8 พฤศจิกายน 2546 14:59 น.
พุด
บุหลันลอยดวง สว่าง กลางฟ้า กระจ่างใจ ...
ริมฝั่งฝัน ปิงวังยมน่าน ผ่านสู่เจ้าพระยา
ในราตรี...
ที่กระทงสายพรายพริ้วพริบพราวราวพร่างเพชรแพร้วพร่าง
กลางลำนำ ลำน้ำ สายธาร หวานวะวับแวม
แกมประกายวูบไหวแตะแต้มดวงใจ
ให้หนุ่มสาวเคล้าคลึงคลอ
พนอนวลเนื้อละอียด
เบียดละอ่อน แนบนุ่มนวลนาง นวลน้อง
เฝ้าประคองรักประคองกระทงลงคงคาบูชารำลึกถึงพระคุณ..เทวีแห่งน้ำ..
ท่ามกลางลมหนาวพร่าง กลางจันทร์เพ็ญ พรมหวานพราย
ให้ทุกดวงใจได้ฝากฝันฝากพลังรักพลังศรัทธาใจไทยทั้งชาติ
ที่เชื่อกันมาแต่โบราณนานมาว่า..
แม่น้ำลำคลองทุกสายจะไหลรวมกันไปยังนัมทามหานที..
ที่ไหลผ่านไปยังพระธาตุจุฬามณีบนสรวงสวรรค์
ดังนั้น การลอยกระทง
จึงเป็นดั่งการสักการะต่อองค์พระธาตุบนสรวงสวรรค์
และเชื่อว่าเป็นการลอยทุกข์โศกโรคภัย
ความเคราะห์ร้ายทั้งปวงออกไปจากชีวิต
และแสดงความชื่นชมยินดีผูกพันใจต่อสายน้ำ
ในชีวิตไทยโบราณที่มีบ้านอยู่ริมฝั่งนที
และแทบทุกเรื่องราวในชีวีหนีไม่พ้นได้มาจากสายน้ำ
ไม่ว่าอาหาร การสื่อสารเส้นทาง
และแม้กระทั่งความรัก
ที่มักมากับประเพณีเทศกาลจากลำน้ำ...
หนุ่มสาวคงเพียรเฝ้าพะนอ
ขออธิษฐานบานบนต่อแม่พระคงคา
ให้บุหลันกลางฟ้าและดวงดารา..รับรู้รักนี้
ที่หนักแน่นมั่นคงซื่อตรงคงมั่น เป็นดั่งสักขีพยานใจ..
และในดวงใจดวง..ก็พลันคิดถึงสายน้ำปิง..
ในค่ำคืนนี้...
ที่คงงามงดตระการตาตระการใจ
พาให้ใจดวงฝันฝันฝันเฝ้าอยากไปฝากฝัน
ไปชื่นชมดื่มด่ำล้ำลึกกับใครสักคนในคะนึง..
ดวงได้แต่ฝันสล้างพร่างละออพ้อเพ้อเห็น
กระทงสายพรายพร้อยนับร้อยพันพรูพร่างกลางสายน้ำ
งามอะคร้าวพราวพลอยราวสายสร้อยสายโซ่เพชร
ร้อยดาวเรียงดวงรวงดาวมลังเมลืองเรืองรองกลางผืนน้ำ
......
.
ไหนจะกว๊านพะเยา ที่สายน้ำไม่ไหล
พาให้ทุกดวงใจกังวลว่าทุกข์ตรมจะไม่ลอยพรากจากลาไปไหนพ้น
เลยหัวใส..เรื่องอะไรจะลอยกระทงลงน้ำ..
สู้จุดโคมลอยไปในนภากาศ ให้วาดหวังมิดีกว่าหรือ
และหากพร้อมใจจุดโคมลอยในเรือสักร้อยลำในกว๊านพะเยา
กับให้ทุกหมู่บ้านรายรอบพร้อมใจจุดโคมลอยปล่อยพร้อมกันไป
มีดอยบุษราคัมและดอยหนอกเป็นดั่งฉากหลัง
ในช่วงเวลาอาทิตย์ลาลับฟ้า
ดั่งฉากสวรรค์หวานเจือสีส้มแสดแสง..แดงแรงร้อนเร่า..
ให้งามเงาในน้ำดั่งกระจกสะท้อนเลื่อมพราย
ราวมากโคมนับพันทวีคูณพูนเพิ่ม
แค่นี้ก็คงงามพร่างกลางใจไทยทุกดวงแล้ว..
ดวงขอฝากลำน้ำบทเพลงสักขีแม่ปิง
อิงหวานฉ่ำร่ำรมย์ให้ระรื่นชื่นฉ่ำใจมานะราตรีนี้นะคะ
พร้อมกับบทเพลงกว๊านพะเยาค่ะ....
............
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=303
ช..กุศล ดลพี่มาพบเจ้า
ใจพี่ยังร้อนผ่าว ความรักรุมเร้าคลั่งไคล้
ญ..น้ำ คำ รักของคนเมืองใต้
จะจริงแท้แค่ไหน
สาวเชียงใหม่ครวญใคร่ถวิล
ช..ชีพสลาย ยังไม่คลายรักเจ้า
ญ..จริงดั่งใจหรือเปล่า
หวั่นเกรงเคลือบเอาที่ลิ้น
ช..รัก จริง เพียงหัวใจแดดิ้น
ไม่วายเว้นถวิล มิสิ้นความรักได้เลย
ญ..น้ำ ปิง ล้น ฝั่ง
ช..ดัง รัก พี่เปี่ยมฤดี แล้วเจ้าเอย
ญ..แล้ว คง ละ เลย ไม่เหมือนเอ่ย
ช..โอ้ทรามเชยมิเคยแหนงหน่าย
ญ..หน่อยเถิดนะ คงจะไม่เห็นหน้า
ช..ถ้าพี่เป็นเหมือนว่า
วานน้องฆ่าเสียให้ตาย
ญ..สาบาน ชจ๊ะสาบานก็ได้
หากความรักสลาย ขอตายในสายแม่ปิง
ช.. รัก กัน หวาน ชื่น
ญ.. เกรง ขม ขื่น ชื่นกลับชังช้ำอกหญิง
ช..น้อง ควร รู้ ใจ
พี่ทุกสิ่ง เช่นแม่ปิงรู้จริงใจพี่
ญ..หน่อยจะคร้าน นานกลับกลายหายชื่น
ช..พี่ไม่ไปไหนอื่น จะขอชื่นรักอย่างนี้
ญ..อุ๊ยตาย อายเขาบ้างซีพี่
พร้อมจูบฝากรักสักที
ไว้เป็นสักขีแม่ปิง...
