22 ตุลาคม 2546 06:31 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=255
ฉันมิใช่นางเอกเสกโลกฝันให้ใครได้
และมิใช่นางใจนางในฝัน
เป็นเพียงหญิงดายเดียวไม่ต้องการให้ใครมาผูกพัน
ในโลกฝันในโลกจริงหยุดนิ่งใจ...
ฉันมิใช่นางเอกเสกโลกสวยให้ทุกสิ่ง
ในความจริงสิ้นไร้ใจมอบใครได้
ชอบเงียบงามลำพังร้างและไร้
หยุดทักทายค้นหาฝันฉันคือใคร...
ฉันเบื่อโลกโศกสุขทุกข์แปรผัน
ขอคืนวันเหมือนเดิมจะได้ไหม
วันธรรมดาธรรมดาเงียบเหงาใจ
ไม่มีใครไม่มีฝันวันดายเดียว...
เพราะ...
ฉันมิใช่นางเอกเสกโลกให้สยบ
ให้เธอพบความสุขเลิกเหงาเปลี่ยว
เป็นเพียงหญิงธรรมดา ย้ำ..ธรรมดาผู้ดายเดียว
วิญญาณเที่ยวท่องล้ำย่ำเพียงแดนสนธยา...
และ..
ฉันมิใช่นางเอกให้ใครต่อแต่นี้
เลิกชีวีสับสนวนค้นหา
ขออยู่เดียวแม้เปลี่ยวเหงาชั่วชีวา
เลิกทายท้าพิสูจน์ใจใครรักเรา..ใครรักจริง..
***********
จุดเทียนเขียนเรื่องรับอุษาสาง
ในอ้อมอกเมือง
กับ..
หยาดน้ำค้าง..ค้างบนเรียวตา
บนเรียวหญ้า....
กลางกลีบเกสรดอกไม้..รายรอบบ้าน
กับ..
วสันต์สั่งฟ้าลาเลยแล้ว..
และกับ
ดาวบนฟ้ายังระยับระยิบ
...
รู้สึกเบื่อ
อยากหมุนโลกกลับเลิกทายทักรู้จักผู้คน
ย้อนตัวตน..คืนกลับไปอยู่กับความอ้างว้างร้างไร้
งามเหงาใจ เงียบสงบใจ...
หยุด..ทบทวน..ทุกสิ่ง..
นิ่ง....
และ..
ว่าง..
ห่างคน..ห่างใคร..ห่างใจ..
เลิกพบ..คน..
ไม่ไปไหน
ใช้ชีวิตธรรมดา ธรรมดา
กับเหว่ว้า กับธรรมชาติไพร
เก็บทุกสิ่งไว้กับบ้านภายในลั่นดาลหัวใจชั่วกาล!
18 ตุลาคม 2546 09:06 น.
พุด
http://greenmusic.org/thai/index.html
(ยามเช้า เก็บเกี่ยว ฤดูกาล)
............
ไพลนั่งในร้านต้นไม้ริมชายทุ่ง
กับสายลมโชยโบกโบยพัดพรายพลิ้ว..
คล้าน้ำออกดอกพราวราวรวงเรียวระย้า..ย้อย
ห้อยพวงนวล..นวล..
นั่นกังหันน้ำกระบอกไม้ไผ่..ระบัดไหลหมุนวนจนเกิดฟองฝอย
กระสานซ่านเซ็นสู่บึงบัวหลากสีหลายพันธุ์
ที่พากันชูช่ออวดดอกละออ...
รอคลี่กลีบอ่อนอ่อนหวานหวานเริงน้ำค้างรับอรุณ...
หีบไม้งาม..นามเพราะคือชื่อจำเพาะของพันธุ์ไม้พุ่มใบซ้อนสลับสล้าง
ดอกขาวบอบบางอย่างดอกมะลิ..
ที่ไพลอางขนางในหอมพราวราวไม้ไพรจากแดนสวรรค์สรวง
และโน่น มุมโน้นจันทร์ผา..สูงใหญ่ต้นไม้ในดวงใจอีกต้นพันธุ์หายาก..
