12 พฤษภาคม 2552 01:05 น.

ดอกปัญญา..ผลิบานมิรานโรย...!

พุด


รักทุกสรรพสิ่งในโลกนี้อย่างรู้รัก
ใช่ทึกทักทุกสิ่งเป็นของฉัน
แค่ผู้ดูรู้เห็นเป็นเช่นนั้น
ผ่านคืนฝันวันชื่นจิตตื่นเตือน

รักดวงดอกไม้ใช่เพราะรัก
จิตภูมิภักดิ์เห็นธรรมเสมอเสมือน
ธรรมชาติธรรมดามิร้างเลือน
เป็นดั่งเพื่อนนิรันดร์มหัศจรรย์ชีวิต

พระพุทธองค์ทรงค้นพบอริยสัจจ์
เครื่องร้อยรัดพันธนาแห่งดวงจิต
หยุดทุกข์ได้เพียรตามรู้ความคิด
อย่ายึดติดมีตัวตนต้องวนซ้ำ

ผ่านภพชาติกี่แสนอสงไขย
มากเพียงไรเวียนว่ายน้ำตาร่ำ
เดี๋ยวร้องไห้เดี๋ยวหัวเราะตามเพรงกรรม
ที่ย้อนย้ำทำเราเศร้าหนาวมายา...!



จากความตอนหนึ่งในเรื่องรักรจนา

ที่รักจ๊ะ 

กับสิ่งที่เล่า เกี่ยวกับบ้านเกิด นั้น 
เข้าใจและเห็นใจมาก 
เข้าใจความรู้สึกที่เพียรจะอธิบาย    
คนดีสิ่งที่เห็น ที่พบ 
สิ่งที่เปลี่ยนไปในโลกปัจจุบัน  
มันเป็นไปตามกฎธรรมดาของโลก 
โลกจะต้องเป็นอย่างนี้ 
คนดี คนชั่ว เกิดขึ้นเพราะ กรรม 

ดังนั้น 
เราจึงควรนำสิ่งที่เราเห็นนี้ 
มาสร้างให้เกิดปัญญาต่อจิต 
มาสร้างให้เกิดความเบื่อหน่าย 
คลายยึดในโลก   
ถ้าเราเกิดมาอีก 
เราก็ต้องเจอสภาพอย่างนี้  
มันวนเวียนมาแบบนี้ทุกชาติภพ 
ชาตินี้เราก็เห็นแล้ว ว่า เป็นยังไง  


เราจึงต้องถามตัวเองว่า 
เรายังปรารถนา
ที่จะเกิดมาพบกับสภาพเหล่านี้อีกไหม 
แต่การคิดจะต้องคิด
ด้วย จิตที่ไม่เศร้า หมายถึง 
เมื่อเราคิดพิจารณาอะไรก็ตาม
บนโลกใบนี้ 
ผลของการคิด 
จิตเห็นตามความเป็นจริง 
จิตจะไม่หดหู่  เศร้าหมอง 
จิตจะสว่าง  อิ่ม  
เพราะมองเห็นโทษ 
เห็นความจริง ณ เวลานั้น 

จะต้องคิดจบลงตรงที่  
ปรารถนาพระนิพพานนะจ๊ะ 
คือ สุดท้ายให้น้อมจิตว่า  
ขึ้นชื่อว่า
การเกิดเป็นคน เป็นเทวดา 
เป็นพรหม 
เกิดมาพบกับสิ่งเหล่านี้ 
จะไม่มีกับเราอีก  
เราตั้งใจจะไปนิพพาน 

ชาตินี้ พระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน  
หากข้าพเจ้าตาย  
ขอจิตข้าพเจ้าไปสถิตอยู่
ณ ที่ พระพุทธเจ้า พระอรหันต์เจ้า 
อยู่ด้วยเถิด 

ทุกครั้งเวลาปฏิบัติธรรม
จะต้องน้อมคิดอย่างนี้นะจ๊ะยอดรัก 
ดังนั้นหากสิ่งใดที่เกินวิสัย
ที่เราจะแก้ได้ 
เราต้องวางใจเป็นกลาง 
ในธรรมดาของโลกนั้นจ้ะคนดี 


ถามว่า 
ถ้าคนดีรีบลาพุทธภูมิไป 
คนดีก็หมด  
จริงๆแล้ว  ไม่มีใครดีหมด 
ไม่มีใครชั่วหมด   
คนจะดีจะชั่ว
อยู่ที่ กรรมเข้ามาสนอง  
เมื่อไหร่ที่กรรมชั่ว 
สนอง  ความดีเข้าไม่ถึง  
เขาจะทำความดีไม่ได้เลย 

เมื่อไหร่ ที่กรรมดีเข้าสนอง 
กรรมชั่วจะเข้ามาไม่ได้  
เขาจะทำความชั่วไม่ได้   
ดังนั้น  เราเจอคนไม่ดี 
เห็นคนไม่ดี  คนเหล่านี้ 
คือ คนทีน่าสงสาร  
เพราะอกุศลกรรม 
ทำให้เขาพูดผิด คิดผิด ทำผิด   

ตายไปแล้ว
เขาต้องไปเสวยผลบาปกรรม
ที่เราเห็นบนโลกเป็นแค่เศษกรรม 
กรรมหนักจริงๆ  กรรมชั่ว 
เขาต้องไปเจอหลังจากตาย 

ดังนั้น คนชั่วหรือทำไม่ดี 
จึงเป็นคนที่เราต้องทำจิต
ให้เมตตาต่อเขา 
ไม่ว่าเขาจะทำไม่ดีต่อเรา  
เราอาจไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว 
(คนที่เราไม่รู้จัก ไม่ใช่ญาติ 
ไม่ใช่คนที่สามารถเตือนได้) 
เราก็ทำจิตเมตตา  เขาอยู่ในใจ   

แต่คนที่เราช่วยได้ 
รับฟังเรา  ถ้าเราทำดีที่สุด  
แล้ว  เขาอาจทำตามเรา 
หรืออาจไม่ทำตาม  
เราต้องทำใจวางเฉย  
ทำใจให้สะเทือนใจน้อยที่สุด 
กับพวกเขา 


แต่ละคนมีกรรม  
มีวาระของตัวเอง  
คนดีที่มาเกิดจะต้องมี  
เพราะ  เป็นกฎของสังสารวัฎ 
พระโพธิสัตว์
ที่ปรารถนาจะขนสัตว์ มีเยอะมาก 
แต่ละองค์ก็จะมี
กลุ่มของตนที่จะต้องโปรด 
เราจะ ไปก้าวก่ายกันไม่ได้ 
ไม่ก้าวก่ายหน้าที่กัน 

คนดีอย่าห่วงอะไรเลยนะ  
เราไม่สามารถจะไปแก้กฎของกรรม 
ในโลกนี้ได้  
และ
ไม่สามารถทำให้ใครเป็นได้ดั่งใจเรา 
ดังนั้น ชาตินี้เราทำดีที่สุด
เท่าที่เราทำได้ก็ชื่อว่า 
ไม่เสียชาติเกิดแล้วจริงไหมจ๊ะ 
..................