**********
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4125
โอ้ธารสวรรค์ กว๊านพะเยา
ธารรักเราครวญคร่ำ ลมโชย
พริ้วฉ่ำ ในวังน้ำวน
พร่างพรมมนต์รักมา
ดูราวสายชล ธารสวยตระการ
อยู่ในนิทรา แว่วเพลงรัก
ของปักษา ร้องอำลาคืนรัง
โน่นทิวทุ่งลิบ รวงทิพย์
เรืองรอง ราวสีทองเปลวปลั่ง
ธาราไหลหลั่ง ใสราวน้ำวัง
ขังน้ำตาแห่งดาว ห้วงน้ำลึกนัก
ห้วงรักลึกกว่าหลายเท่า
แม้นรัก ไม่จริงกับเรา
อายกว๊านพะเยา
หลายเท่าเอย
โน่นทิวทุ่งลิบ รวงทิพย์
เรืองรอง ราวสีทองเปลวปลั่ง
ธาราไหลหลั่ง ใสราวน้ำวัง
ขังน้ำตาแห่งดาว ห้วงน้ำลึกนัก
ห้วงรักลึกกว่าหลายเท่า
แม้นรัก ไม่จริงกับเรา
อายกว๊านพะเยา
หลายเท่าเอย...
*********
และในจินตนาการรัก
ที่ดวงใช้แค่ดวงใจละไมฝัน
พลันติดปีกโผผินบินไปตามลำน้ำเจ้าพระยาขึ้นสู่เชียงใหม่
เมืองล้านนา
เมืองแห่งดวงตาสวรรค์
ที่อยากฝากฝันฝากใจกับสาวงาม
สักคนที่งามแต๊ๆไปตราบชั่วนิจนิรันดร
.
และในฝันท่ามกลางฟ้าพร่าง..
ดวงเห็นนางใจ นางในฝันนั้น
นวลน้องงาม หนั่นแน่น นวลเนื้อนุ่ม กลมกลึงรัดรึงใจพิลาสพิไล
ห่มสไบสีงาช้าง..เดินทอดย่างในผ้าซิ่นสีแดง..มุ่นมวยผมแกมเกศ
รัดเกล้าด้วยมาลัยดอกพุดพิสุทธิ์หอมงาม
ห้อยพวงพราวระย้าย้อย
ด้วยดวงดอกมะลิซ้อนอ้อนหวานเอียงอายอายเอียงเคียงข้าง
ด้วยหนุ่มน้อยรูปงาม ในชุดชาวไทรัฐฉานสง่างามพอกัน
ริมฝั่งน้ำ น้ำในตาสาววะวาววะวับวิบระยิบพร่างพริบดั่งเพชรพราว
แข่งกับนวลแสงดาวที่พากันเฝ้าพร่างพริบ..อิจฉา
ยามเธอช้อนตาสบตา พากันส่งกระทงน้อยลงคงคา
ให้สายน้ำในธารา ในดวงตาในดวงใจ
เป็นดั่งพยานใจพยานรักชั่วกาล..
อย่าให้รักหวานกลายกลับเป็นขม
เหมือนดั่งเพลงที่กำลังลอยลมพร่างพลิ้วมาเลย
บทเพลงริมฝั่งน้ำ..
.http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=301
ริมฝั่งน้ำ
ริม ฝั่ง น้ำ พร่ำเพ้อ ละเมอครวญ
เคยชื่นชวนเมื่อหวลคนึงไป จิตใจยังชื่นชู
แสงเดือนส่องยิ่งมองแล้วจิตเผลอ เธอยังอยู่
เคล้าคลอคู่ชื่นชูรู้สึกเหมือน เตือนใจจำ
เธอกับฉัน ก่อนนั้นเคยชื่นฉ่ำ
ริมฝั่งน้ำสุขล้ำฉันจำได้ อะไรจะเทียมทัน
เคยเรียกเธอ เสนอรักรำพัน
เคยคู่กันใฝ่ฝันถึงเพลงชื่นค่ำคืนเคยได้ฟัง
น้ำเต็มเปี่ยมก็เทียมรักสุดหวาน ปานไหลหลั่ง
น้ำเต็มฝั่งดุจดั่งรักที่หวัง ยังคงคอย
เคยชื่นใจ ฝากไว้หัวใจลอย
เฝ้าแต่คอยโอ้รักนั้นเลื่อนลอย
ยิ่งคอยยิ่งใจหมอง
ริมฝั่งน้ำ พร่ำเพ้อ ละเมอครวญ
เคยชื่นชวนเมื่อหวลคนึงไป จิตใจยังชื่นชู
แสงเดือนส่องยิ่งมองแล้วจิตเผลอ เธอยังอยู่
เคล้าคลอคู่ชื่นชูรู้สึกเหมือน เตือนใจจำ
เธอกับฉัน ก่อนนั้นเคยชื่นฉ่ำ
ริมฝั่งน้ำสุขล้ำฉันจำได้ อะไรจะเทียมทัน...
และอีกที่..
เมืองแสนดีแสนงามนามเพราะเมืองประวัติศาสตร์แห่งชาติไทย
สุโขทัย...เมืองในดวงใจแดนจันทร์แดนบุหลันงาม
ที่คงฝากความอลังการยิ่งใหญ่
เพราะมีฉากเมืองเก่าของเราแต่ก่อนให้อาวรณ์อาลัย
มีหลักศิลาจารึกหลักที่หนึ่ง ที่ตรึงใจก็ด้วยตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์
ที่นะค่ำคืนนี้คงคลาคร่ำด่ำดื่มกันถ้วนหน้าไม่ว่าหญิงชาย...
..........
แต่ดวงกมลของดวง..
ในค่ำคืนนี้นั้น
มีฝันอันอะคร้าวรอคลุกเคล้าใจให้ไหวงามอยู่แล้ว..