ชื่อจันทร์ผา ..พาให้คิดถึง ผาในโตรกไพรพง..ดงรกชัฏ..สงัดงามเงียบ
ที่มักเกาะเกี่ยวแง่งหินง้ำยื่นล้ำออกมาชูฟอร์มงามตระหง่าน
ทายท้าเงื้อมผาโลกให้แลลืม...
จันทร์ผา..ท้าเวหน สอนกมลให้เลิกทดท้อ รู้รอรู้ท้าทายใจ เฉกกัน..
จันทร์ผา..จันทร์ผาที่ท้าหมอกเหมย..สายลมรำเพยพร่างอย่างอ้างว้าง
โดดเดี่ยวใจ..ในงามเงื้อมเงาโลก มิรู้โศกรู้สิ้น...
เพราะคำว่าจันทร์..จันทร์
พลันพริบ..หัวใจไพลก็คิดกลับไกลไปถึง..ลูกจันทน์
ต้นจันทน์ ถอยฝันกลับไปสู่วันวัยเยาว์คืนเก่า...บ้านเกิด
ในวันที่มือไพลได้ละมุนอุ่นหอมด้วยลูกจันทน์นิดนิดน้อยน้อยเหลืองทอง
คล้ายฟักทองย่อส่วน..ผลไม้ฝันที่ไพลกินมันไม่ลงดอกนะ..
นอกจากเอามาดอมดมพรมจูบลูบคลำละเมียดล้ำกลัวช้ำชอก..
พกมันใส่กระเป๋าเสื้อนักเรียนตลอดทั้งวัน
ให้หอมกรุ่นกำจายคล้ายออกมาจากรอยบุ๋มแฉกงาม
ตรงกลางกระจุกใจริมเขียวไพลตัดฉับกับเหลืองละออ..
..........
โอ้ลูกจันทน์ ลูกจันทน์ ลูกหวานใจ..เมื่อไม่นานนี้
ไพลได้มีโอกาสไปยืนดายเดียวใต้ต้นจันทน์สูงใหญ่ใบดก
ไม้ในเนรมิตร..
ตอนไปดูการก่อสร้างคฤหาสน์ใหญ่
ที่คนสวนใจดีและที่เรารู้กันว่า
ตอนมานั้นต้องใช้เครนยกลงหลุม..
ทุกพันธุ์ไม้นานาพันธุ์ที่หายาก
หากไม่ยากหากใช้น้ำเงินหว่าน..
ก็พลันไม่ต้องรอ..ขอสูงได้ภายในพริบตา
น้ำเงินที่พาผ่านการเพาะบ่มห่มรักรินรดหยาดหยด
ค่อยๆดูแลอย่างทะนุถนอม กล่อมเกลี้ยง ก่อนถึงวันสุกงอม
ให้ผลหอมงาม
ที่ต้องใช้กาลเวลาและดวงใจรักเพียงนั้นร้อยรัดพันผูก
ให้ตระหนักล้ำลึกถึงคุณค่าความเพียรในทุกสิ่ง..
ที่เพาะผ่านมาอย่างซึ้งค่ายากเย็น..
และนะวันนี้..คฤหาสน์นี้ก็ยังไร้รัก..เพราะ
เงินอาจเนรมิตรจินตนาการง่ายราวปอกกล้วยเข้าปาก
หากมิอาจจะใช้ชื้อหัวใจมนุษย์มากมีค่าบางคนได้..
ที่คงต้องใช้เพียงใจเดิมพันใจ
ใจจากกระพี้ใจ จากจิตวิญญาณใสสวยงามพอกัน
ถึงจักได้ดวงใจงามขวัญงามดวงใจใครนั้นจะรู้
มาครอบครองมาเคลียคลอมาเคียงข้าง..
..................
