........
........
ถึงฟ้าจะกั้น ให้ฉันและเธอไกลกันสุดตา
หรือว่าภูผาทอดยาวขวางหน้า บังตาแค่ไหน
แม้นมีทะเล เหลือหยั่งคะเน มากั้นเราไว้
อย่าได้ตกใจ... ถึงห่างแค่ไหน ก็ไม่สำคัญ
อำนาจใดใด ที่ในโลกนี้ไม่มีความหมาย
แม้แต่ภูผา ก็ อาจทะลาย มิอาจขวางกั้น
รักเรามีปีก บินหลีกข้ามฟ้า ไปมาหากัน
ขอให้รักฉัน...แน่นอนเท่านั้น ฟ้าดินเกรงกลัว........
9 กรกฎาคม 2546 21:33 น.
พุด
ปริมกำลังเดินทางไปสุราษฎร์ธานี....
กับเที่ยวบินของสายการบินไทย.......
ด้วยใจ ที่เต็มไปด้วยความสุข..........
จะไม่ให้มีความสุขได้อย่างไรเล่า........
เมื่อมีหนุ่มคนดีของปริมรอรับอยู่ที่นั่น ..........
ปริมรอเวลานี้มาแสนนาน.....
เวลาที่จะโผเข้าสู่อ้อมกอดอันแข็งแรง
และอบอุ่นของคนที่ปริมรัก และภักดีด้วยใจทั้งดวง.........
........
หนุ่มคนซื่อของปริมถูกย้ายไปทำงานที่นั่นในตำแหน่ง..
เจ้าหน้าที่ที่ดินประจำอำเภอเล็กๆแห่งหนึ่ง...........
........
ปริมรักกับเชนมานานหลายปี ตั้งแต่เด็กก็ว่าได้
เชนเป็นทั้งเพื่อน...ทั้งพี่ ผู้แสนจะอ่อนโยน..ใจดี..
.และ..เชนไม่เคยห่างหายไปจากชีวิตของปริม
ไม่ว่าในยามใดที่ปริมต้องการ..........
นานหลายเดือน.........
ที่ปริมรู้สึกมีบางสิ่งขาดหายไปจากชีวิต....ไม่มีเชนคอยชิดใกล้....ช่วยเหลือ.......ทุกเย็นเชนจะขับรถไปรับปริมจากโรงเรียนอนุบาลเล็กๆ ที่ปริมสอนอยู่.........
เชนหัวเราะง่าย...ใจดีนักหนา จะมีขนมไปแจกเด็กๆ.....
และบางครั้งจะแอบพ้อกับปริม....เมื่อไหร่หนอ....
ปริมจะใจอ่อน..ยอมรับคำขอแต่งงานของเชนสักที.......
ปริมจะได้สอนลูกของเราเองบ้างนะ....
ปริมสับสน.......ปริมเพียงแต่รอบคอบ...
ใจแข็ง..เพื่อจะรอให้ทุกอย่างลงตัวมากกว่านี้.....
.ปริมอยากมีเงินเก็บสักก้อนเพื่อจะได้เริ่มชีวิตใหม่ที่แสนจะสวยงาม.........
แต่..........
วันนี้ปริมพร้อมแล้ว เชนทำให้ปริมไม่รีรออีกแล้ว......
ตั้งแต่เชนจากไป...ปริมรู้สึกโลกนี้ช่างว่ างเปล่า...
เดียวดาย ไร้หวัง ซะเหลือเกิน
จดหมายเชนที่เล่าถึงสภาพความกดดัน.....
ของการเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ตงฉินของเชน
แต่ไปขัดผลประโยชน์ของ ผู้มีอิทธิพล ทำให้ปริมรู้สึกร้อนรุ่มใจ............
.และยิ่งเชนพร่ำพรรณนาถึงความคิดถึงปริมอย่างมากมาย...........
ในคืนวันที่เดียวดาย........ในอำเภอเล็กๆ ซึ่งห่างไกลความเจริญ..
โดยที่ไม่มีปริมเคียงข้าง...........
เดือนก่อนเชนขึ้นมาหาปริม และก่อนจากลา......
เชนดึงปริมเข้าไปกอด ...พร้อมกับทำให้ปริมประหลาดใจ
ด้วยการสวมแแหวนวงเกลี้ยงให้ปริมที่นิ้วนางซ้าย.......
.เชนกระซิบบอกว่า..นี่คือแหวนหมั้นจากหนุ่มข้าราชการคนจน.....
และคิดว่าถ้าปริมยินดี ก็ให้สวมมันไว้........
จนกว่าจะถึงวันนั้น..ของสองเรา
ปริมน้ำตาซึม...โลกทั้งโลกตรงหน้าที่เคยว่างเปล่า................