				
11 พฤษภาคม 2552 22:48 น.

สุดทางรัก...!

พุด


รักของเรางดงามทุกยามนึก
ในรู้สึกเงียบงามนิยามหมาย
ใช่รักร้อนร้อนรักทุรนทุราย
เพียงสุดท้ายให้เธอปิดเปลือกตา

รักของเราลึกล้ำเกินคำกล่าว
ใช่ชั่วคราวชั่วครู่เสน่หา
ใช่น้ำผึ้งพิษหลงจารจิบเหยื่อมายา
ใช่ปรารถนาภายนอกหลอกวันวัน

รักของเราสงบสุขเลิกทุกข์ร้อน
รู้เพลาผ่อนแลโลกนี้พลีสร้างสรร
รักของเราอยู่ตรงนี้ที่เอื้อปัน
ฝากมหัศจรรย์งามให้สร้อยสายใจ

รักของเรามิต้องการทรัพย์ภายนอก
ที่ลวงหลอกหลงใหลให้คว้าไขว่
รักของเราประคองจิตเกี่ยวก้อยไป
รอภพใหม่ได้กรานกราบแทบบาททองพระพุทธองค์..

..............................
สวรรค์ลาฟ้าจุมพิต!

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4.html

จันทร์ค่อนดวงลอยเด่นบนฟากฟ้าแจ่มจรัส
ในขณะที่...
หยาดน้ำค้างหยาดเย็นหยดพรมลงบนพื้นหญ้า
และรินพร่างจากนภาสีกำมะหยี่ลงเกาะกลางกลีบกุหลาบแแฉล้ม
แต้มฉ่ำสดราวเพชรพราว...


ดวงดอกไม้ไทยรายรอบกระท่อมวิมานวนา
แข่งกันพร่างกลิ่นอวลหอมพรายพรมไปทั่วทุกทิศ
รอเวลาทายทักอาทิตย์อวดองค์อรชร
พรายแสงทองอ่อนๆอุ่นอุ่นโอบเอื้อ


ผม..ตื่นมากับฟ้าสางเสียงดุเหว่าแว่ว
เสียงไก่ขันเอ๊กอีเอ๊กแว่วมา..จากบ้านใกล้เรือนเคียง
เสียงเพลง
จากเรือนไทยริมทะเลหวานแว่ว
แผ่วมากับฟากฟ้ากว้าง
กับทะเลที่ยังครางครวญซัดฝั่ง
กับคลื่นคลอยังระรินสั่งราวร่ำไห้


*ทำไมหนอ..*
ทำไมหนอ..ท้องทะเลจึงครวญคร่ำครา
ทำไมหนอ..รักจึงได้จางจากดวงใจ
ทำไมหนอ..เมื่อฉันพะนอง้อเธอเรื่อยไป
ทำไมหนอ..เธอจึงไม่เห็นในไมตรี
ทำไมหนอ..ฟ้าจึงงามยามพายุผ่านพ้น
ทำไมหนอ..คนจนจนจึงรวยรักภักดี
ทำไมหนอ..ตัวของเราก็เพียงเท่านี้
ทำไมหนอ..ทุกนาทีทุกนาทีจึงต้องครวญคร่ำดั่งทะเล

ทำไมหนอ...ฟ้าจึงงามยามพายุผ่านพ้น
ทำไมหนอ..คนจนจนจึงรวยรักภักดี
ทำไมหนอ..ตัวของเราก็เพียงเท่านี้
ทำไมหนอ..ทุกนาทีจึงต้องครวญคร่ำดั่งทะเล
................


ผม..เดินทอดน่อง..ให้เท้าสัมผัสน้ำทะเลอย่างช้าช้า
อำลาทะเลพะงันงามด้วยน้ำตาปริ่มริมเรียวนัยน์ตาโศก

ทะเลที่นะบัดนี้....
พลันกลายสีมรกตเป็นสีเงินงามวะวาววับ
ยามอาบจับทาบทาด้วยสายแสงจันทร์ยามอุษา
คล้ายดั่งปรายโปรยด้วยเกร็ดเพชรพร่างพริบ


ผม...ค่อยๆทรุดตัวนั่งบนผืนทรายบนเนินกว้างร้างไร้ผู้ใด
นั่งดูไฟพราวระยิบเป็นระยะตรงขอบฟ้าทิศตะวันออกเบื้องหน้า
เรือหาปลายังไม่คืนฝั่ง... รอตะวันฉายทอดวง...


ผม...รินน้ำตาเงียบๆ
อย่างมิอายฟ้าดิน
ในความนิ่งงันงามเงียบนั้น
กับใจดวงเยียบเย็น
ยามใกล้จำพรากจากผืนดินเกิดอีกหน

เม็ดทรายรับทราบระทมทุกข์จากดวงหทัย
ที่แผกเศร้าเคล้าหวานโศก
ราวโลกตรงหน้า..เทวดาและฟ้าดินมารับรู้อวยพร..
ดวงดอกไม้ทั้งหล้าโลกร่ายฟ้อนร่วมออดอ้อนอำลา


ผม..หยัดร่างเหว่ว้ายืนอย่างทรนง.!.
แหงนเงยมองเวทีฟ้า
เพียงเพื่อซ่อนหยาดน้ำตาอาวรณ์อาลัย
ที่นะบัดนี้แสงสีเริ่มจรุง
จรัสแสงสีหวานปานเรียวรุ้ง
ส้มแสดทองชมพูผ่องพร่างพรรณราย


ผม..หันหลังลา..ทะเล..ตรงหน้า..ฟ้าเศร้า..
ทิวมะพร้าว
ต้นที่ผมเฝ้าแอบนอนดูบนเปลญวนยามไหวเอน
ทุกทิวาวันทุกค่ำคืน 
จนจำรายละเอียดแสนงามได้
เห็น..พู่ระย้าย้อยห้อยนวลดอกพราวขาวแฉก 
และ
ลูกเล็กๆแยกกระจายกลางช่อ
กลางกอที่ถูกโอบล้อม
ห้อมด้วยกลีบบานก้านแข็งแรงของก้านมะพร้าว
ที่นำมาทำไม้กวาดได้
และ
ยังใช้ประโยชน์ได้ในทุกส่วน
ไม่เว้นแต่กาบ
ที่สมัยนานมานำมาผูกสานเป็นถังตักน้ำได้อย่างงามดิบงามดี..