ดวงตั้งใจจะค่อยค่อยขับรถ..เข้าไปในเส้นทางงาม
เลียบลำน้ำเจ้าพระยา..สองข้างทางคือราวป่าเส้นทางสายชนบท
ลดเลี้ยวลับขนานไปกับทุ่งนา ดงตาลให้หวานในดวงใจ
และให้หวานพระจันทร์พลันพรายสีทองส่องทาทาบอาบรวงเรียว
ให้เสี้ยวใจริบหรี่ ได้พร่างพรมห่มด้วยหอมงาม
ให้บุหลันดวงหวานเศร้า ริมเจ้าพระยาคลอเคล้า
นะร้านชานเมืองชานเรือนไทยเรียบง่าย
ที่ดวงเคยเข้ามานั่งดายเดียวเดียวดาย
ใต้ดวงดาวในหมู่ร่มไม้เรือนใจพันธุ์ไทยดังไพรพฤกษ์พง
ที่ดวงดอกดงการะเวกหวานหอมแทบหลอมละลายใจ..
เททุ่มใจถอดใจร้องไห้ ร้องไห้....
ด้วยไหวคะนึงครวญหวนไห้ถึงใครบางคนสุดทนสุดใจ..แล้ว..
และนั่นดวงดอกไม้ในฝันเศร้าเสมอมามิราโรย..ร้าง
มิเคยห่างใจดวงร้าว..นี้
ลั่นทมพราวทุกราวกิ่งแกล้ม..แกมจำปีจำปา..
และกล้วยไม้ป่าห้อยคาคบยามพลบค่ำ
ราวดวง..นั่งในไพรพงจริง..
ดวงชอบเด็ดลั่นทมสองสามดอกเสียบแซมผม
มาดแม้นไร้ใครดอมดมพรมจูบ
ไล้เรียวแก้มแกมรักล้นใจ..ก็ตามทีเถอะนะ..
คืนนี้ ดวงคงนุ่งซิ่นผืนงาม
และคงคลุมไหล่สล้างด้วยผ้าไหมทอมือสีไพลผืนเก่า
ดวงคงจะขอฟังเพลงคลอพ้อรักฝากไปกับสายชล..
บทเพลงแห่งดวงใจรัก..
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=302
สายชล
เหม่อมองดูสาย น้ำ วน
เหม่อมองสายชล ที่ไหล ริน
เหม่อมองดูนก ผก ผิน บินลับ ไป
ยาม เหงา เราถอนใจ บิน ไป ไม่กลับ มา
เปล่าเปลี่ยวจริงหนอ หัว ใจ
อยากจะรักใคร เศร้าใจทุกครา
หมดแรงกำลัง อ่อน ล้า และหลง ทาง
เจ็บ นั้น ยังเจ็บไม่จาง อ้าง ว้าง ดังสาย ชล
แม้ใจจะเจ็บ เก็บมาคิดคิด
อดีต ช่างงามล้ำล้น
มิเคยลืม ภาพเราสองคน
มิเคยลืม ยังหลอกลวงตน มิเคยลืม
ว่าเคยรักเธอ สาย ชล
หลั่งรินไหลวน มาพานพบเจอ
เหตุการณ์ผ่านไป ยัง เพ้อ พะวงทุกวัน
อก เอ๋ย ขมขื่นตื้นตัน จาก กัน หรือฝัน ไป
มิเคยลืม
ว่าเคยรักเธอ สาย ชล
หลั่งรินไหลวน มาพานพบเจอ
เหตุการณ์ผ่านไป ยัง เพ้อ พะวงทุกวัน
อก เอ๋ย ขมขื่นตื้นตัน จาก กัน หรือฝัน ไป...
**********
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=25
ลุ่มเจ้าพระยา
ลุ่มเจ้าพระยาเห็นสายธารา ไหลล่อง
เพียง แต่มองหัวใจให้ป่วน
น้ำไหลไป มักไม่ ไหลทวน
ชีวิตเรา ไม่มีหวน ไม่กลับทวนเหมือนกัน
เรา เกิดมา ผูกใจรัก กันดีกว่า
เพราะว่าชีวา แสน สั้น
เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน
ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ
อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิดมั่น
จง ผูกพันรักกันด้วยใจ
ขอจงเป็น เหมือนเช่น นกไพร
ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่กัน
เรา เกิดมาผูกใจรัก กันดีกว่า
เพราะว่าชีวา แสน สั้น
เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน
ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ
อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิด มั่น
จง ผูกพัน รักกันด้วยใจ
ขอจงเป็น เหมือนเช่นนกไพร
ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่ กัน...
********
และคงอีกคราที่น้ำตาดวงจะหยดเผาะ เมื่อเพลงพ้อมาถึงคำร้อง..
ขอจงเป็นเหมือนเช่นนกไพรที่เหินบินคู่กันไปหัวใจ..คู่กัน...
******
และหากดาวประจำเมือง ดาวบนฟ้า คือดวงตาใครสักคน
ที่เคยกระซิบบอกดวงว่าทุกความห่วงใย
ทุกสายใจสายใยรักระหว่างเราสองนั้น
ให้ฝันปองมองหาดาวในดวงใจ
ยามเหว่ว้าอ้างว้างร้างไร้ผู้ใด
ที่จะพริบพราวเฝ้าปลอบประโลมใจเสมอมาเสมอไป
เป็นนิรันดร์รักนี้..ที่มิมีวันได้เคียงครองคู่
และคนดี..
ไม่ว่าค่ำคืนนี้คุณจะอยู่นะที่ใดในประเทศไทยนี้..
ขอจงฝากใจกับจันทร์ฝากฝันกับดาวมาถึงดวง..นะคะ
จงพริบพราวและเฝ้าดูดวงดายเดียวริมฝั่งชล..ลำพัง
ดวงพร้อมจะหลั่งหยาดน้ำตา..
บูชาพระแม่คงคาบูชารักเรา
ที่พลีพร้อมยอมไร้ร้างห่างกันไกลสุดขอบฟ้า..
เพื่อรอวันที่ดวงตาสวรรค์จากฟ้าเบื้องบนมีเมตตาปรานีให้พรเราสอง
และ...คนดีในฝันในดวงใจ..
ดวง..จะพลี..เพียง..ลั่นทมดอกเดียว
ที่จะ...
ค่อยค่อยลอยละล่อง
อย่างเดียวดาย... ดายเดียว...
เปลี่ยวเหงา..ไปตามสายชล...กลางสายชล... ลำพัง..
6 พฤศจิกายน 2546 21:44 น.
พุด
ฝันมีบ้านไร่ริมชายทุ่ง
หนีเมืองกรุงทำไร่ชายคาฝัน
ปลูกดอกไม้หวานบานแย้มทุกคืนวัน
หลับตาฝันมีลำธารสราญใจ
มีทุ่งหญ้า มีผีเสื้อ บินเวียนว่อน
หมู่ภมร เชยน้ำหวาน โลกสดใส
มองฟ้ากว้าง สีฟ้าแจ่ม เป็นเพื่อนใจ
มีราวไพรเงียบงามตามตะวัน
มีสวนสัตว์ ธรรมชาติ ไม่เหว่ว้า
มีเมตตา โอบเอื้อ ให้ฝากฝัน
มีความรักมีเธอเคียงข้างกันและกัน
หวังและฝัน ธงแห่งรัก จะปักลงณ.ตรงนี้ นานนิรันดร์!
คืนนี้จะเขียนต่อจากบทกวีนะคะ
อยากให้ดูภาพประกอบ
ที่พุดพัดชารักมากไปพลางๆก่อน
อยากให้ตัวเองงามดั่งภาพนั้น
และฝันว่าสักวันพุดอาจจะนั่งเดียวดายที่บ้านไร่ชายทุ่งเช่นกันค่ะ
รออ่านนะคะทุกดวงใจ
6 พฤศจิกายน 2546 09:09 น.
พุด
กี่ดอกไม้!
สายชลใบตองต้องร้องไห้!
************
กี่ดอกไม้ใบตองต้องร้องไห้
กี่เงินใช้สายชลพร้อมเน่าเหม็น
กี่ความรักโยนทิ้งสู่ธารเย็น
กี่ทุกข์เข็ญไหว้วอนชลปนเปื้อนใจ..
กี่หัวใจไม่รับรู้โลกหมุนเปลี่ยน
กี่คนเวียนทำลายแม่น้ำใส
กี่คราแล้วธรรมชาติให้บทเรียนใจ
กี่หัวใจจะไตร่ตรองมองเห็นธรรม.....(ธรรมชาติ)
กี่ความทุกข์ทิ้งชลใช่ทางออก
กี่ช้ำชอกอยู่ที่ใจฝึกไม่ช้ำ
กี่ปากว่าตาขยิบรักธรรมชาติละมุนพร่ำ
กี่ระกำย่ำยีมิรู้คุณ..
กี่กระทงลงน้ำแล้วหายวับ
กี่เทียนดับสะท้อนสุขนาทีหมุน
กี่ทำลายแม่คงคาไม่การุณย์
กี่ปีหมุนผิดทางห่างโลกจริง..
วอนรักน้ำดินฟ้าอย่าหลงผิด
ถนอมสนิทโลกแสนงามห่วงทุกสิ่ง
ธรรมชาติวาดฝันฉันเธอรู้รักยิ่ง
มนุษย์คือสิ่งทำลายยับหรือกลับใจ..รักษ์โลกเรา!
พุดขอฝากข้อคิดเตือนใจด้วยรักปรารถนาดี
จากใจถึงใจ..ทุกดวงใจ
ในร่มรักเรือนไทยริมฝั่งชลของเรานะคะ..ว่า
ณ..นาทีนี้นะวันนี้
โลกเราเปลี่ยนไปแล้ว
จงให้ความเป็นธรรมแก่ธรรมชาติ
เรียนรู้รักรู้ธรรมจากบทเรียนธรรมชาติ
ที่เฝ้าเพียรสอนใจเรียกร้องเรานานมาหลายคราครั้ง
ค่ะหากเราเปิดใจคิดเป็นคิดได้คงเข้าใจนะคะว่า
ธรรมชาติอยู่ส่วนธรรมชาติมาแต่ดั้งเดิม
มีเราคือมนุษย์เพิ่มเติมขึ้นมามากมายนับพันล้าน
มาพล่าผลาญเบียดเบียนทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม
มิรู้คุณมิรู้ค่ามิได้มาฝากร่างรักพักพิงใจแบบทะนุถนอมงามให้ยาวยืน
ให้โลกสะล้างพร่างพราวมีน้ำฟ้าปลาดาว..อย่างเพื่อนพึ่งพาพึ่งพิง
และแน่นอนค่ะที่..
พุด..รักประเพณีไทยลอยกระทง จุดเทียนเล่นไฟ
ยิ่งในฐานะคนมีหัวใจดวงละมุนกรุ่นกลิ่นหอมกำจาย
ของมวลดอกไม้สายธารหวานพระจันทร์
..
ย่อมฝันอยากเห็นงามนั้น
ตราตรึงตระการตาตระการใจไปตราบชั่วกาล
และยิ่งจะหวานหอมในใจดวงรักนี้
หากมีใครสักคนร่วมด้วยช่วยกันส่งกระทง
ด้วยแรงรักแรงอธิษฐานจิตอธิษฐานใจว่าชาติไหนไหน
ให้เราได้มารักกันได้ครองคู่กันนิรันดร.......
และพุดถึงมิได้เขียนบทกวีบทนี้
เพี่อปรารถนาแอนตี้ประเพณีแสนดีแสนงามนี้ของไทยเรา
พุด..อยากให้ประเพณีงามจรัสใจในคืนเพ็ญเด่นดวงยังดำรงอยู่
ให้คู่หนุ่มสาวได้เคล้าคลึงคลอพลอดพะนอรัก
อย่างวาบหวามท่ามกลางพรายพระจันทร์หยาดหวาน
กับการได้อนุรักษ์สืบสานงามมั่นงามฝันนี้
ไว้ให้ลูกหลานได้บานเบิกใจไปกับ
งามพระจันทร์ สายน้ำนิรันดร์และเสียงเพลงฝันฝันฝัน
ลอยลอยลอยกระทงทั่วคุ้งน้ำ..
พุด..
เพียงแค่อยากให้..ประเพณีนี้รักษาไว้เพียงบางพื้นที่
เช่นที่สุโขทัย..เพื่อไม่ต้องทำลายสิ่งแวดล้อมมากไปค่ะ
และหากดีก็ต้องดูแลรักษาลำคลอง
หากว่าเราต้องใช้..นะคะ
ก็หวังว่าคงเข้าใจหัวใจพุดพัดชานะคะ..
ด้วยรักล้นทรวง
และด้วยห่วงใยรักษ์โลกเราอยากให้เนานาน..ชั่วกาลกัปป์ค่ะ
5 พฤศจิกายน 2546 14:07 น.
พุด
แสงอาทิตย์ยามสนธยา อาบร่างเธอที่เดินทอดน่องช้าช้า
ไปตามทางสายโศก สายโลก เฉกเช่นทุกวัน
ดวงอาทิตย์แดงแปร๊ดดวงโต แหวกหวานผ่านม่านเมฆหว่านสีแสงสวย
ไล้เรียวแก้มวงหน้าดั่งทองทาดั่งทาทองมลังเมลือง..
ร่างนั้น หยุดนิ่ง..ริมลำประโดง ดื่มด่ำกับดงหญ้า
และดงดอกโสนเหลืองละออที่กำลังล้อลมพราวไสว
นกกา ต่างพากันโผผินบินกลับรัง...รังใจรังใครก็รังมัน..
ลำแสงอันอ่อนอุ่นอาบละมุนจับดวงใจ..
เงียบสงบงาม..ก่อจรัสกระจ่างสว่างใส
ให้แสงไพรแสงธรรมชาติ แสงทองส่องพบธรรมะ ธรรมชาติ ธรรมดาๆ
นี่คือโลกหล้า..ที่อยู่ภายใต้เงื้อมเงาดวงสุริยา
มีพสุธา อวลอากาศ ที่ให้หวานหวังให้พลังชีวิตหยัดยืน
ฝืนสู้ทายท้า มิว่ากี่ครั้งกี่คราที่ล้มลุกคลุกคลาน
มีหวานมีเศร้าคลุกเคล้าสับสนปนเปมิยาวยืน..
ต้องตื่นมาเผชิญยอมรับความจริง
สิ่งผันแปรมิแน่มินอนทุกชีวาทุกชีวีหนีไม่พ้นวง..วน..กรรม....
หัวใจดวงฝัน ของเธอ..มิได้ร้องไห้มิได้ครวญคร่ำ
หากกำลังแว่วเสียงเพลงบรรเลง
บทเพลงแห่งศรัทธารักศรัทธาฝันนิรันดร
เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมเป็นจอมใจปวงชนชาวไทย..มายาวยืน
บทเพลงพระราชนิพนธ์..ชะตาชีวิต..
ที่สถิตงามสอนใจในทุกยาม
ยามดวงใจไหวอ่อนล้าท้อแท้..อยากหยุดยอมแพ้ยอมพ่าย
ให้รู้เรียกใจ..ทำใจยอมรับในวกวน
ในเนื้อกมลมนุษย์มนามากมีมากมาย
ที่มาร้ายมาดีมากมีรสชาติ......
บทเพลง...http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=6193
ชะตาชีวิต เพลงพระราชนิพนธ์
นกน้อยคล้อยบินมาเดียวดาย
คิดคิดมิวายกังวลให้หม่นฤทัยหมอง
ขาดมวลมิตรไร้คนสนิทคู่เคียงครอง
หลงไหลหมายปองคนปรานี
ขาดเรือนแหล่งพักพำนักนอน
ขาดญาติบิดรและน้องพี่
บาปกรรมคงมี จำทนระทม
ท้องฟ้าสายัณห์ตะวันเลือน
แสงลับนับวันจะเตือนให้ใจต้องขื่นขม
หากเย็นลงฟ้าคงยิ่งมืดยิ่งตรอมตรม
ชีวิตระทมเพราะรอมา
จวบจันทร์แจ่มฟ้านภาผ่อง
เฝ้ามองให้เดือนชุบวิญญา
สักวันบุญมา ชะตาคงดี
นกน้อยคล้อยบินมาเดียวดาย
คิดคิดมิวายกังวลให้หม่นฤทัยหมอง
ขาดมวลมิตรไร้คนสนิทคู่เคียงครอง
หลงไหลหมายปองคนปรานี
ขาดเรือนแหล่งพักพำนักนอน
ขาดญาติบิดรและน้องพี่
บาปกรรมคงมี จำทนระทม
ท้องฟ้าสายัณห์ตะวันเลือน
แสงลับนับวันจะเตือนให้ใจต้องขื่นขม
หากเย็นลงฟ้าคงยิ่งมืดยิ่งตรอมตรม
ชีวิตระทมเพราะรอมา
จวบจันทร์แจ่มฟ้านภาผ่อง
เฝ้ามองให้เดือนชุบวิญญา
สักวันบุญมา ชะตาคงดี....
บทเพลงนี้ที่เธอเลือกฝึกฝนให้คนดียอดดวงใจเป่าขลุ่ยคลอ..
ให้ทั้งหอห้องประชุมเงียบงัน....
ในพลังอันเปลี่ยวเหงา เศร้าดายเดียวเดียวดาย
สอดสะท้านสะเทือนเสมือนบทเพลงสอนใจ
ให้ยอมรับสัจจธรรม.....ดั่งคำสอน..สักวันบุญมาชะตาคงดี..
ที่ตรึงใจเกี่ยวใจให้หยาดน้ำใสใสในเงาตาของคณะกรรมการหลั่งริน
วันที่ดวงใจถวิลหวังจะไปไกลให้ถึงดวงดาวอีกฟากฝั่งฝัน อเมริกาเมืองแห่งฝัน
ให้ได้รับทุนอันต้องฝ่าฟันอย่างลำบากยากเย็น...
พร้อมกับเสียงปรบมืออันกึกก้อง..
ให้น้ำตาในคลองใจใครคนหนึ่งซึ้งซึ่งอยู่เบื้องหลังพลังเพียร..
ละหลั่งรินอย่างภาคภูมิ....ด้วยสมองสองมือเททอดถอดใจจากดวงใจรักนี้
ที่สามารถสร้างโลกให้งามดั่งฝันดั่งใจ
ขอแค่มี เพียงหัวใจ...ดวงแกร่ง..ดวงกล้า ท้าทาย..ดั่งดวงใจสิงห์ไม่ทิ้งชาติเชื้อทรนง....
..............
กลับมาจากคะนึง จากพลังฝันจากบทเพลง..แห่งศรัทธารักนิรันดร์..
โน่น..ต้นไม้ตายซาก แผ่ก้านราวประการังสีดำสยายกิ่ง
เป็นซากงาม ซากธรรมชาติ ที่ดั่งเป็นอีกฉากชีวิตสอนใจให้บทเรียน..
ที่ชีวี มิอาจ ยึดมั่นถือมั่น
ต้นไม้นานาพรรณก็ประดุจดั่งมวลมนุษย์มากมายมากมี..
ที่ดำรงร่าง ดำรงใจต่างกัน ต่างจิตต่างใจ....
ต้นไม้ไพรต้นไม้ในป่าพง เรียนรู้คุณค่าที่จะโอบเอื้อดำรงพึ่งพาพึ่งพิง
รอพระพิรุณหลั่งรินจากฟากฟ้าโปรดพันธุ์ไม้นานา..สัตว์ป่า ห้วยหนองคลองบึง
ให้สดชื่น ให้พฤกษ์ไพรมีไม้งามผลิใบอ่อนใสกล้า รักษาสมดุลย์ไพร ไม่เลือกที่รักใดที่ชังชอบ
เพียงประกอบกันด้วยน้ำฟ้ามารินรด..
และไม้เมือง..ประเทืองประทังฝันหวังหวานไปวันวัน
รอวสันต์วัตถุพร่างพรม
ห่มอวดเปลือกนอกมิลอกใจถึงเนื้อในกระพี้ ใจ
ที่มากมีมักตัดสินดีเลวกันที่ดวงตาเห็นง่าย กับวัตถุที่หางามได้ภายนอก
มิหวังลอกหวังลาไปค้นหางามเงียบใดในดวงใจในจิตวิญญาณ
เพราะต้องผจญเวรผจญกรรมกับคำค่าน้ำเงินใช้แลกเปลี่ยน
ซื้อความพึงใจสุขใจตามๆกันไปในโลกเทคโนโลยี่นี้
ที่มีนวัตกรรมมากมีให้คลิ๊กลัดนิ้วมือเดียวก็ถึง..มิต้องสร้างซึ้งแสนนาน....
***********
กลับมาฟังบทเพลงพระราชนิพนธ์แห่งศรัทธาฝันไกล
ไปกับมวลหมู่แมกไม้สายน้ำฟ้าดีกว่านะคะทุกดวงใจ..
เพลงสายฝน..
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=6197
สายฝน เพลงพระราชนิพนธ์ : : Key C
เมื่อลมฝน บนฟ้ามาลิ่ว
ต้นไม้พลิ้ว ลู่กิ่งใบ
เหมือนจะเอน รากคลอนถอนไป
แต่เหล่าไม้ ยิ่งกลับงาม
พระพรหมท่าน บันดาลให้ฝนหลั่ง
เพื่อประทัง ชีวิตมิทราม
น้ำทิพย์สาด
เป็นสาย พรายพลิ้วทิวงาม
ทั่วเขตคาม ชื่นธารา
สาดเป็นสาย
พรายพลิ้วทิวทุ่ง
แดดทอรุ้ง อร่ามตา
รุ้งเลื่อมลาย พร่างพรายนภา
ยาม เมื่อฝนมาแต่ไกล
พระพรหมช่วย อำนวยให้ชื่นฉ่ำ
เพื่อจะนำ ดับความร้อนใจ
น้ำฝนหลั่ง ลงมาจากฟ้าแดนไกล
พืชพันธุ์ไม้ ชื่นยืนยง.......
...........
นานนาที ที่เธอคนดีหยุดยืนนิ่งทิ้งดวงใจดื่มด่ำกับพลังธรรมชาติ
เปิดใจ ให้ไหลรินสู่ดวงจิตดวงใจวิญญาณไพร..
ที่ใครละหนอยากหยั่งถึงกระพี้
รู้ใจไปเสียสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างทุกความคิดทุกตัดสินใจ
นอกจากใจ..มองใจ..ใจเห็นใจ..ใจรู้ใจ..ใจตัดใจ..
ใจดับไฟ..ใจนำใจ..ใจกระจ่างใจ
และใจก็จะหยุดไหวครวญ นิ่งเงียบงาม วาง ว่าง..
*******
เธอละสายตา..ทอดน่องเนิบช้า..
มีรอยยิ้มอิ่มแก้มอุ่น
นั่นดงดอกรัก..น่าแปลกนักที่ยังชูช่อหอมงามขึ้นในราวป่า
ผลิดอกออกช่อแตกเป็นกองาม
คนผ่านไปมาทุกยาม แต่จะมีใครบ้างแค่สักคน
จะมองเห็นค่างามลึกล้ำ
งามง่ายสัจจธรรมจากดวงดอกรักนี้
ที่ก่อเกิดได้ทุกที่ งามละออได้ทุกดิน!..
.........
เธอ.ผู้รู้ค่ารัก..ผู้รู้ค่างาม มิรู้สิ้นมิรู้จบ
ต้องสยบขอแยกกอกก...ขุดหน่อมาเพาะชำฟูมฟัก
หวังให้ดงดอกรักมาบานพราวเคล้าคลึงคลอล้อริมรั้วบ้าน..
ล้อมรั้วรักระย้าย้อยห้อยงามทุกยามเย้ยหล้า..
ให้หวานกอต่อตระการ..คืนหวานเอื้อโลกฝันต่อดวงใจจากสายใยธรรมชาติ!..
........และ
เธอ.วาดหวัง.ตั้งใจจะร้อยมาลัยดวงดอกรักให้พิลาสพิไล ถวายเบื้องหน้าพระพุทธ
ขอให้ดวงใจผ่องผุดดั่งดวงทอง..
รู้มองโลกอย่างผู้รู้ตน อย่างว่าง อย่างพ้นพิลาปพิไรรำพัน
ขอหยุดฝันไม่จริง...หยุดนิ่งยอมรับชะตากรรม
หยุดรักอันทุกข์โศกวิโยคครวญ
หยุดหวนไห้อาวรณ์ อ้อนอาลัย
ไม่เหว่ว้า ไม่คะนึงหาคะนึงครวญถึงคู่มิควรมิใช่..!..
จะกราบขอพรพระ ขอตั้งสัจจะอธิษฐาน..จิต
ให้รู้คิด รู้ค่ารัก .....
หากแม้นสนิทเนาในใจผู้ใด
ให้เรียนรู้ใจ
รู้ที่จะรักเป็นเห็นงาม...
ให้งาม ให้ตามเติมต่อรัก
เลิกภักดิ์เพียงสลัวราง อ้างว้างสุดทางใจ
ให้สว่างใสให้สรรสร้าง
จรรโลงใจ เผื่อแผ่กระแสธารใจจรรโลงโลกงาม...
เพราะน้ำใจเป็นสิ่งสำคัญ ให้หอมมหันต์
มากมีค่า....สอนการให้การได้ทั้งผู้ให้และผู้รับ
น้อยหรือมากมิสำคัญหากการให้นั้นเป็นคุณมิใช่โทษ..!..
..........
ค้นใจตัวให้พบ..
เมื่อเราประสบกับคุณค่าทางใจน้ำใจที่ได้รับ ให้งามระยับอิ่มปิติ
มีความสุขเพิ่มเติมต่อให้ คิดดี มีน้ำชุ่มปริ่มริมใจ..เรา..
จงถ่ายเทหยาดหยดรดรินไปสู่ดวงใจอื่นๆมากมายมากมี
ที่ยังแห้งแล้งหวังรอขอเพียงสักหยดหยาดหนึ่งนั้น..เพียงต่อฝันต่อพลังใจ
รู้ไหมน้ำจากใจเจ้า...คือการเอื้อฝัน การฝึกเสียสละ..แบ่งปัน โอบเอื้อ
ระลึกรู้ ระลึกคุณ แม้นกับธรรมชาติ ..ผู้มีพระคุณต่อเรามายาวนาน..
ดอกไม้..สายธาร สายลม มวลอากาศ....!..
ที่เราได้ใช้หายใจได้สร้างงามดวงใจใครจะรู้นี้
มิเสียทีที่เกิดมา..หยัดยืนบนผืนหล้า
ดั่งคู่มือมนุษย์สอนละมุนให้หยุดเข่นฆ่า ทำร้ายให้รู้คำขอบคุณ
ดินน้ำลมไฟ และเนื้อหัวใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง..
........และ....!..
หัวใจดวงหวาน หมุนถอยหลัง
วันที่หัวใจดวงละมุนสอนหอมกรุ่นให้ก่อเกิดกลางใจ
ก่อรูปธรรมนำน้อมด้วยการกระทำ...
ในวันนึง....
ที่เธอ..นั่งรถเมล์และเห็นภาพเหว่ว้า..ในสายตา..
เด็กชายตัวน้อยน้อย
ที่เฝ้าคุยจ๋อยจ๋อยบนตักแม่..
ผู้ดูพริบพลัน...ก็หวั่นไหวด้วยเวทนา..รู้ทันทีว่าแสนยากไร้
เด็กน้อยเฝ้าอ้อนขอสัญญา
ถึงของกินของเล่นที่อยากกินอยากได้แม้นเพียงนิดน้อย....!..
หัวใจเธอ..
ดวงอ้อยสร้อย ขี้สงสาร รานร้าวใจไหวอ่อน กับฉากตอนชีวิตบทนี้
ที่คิดว่ายังคงมากมีมากมายในสังคมเรา
และ..
ก่อนก้าวผ่านละครโลกโศกสลดรันทดใจ..นาทีนั้นเธอพลันติดสินใจ
พับเงิน..จากหัวใจละเมียดละไมอ่อนโยน
จากใจสู่ใจสู่อุ้งมือเด็กชายน้อยๆ ด้วยหยาดน้ำใสคลอดวงตา..
สายตาเหว่ว้างันเงียบสองแม่ลูก พลันตกใจและไหวมองในมือ..อย่างไม่เชื่อสายตา
ดวงตาเธอ..จดจำภาพนั้น นานมา...และตามมาตราใจจนถึงบัดนี้
ไม่นับหัวใจปิติที่อิ่มฉ่ำพร่ำเย็น
อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน......!..
พร้อมคุณค่าการให้
เธอได้รับด้วยตัวเองแล้ว ที่น้ำเนื้อในใจเธอกลับปริ่มล้ำล้นด้วย
ความพิสุทธิ์ใส
พร้อมสัญญากับดวงใจนะนาทีนั้น..
เธอจักฉวยโอกาสกระทำ
ในทุกเวลาที่ดวงชีวีอันแสนสั้นยังมีลมหายใจ
ไม่ว่าการให้นั้น จะให้ด้วยสิ่งใด
เป็นดั่งดวงดอกธรรม..
น้อมนำใจให้รู้การละวาง การเสียสละ..
การช่วยโลกลดโศกราน
ในดวงใจเพื่อนมนุษย์..และ......!..
สำหรับเธอ..
ยินดีรับโซ่กรรม กระหน่ำซ้ำซัด
จะสาหัสสากรรจ์ปานใด จะไม่ปริปากบ่น
ขอเป็นใบ้ชดใช้กรรมเก่า
มิลงฑัณท์ลงโทษใคร นอกจากกรรมจากใจเราเองที่
หมุนวนวงเปิดรับความละมุนวุ่นวายวกวนของหัวใจคน
ที่เดียวดายสับสนอ้อนอ่อนแอยอมแพ้พ่ายใจไปรับรู้รับฟัง
และไม่ว่าชาติปางไหน
ขออย่าตามติดหัวใจและจิตวิญญาณไปผลาญพล่าต่อกันอีกเลย......!..
เธอขออโหสิกรรม..และจะน้อมนำใจเป็นพุทธบูชา..
ภาวนาสร้างสมาธิมีปัญญาพาให้หลุดพ้นบ่วงกรรม
ในชาตินี้เพียงชาติเดียว...
เธอ..แย้มยิ้มกับโลกและความร้างไร้ในหัวใจผู้หลงผิด
พามืดบอดมาต่อยอดกรรมเวร
เธอ..ดีใจ..ที่ผู้หลงผิดคิดกลับใจแก้ไข
และหวังว่าดวงใจคงมิคาบแค่คัมภีร์แต่ชีวีได้เที่ยวสร้างกรรม
ประหัตประหารคนดีดี .
ขอ...อย่าให้เจ็บนี้วนซ้ำตกระกำแก่ผู้ใดอีกเลย......!..
และขอกระซิบฝากย้ำ..
ใครคิด ใครทำ ใครเข้าใจผิดถูกเช่นไร
มิอาจ..ไม่ตัดสินชะตา...เท่างามดวงใจใครจะรู้นี้
ที่ขอเพียรเพียงขอ....
พบพรอันอ่อนโยนจากดวงใจจากเนื้อใจ
กระจ่างใสสร้างขึ้นเพื่อพลีพร้อมน้อมรับได้ทุกสภาพ...!.
*************
ช่อดอกไม้หรือน้ำตาเธอเลือกมอบ
เธอเลือกตอบแทนน้ำใจเจ็บสาสม
ค่าน้ำใจใช่หวังใดในอารมณ์
ถูกเหยียบจมจิตวิญญาณไร้หวานใด..
ไฟดวงฝันริบหรี่พลีสิ้นแล้ว
หวังดวงแก้วกลางใจสว่างไสว
ยอมดับดิ้นไฟสิ้นเชื้อวิญญาณใจ
รินน้ำใจดับแล้งแห่งใจเธอ..
น้ำในธารน้ำในธรรมในธรรมชาติ
หลงหวังวาดหลงฝันตั้งใจเก้อ
ให้คนดีลืมลบปมกลางใจเธอ
ยอมเสนอยอมสนองครองเจ็บนาน..
รินน้ำใจสู่ใจหวังเรียนรู้
รินลงสู่ดวงใจไยเผาผลาญ
เธอไม่ชึ้งค่าน้ำใจย่ำใจราน
ประหัตประหารใช่ดอกไม้สายธารเย็น..
เราเกิดมาพึ่งพากันฉันท์เพื่อนมนุษย์
รักบริสุทธิ์ให้น้ำใจดับแล้งเข็ญ
ใจให้ใจใช่โหดร้ายอย่างเลือดเย็น
รักให้เป็นรู้คุณบุญส่งมา..
หวังช่อดอกไม้แทนน้ำตามาปลอบขวัญ
ลืมโศกศัลย์ลบรอยใจไหวเหว่ว้า
ดอกไม้รักรู้ผลิบานกับกาลเวลา
หวังดวงตาพาดวงใจไปพบพรอันอ่อนโยน..
31 ตุลาคม 2546 00:00 น.
พุด
ดอกรักซ้อนซ่อนดายเดียวดึกดื่นนี้
ดอกราตรีบานพราวราวปลอบขวัญ
ดอกเหว่ว้าบานรอท่าเราทุกวัน
ดอกดวงฝันหวั่นดวงใจใครรักรอ..
ดอกพุดตานบานนวลใจในยามเช้า
ดอกการะเวกกราวเกลื่อนพื้นพร่างเพ้อพ้อ
ดอกลั่นทมบานระทมกิ่งหักงอ
ดอกจำปีรอจนปีผ่านนานเกินจำ
ดอกสวาทหวามหวังยังบานหอม
ดอกพะยอมยังยอมรอยอมรับช้ำ
ดอกวาสนามิผลิดอกราวระกำ
ดอกอัญชัญชูม่วงพราวราวถอดใจ
ดอกปีบหวานบานละออล้อลมหนาว
ดอกบัวขาวคลี่กลีบพร่างกลางบึงใส
ดอกคิดดีคิดได้บานปลอบใจ
ดอกดวงใจหยุดรักได้ใช่เลยตรงนิพพาน!
*********
ดวงดอกพุดอยากหยุดรัก..หยุดทุกข์..
หากหัวใจมิอาจหยุดรักเธอ..สร้อยโซ่รักอักษรา
มาสิทุกดวงใจ..
มารวมรักรวมฝันรวมพันผูกมาถักทอถ้อยทอง..
หลอมละอองเพชรพร่างพร้อยร้อยงามดวงใจ
ให้หอมพราวราวมวลบุปผาบานสะพรั่งนะกลางกลีบเกสรใจ
ปลอบโลกให้งามไปชั่วกาลกัปป์กัลป์นิรันดร..
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4689
ร้อยบุปผา
สุนารี ราชสีมา : : Key F#m
ร้อยบุปผา บานพร้อมพรัก
ร้อยสำนัก ประชันแข่งใจ
มวล ดอก ไม้ พร่างพรายมา พ้อง พาน
ร้อยดอกงาม เด่นตระการ
แย้มบานในดวง ใจ
ชู่ ช่อ ธรรม สง่า งาม ในนาม ศิลปิน
มาสร้าง งาน ศิลป์ ชุบชีวิน มนุษย์ชาติ
สะอาดสดสวย ด้วยบทเพลง แห่งสวรรค์
ให้มาลัย ฝากรัก มอบใจภักดิ์ ร่วมกัน
จุดไฟ ความฝัน พร่างพลัน ประกาย เพลิง
มาเถิด พี่น้อง ร่วม ร้อง เพลงเพื่อ
กลั่นจาก เลือด เนื้อ หยาดเหงื่อ เร่าร้อน
เราจะเร่ง แนวรบ ไม่สยบ อ้อนวอน
เริงระบำ รำฟ้อน ร้อยกรอง กวี กานต์
มาร่วม ใจรัก พร้อม พรักพลีชีวาตม์
ผงาด อาจ หาญ สร้างตำนานตระการฟ้า
แต่งเติม โลกศิลป์ ให้ผ่องพิณ โสภา
ด้วยวิญ ญานท้า ทรนงเทิดคง ธรรม
ร้อยบุปผา บานพร้อมพรัก
ร้อยสำนักประชันแข่งใจ
มวล ดอก ไม้ พร่างพรายมา พ้อง พาน
ร้อยดอกงาม เด่นตระการ
แย้มบานในดวง ใจ
ชู่ ช่อ ธรรม สง่างาม ในนาม ศิลปิน