ไพล..ขอกลับมารจนา
กลับมาที่ร้านในฝันสวรรค์บนดินของไพลต่อดีกว่านะคะ
เจ้าของร้านน่ารัก
ที่ให้ไพลได้มาพักพิงใจเขียนงานไพรงามต้นไม้
ได้มาดอมดมพรมจูบดวงดอกไม้โดยมิพักต้องใช้ตังค์
ได้มานั่งในอุทยานดอกไม้
โดยมิต้องไร้ร้างอ้างว้างใจในถวิลหาราวไพรกว้าง
และร้านนี้จะมากมีของเก่ามากมีค่าที่มีที่มาจากชนบทงาม
บานประตูหน้าต่างไม้สัก
ที่นำกลับมาออกแบบใหม่
ด้วยภูมิปัญญาไทยปัญญาถิ่น
ให้กลายเป็นตู้ โต๊ะ ตั่งเตียง
แถมยังมีเครื่องโม่ข้าวโบราณ
เครื่องถ้วยชามรามไหสังคโลก..ดินเผาเฉลาเฉลิดใจ
ยามแค่ได้เมียงมอง..
และร้านนี้ใจดีนักน่ารักซะไม่มี
ที่มอบมุมงามใต้ลั่นทมดอกดกพราวให้สาวบ้านนา
เลิกเหว่ว้าใจ..ในทุกยามหากจะมาหาบรรยากาศ
เพียงเธอขอสัญญาขอให้ไพลหาจำปาดะ มาให้กิน
โอ๊ะโอ๋..เป็นสัญญาจากสาวสุรินทร์
ที่เกิดคนละถิ่นคนละที่กับไพลแต่ไฉนเลย
ถึงชอบกินจำปาดะ จำปาดะ
ที่ไพลหมายตาว่าวันอาทิตย์นี้จะหามาให้จากตลาดนัดสวนจตุจักร
มากำนัลตามคำมั่นสัญญาที่น่ารักซะไม่มี..
ที่ไพลขอเรียกสัญญาใจนี้ว่าสัญญาจำปาดะ..จำปาดะ นะคะ นะคะ
และแม้ว่าจะไม่ถูกขอให้อุดหนุน หัวใจละมุนของไพลก็อดใจไม่ไหว
กับหวานในมนตรา..เสน่หาในดวงใจรัก..
ต้องเป็นอีบ้าหอบเอาต้นไม้ในใจมาเต็มคันรถ
ดังมีรายนามต่อไปนี้..
หีบไม้งาม..ยามนี้มานอนแอ้งแม้งอยู่ตรงเทอเรสทางขึ้นบ้าน
ตามมาด้วยคล้าน้ำ กอกกกอใหญ่
ที่นะบัดนี้ก็มายืนในโอ่งใหญ่พอกันไปเรียบร้อยหัวใจไพลแล้ว
และให้ในจินตนาการไพล...มองไปราวนั่งริมบึงใหญ่....ที่ไหนสักแห่ง
กับฉากฝัน..สวรรค์ลอยตรงหน้า
กับหวานแว่วดุเหว่ากับมิเหงางามเงียบ
เพราะมีเสียงเซ็งแซ่ของนกไพร
ราวดนตรีไพร ในหัวใจ ในธรรมชาติยามเช้า
และ
เฟิร์นข้าหลวง..ใบเขียวยักษ์
มาแผ่ปกคลุมบนโต๊ะไม้สนหกที่นั่งที่นะบัดนี้
ผันแปรมาเป็นโต๊ะนักอยากจะเขียน
และเขียวพร่างเขียวไพลก็ตัดฉับกับผ้าทอชาวเขาสีแดงกลางโต๊ะ
บรรเจิดใจซะไม่มี..แถมมีชะลอมสองใบย่อมวางไว้ให้หัวใจดิบเดิม
เพิ่มความละมุนละม่อม ให้ห้องใจน้องนางสาวบ้านนาผู้รอท่ากลับทุ่งถิ่น
ไพลลุกขึ้นมาจุดเทียนเวียนวนรจนาเรื่องนี้ต่อ...
รอ รับวสันต์ลา ตอนฟ้าสาง
ยามนภากระจ่าง..อรุณสะอ้านหวานระเรื่อ..
เสียงดุเหว่าไพรหวานแว่ว..มา.......