บางราตรี..
ผม..นอนฟังเสียงกระรอก
ไต่ตามทางมะพร้าวเฝ้าทำเสียงจิ๊กจั๊ก
ให้เจ้าอารี..สุนัขแสนดีและดีเจ
สุนัขพิทักษ์ทั้งบังกาโลว์และเจ้าของ
ได้ส่งเสียงร้องหยอกล้อกระโดดตามยามไต่..ไปตามกิ่งไหวใบระบัด
ซัดส่ายรับสายลมเสียงคลื่นคลอพ้อทรายซู่ช่าๆ


ราว*ดนตรีธรรมทะเลบรรเลง*
ราวบทเพลงโศก
ที่ฝากโลกและผู้คนบนสองฟากฝั่งให้*พบนิรันดร์เศร้าสัจจะ*
หลังพายุร้ายกลายโกรธกราดเกรี้ยวกลืนนับพันชีวิต
ในอีกด้านฝั่งฝัน
อันดามันให้ฝันกระดอนกระเด็นยากลืมเลือน
มาสอนมาเตือนบทเรียนให้ทุกมนุษย์
ได้รู้ค่าคำอ่อนน้อมถ่อมตน


และ
จงอย่าเย้ยหล้าฟ้าดิน
สิ้นยำเกรง..
พากันบรรเลงบทเพลงทำลายไม่ยั้ง..
ช่างน่าเศร้าสิ้นดีเสียจัง.
กับทุกชีวีนิดน้อยนี้


ที่แค่ผ่านมาแค่ชั่วครู่คราว
แต่ราวกับไม่รู้ซึ่งถึงค่า..ดิน..น้ำ..ลม..ไฟ..
ที่จำผสานผสมสอนพอดีพอเพียงพึ่งพาพึ่งพิง
เลี่ยงการทำลายทำร้ายกรายกล้ำกันและกัน..
*เป็นนิรันดร์รักพักพสุธา*ได้..อาศัย
ใช่มาไหวครวญทีหลังมาสำนึก...ตรึกคิดช้าไป..สายเกินไป..


ผม..*ลูกผู้ชายทะเล*หัวใจเหว่ว้า
ผิวคร้ามแดดนัยน์ตารานโศก
ที่ราวแบกโลกไว้บนบ่า
ที่ใครๆให้สมญายามได้สัมผัสจิตวิญญาณบ้านภายในว่า
ช่างแผกคิดพิเศษพิสุทธิ์นัก


ที่ช่างแสนรักแสนหวงธรรมชาติทุกสรรพสิ่ง
ราวกับจะยอมพลีชีวินชีวิตปกป้อง
ยอมตายแทนได้ทุกขณะแห่งลมหายใจเข้าออกนี้

หากสามารถที่จะรักษา....
ป่าดงพงไพรน้ำใสดินดีอุดม...ไว้ให้ยาวยืนยังชีพ
แด่ผู้คนบนแผ่นดินแม่ผืนดินโลกแผ่นดินไทย
ไว้ให้ลูกหลานได้ชื่นชม
ได้พบได้ชื่นฉ่ำไปนานเนานับนิรันดร์


เป็น*ความฝันอันสูงสุด*
ที่ทุกมนุษย์คงยอมพลีได้เช่นเฉกเดียวกัน
หากมีฝันมีอุดมคติ
และมีจิตสำนึกรำลึกรู้ว่า..
*ชีวิตเรานี้ช่างน้อยนิดนักราวธุลีหล้า*


และ
หากจะฝากค่าคนไว้ก่อนตาย
ให้ผืนดินมาตุภูมิกลบหน้า
ก็คงสมคำคำเกิดมาเป็นมนุษย์
ในชาติหนึ่งนี้ที่แสนสั้นนัก
ก็น่าจะนำปิติเกษมเอิบอิ่มงามมาสู่
อย่างผู้รู้อยู่...รู้เสียสละ
ด้วยความภาคภูมิใจอย่างไม่เสียชาติเกิด...


ผม..เพียรพยายามวาง ว่าง
รำงับดับทุกข์ทุกห่วงหาห่วงใย
ในผืนดินเกิดเป็นระยะๆ
ที่ได้บ้างไม่ได้บ้าง
ตามมีตามเกิดตามสายตาพาสายใจไปสัมผัสทั้งด้านดีร้าย
คล้ายยากหยุดยั้งโลกวัตถุ
ที่รานรุกบุกโหม
ให้จิตคนไม่รู้หยุดรู้พอ


ให้พากันต่อเติมตามกันไป
ในโลกเร่าร้อนด้วยพิษน้ำเงินงาม
ที่คือนิยามแห่งกิเลสลามไล้ให้อยากได้ใคร่มี
ทั้งทุกข์จากทุกวิธีแม้นมิชอบ
ยอมประกอบกรรมเผาไหม้ให้นรกในใจผุด..ราวดอกเห็ด 


ให้เหลือเย็นน้อยสวรรค์ลอยลา
ไปกับตัณหาบ้ารวย..มิรู้พอ..
และ
หน้ามืดพอที่จะหากินด้วยอาชีพทุจริต
คิดทำลายเพื่อนมนุษย์ด้วยกันด้วยนานาสารพันอบาย..


ที่...
กำลังถาโถมให้เกาะสวรรค์กลางอ่าวไทย
เริ่มกลายกลับเป็นนรกอีกไม่นาน
หากทางการมิหาญกล้าส่งคนดี
ที่ราวเปาบุ้นจิ้นมากำจัดคนเลวกวาดล้าง
ให้ล่วงสู่ทะเลโลกย์โศกนรก
อย่าได้มาผุดเกิดทำลายเยาวชนคนดีดีอีกต่อไปเลย..