เมื่อขาดเชน......กลับสว่างไสวโดยพลัน.....
.ปริมรู้..นับจากนาทีนั้น..ว่าปริมขาดเชนไม่ได้ ..
และจะไม่มีวันทำให้เชน...ต้องรอคอยอีกต่อไป..........
ปริมตัดสินใจในวันนี้....เพื่อจะบอกเชนว่า..
ปริมจะไม่จากไปไหน
ปริมเพียงแต่ขอให้เชนจัดพิธีมงคลเล็กๆ
ที่เต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของการเริ่มชีวิตคู่ .....
เพื่อการเริ่มต้นที่งดงามในชีวิตหนึ่งนี้.......
ปริมรู้ว่าเชนรอคำตอบนี้........มาแสนนาน...................
เชนคงจะยิ้มแก้มปริ และคงจะกอดปริมแน่นด้วยความดีใจ................
ปริมเหลือบดูแหวนอีกวงที่ปริมสวมคู่กับแหวนของเชน...
ที่ปริมตั้งใจจะมอบให้เชน..และจะบอกคนที่ปริมรักดังดวงใจว่า................
เราจะไม่มีวันพรากจากกันอีกตราบชั่วนิรันดร์
................
ปริมหลับตาคิดและฝัน.....
รอที่จะให้ถึงเวลาแห่งความสุข รอเวลาที่เครื่องบินจะแตะรันเวย์......
และปริม...... จะได้โอบกอดใครบางคนแนบแน่นเท่ากับแรงใจแห่งรักที่มี
........
ปริมจะสร้างชีวิตใหม่.......ชีวิตที่สมถะ เรียบง่าย...งดงาม..มากล้นด้วยความรัก .....ความเข้าใจ......กับเชน...........ปริมจะเนรมิตให้บ้านเล็กๆริมลำคลองในชนบทแห่งนี้....ให้เต็มไปด้วยชีวิตชีวา.......
ปริมจะปลูกผักสวนครัวมุมหนึ่งของบ้าน.......เย็นๆปริมจะขอให้เชนดูแลรดน้ำให้..........และปริมจะปลูกไม้ดอกที่จะออกดอกชูช่อสวยงาม.....จนกลายเป็นบ้าน.....ในดงดอกไม้นานาพรรณ.........
เย็นๆปริมจะทำกับข้าวที่เชนชื่นชอบไว้รอท่า..........และเมื่อค่ำคืนมาเยือนปริมจะออกมานอนชานระเบียงเพื่อชื่นชมดาวเดือน ในอ้อมกอดของคนที่ปริมรักนักรักหนา.................
ปริมฝัน..........และฝัน.................จนนาทีสุดท้ายของชีวิตที่ปลิดปลิว................
..........
สถานีข่าวทุกหนแห่งในประเทศไทย.....กำลังแพร่ภาพออกไปพร้อมข่าวด่วน........เครื่องบินของสายการบินไทย..ตกที่สุราษฎร์ธานี..ตอน 3ทุ่ม..ขณะที่ฝนตกหนักและมีพายุ..........และหนึ่งในรายชื่อผู้โดยสาร.......มีชื่อของนางสาวปริม บุรีรักษ์
..................................................................................................................................
เขียนจากความทรงจำอันเจ็บปวด จากการสูญเสียคนที่รักไปด้วยเหตุการณ์ในวันนั้น
9 กรกฎาคม 2546 10:08 น.
พุด
บทเพลงฝนหล่นพราวกราวกระหน่ำ
กลางใจขวัญฉันร่ำไห้กลางสายฝัน
บทเพลงเศร้าร้าวดวงใจในผูกพัน
ระหว่างกันในวันนี้ที่ร้างไกล...
โอ้..คนดีที่รักเจ้าเฝ้ารอรัก
กลัวอกหักใจพังยังหวั่นไหว
เดินจากมากล่าวคำลาว่าเสียใจ..และเสียใจ
รู้บ้างไหมใจภิณฑ์พังหวังเลือนลา...
นอนดายเดียวเปลี่ยวใจในโลกร้าง
ใจอ้างว้างกลางทะเลโลกย์โศกเหว่ว้า
หลับตาฝันได้คลึงเคล้าเจ้าดวงตา
ใจดวงล้ามองดูดาวเศร้าสิ้นดี...
เพียงคำอ้อนอ่อนอ่อนวอนวาดหวาน
ซึ้งซาบซ่านหวานกลางใจใครคนนี้
น้ำตาฉันมันซึ้งสุขในเจ็บเศร้านะคนดี
แปลกสิ้นดี...ที่ได้มากลับสาใจ..!..กลับสะใจ!