นาฬิกานก..ประจำใจประจำวิมานดินถิ่นไพล
มาไกวกิ่งจำปีปลุก..ทู๊กทุกเช้า
ทุกทุกวันตรงเวลา
ให้ต้องใช้หมอนอุดหูในบางเพลาที่ต้องการนอนตื่นสาย
เนื่องจากนกนาฬิกาตัวนี้มีแบตเตอรี่แบบไม่มีวันหมด..
ให้ตลกและขำไม่ออกในยามที่อยากกดปุ่มปิดแล้วทำไม่ได้ให้หยุดร้องเสียที..เฮ้อ!
ขอจบ..ตรงบรรทัดนี้นะคะ
กับสายลมพัดผ่านบ้านไพล..กับนวลใจไพลผู้มีหัวใจหวานหวาม...ตาม.
ลมไพร..ลมหอมหอมที่กำลังหลอมละลายใจ
กำลังเริงระบำรอพัดปีกแห่งฝัน แห่งรัก..ให้นกไพรหัวใจทรนง
คืนหลังโผผินบิน กลับรัง กลับบ้าน
สู่ทุ่งกว้าง ทางงามเงียบเลียบลำธารสายหวานระริน
บินตรงสู่อ้อมแขนเทพีไพร ในแดนดินเรียวรวง ภูผา ฟ้าสีน้ำเงินงามเข้ม
ทิวเขาสุดตา..กระจ่างจ้าตัดกับขอบฟ้าไกล กับเงาดาวสุกใสสว่าง
กับโมกพร่างดอกไหวพรายร่วงกระจายลงกลางบ่อน้ำ..
ให้หอมอวลในทุกอณูนี้ที่นับวันรอคืนมาแสนนาน..
ลมไพร..ลมหายใจแห่งจิตวิญญาณ ที่หล่อหลอมร่าง
ให้มีบ้านภายในให้มีเนื้อใจพร่างละมุน
ไม่ว่าจะสักกี่โลกหมุน กี่ภพชาติ..จะพิศวาสเพียงไพร..พอ..
16 ตุลาคม 2546 23:52 น.
พุด
http://greenmusic.org/thai/index.html
COLD WIND...
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=973
ดวงใจในฝัน
เพลงใบไม้ซัดส่ายคลอสายฝน
หอมไอฝนหวานซึ้งฝันคืนจันทร์หาย
มะลิลามะลิซ้อนซ่อนเดียวดาย
ดอกกล้วยไม้ร่ายมนต์โศกวิโยคใจ...!
กลิ่นราตรีดูแสนเศร้าคราวร้างฝัน
งามเงาจันทร์พ่ายใจจริงยิ่งหวั่นไหว
ไม่มีรักไม่มีรอเงียบงามใจ
ดอกดวงใจไกลเกินฝันวสันต์ลา..!
แก้วตระการยังหวานเศร้าเคล้าน้ำค้าง
อุษาสางจางเจือกลิ่นถวิลหา
กล้วยล้มกอพายุกล้าหวีหักลา
โมกโรยราดอกรักซ้อนซ่อนแผลใจ..!
วสันต์ลาฟ้าฝันก็พลันดับ
เดือนลาลับดับสายฝันวันไหนไหน
ไฟสิ้นเชื้อมอดไม่เหลือต่อสายใจ
สิ้นสายไยในสายรักนับจากนี้ไม่มีจันทร์!
ราตรีไร้จันทร์ วสันต์ลา..ลาง..จางจากใจ..
ไปกับเพลงไพรแห่งฤดูกาล..หว่านหวาน..หวัง
ทิ้งเพียงผูกพันรักร้อยสร้อยสิเหน่หารัดรึงตรึงใจ..
ปลายฝนปลายฝันปลายใจอันริบหรี่..ลางเลือน
ลมหนาวแรกชำแรกเตือนให้ฤดีรับกับฤดูกาลผ่านผันวันวกวน
หมุนเวียนวนมิรู้สิ้นมิรู้จบ ...
คืนฝันวันพระจันทร์หวานหวานผ่านไป..
เป็นคืนแรมฟ้ามิแจ่มดวง..ดังเดิม..