ผม..คนช่างคิด..รับราชการมานานปี..
สนองคุณแผ่นดินแห่งงามนี้
ที่แสนสวยพิสุทธิ์บริสุทธิ์ราวไข่มุกกลางอ่าวไทย
ด้วยสัตย์ซื่อถือมั่นในคุณธรรม..
แต่ทว่า
ในวันนี้..ผม..จำต้องหันหลังลา
เมื่อครบวาระการโยกย้าย...มาถึง


ผม..ปล่อยให้น้ำตาลูกผู้ชายรินไหล
ในห้วงหัวใจอย่างช้าช้า
ราวสายฝนพรำรับระกำระทมทุกข์ทับ
ที่ยากดับร้อนผ่อนเย็นแก้ไข


มาตรแม้นไม่รวมพลังใจพลังอุดมการณ์มาร่วมด้วยช่วยกัน
ใช่..!รับสินบน..คอรัปชั่น
มีทั้งบ่อนทั้งปาร์ตี้ ยาอียาสารพัดสารพันราวนรกอเวจี
ให้คนดีดีเด็กๆวัยรุ่นหมกมุ่นเมามัวมั่วยา
พากันเสพสุขชั่วยาม
หากคืออนาคตแห่งชาติที่น่าห่วงใยเป็นยิ่งนัก
ที่จักกลับมาคืนทำลายชาติย่อยยับในวันหน้า..หานานไม่..


หัวใจผม..จึงดายเดียวเหว่ว้า..
ราวกับว่าอยู่ปลายโลกร้างกลางทะเลกิเลสโลกโศกรานลำพัง
กับ
วันนี้ที่จำต้องหันหลังก้าวลา
จากแดนดิน*พะงันงามราวสรวงแสนขวัญสวรรค์เยือนหล้า*..
นะกลางทะเลไหมมรกตสดใสกระจ่าง
สว่างไสวด้วยอากาศแสนดี..ฟ้าที่แสนงามทะเลที่แสนสวย


ที่ในวันนี้นะวันนี้
เกาะแห่งนี้..
เหลือความฝันสวรรค์ลอยเลื่อนให้คว้าไขว่นับวันน้อยลงทุกทีๆ
จะมีก็แค่สวรรค์ลวงรอล่วงลาลับมิกลับมา..อีกเลยแล้ว


ผม..ถูกสอน..ให้หยุดคิด..
รู้วางรู้รำงับดับทุกข์ทุกผันแปรไม่แน่ไม่นอนในหล้าโลกนี้
ที่ยากแก้คืน จากยอดดวงใจยอดหฤทัยของผม..
เธอ..บอกผมว่า


ที่รักจ๊ะ 

กับสิ่งที่เล่า เกี่ยวกับบ้านเกิด นั้น 
เข้าใจและเห็นใจมาก 
เข้าใจความรู้สึกที่เพียรจะอธิบาย    
คนดีสิ่งที่เห็น ที่พบ 
สิ่งที่เปลี่ยนไปในโลกปัจจุบัน  
มันเป็นไปตามกฎธรรมดาของโลก 
โลกจะต้องเป็นอย่างนี้ 
 คนดี คนชั่ว เกิดขึ้นเพราะ กรรม 

ดังนั้น เราจึงควรนำสิ่งที่เราเห็นนี้ 
มาสร้างให้เกิดปัญญาต่อจิต 
มาสร้างให้เกิดความเบื่อหน่าย คลายยึดในโลก   
ถ้าเราเกิดมาอีก 
เราก็ต้องเจอสภาพอย่างนี้  
มันวนเวียนมาแบบนี้ทุกชาติภพ 
ชาตินี้เราก็เห็นแล้ว ว่า เป็นยังไง  


 เราจึงต้องถามตัวเองว่า 
เรายังปรารถนา
ที่จะเกิดมาพบกับสภาพเหล่านี้อีกไหม 
แต่การคิดจะต้องคิด
ด้วย จิตที่ไม่เศร้า หมายถึง 
เมื่อเราคิดพิจารณาอะไรก็ตามบนโลกใบนี้ 
ผลของการคิด 
จิตเห็นตามความเป็นจริง 
จิตจะไม่หดหู่  เศร้าหมอง 
จิตจะสว่าง  อิ่ม  เพราะมองเห็นโทษ เห็นความจริง ณ เวลานั้น 

จะต้องคิดจบลงตรงที่  
ปรารถนาพระนิพพานนะจ๊ะ 
คือ สุดท้ายให้น้อมจิตว่า  
ขึ้นชื่อว่าการเกิดเป็นคน เป็นเทวดา 
เป็นพรหม เกิดมาพบกับสิ่งเหล่านี้ จะไม่มีกับเราอีก  
เราตั้งใจจะไปนิพพาน 

ชาตินี้ พระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน  
หากข้าพเจ้าตาย  
ขอจิตข้าพเจ้าไปสถิตอยู่ ณ ที่ 
พระพุทธเจ้า พระอรหันต์เจ้า อยู่ด้วยเถิด 
ทุกครั้งเวลาปฏิบัติธรรม
จะต้องน้อมคิดอย่างนี้นะจ๊ะยอดรัก 
ดังนั้นหากสิ่งใดที่เกินวิสัย
ที่เราจะแก้ได้ เราต้องวางใจเป็นกลาง 
ในธรรมดาของโลกนั้นจ้ะคนดี 


ถามว่า ถ้าคนดีรีบลาพุทธภูมิไป 
คนดีก็หมด  
จริงๆแล้ว  ไม่มีใครดีหมด 
ไม่มีใครชั่วหมด   
คนจะดีจะชั่ว
อยู่ที่ กรรมเข้ามาสนอง  
เมื่อไหร่ที่กรรมชั่ว 
สนอง  ความดีเข้าไม่ถึง  
เขาจะทำความดีไม่ได้เลย 

เมื่อไหร่ ที่กรรมดีเข้าสนอง 
กรรมชั่วจะเข้ามาไม่ได้  
เขาจะทำความชั่วไม่ได้   
ดังนั้น  เราเจอคนไม่ดี 
เห็นคนไม่ดี  คนเหล่านี้ 
คือ คนทีน่าสงสาร  
เพราะอกุศลกรรม ทำให้เขาพูดผิด คิดผิด ทำผิด   

ตายไปแล้วเขาต้องไปเสวยผลบาปกรรม
ที่เราเห็นบนโลกเป็นแค่เศษกรรม 
กรรมหนักจริงๆ  กรรมชั่ว 
เขาต้องไปเจอหลังจากตาย 

ดังนั้น คนชั่วหรือทำไม่ดี 
จึงเป็นคนที่เราต้องทำจิตให้เมตตาต่อเขา 
ไม่ว่าเขาจะทำไม่ดีต่อเรา  
เราอาจไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว 
(คนที่เราไม่รู้จัก ไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่คนที่สามารถเตือนได้) 
เราก็ทำจิตเมตตา  เขาอยู่ในใจ   

แต่คนที่เราช่วยได้ 
รับฟังเรา  ถ้าเราทำดีที่สุด  
แล้ว  เขาอาจทำตามเรา 
หรืออาจไม่ทำตาม  
เราต้องทำใจวางเฉย  ทำใจให้สะเทือนใจน้อยที่สุด 
กับพวกเขา 


แต่ละคนมีกรรม  
มีวาระของตัวเอง  
คนดีที่มาเกิดจะต้องมี  
เพราะ  เป็นกฎของสังสารวัฎ 
พระโพธิสัตว์ที่ปรารถนาจะขนสัตว์ มีเยอะมาก 
แต่ละองค์ก็จะมี กลุ่มของตนที่จะต้องโปรด  เราจะ 
ไปก้าวก่ายกันไม่ได้ ไม่ก้าวก่ายหน้าที่กัน 

คนดีอย่าห่วงอะไรเลยนะ  
เราไม่สามารถจะไปแก้กฎของกรรม ในโลกนี้ได้  
และไม่สามารถทำให้ใครเป็นได้ดั่งใจเรา 
ดังนั้น ชาตินี้เราทำดีที่สุด
 เท่าที่เราทำได้ก็ชื่อว่า 
ไม่เสียชาติเกิดแล้วจริงไหมจ๊ะ 
..................
 


และ
แม้นมาตรแม้นวันนี้
เธอ..คนดีที่ผมแสนรักเอยแสนรักในกมล
จะพรากลาไปเลือกโลกกุตระธรรมสงบเย็นแล้วก็ตามที


หาก..ทว่า
คำสอนให้ยึดมั่นธรรมะยอดพระรัตนตรัย
ที่คือความดีอันอมตะที่แสนงาม
ให้รู้ดับได้ทุกสรรพสิ่ง
หากเรารู้นิ่งคิดพินิจเพียรพยายามทำดีที่สุดแล้ว


และ
คำสอนแสนไสวว่างกระจ่างแจ้ง
ให้ดวงใจดายเดียวมิไหวครวญตามกระแสโลกโศกสุขนั้น
ก็ยังคงสถิตสว่างสะอาดสงบสยบร้อน
นะกลางจิตกลางใจของผม

ให้ใจดวงรานดวงหวานโศกระทมท้อแท้ในบางคราว
ให้ยังคงพร่างพราวราวมีอัญมณีชีวิต
สถิตเป็น*ดั่งรักนิรันดร์*
หลอมรวมกันไปเป็นดวงเดียว..ตราบวันตาย


นาทีนี้..ผมจึง..ค่อยๆวางปล่อย
และค่อยๆเรียนรู้
เพียงอย่าท้อถอยคอยทำสิ่งดีดีดับดำ
ที่พรำพรมห่มหัวใจคนมากมี
ที่ยังมืดดำนะที่แห่งนี้
ที่ยังลอยคอควะคว้างกลางทะเลน้ำตา
ทะเลโลกย์โศกสุขทุกข์ปิดตาจนมองไม่เห็นฝั่งฝัน
ฝั่งพระนิพพาน


ให้รู้วางรู้ว่างรู้เบื่อการว่ายวนวิบาก
รอให้พระโพธิสัตว์
มาขนสัตว์มนุษย์ให้เพียรพบทานศีลภาวนาสมาธิ
ที่จักมีปัญญาและเลิกหลงใหลในวัฎฎสังสารนานชั่วกาลกัปป์กัลป์


ที่ยังมากมีมากมายนัก
ที่จักยังรอเวลา
ที่ต่างจิตต่างใจต่างจิตสำนึก
ในการใช้ชีวิต
และหากรู้หยุดคิด
เพียรเพาะบ่มจิตสะสมบุญกุศล
ก็จักพาพบมิ่งมิตรกัลยาณมิตรธรรม
ที่จะน้อมนำ
ก็พ้นดงกรรมพงหนามได้พบฝั่ง..ฝันสักวันหนึ่งไม่นานช้า..


เรือ..เฟอรี่สีขาวลำใหญ่ยักษ์ราววิมานลอยน้ำ
กำลังลอยลาพาผมพรากจากฝั่งฝัน..
สวรรรค์ในใจผมมานานปี
ที่ผมเพียรฉลาดวาดวงชีวีชีวิต
เพียงมาตักตวงเพียงด้านดี


และ
มาทำหน้าที่ลูกผู้ชายชาติไพร
ที่
มีหน้าที่มาปกป้องป่าไม้
และคืนกลับให้แต่สิ่งดีดีฝากไว้
อย่างสมค่าคำ*ข้าแห่งแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง*
............


และ
เช้านี้..ผม..
กำลังเดินทางไปรับหน้าที่อีกที่ไกลห่างจากที่นี่
ไปทำหน้าที่ลูกผู้ชายพิทักษ์ป่าเขาลำเนาไพรในแผ่นดินไทยนี้
ตามวาระหน้าที่
ตามความสามารถ


ที่ผมเพียรทุ่มเทด้วยหยาดเหงื่อแรงกายแรงใจ
ด้วยสายเลือดรักภักดี
ต่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ไทย
ที่ทรงเป็นต้นแบบฉบับอันแสนยิ่งใหญ่ให้ใจไทยทุกดวง
ได้ประพฤติปฎิบัติด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
ด้วยคุณธรรมความดี
ที่รู้เสียสละตามอย่างบรรพชนมาอย่างยาวนานยาวยืน
เพื่อปกบ้านป้องเมืองไว้ให้ลูกหลานไทยได้ภาคภูมิในอิสรา


ผม..พาตัวเองขึ้นมานั่งบนชั้นดาดฟ้า..
ที่ร้างไร้ผู้คน
เพื่อหวังฝากกมลทุกนาทีหัวใจเต้น
รำลึกงามบนผืนดินที่จำพรากลาตามหน้าที่..