เพียงเติมใจให้กัน..มิให้ไฟฝันมอดดับดวง
ตามเดือนดารา ฟ้าฝน
ตามกมลละไมที่ไหวหวั่นไปตามกระแสกาล!
11 ตุลาคม 2546 20:20 น.
พุด
ก้าวรักฝากรอยใจในวันนี้
โอ้คนดีก้าวตรงไปไม่ไหวหวั่น
ก้าวตามไปก้าวต่อก้าวรักผูกพัน
ก้าวตามฝันสวรรค์ลอยตรงหน้าคว้าเงาใจ!
ใกล้แค่เอื้อมเหตุใดไกลเกินคว้า
ใจผวาเงาตารื้นหยาดน้ำใส
รินพร่างสายคล้ายสายฝนตกต้องใจ
ทั้งร่างใจรอวันนี้กี่ปีมา!
อนิจจาเวทนาตัวเองนัก
รอยสาปศักดิ์หลงรักเขาเพียงเงาคว้า
ทางของเขาทอดยาวไกลทอดตรงมา
อย่าไปคว้าให้เขาคว้างหลงทางใจ!
เอื้อมออกไปไยไม่ถึงซึ่งเงาฝัน
โลกเงียบงันใจดำดิ่งนิ่งร้าวไหว
คนดีเอ๋ยอยากแนบเชยผิดกาลไป
ฟ้ามิเป็นใจในชาตินี้ที่หลงรอ!
ตาซึ้งซึ้งตรึงจำจดอยู่เบื้องหลัง
ใจช้ำช้ำย้ำรอยใจไว้เพ้อพ้อ
กุศลส่งใกล้แค่นี้ก็เพียงพอ
หอมละออกรุ่นกลิ่นเจ้าราวไม้ไพร!
เพียงแวบเดียวเหลียวมาโลกหยุดหมุน
ใจละมุนหยุดหายใจวาบหวามไหว
เพียงแค่เอื้อมไยเกินเอื้อมเล่าดวงใจ
รอหลอมใจชั่วกัปป์กัลป์ฝันเป็นจริง!
แต่ที่เห็นเป็นไปใจหยุดเต้น
ฝันยังเป็นเช่นฝันในทุกสิ่ง
ใจยังคงเป็นใจเขาใช่รักจริง
ใจดวงหยิ่งตอกย้ำว่าอย่าหลอกใจ!
เดินหันหลังจากไปไม่หวนกลับ
ดาราดับแตกดวงฤาไฉน
คำสุดท้ายยินก่อนตายสะเทือนใจ
คนในใจในชาตินี้ไม่มีเรา..มิใช่เรา!
11 ตุลาคม 2546 18:21 น.
พุด
http://greenmusic.org/thai/index.html
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=1931
(อายฟ้าดิน)
..............
ผม..ชอบตื่นมาในตอนย่ำรุ่ง
รับอรุณเบิกฟ้า...
เฝ้าดูดวงตะวันพาไรแสง เรื่อเรือง รำไร เจือสีหวานใส
ทอทอดลอดแสงทองทาทาบอาบท้องฟ้าอ่อนอุ่นอ่อนหวาน
ผ่านเรียวเมฆ เสกโลกหล้าให้สล้าง ตื่นจากฝันคว้าง หลับไหล
สู่โลกจริงที่ต้องวิ่งดิ้นรนไขว่คว้าหาเลี้ยงชีพชอบไปวันวัน..
ผม..สูดลมหอมสะอ้าน..
ที่พัดพร่างบางเบาให้เนื้อใจเย็นรื่นให้ชื่นฉ่ำใจ
อย่างช้าช้า ช้าช้า..
ให้ซึมเซาะลึกซึ้งถึงหัวใจดวงนี้
ที่นับวันจะโหยหาแต่ธรรมชาติไพร
ผมเฝ้าดู..มวลหมู่นกกาโผผินบินสู่ไพรกว้าง
อย่างที่ผมวาดหวังอยากฝากร่างไร้ตัวตน
ติดปีกแห่งรักแห่งฝันพลันเหินบินตามไป...