น้ำตา..ผมท่วมใจท่วมท้นล้นถั่ง
นะบ้านภายในจิตวิญญาณภายใน
ที่ยากที่ใครจะหยั่งเห็นด้วยตาภายนอกถึงโศกราน


และ
จะมีใครรับรู้บ้างนะว่า..
หัวใจ..ลูกผู้ชายคนเก่งคนแกร่งคนกล้า
ก็รู้ร้าวรอนซ่อนซึ้งหวานโศกและร้องไห้เป็น
กับทุกสรรพสิ่งอันแสนดี
ที่ควรค่าแก่การละหลั่งรินน้ำตาสังเวยเทวษถวิลไห้
อย่างมิอายดินฟ้า
นะ..เวลานี้
ที่นั่งลำพังดายเดียว
กับทุกเสี้ยวเวลา
ที่นาวาจริงกำลังนำพานาวาชีวิต
สถิตลอยล่องไปด้วยกันออกไกลห่างจากฝั่งรักฝั่งฝันออกไปทุกทีๆ..


ในคลองตาคลองใจที่แสนไหวครวญ
ราวพรานทะเล..พราก..ลา
และมิอาจจะรู้ได้ว่า
นาทีไหนลมหายใจแห่งชีวาชีวิต
ที่แสนสั้นพลันจะดับลับลาอย่างดายเดียว
กลางทะเลโลกย์ลำพัง
มิได้คืนหลังกลับมาอีกเลยแล้ว..


ผม...หันหลังลา
ด้วยดวงใจบอบช้ำ
หากย้ำตอกสลักดาลความเศร้าขังไว้นะบ้านภายใน
หันหน้าออกไปเผชิญโลกกว้างทางไกลข้างหน้าที่ท่ารอ..


และ...
ด้วยดวงใจเชื่อมั่นศรัทธา
ที่จะพลีบูชาปกป้องป่า..ดิน..น้ำ..ให้ยังคงอุดม..ยังคงอยู่
คู่กับผืนดินทองแผ่นดินไทยธรรมแผ่นดินไทย
ไปตราบชั่วกาลนานนิรันดร์
ภายใต้ร่มเงางามแห่งพระรัตนตรัย


และ
ร่มเศวตรฉัตรอันแสนสงบเย็นเป็นสุขแผ่ไพศาล
ที่พร่างพราวกระจ่างสว่างไสวมาแสนยาวนานราวอัญมณีไท
นะ..
ผืนแผ่นดินแห่งขวานทองโบราณแห่งรักนี้ที่เรียกว่าไทย..ไทย..


หัวใจ..ดวงทองของผม
จึงเริ่มผ่องผุดพิสุทธิ์พราย
ให้หยุดคิดคลายเศร้าหม่นในนาทีนี้นะนาทีนี้


และ
อย่างช้าช้า..ช้าช้า...
ราวสวรรรค์มีตา
ฟ้าปรานี
ดินใจดี
และ
โลกที่เคยเหว่ว้าดายเดียวกลับพร่างพราว


เมื่อ....!
สายตาสายใจผมพาพบ
ใครบางคน....
ค่อยๆย่างเยื้องมายืนตรงหน้า
และ
หันหน้าไปทิ้งอารมณ์ทอดตาทอดใจทัศนาทะเลกว้าง
ให้ลมพัดพร่างผมยาวสลวยปลิวไสวไปทางเบื้องหลัง
เปิดเรียวหน้าละมุนโศกหวาน
หากงามเศร้าซึ้งเป็นยิ่งนัก


และ...!!!
ก่อจิตปฎิพัทธิ์มหัศจรรย์รักนะกลางจิตกลางใจผมนะบัดดล
ราวปาฎิหารย์รักแรกพบ..!!
และ...
ยาม..เมื่อเธอหันมา...สบตากับ..ผม....นิ่งๆเพียงชั่วแวบ!
ผม...
ก็รู้สึกแปลบปลาบในหัวใจอย่างแสนน่าพิศวง..


ผมตะลึงงัน!..ฝันหรือจริงเล่าละหนอ..โอ้ชะตา
และนี่อย่างไรกันเล่า...โลกและฟ้าดิน
เธอคือภาพผู้หญิงในฝัน
ที่ผมเฝ้ารอหา..รอท่า..รอรัก..รอฝากภักดิ์พลี
มานานแสนราวชั่วกาลกัปป์กัลป์...


และ..กับ
ตระการกอ..กอดอกรัก..!ที่บานสะพรั่งพรึบนะกลางจิต
นะบัดนี้ที่ราวรักแรกพบราวสวรรค์ปรานีราวฟ้ามีเมตตา
ให้ผมยากยิ่งหาคำมาอธิบาย...


และ..
หากตราบชั่วชีวิตนี้
ผม..ยังพอมีโชค
โลกและพรหมลิขิต
คงจะชักนำให้ผมกับเธอ
ได้สานต่อทำความรู้จักและรักกัน


เพื่อพากันลอยล่องท่องนาวาทอง
ไปสู่ฝั่งฝันนิรันดร์รัก..
ให้โลกทั้งโลกอิจฉา
ให้ฟ้าแลดินและสิ่งศักดิ์สิทธิ์นิรมิตประทานพรให้กับสองเรา
...............


เอาละนะ..ครับ
มาเอาใจช่วย.
พระเอกคนดีคนกล้าคนเก่งคนแสนดีแสนน่ารักนัก..อิอิ
ให้พบกับ
รักแท้แสนวิเศษนี้นะทุกคนดีทุกดวงใจ
แล้ว...
ผมจะกลับมาเล่าต่อให้ฟัง
หากฝันในวันนี้เป็นจริง..


ได้ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์
ได้เคียงข้างประคองขวัญประคองร่างจิต
ทนุถนอมเธอคนงามคนดีคนนี้ไปตราบชั่วชีวิต
ไปสู่ร่มรักร่มธรรมอย่างที่
ผมรอ..ผมฝัน..ผมหวัง..มานานแสนนะครับ
................................


*ผม...สวัสดีครับ..
ทะเลสวยนะครับ..*
*เธอ..
ค่ะ..สวยสงบสุขดีค่ะ*
แล้วคนดีของผม
ก็ค่อยๆคลี่ยิ้มหวานให้หัวใจผมเต้นตูมตามตามมา


และ
หาก..ตาผมไม่ฝาดไป..
ผม..เห็นนัยน์ตาเธอนั้น
งามพราวราวน้ำผึ้งรวง
ราวดาวดวงประกายพฤกษ์พรายพร่าง


และ
โลก...ในดวงใจผม
ก็เริ่มไสวสว่าง...
สักร้อยเท่าพันทวีแล้วครับในนาทีแรกนี้..

ที่ไม่เลวเลยทีเดียว..ใช่ไหมละครับ..กับฉากรักแรกพบนี้อิอิ!!.....

...........................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4.html
จงรัก   

โปรด อย่าถาม ว่าฉันเป็นใคร
เมื่อในอดีตและโปรด อย่าถาม 
ว่าอดีต ฉันเคย รักใคร
รู้ไว้อย่างเดียว เดี๋ยวนี้รักเธอ
และรักตลอดไป รักมากเพียงไหน 
กำหนดวัดได้ เท่าดวงใจฉัน
อย่า เพียรถาม ว่าฉันจะรัก 
เธอนานเท่าใดฉันตอบไม่ได้ 
ว่าฉันจะรัก ชั่วกาล นิรันดร์
เพราะชี วิตฉัน คงไม่ยืนยาว
ไปถึงปานนั้นรู้แต่เพียงฉัน 
หมดสิ้นรักเธอเมื่อ ฉันหมดลม

อย่า เพียรถาม ว่าฉันจะรัก
เธอนานเท่าใดฉันตอบไม่ได้ 
ว่าฉันจะรัก ชั่วกาล นิรันดร์
เพราะชี วิตฉัน คงไม่ยืนยาว
ไปถึงปานนั้นรู้แต่เพียงฉัน 
หมดสิ้นรักเธอเมื่อ ฉันหมดลม...

 
				
9 พฤษภาคม 2552 12:04 น.

หลับตาลงบอกใจตัวเสมอมาลมหายใจมีค่าก็ตรงนี้....!

พุด


วันฟ้าสวยพาใจดวงใสว่าง
สู่เส้นทางสายรุ้งแห่งความฝัน
ทอดตาแลทุ่งทิพย์ในรอนแสงตะวัน
มหัศจรรย์งามใจเกินใดปาน

นั่นดวงดอกไม้ป่าพาชูช่อ
เฝ้าหยอกล้อสายลมดูอ่อนหวาน
บานบัวบึงค่อยคลี่กลีบใกล้ดงตาล
ชาวนาหว่านพันธุ์ข้าวรุ่งเช้าวัน

สงบลึกในรู้สึกอยากกระซิบ
ถึงดวงใจไกลลิบในครองฝัน
ราวสวรรค์บนผืนหล้าเกินรำพัน
รอแสงจันทร์ทอทาบอาบผืนนา

ยิ้มเศร้าเศร้ารับสุขเลิกทุกข์ร้อน
เลิกอาวรณ์อาลัยใครทั้งหล้า
หลับตาลงบอกใจตัวเสมอมา
ลมหายใจมีค่าก็ตรงนี้....!
				
8 พฤษภาคม 2552 16:53 น.

สายฝน..สีสัน..วันสวย...!

พุด


ฤดูเดือนดอกไม้บานกำลังวนผ่านมาอีกคราแล้ว
แก้วหน้าบ้านต้นสูงเชยชายคา
กำลังพากันปลิดกลีบร่วงลงลานดินกระจาย

หอมพรายการเวกที่ปล่อยให้เลื้อยพันพร่าง
จนถึงระเบียงบน
จนมาทายทักอยู่ริมอ่างอาบน้ำยามนอนแช่
แลดูดาวเดือนจากบานกระจกกว้าง


เดือนแห่งสีสัน เดือนที่สายวสันต์
เริ่มปรอยปรนมากับลมฝนพายุแรง


ริมถนน หางนกยูงสีแดง
พากันแข่งอวดดวงดอกสะพรั่ง
ตรงนั้นตรงนี้ 
ให้นัยน์ตาที่ชอบความมีชีวิตชีวา
ต่างพากันแย้มยิ้มยามยล


ฉันขอบคุณเจ้าพยัคฆาเพื่อนยาก
ที่พาบุกน้ำลุยโคลนกระโจน
สู่ไพรพฤกษ์ อย่างมิรู้เหนื่อยยาก

ขอบคุณธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพร
ที่ใจดวงนี้ได้สัมผัสอย่างสงบลำพัง
ได้ลึกซึ้งดื่มด่ำ
ทั้งยามสายฝนพรำพรม
ฤาพร่างหนัก
และ..
ได้ทายทักดวงสุริยา
แสนงามในท่ามโลกนี้
จากทุกทิศทั่วไทย
ที่พาให้แสนสุขใจเสียจริงๆ				
7 พฤษภาคม 2552 22:57 น.

ลืม..ให้สิ้นซาก...!

พุด


ลืม...ให้สิ้นซาก...

ฉันยกหูโทรศัพท์ แล้ววางลง 
เป็นครั้งที่เท่าไร จำไม่ได้เลย 
รู้แต่ว่าวางลง 
โดยที่ไม่..แม้แต่ จะกดเลขหมาย ซึ่งจำได้อย่างแม่นยำ

ไม่น่าเชื่อเลยว่า.....
ใจของฉันจะสับสน ได้ถึงเพียงนี้....
หลายปีมาแล้ว..
ที่ฉันจะต้องโทรถึงคุณ ในวันนี้ เดือนนี้
เพื่อ อวยพรวันเกิดให้คุณ 
นอกเหนือจากความปรารถนาดีที่อยากให้คุณ
มีความสุขมากที่สุดแล้ว
 ฉันก็อยากให้คุณรู้ว่า 
ฉันยังคงคิดถึงและรักคุณเสมอมา....นะคนดี

ทุกปีเช่นกันที่เสียงคุณจะตื่นเต้น ดีใจ 
ไม่เปลี่ยนแปลง คุณคงดีใจและแสนภูมิใจ
ที่ยังมีผู้หญิงคนนี้ 
ยังคงโง่งม..เฝ้าหลงรัก หลงคอย
 โดยรู้ว่า..ไม่..แม้แต่จะได้พบกัน
ไม่..แม้เพียงรอสบตา..หาคำตอบ..