ถลาสู่ไพรพง ดงดอกไม้ ดงดอกหญ้า
เนินสล้าง สู่เสรีแห่งจิตวิญญาณ
ผ่านขุนเขา เงาเมฆ ห้วยละหาน สายธารหวานระริน
ท่องล้ำเข้าไปสู่แดนดินถิ่นลี้ลับที่ราวกับให้มหัศจรรย์ใจ
เงียบสงบ สงัด...ร้างไร้ผู้คน มีเพียงมนต์แห่งธรรมชาติ
วาดเวิ้งใจให้แสนเงียบงาม
และ..แปลกสิ้นดี..!
ที่ราวกับมีใครบางคนตามติดสนิทแนบแอบซุกซบ
ในอ้อมอกอ้อมใจไปกับปีกแห่งรักแห่งฝันนี้ทุกถิ่นที่ ทุกราวไพร
ไฉนเลย..ไม่มีวันสิ้นสุดสลัดหลุดลา..โอ้ว่าฟ้าดินชะตารัก..
ทบทวน...
เมื่อคืนนี้..ที่ผ่านมา..
พาผมพบเพื่อนเก่าโดยบังเอิญ
เราสองเลยพากันเชิญตัวเองให้มานั่งสวนอาหารโล่งกว้าง
ที่รายล้อมด้วยพันธุ์ไม้ไทยใสพร่าง
เขียวชะอุ่มงามดั่งนั่งอยู่ท่ามกลางพฤกษ์ไพรพง..
ผมแหงนเงย..มองฟ้า ..
ที่สล้างนวลด้วยแสงจันทราสีเงินงามผ่องผุด
ที่แทบทำให้ผมอยากหยุดโลกให้เลิกหมุนสักครั้งครา
ให้หัวอกหัวใจเหว่ว้าของคนหนุ่มอย่างผมที่กำลังหวามอมชมพู
ด้วยแอลกอฮอล์ผสมเลือดรักที่กำลังไหลพล่าน..
ได้รับหวานหว่านโปรย
ให้มีพลังรัก พลังใจ จากพลังจันทร์
ให้ขับเคลื่อนสู้ฝันสู้ชีวิตต่อไปในวันพรุ่ง
ที่หมุนวนหมุนเวียน
ดั่งกงเกวียน กงกรรม ในกรอบใจ ในกรุงกรง มิรู้สิ้นมิรู้จบ
นาทีนั้น..หนาวในใจพลันกลายอุ่น
โลกละมุนพลันสดใสขึ้น
จนอยากโทร..ถึงใครสักคน หาอ้อมใจ อ้อมรัก อ้อมตัก
พักซุกซบขออ้อมอกไออุ่น
ให้ใจดวงนี้ที่อ้างว้าง ดายเดียว เปลี่ยวเหงา
จนซึมลึกถึงเนื้อในเนื้อใจมานานปี
ที่นับวัน นับนาที
มีแต่ความเบื่อ เบื่อ เบื่อมนุษย์มากมีมากมาย
ที่รายล้อม ที่ทุกข์ทนยาก
ที่ลำบาก ยากจะเอื้อมมือไปช่วยเหลือใครได้ ที่รายรอบตัว..
เพราะดวงตาภายในดวงที่สาม
ทำให้ผมมองไม่เห็นงาม กลับมองข้ามเข้าไปเห็นถึงฝั่งทุกข์
ในทดท้อ เหว่ว้า ในทุกใบหน้า ทุกแววตา ในทุกที่ที่พานพบ..
ป้ายรถเมล์..โรงพยาบาล กลางถนน อลวนอลเวง
ราวภาพชีวิตสิ้นไร้ ที่สถิตฝากไว้ให้หัวใจ เศร้าชั่วนิจนิรันดร์
ในวังวนวังเวร ทนทุกขเวทนา...พาให้ใจนิ่งงัน..สิ้นฝันสิ้นอยาก..
ผมเก็บตัว..ในห้องเช่า ราวกรุงกรงกักขัง
ที่คอยดูดไฟฝันให้ดับดวงทีละนิดละน้อย
ให้หัวใจค่อยค่อยตายแบบผ่อนส่ง
ล่วงลาลับ นับไม่รู้จบ จากวัน เป็นเดือนเลื่อนเป็นปีปี
และคงอีกหลายหลายปี..
ที่ทุกนาที..ผมเพียรพยายามปลดแอกใจ
ไม่ออก หลอกใจด้วยใจดวงฝันฝัน แค่ไหนก็ไม่สำเร็จ..
และมาวันนี้..
ผมยิ่งเบื่อเหลือที่กับหัวใจดวงนี้ ที่มีเนื้อใจไหวละมุนจนเกินไป
จนปล่อยให้สายธารใจเยื่อใยรักเย็นฉ่ำที่พร่ำรินรัดร้อย
ผูกมัด สลัดแอกรัก แอกใจ มิหลุด
เป็นดั่งโซ่พันธนาการจิตวิญญาณ ที่ร้ายแรงยิ่งกว่าพันธะทางร่าง
ที่ยังสิ้นสุดหยุดได้ลง..
มันทุรนทุราย ให้ใจหาย ให้ร้าวรวด ให้ปวดร้าว รัดรึงตอกตรึงแน่น
แทบสิ้นแรงใจ อยู่ภายใน ที่ยากจะบอกใครยากจะอธิบาย.
และทุกคราที่ผมระกำช้ำหนัก..กับรักนี้ที่เป็นไปไม่ได้
ผมจะพาตัวเอง มายืนนิ่ง..ใต้ต้นไม้แห่งนี้ที่เป็นดั่งต้นไม้แห่งศรัทธารัก
ใต้ต้นพิกุล..ที่กำลังหอมพราว
ดอกดวงเล็กเล็กนิดนิดน้อยน้อยกำลังลอยควะคว้าง
กลางสายลมพัดไหว ร่วงผลอยปลิดปลิวลิ่วลอยพร่างพื้น..
ผมจะรอคอย..
ค่อยค่อยกางมือออกไขว่คว้า.. ดอกคว้าง..ให้ร่วงลงตรงกลางอุ้งมือผม
อย่างละมุนละม่อมทะนุถนอมราวดอกไม้เพชรพร่างพรม
ที่คอยห่มห้องหัวใจรักแสนหวานแสนงามนี้..
หัวอกหัวใจผมจะลอยละล่อง..ครองซึ้งคะนึงถึงภาพ..
เด็กผู้หญิง ใบหน้าหวานเศร้า นั่งดายเดียว ใต้ร่มเงาพิกุล ต้นใหญ่
กำลังร้อยมาลัย สร้อยพิกุล เส้นยาว งามพราวในละมุนมือ อย่างใจจดใจจ่อ..
ผม..ประคองดอกไม้งาม ดอกไม้แห่งความรัก ความฝัน
ดอกไม้ในใจ ในพันผูกรัดร้อย
อย่างอ้อยสร้อย ขึ้นดอมดมพรมจูบ
ด้วยรักล้นใจ ด้วยในอณูนึกทรงจำแสนหวานเศร้า
ที่ตามมาติดตรึง ตอกย้ำให้ผมล้ำลึกโหยหา
งามดวงใจใครเลยจะรู้..นี้..ที่มีมานานเนา..นานเนิ่น.
ผมเอนตัวลงช้าช้า .....
นอนดูฟ้ากว้างผ่านดวงดอกไม้แห่งศรัทธารักมิรู้จบ..
แสงฟ้ายามเย็นทอทอดลอดกระทบเงาน้ำในเรียวตา
ที่กำลังละหลั่งรินอย่างช้าช้า
เป็นสายพรายพร่าง อย่างมิอายฟ้าดิน!
...........
หล้าโลกนิ่งงัน..สิ้นคำปลอบประโลมใจ
กับสายน้ำใสจากดวงใจจากดวงตาลูกผู้ชายคนกล้า
ที่ยิ่งใหญ่เปรียบประดุจดังสายน้ำแห่งรัก สายน้ำแห่งฝัน
สายน้ำนิรันดร.......