ฉัน..เคยบอกคุณว่า..
อยากพบคุณสักครั้ง
 ก่อนที่จะตัดใจ เดินไปจากชีวิตคุณแบบไม่ค้างคา
ไม่ไยดี ไม่หวนไห้ คิดถึง รำพึงรำพัน ถึ
งคืนวันเก่าก่อนที่แสนดีมีค่า 
ในความทรงจำรำลึก ของเราอีกต่อไป

 ฉันยินดีจะไปเสียที
อย่างที่ลูกผู้หญิงที่ยังมีศักดิ์ศรี
 ควรจะยอมรับความจริง...
ว่า...
โลกนี้ ไม่เหลือเยื่อใย ต่อไปอีกแล้ว ระหว่างเรา 
และ
ไม่เหลือแม้คำว่าคิดถึงและห่วงใย
ที่จะเกาะเกี่ยวให้ดวงใจ ช้ำทุกข์ตรมอีกยาวยืน......

ฉันแค่อยากนั่งตรงหน้าคุณ 
มองตาคุณนิ่งนิ่งตรงๆ 
และ
ขอถามคุณ เพียงคำถามเดียว 
แม้กายใจอยากจะโผ
เข้าหาอ้อมกอดคุณที่เคยแนบแน่น 
เร่าร้อนรุนแรงอย่างที่เคยเป็น 
ด้วยแรงรักแรงคิดถึง นานเนา
ของการพรากจากมานับเป็นสิบปี 

คำถามเดียวนี้ 
ที่ต้องการแค่คำตอบเดียว เท่านั้นกลับมา 
ที่ฉันได้เตรียมใจ พร้อมรับฟัง คำพิพากษา
และ
พร้อมจะกล่าวคำลา
 ไปจากคุณทั้งในโลกนี้ และโลกหน้า 
ไม่ให้ตามติดทั้งกายและจิตวิญญาณ
แบบขอกรวดน้ำ คว่ำขัน แก่กันนะคนดี ในดวงใจ ที่
ไม่อยากพบเจออีกแล้ว
ไม่ว่าชาตินี้ชาติไหนระหว่างเรา

คำถามหนึ่งเดียวในใจดวงนี้ 
ของลูกผู้หญิงคนหนึ่งคนนี้ 
ที่เคยเททุ่มทอดใจ พลีให้ อย่างหมดจิตหมดใจ

คำถามมีว่า...
ในใจคุณนั้น เคยมีฉันอยู่บ้างไหม
 แบบผู้หญิงคนพิเศษ..
เหมือนดังใจฉัน ที่แอบซุกซ่อนคุณไว้
 เป็นหนึ่งเดียวในใจ มิรู้เลือนลืม...

แต่...
มาวันนี้...แปลกสิ้นดี 
ที่แม้อยากจะถามคุณมากสักเพียงใด
ฉันก็ไม่ต้องการ แกล้งโง่ 
หลอกตัวเองให้หลงรอคำตอบ..ต่อไปอีกแล้ว...

ดวงตาฉันใส ดวงใจฉันสว่าง 
เพราะฉันฉลาดขึ้น 
และ
ค้นหาคำตอบนั้น
ให้ใจตัวเองพบแล้ว 
โดยไม่จำเป็นต้องถามคุณเลย...

ระหว่างเรานั้น 
ถ้าฉันไม่หลอกตัวเองมานานนับสิบปี 
แบบคนที่งมงายอยู่กับโลกแห่งความฝัน
ฉันก็น่าจะรู้ว่า มันจบกันไปนานแล้ว ...

คำตอบนั้น
 มันอยู่ที่ตรงนี้ต่างหาก
 ตรง ที่..ใจของฉันเอง ..ใช่เธอ!
คำๆเดียวที่ง่ายๆสั้นๆ
ตรงไปตรงมา ตรงใจ ...อย่างที่สุด.. 
เพียงถ้ามีปัญญาและเปิดใจยอมรับ..

คำนั้นคือคำว่า....
ลืม!.....ลืม........... ลืมเสียเถิด อย่าคิดถึง...!
และ..
ลืม!........เถิดนะว่า ...
เราเคยรู้จักกัน...
และ
ระหว่างเรานั้น.......
สวย...ที่สุด ถ้าจะ..จบสิ้นกัน.... ด้วยคำๆนี้ ....
ลืมเสียที.....
 ลืมทุกสิ่ง.... ให้สิ้นซาก....จากนี้ไป...จนวันตาย!!!


........................................................



เนื้อดินดีเพาะพืชพันธุ์เนื้อใจนั้นเพาะความดี .....    

นั่งโดดเดี่ยวเปลี่ยวใจริมทะเลกว้าง
โลกอ้างว้างร้างไร้ใจสลาย
ขอบฟ้าไกลน้ำจรดฟ้ายิ่งเดียวดาย
ใจสลายคล้ายเศษแก้วแล้วนะใจ...

ก้มลงกอบหัวใจหวังคืนกลับ
เศษแก้วยับกับธุลีที่ร้าวไหว
หยาดน้ำตาราวหยาดฝนตกต้องใจ
หยาดเลือดไหลไหวสะเทือนเตือนเจ็บจำ..

ใจดวงงามนิ่งงันกับฝันร้าย
โลกสลายหายวับรับรอยช้ำ
ใจดวงหวานรานร้าวทุกข์ระกำ
จนบอบช้ำย้ำรอยแผลแพ้ทั้งใจ...

ทรุดกายลงแหงนวอนฟ้าท้าลมฝน
พระเบื้องบนทอดทิ้งลูกฤาไฉน
ร่างทั้งร่างทั้งเลือดเนื้อและหัวใจ
ท่านใช่ไหมรู้ดีที่เป็นมา..

ก้มลงกราบกินดินทรายขอหมายมาด
กี่ภพชาติให้ลูกพ้นพิพากษา
จากคำคนผู้ไม่รู้ไม่เห็นในวิญญาญ์
ลูกเหว่ว้าหาทางธรรมน้อมนำใจ..

สวดขอพรกี่พันครั้งหาทางออก
ลบช้ำชอกสร้างพลังเริ่มหวังใหม่
ลืมเงาเศร้าลบรอยร้าว เคี่ยว..เนื้อใจ..
หวังหว่านไถเพาะพืชพันธุ์สร้างฝันดีมอบโลกงาม  

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด