16 พฤศจิกายน 2546 00:17 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=1965(คู่กรรม)
ที่รัก....
ระหว่างเรา..
จะให้เริ่มต้นตรงไหนดี ในวันนี้?.....
วันที่ดวง..อยากจะขอโทษคุณเหลือเกิน
ที่เขียนความในใจนี้ช้าไป..นิดเดียวเอง..
เพราะมันน่าจะเป็นเรื่องราว
ที่ควรจะเป็นของขวัญจากใจดวง..ถึงคุณ..
ถึงความในใจมากมายที่อยากถ่ายทอดให้คุณรับรู้...
เดือนนี้..อากาศร้อนมาก..
แต่คุณรู้ไหม..ใจของดวงที่ดายเดียว
กลับหนาวเยือกในทุกยามที่คิดถึงคุณ
ในทุกคืนค่ำ
ที่เงยแหงนแลเห็นงามของจันทร์ครึ่งดวง..
ที่ลอยคว้างกลางฟ้า และหม่นมัวด้วยเมฆน้อยเทาทึมบดบัง..
กับดาราพริบพรายพราวฟ้ากว้าง..
และตาดวงฝาดไปหรือเปล่าละหนอ..
ที่ราวเห็นทางช้างเผือกพาดผ่าน ไปตามใจดวง
ที่รานร้าวด้วยหวั่นไหวสะเทือน
กับความคิดถึงคุณ เป็นที่สุดแล้ว...
คุณก็รู้ ...
ไม่ว่าคืนวัน จะผันผ่านนานเนิ่น
ฤดูกาล..กี่ร้อนกี่หนาว กี่เศร้าสุข
ที่โลกหมุนวนมาให้ดวงผ่านพบ ทายทัก
ดวงก็มิเคยหยุดพักแพ้พ่าย ท้อแท้ต่ออุปสรรค
ด้วยดวงใจรัก คิดว่ายังมีคุณเคียงข้างเป็นกำลังใจ
ทั้งในโลกฝันและโลกจริง
ที่รานรุกซุกเศร้าหมองหม่นมานานวัน...
ร่างร้าวและรานร้าวในใจดวงยังมีคุณ..
คอยเป็นฝันละมุนให้หวามใจปลอบประโลม
ให้อบอุ่นเสมอมา..ในทุกยามที่เหลียวหาไปไม่มีใคร.......
แต่..คนดี..ทุกฝันทุกหวังทุกจริง..
ทุกพลังใจ..มันตายแตกดับ..
แหลกสลายด้วยช้ำตรม ไปกับคืน..
ที่สายฝนพรมพรำร่ำไห้ราวฟ้ารั่ว..
ของเวลาสามทุ่ม..คืนวันที่11
ทันที่ที่ทีวีทุกช่องถ่ายทอด
และทันที่ที่มีคนโทรมา จากเกาะ
บอกดวงว่า คุณกลับบ้านเกาะของเรา..
ไปกับเที่ยวบินTG..261..
ที่รัก...
แล้วระหว่างเราจะเริ่มตรงไหนดี..?
คุณโทรมาหาดวง ก่อนหน้าจะเดินทางไกล.....กลับบ้าน..
ถามถึงดวงใจของดวงที่ดวงแสนรักที่อยู่ไกลถึงอเมริกา
คุณได้แต่ฝากความห่วงใย..
และย้ำว่าดีใจที่ดวงมีความสุข
คุณบอกดวงว่า....ขอแค่ให้รู้ว่าชีวิตดวงมีความสุขเท่านั้นพอ..
ถึงจะตายก็ไม่ว่า ไม่ห่วงชีวิตเลย...
ดวงยังหัวเราะ..เริงร่า
ล้อคุณว่าจะรีบลาจากดวงไปไหนกัน
เรายังมีเรื่องราวมากมาย ที่จะเล่าสู่กันฟัง
แบ่งปันเติมใจให้กันและกัน...อีกนาน.......
ดวงถามคุณ..โทรมาจากไหน?..
เพราะบางทีคุณโทรมาจากที่ไกลแสนไกล
บางทีจากเกาะพะงัน มาฝากฝันฝากใจ
โทรมาขอกำลังใจจากดวง
ไม่ว่าในยามที่คิดถึงหรือท้อแท้แพ้พ่ายใจ..
คุณ..บอกจากสนามบิน..
กำลังจะขึ้นเครื่องกลับบ้าน..ของเรา..เกาะพะงัน
แดนดินแห่งความฝันที่แสนสุขในโลกจริง..
ดวงตัดพ้อน้อยใจคุณ..
ทำไมนะ..ใกล้แค่นี้เอง..
ทำไมไม่แวะมาทายทักดวง..
ใกล้แค่เอื้อมเสียจริงๆ.......
คุณบอกธุระยุ่ง คิวยาวเหยียด มาเช็คสุขภาพ
ไม่อยากบอกให้ดวงกังวล..
และ..คุณสัญญา.............
เราอาจจะพบกัน..ถ้ามีเวลา...
คุณสัญญากับดวงใช่ไหม?......
แล้วทำไม?....เล่า....
คุณเดินทางไกลนัก..ไกล......
จนดวงตามไปทวงสัญญาไม่ถึง...
ดวงบอกคุณว่า
ดวงอยากโอบคุณไว้ในวงแขนยามนี้
ยามที่คุณไม่สบาย
ด้วยอ้อมกอดมิตรภาพ
ที่ยาวยืนมั่นคงระหว่างเราสอง จากใจดวงบริสุทธิ์....
ที่ผูกพันกันมาตั้งแต่ยามเยาว์..
มิเคยห่างหายทอดทิ้งกัน ไม่ว่าในยามดีหรือยามร้าย..
ระหว่างเรา.... ทำไม..นะ
ดวงถึงบอกคุณสั้นนิดเดียวเอง ..ในวันนั้น ถึงความในใจ...
เพราะอะไร......
เพราะดวง..คิดว่ามันไม่จำเป็นไง..
เวลาหลายสิบปี..ระหว่างเรา..
มันย่อมบอกอะไรในตัวมันเองอยู่แล้ว
โดยที่.. ดวง..มิพักต้องอธิบาย...
ดวง..ได้แต่ย้ำแล้วย้ำอีก..ดูแลตัวเองดีดีนะ...
จนกว่าจะถึงวันที่เราจะพบกันอีก..
ให้คุณรอดวง..อยู่ที่นั่น..
เกาะสวรรค์ของเรา..ผืนดินเกิดของเรา...
ที่เราแสนรัก และอยากฝากใจฝากร่างไว้..เป็นนิรันดร์...
ดวงเคยบอกคุณ..มีคุณคนเดียวในทุกปีใหม่..
ที่มิเคยจะลืมเลือน ส่งการ์ดอวยพร
และช่อดอกไม้แห่งความรัก
ความคิดถึงพันผูกด้วยริบบิ้นรัก
ถักทอร้อยรัดใจเราสองมากับกลีบดอกไม้ละมุน..
ส่งซึ้งเศร้าสุขซ่อน
มาให้ใจดวงอ่อนหวานอ่อนไหว
ด้วยความซาบซึ้งเสมอมา...
และไม่ว่าคุณจะอยู่นะส่วนไหนบนผืนโลกนี้...
คุณจะย้ำบอกดวงทุกปี..
หัวใจรักคุณอยู่ที่นี่อยู่กับดวง....
คุณเย้าว่า..ปีนี้จะไม่ให้แล้ว...
เสียงคุณล้อเลียนราวอยากให้ดวงตัดพ้อ.. ขอให้เหมือนเดิม...
แต่....ดวงกลับบอกคุณว่า..ไม่จำเป็นเลยจริงๆนะ
ระหว่างเรา...ไม่ต้องอาศัยการ์ด
เพราะว่ามันมีอะไรมากมาย..
เป็นสายใยเชื่อมใจเราไว้...ใจกับใจไง...ละ....
ได้ยินไหม......
ที่รัก...
ย้อนคืนวันกลับได้ไหม..
ดวงจะกระซิบบอกคุณใหม่นะว่า..
ดวง..อยากได้การ์ดจากคุณทุกปี
ตราบนานแสนจนเราแก่เฒ่าทั้งคู่เลยดีไหม?
ที่รัก..คุณหนาวมั้ย
บนโน้นบนฟากฝั่งฝันที่แสนงดงาม...
ดวงมีอะไรมากมายที่จะมอบให้คุณ
มากกว่าเสื้อหนาว มากเรื่องราว งดงามภายในใจดวงที่มากมี...
ดวงมีอ้อมแขนที่อบอุ่น ที่จะโอบคุณในอ้อมใจ อ้อมขวัญ..
ที่อยากคืนกลับให้คุณ..เลิกรานร้าวตลอดเวลายาวนาน
ที่คุณเฝ้าพร่ำขอและรอคอย..
เพื่อเติมเต็ม
ให้โลกที่ว่างเปล่า ดายเดียวของคุณ มิช้ำตรม..อีกต่อไป..
ที่รัก..
ดวงคิดว่า..
ดวงยังมีคุณที่คอยเข้าใจปลอบประโลมเสมอมา
เมื่อดวงเจอฝนฟ้าและพายุร้ายแห่งชีวิต..
น่าเสียดายนะ..
ยามที่คุณเจอพายุจริงในนาทีสุดท้ายของชีวิต..........
ดวงกลับช่วยอะไรคุณ..ไม่ได้เลย..
ระหว่างเรา..ไม่เคยมีคำถาม..
คุณยอมรับความเป็นดวง..
ผู้หญิงช่างฝัน ช่างหวั่นไหว ได้เสมอ..
และไม่เคยแม้แต่จะทำให้...ดวงเสียใจ
ด้วยคำถาม..ตามคำเขาว่า
ระหว่างเรา.......มันมีอะไรมากกว่า..
คำพิพากษาของคน
ที่มักจะโหดร้ายต่อผู้อื่นเสมอ
มักจ้องจับผิด..โดยใช้ความไม่รู้แจ้งของตัวเองตัดสินผู้อื่น..
เพียงเพื่อสะใจแค่นั้น
และคนประเภทนั้นก็ป่วยการที่..
ดวงจะเสียเวลาอธิบายตัวเอง....
ในเมื่อ..เขามีเครื่องหมายคอยจะกาผิดชีวิตของคนอื่นอยู่แล้วนี่นา...
ที่รัก..แล้วจะไม่ให้ ดวงชื่นใจ ศรัทธา
ในความเป็นคุณได้อย่างไร?
เมื่อคุณ..เปรียบดัง..แสงสว่าง..
ที่ทำให้ดวงไม่หมดหวังกับชีวิตและผู้คนจนเกินไป..
คุณรู้จักดวงเสมอ..รู้จักทุกๆด้านของชีวิตดวง..
คุณชอบล้อดวงว่า..
นักอยากจะเขียน นักฝันเพ้อ..
ที่ชอบเที่ยวละเมอสร้างพระเอก มาทำงานที่รัก..
จนใครๆเข้าใจผิดไปตามๆกัน
ทั้งที่โลกจริงนั้น ดวงมีชีวิตงามงดหมดจดซะไม่มี
คุณบอกรอเวลา..รอดูงานของดวงวางอวดบนแผง..สักวัน.
.และรอให้ดวงนั้น รจนาเรื่องรักสักเรื่อง
พลีพร้อมบรรณาการให้แก่รักแท้
ที่แสนดีแสนคงมั่น หนักแน่นดังแผ่นผา
ที่นับวันจะหาได้แสนยากยิ่งในโลกชุลมุนวุ่นรักใบนี้..
คนดี..วันนี้ นาทีนี้
ดวงยังไม่ได้พิมพ์สักเล่ม
ทั้งๆที่งานดวงมากมายหลายร้อยเรื่อง...
คนดี..ดวงเสียใจ.... และเสียใจ........
ระหว่างเรา..ดวงเคยหวังว่าจะเขียนบันทึกสักเล่ม..
และจะขอให้คุณ..ตั้งชื่อเรื่องให้..
จะตั้งยังไงดี..ในวันนี้เมื่อไม่มีคุณ
และมันมากมีแต่เรื่องราวรานร้าวเศร้าโศกสะเทือนใจ..มากมายนัก...
ทำไมนะ......ดวงมักคิดอะไรช้าเสมอ...
ไม่เหมือนคุณเลย..
ที่อยากทำสิ่งดีดี..และแสดงน้ำใจกับใคร
คุณก็ทำโดยไม่รู้จัก เหน็ดเหนื่อยกับทุกผู้คน...ตลอดเวลา........
ดวงรู้..วันนี้..คุณเหนื่อยแล้วใช่ไหม..
คุณอยากพักแล้วใช่ไหม...
คุณถึงทิ้งดวงไป..
เลือก..ลาจากดวง..ด้วยเสียงที่มีความสุข
และทิ้งรอยทรงจำฝังใจให้ดวงระทม
ในทุกยามกับ..คำสุดท้าย...ที่ย้ำ..
ไม่มีวัน..ที่คุณจะเลิกรักดวง...ตราบจนวันตาย!
โอ้ละหนอฟ้าดิน.
ทำไม.. ถึงลงทัณฑ์ดวง..ให้สาสมเจ็บช้ำถึงปานนี้...
ดวง..เสียใจ......เสียใจ...เสียใจ...ที่สุด
ที่ฉุดรั้งคุณไว้ไม่ได้..
พยายามอ้อนวอนให้คุณ..
ยกเลิกเที่ยวบินเพื่อขอพบคุณ..
ขอโอกาสพบคุณสักครั้ง..
คุณปลอบดวงว่า....อย่ากลัวเลย....
ระหว่างเราสองนั้น..
แม้จะมิได้พบกันในโลกจริงทุกคืนวัน
แต่ในโลกฝัน..โลกในใจที่มีแต่รักจริงแท้..
ไม่มีวันคืนไหนที่คุณจะไม่คิดถึง
และจะผันแปร..จนตราบถึงวันสุดท้ายแห่งชีวิต..
ดวง..ไม่สะกิดใจเลย........
ไม่เคยคิดแม้กระทั่งคำลา..สั่งเสีย..สุดท้าย
ที่คุณบอกว่าอยากกลับบ้าน..เกาะ..
ใช่..คุณต้องกลับบ้าน..วิมานและผืนดินแห่งรักมั่น..
ที่คุณจะฝากฝังร่างและใจไปตราบจนชั่วชีวิต....
ดวง..เคยบอกคุณว่า..
ดวงดีใจกับคุณทุกครั้งที่คุณได้กลับบ้าน...เกาะของเรา..
เพราะดวง..อิจฉาคุณ..
คุณโชคดีที่มีภูเขาเป็นกำแพงบ้าน
มีทะเล หาดทราย สายลม แสงแดดเป็นเพื่อน..
มีจันทร์เจ้าสีทองสุกปลั่ง ทายทักในคืนเพ็ญ..กลางโค้งอ่าวหน้าบ้าน
ที่สวยงามราวสรรค์ลอยเลื่อนมาเยือน..หล้า..
มีความรักมากมายจากญาติพี่น้อง
และมากมิตรผู้รอคอยและรอการกลับของคุณ.....
ที่รัก.........
แต่วันนี้..เวลานี้..ดวงไม่รู้สึกอย่างนั้น
การกลับบ้านครั้งสุดท้ายของคุณ มันโหดร้าย
ทำลายใจดวงให้ยับเยินเกินทน...
ที่รัก..
คุณรู้ไหม..เค้าพาคุณ..ให้กลับถึง..บ้านเกาะของเรา..
คุณจะได้อยู่ที่นั่นนิรันดร.
.เป็นตำนานกล่าวขาน
ร่วมกับความสวยสดงดงามของธรรมชาติบ้านเรา...
ตำนานมันคงมีอยู่ว่า...
มีสุภาพบุรุษลูกผู้ชายน้ำใจงาม
เกิดมากับความบริสุทธิ์ของที่นี่
และพร้อมพลีที่จะเป็น..ผู้ให้..
วันนี้..
คุณ..คงได้พักผ่อนอย่างแท้จริง..
กับดวงใจรักที่รอคอยอย่างมิท้อแท้ยอมแพ้พ่าย
และมิมอดหวัง ตราบจนถึงลมหายใจสุดท้ายแห่งชีวิต..
ที่รัก..เสียงคลื่น..จะเห่กล่อม..ให้คุณหลับสบาย..
ดวงดาวบนฟ้ากว้าง..จะนำทางคุณ..สู่ทางช้างเผือก..
เหมือนความเชื่อว่า..........
คุณจะได้ไปสถิต...ณ..ดินแดนแห่งความสุขนิรันดร์......
หลับให้สบายนะที่รัก....ตราบนี้ไป!
15 พฤศจิกายน 2546 12:16 น.
พุด
ไพล...เป็นผู้หญิงธรรมดา ๆ
เพียงโชคดี..ที่ได้เกิดมา..
กับธรรมชาติแสนงามของ เกาะที่งดงาม..
ราว สรวงสวรรค์ นฤมิตร กลางอ่าวไทย....
อายุ 13 ปี ต้องอาศัยเรือ ภาณุรังษี
เรือเดินสมุทร ลำใหญ่ ฝ่าคลื่นลม
ด้วยดวงใจที่ตรอมตรม
จำใจ จำจาก บ้านเกิด เพื่อนเก่า
เพื่อมาเรียนต่อ ที่กรุงเทพ.....
ภาพเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ...
ที่ใจแสนเหว่ว้า ...
นั่งนิ่ง พิงกราบเรือ เดียวดาย ..ยามใกล้สายัณห์
ในวันที่ ฟ้าแสนเศร้า ราวร้องไห้ ร่ำลา....
ทะเลตรงหน้า ที่เคยสวยใส ในใจ
ในความรู้สึก บัดนี้ราวตัดพ้อ....
ไฉนหนอ....มาทอดทิ้ง กันไป...ไกลแสน.....
ความทรงจำ ที่ขมขื่นสุดแสน
และเป็นความแสนเศร้าที่ยิ่งใหญ่
ในใจดวงน้อยนี้ เมื่อนึกย้อนกลับไป ในวันนั้น....
เรือ...ค่อยๆ...วิ่งทิ้งห่าง ......
เกาะแห่งความรัก ความฝัน ความหลัง ที่แสนดี แสนงาม..
ทีละน้อย ทีละน้อย ให้หัวใจละห้อยหา ....
หมู่มวลนกกา...ส่งเสียงร้อง ราวสะเทือนแทน.......
เกาะแสนหวาน มากมีความทรงจำ
ของเด็กหญิงตัวน้อยๆ ค่อยๆเลือนหาย ไปจากสายตา.....
พร้อมๆ กับหยาดน้ำตา พรูพร่าง ไปกับ..วสันตฤดู
ที่แม้สายฝนก็ยัง ครวญคร่ำ พิร่ำพิไร ราวสั่งลา... ..
มองไปทางไหน....แสนว้าเหว่ใจ มีแต่ ทะเล...ทะเล.....
ที่ต้องร่อนเร่ รอนแรม อีกหลายวัน
ราวความฝัน ที่ไม่มีขอบเขต ไร้จุดจบ.....
ห่างจาก...อดีต..ในวัยเยาว์
ที่เคยสดใสสว่าง กระจ่างใจ ไม่มีวันลบเลือน....ลืมเลย........
ชีวิต เริ่มต้นใหม่ ในกรุงเทพ
เมืองหลวง หรือเมืองลวง ให้ดวงใจใครบางคนต้องช้ำชอก.....
ไพล..ทำใจ อย่างไร ก็ไม่เคยนึกชอบ
ที่จะฝังฝากใจ อยู่กับเมืองศิวิไลซ์ นี้....แทน...
บ้านเกิด เกาะแห่งรัก ที่สถิตแนบเนา เนิ่นนาน......
ตั้งใจเรียน พากเพียร จนจบปริญญา
ฟันฝ่าทั้งอุปสรรคการเรียน และชีวิตนี้ที่ฟ้าดินกำหนด
มาให้พานพบ ความรานร้าวใจ
หลายครั้งหลายหน กับใจคนที่ยากจะหยั่งถึง.....
ไม่เป็นไร....ปลอบใจตัว..ถ้าเราเป็นคนดี ...
โลกนี้ ต้องมี....เส้นทาง...ให้เราก้าวเดิน......
ไพล...เป็นแม่พิมพ์ของชาติ นานหลายปี......
และชีวิตนี้ต้องพลิกผัน ให้ต้องเลือก
เดินไปในเส้นทางไปทำงานต่างแดน......
นานหลายปี...กับอาชีพครูที่รัก
ทำให้ทำใจยากนัก เมื่อถึงวันจากลา..ลูกศิษย์นี้ที่เป็นดั่งดวงใจ ..
ทุกวันนี้...ไพล..ไม่อยากเขียนถึงช่วงเวลาแสนดี
ที่อยากหวนคืนกลับ....
ไม่อยากสะกิดรอยแผลใจ
ที่แสนเสียดาย คืนฝันวันแสนงามงด หมดจดใจ ..
ที่มิอาจย้อนคืน........
ไพล....เสียใจเพียงว่า
น่าจะได้ สานฝัน..อุดมคตินี้
ที่ยังอยากมอบสิ่งดีๆ ให้แก่เด็กไทย...
ให้มีใจเกินร้อย รักแผ่นดินนี้ และวัฒนธรรมไทย.....
ให้รู้จัก ความละมุน ภายใน ให้ดวงใจมีแต่ความงดงาม......
เพื่อเก็บเกี่ยว...ความดีที่มากมี
ให้กับชีวิตนี้ ที่ได้เกิดมา บนผืนดินแห่งนี้ที่แสนร่มเย็น
เป็นสุข สงบงาม......
มีพระมหากษัตริย์ไทย ธ.ผู้ทรงมากล้น น้ำพระทัย
ใสเย็นดังกระแสธารใจ ที่พร้อมจะรินรด หยาดหยด
ให้แก่ผองไทย ผู้ยากไร้ ได้ดื่มกิน อย่างมิรู้สิ้น
มิรู้ท้อแท้ ยอมแพ้พ่าย ตราบนานนิรันดร์......
ไพล....อยากฝากให้เยาวชน คนดี
รู้คุณค่า รู้รัก สามัคคี กตัญญู รู้ตอบแทน
คืนกลับ แก่แผ่นดินนี้
อย่างคนที่ ไม่เสียทีที่ได้เกิดมาพานพบ ชาติ ศาสนา
พระมหากษัตริย์ ที่เป็นยอดมงคลแห่งชีวีของเรานี้
ที่เปรียบดั่งหิ่งห้อยน้อยแสง
ไม่นานวัน ก็สิ้นแสงพลัน ต้องจากลา...
ในวันนี้...
ไพล ยังคิดดี คิดฝัน คิดจินตนาการ...รจนางาน ที่รัก...
แม้จะเป็น ดังหยดน้ำใสสักหยด..
ก็ยังหวังจะให้..เป็นดั่งหยดน้ำค้าง....
ที่พราวพร่างใส ให้เยาวชนไทย ได้ดื่มกิน ดับร้อนรุ่ม....
เพื่อปลอบใจ ปลอบขวัญ เป็นพลังใจ
ให้ก้าวเดิน...ไปสู่.....
โลกแห่งความจริงนี้
ที่ต้องสร้างจากภายใน ให้ดวงใจ..มองโลกนี้ให้เป็น... ให้เห็นงาม.......
...............................................
ด้วยรัก ด้วยใจ ปรารถนาดี จากใจดวงนี้
ที่มอบให้เป็นกำลังใจนิจนิรันดร์นะคะ ..
15 พฤศจิกายน 2546 10:40 น.
พุด
ทุกๆคนคงรักเช้าวันหยุด
ที่ทำให้หัวใจและร่างกาย ไม่ต้องสะดุด
ตะลีตาเหลือก ตะเกียกตะกาย ออกไปสู้โลกแต่เช้าตรู่
วันแสนดี ที่นอนตื่นสาย ได้ตามสบาย
ตามสถานภาพชีวิตของใครก็ของคนนั้น..
สำหรับแพม...
พยายามรักยามเช้าทุกๆเช้า เพราะถือคติโบราณว่า
เมื่อลืมตาตื่น ควรคิดแต่สิ่งดีๆ ที่สวยงาม ที่เป็นมงคล
เพื่อเริ่มต้น วันใหม่อย่างแจ่มใส สดชื่นกับชีวิต
และโดยเฉพาะ...เช้าวันหยุด
บางอาทิตย์ ที่สามารถเนรมิตรให้เสรีภาพแก่ดวงตาและดวงใจ
ได้ออกไปพ้นเมืองกรุง (เมืองยุ่งเหยิง) เพื่อพาใจนี้หนาออกไปทอดทัศนา
วิว ทิวทัศน์ ท้องทุ่ง ผืนนา ป่าเขา ลำเนาไพร..
แพม....มีบ้าน อีกหลัง เป็นบ้านไร่แสนรัก ที่เมืองกาญจน์...
เมื่อมีเวลาว่าง และอยากเติมใจ ไฟฝัน เพื่อชาร์ตออกซิเจน
ให้กับชีวิต เราก็จะเดินทางไปพักผ่อน....
สำหรับคนอย่างแพม คนช่างฝัน ช่างจินตนาการ .....
เห็นอะไรสองข้างทาง ก็ดูแสนสวย แสนโรแมนติก
ขอแค่ให้ได้ไปไกลๆจากความจำเจซ้ำซาก เสียบ้าง
ในยามที่ใจจะมอด (ม้วยด้วยเบื่อ)
ยังดีที่ไม่โรแมนติก จนเห็นควาย แล้วร้องว่านั่นตัวอะไรคะพี่ .......
แพมอารมณ์ดี จนบางทีร้องเพลงดังๆในรถ ไปกับ คนที่คอยอุดหูฟัง
และใจชื่นบาน กับเสน่ห์ของเส้นทาง..สองฟากฝั่งถนนที่แปลกไป
ไม่ใช่เห็นแค่ร้านรวง และความมากมายของผู้คนที่เร่งรีบ .....
ออกจากบ้านแต่เช้า ...
ผ่านสนามบินน้ำ ผ่านสะพานพระนั่งเกล้า
เห็นเจ้าพระยา สงบงาม ทอดตัวเป็นโค้งคุ้ง ...
มีเรือเอี๊ยมจุ๊นและเรือต่างๆลอยล่อง......
ผ่านรัตนาธิเบศร์ ที่มีสวนดอกไม้ ให้ชมฟรี ทั้งสองฝั่ง
มีพรรณไม้นานา อวดดอกบานแฉล้มแกล้มใจ ให้เป็นสุข
แย้มยิ้ม ทายทัก กวักมือให้เข้าไปดอมดม และซื้อหามา
ประดับบ้าน ประดับใจ...
บางที ดูราวเข้าแถวส่งเรา บ้าย บาย
ให้โชคดี ได้ไปสูด ไอดิน กลิ่นฝน ในท้องทุ่งแทน ..เธอ.....
ผ่านนครชัยศรี ที่มีสะโลแกนว่า ส้มโอหวาน ข้าวสารสวย
และอะไรมากมีที่ไม่จำ
แต่หนุ่มๆอาจจะสงสัยและอยากรู้แค่ว่า... อกสาวนครชัยศรีนั้น
จะหวานและโตเท่าส้มโอหรือไม่หนอ ขอแค่อยากพิสูจน์.....
ผ่านมาถึงบ้านโป่ง ไม่เห็นค่อยมีลูกโป่ง
จะมีที่ประทับใจก็ของกินหลายอย่าง
หนึ่งในนั้นคือไก่ย่างหมักขมิ้นข้างทาง
ที่อร่อยล้ำเพราะถึงเวลาหิวโหย
และเราจะลงไปกำกับให้ย่างอีกนิดร้อนๆ
นำมาหม่ำกับข้าวเหนียว แซบจน ต้องร้องว่า อื้อฮือ....แต่ไม่โอ้โฮ......
เมืองนี้ มีฉายา ว่ามีสาวงาม
และใครบางคนที่แพมแสนรัก
ได้วิ่งเข้าเส้นชัย ชนะใจ สาวงามบ้านโป่ง ตัดหน้าคนพื้นที่....ดีใจจังเลย
สาวน้อยคนนี้ สวยหรือไม่คิดดูเอาเองเถอะว่าแค่ไหน
มีแมวมองสะกดรอยตามมา ถึงมหาวิทยาลัย
เพื่อเชิญไปถ่ายโฆษณา แต่บังเอิญว่า เธอปฎิเสธ...จึงยังไม่รุ่งแรง....
ที่ตลาดบ้านโป่งนี้ จะมีร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำอร่อยมาก
ที่เราตั้งชื่อร้านให้ว่าร้านก๋วยเตี๋ยวตุ้ด
เพราะว่าเจ้าของร้านเป็นสุภาพบุรุษสตรี ที่แสนงาม
เป็นร้านที่น่าจะเอาดาวไปโปรยให้ ไม่ใช่มอบให้แค่ 5ดาว....
และเราต้องกลับมาเป็นขาประจำ ซ้ำๆซากๆจนคุ้นลิ้น........
ต่อจากนั้น แวะร้านขายกล้วยปิ้ง
กล้วยที่ถูกทับ ถูกทึ้ง จนแบนแต้ดแต๋ แต่แสนอร่อย
เพราะหอมน้ำกระทิ ที่แอบถามสูตรมาว่าทำยังไงถึงมีรถเก๋งเข้าคิวรอซื้อ
เจ้าของ จำหน้าแพมได้ คงคิดว่าไม่น่าจะทนร้อนยืนปิ้งกล้วยขายแข่ง
เลยบอกสูตรมา ว่าอยู่ที่น้ำตาลมะพร้าวหอมๆ
และกะทิต้องขูดเอาเองต้องสด
จึงจะหวานมัน และต้องเลือกคัดกล้วยให้ดีๆ ไม่มีเม็ด...
.เห็นไหมว่า เรื่องกล้วยๆ
แต่มันไม่กล้วยอย่างที่คิดนะจะบอกให้...ถ้าจะยึดมาเป็นอาชีพ.......
คิดคิดดู จะไม่ให้เรานี้สุขทั้งใจกาย ได้อย่างไร
ที่ได้ออกทัวร์ท้อง แบบนี้
ที่เพิ่มความอ้วนพี พุงกาง เลยค่ะ....
เมื่อถึงเมืองกาญจน์
หลังจากออกไปหาบรรยากาศป่าเขา หรือไม่ก็ไปไหว้พระ
ตามวัดวามากมี ที่บางที่ยังเป็นถ้ำสวยอีกด้วยนะ...
แล้วเราก็จะกลับมานอนดู
เมฆขาวเกลื่อนฟ้า
ท้องนภาที่สว่างกระจ่างใจ
ใต้ต้นไม้ใบบัง....
กับลมเย็นๆพัดรำเพย ให้สุขสมภิรมย์ใจ หาใดเปรียบปาน....
และก่อนจะกลับเราก็จะ หาร้านริมน้ำ เป็นที่ดินเนอร์ มื้อค่ำ
ใต้แสงดาวเคล้าแสงจันทร์ ให้อิ่มอร่อยก่อนอำลา..อาลัย..
มาผจญภัย ผจญกรรมต่อที่เมืองลวง.....(หลวง)..
เป็นทัวร์ท่อง ทัวร์ท้อง ที่ติดดิน
กับชีวิตนี้ ที่จำเจ ทำให้สุขใจ ไม่ต้องคอยเวียนวน
แบบคนเมือง อยู่แต่ ในร้านรวง ตามศูนย์การค้า
ที่พาใจให้เกิดความอยาก
จน จ้นเงินหมดกระเป๋า
บางคนบอกว่าเดินห้างดีกว่าเพราะว่า แอร์มันเย็น
แต่ใจนะสิมันจะร้อนรุ่มอยากจะซื้อ ซื้อ ซื้อ
สิ่งที่บางทีเกินจำเป็นต่อชีวิต..
รวบรัดเรื่องราว เล่าว่า ....
นี่คืออีกทางเลือกหนึ่ง ของเช้าวันหยุด ถ้ามีโอกาส
และอยากให้แฟนๆ วางแผนทำวันหยุดให้มีชีวิตชีวา พาตัวเอง
ออกไปชนบทบ้าง ..นะคนดีที่แสนรัก...
จะได้ลดละบางสิ่ง และเพิ่มเติมต่อ
สิ่งดีๆให้กับชีวิตที่แปลกใหม่ไปบ้าง........
สุดท้ายอยากจะเล่าเรื่องราว..เรื่องๆหนึ่ง ที่เกิดขึ้น
ในวันหยุดกับ
นักอยากจะเขียน คนนี้ที่ชื่อแพม ที่ใครๆบอกว่า
เขียนเรื่องรักน้ำเน่า ได้หวานแหววแต๋วจ๋า
ซะไม่มี........
ซึ่งชีวิตจริงไม่ได้หวานแบบธรรมดาๆนะ
แต่เป็นคนหวานผ่าซาก
ในบางที บางบท กับบางครั้งของชีวิต
ในยามที่พบเห็นอะไร ไม่ยุติธรรม
ไม่ชอบมาพากล....
ใจกับตาจะพากันสามัคคีราวกับมีตาชั่ง..จะทนไม่ได้
ต้องเข้าไปต่อว่า....เรียกหาความจริงของชีวิต
วันที่เกิดเรื่อง....ให้ต่อว่า
คือวันหยุดที่กำลังจะเดินทางไปเติมไฟฝันนั่นแหละ
แต่ดันบังเอิญ ต้องสวมวิญญาณนางมารร้าย.....เสียก่อน..
เช้านั้น แพมต้องลงไปกดเงินจากตู้ เอ ทีเอ็ม ก่อนเดินทาง...
ขณะที่รอคิว และมีคนรอสองสามคนอยู่ก่อนหน้าแล้วนั้น....
พลันก็มี..รถเก๋งคันงาม เบ้นซ์รุ่นใหญ่ เอสที่เท่าไหร่ ไม่สนใจจำ
เพราะไม่ใช่ของเรา.. ก็มา..จอดพรืดใกล้ๆ.......
และเมื่อประตู เปิดออกมา ไม่ใช่นารีแสนสวย
แต่กลับเป็นพระ เห็นจีวรเหลืองละออ ลอยมา....แต่ไกล
ท่านเดินมา..แล้วชิงตัดหน้าแซงคิว
เข้าไปในตู้กดเงิน เฉยเลย...
วิญญาณ เปาบุ้นจิ้น จึงสิงแพม พร้อมๆกับเกิดปุจฉา.....แบบหมดศรัทธา
ว่าท่านทำอะไรของท่านนะ เหตุใดพระถึงมาทำกิจทางโลกอย่างนี้
แถมยังไม่มีมารยาทเอาเสียเลย......
แพม ไม่กล้าหยุดท่าน โดยการกระชากผ้าเหลือง
เพื่อให้ท่านรอคิว เพราะแค่คิดก็บาปมหันต์แล้ว..และไม่สุภาพ....
จึงรอเวลา...รอ ให้ท่านกลับออกมาจากตู้.....
เมื่อ..ท่านก้าวออกมา..แพมนมัสการท่านแล้วบอกว่า
ท่านไม่น่าลำบากมาทำกิจที่ไม่ใช่ของสงฆ์เองเลย
และถ้าจะทำท่านน่าจะรู้ว่ามีคิว...
ท่านมองหน้าและ ด่าแพม แทนการให้ศีลให้พร
แบบที่พระพึงให้แก่ฆราวาสว่า......
ไอ้ปากหมา...ไปทำบุญถวายวัดด้วยส้วมเสียนะ.
แล้วก็เดินจีวรปลิวจากไป......
เช้าวันหยุด วันนั้น...
จึงเป็นวันแรกในรอบปี ที่ไม่งาม
เพราะแกว่งปากไปหาเสี้ยน
และจึงเอวัง ด้วยประการละฉะนี้
ที่อยากทิ้งไว้ให้ท่านผู้อ่านรู้ว่า.....
แท้ที่จริงแพมนี้หนาคือ
นักอยากจะเขียนเรื่องแสนหวาน แสนน้ำเน่า
หรือว่าคนปากปีจอกันแน่ แฮ แฮ แฮ .....ช่วยตัดสินทีนะคะ ..
14 พฤศจิกายน 2546 00:21 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=716
บนระเบียง
ดวงใจ..
นานแล้วที่ไม่ได้เมล์ถึงคุณ...
และไม่อยากรบกวนคุณ
อยากแค่กระซิบบอกว่าใกล้ปีใหม่แล้วนะคะคนดี
นั่งเขียนเมล์นี้ถึงคุณ..บนระเบียงหลังบ้าน.......
พระอาทิตย์กำลังจะลับลาโลก
เห็นแสงอาทิตย์ลอดผ่านต้นไผ่..ต้นขนุน
และดงไม้ของบ้านชาวสวนหลังบ้าน ......
คุณรู้มั้ย ทำไมตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้
คงเป็นเพราะสวนหลังบ้านที่มีความเป็นธรรมชาติน่าอภิรมย์
ราวกับนั่งอยู่ริมชายทุ่งเลยละค่ะ
และได้เสพสุนทรีย์ทางสายตา
โดยอาศัยทรัพย์สินทางธรรมชาติ
และเหล่าพืชพรรณรายรอบที่ยังรกเรื้อ...ดิบเดิม.
เพิ่มเนื้อใจที่ถวิลไพรให้ลดโหยหาลงได้บ้าง
แม้สักนิดสักหน่อยก็ยังดีค่ะ...
ยามตะวันรอนรอนอาทิตย์อ้อนอำลา
จะมีควันไฟลอยกรุ่นคละคลุ้งคลึงเคล้าเคลียไคล้กอไผ่
ยอดไม้ไหวระริก..
ที่ชาวสวนเพื่อนบ้านยังหุงข้าวกับไม้ฟืนอยู่เลยค่ะ
และยังต้นไม้มากมายมากมี
ขนุนละมุด...ไม่มีมังคุดลำไย
มีต้นสะท้อนอ่อนใจ มีกล้วยกอ
มีมะละกอห้อยโตงเตงโตงเว้า...
และที่สำคัญ
ยังมีเสียงขูดมะพร้าวกับกระต่ายแว่วมา..ให้อะฮ้าๆ
และมีลำคลองเล็กๆหลังบ้าน..
มีหวานดอกผักบุ้งนานะนาทีนี้
ที่คลุมผืนหญ้าพราวพร่างมองไม่เห็นดินเลย
ไพลชอบมุมนี้มาก....
เอาเก้าอี้เหลืองมานั่งรจจนางานได้องศาพอดิบพอดีเลยจ้า.........
.และที่ตรงนี้แหละ
ที่ใช้เขียนเรื่องน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง......
และ
มองท้องฟ้าจากตรงนี้จะไม่เหมือนกันสักวัน
บางวันตอนเช้าๆ
ฟ้าจะเป็นสีน้ำเงิน..สวยใส..ไม่มีเมฆหมอกบดบัง...
แทบทุกวัน ไพลก็จะโบกมือบ๊าย บาย
นกยักษ์สีเงินที่บินผ่านหลังคาบ้าน
ที่ทอประกายจรัสสะท้อนแสงวาววับ
กับฟ้าสีฟ้าสีเงินงามเข้มกระจ่างใจ
หากใครมองลงมาอาจจะเห็น
ผู้หญิงคนนึงใจแสนซึ้งแสนหวาน
ยกมือส่งจูบยิ้มหวานให้เดินทางปลอดภัย
ทุกดวงใจทุกร่างที่อยู่บนนั้น
เหมือนยามที่เธอเคยวิ่งไล่เครื่องบินริมทะเลยามวัยฝันวันเยาว์
เพราะสักวันคนที่เป็นยิ่งกว่าดวงใจที่เธอรักนักรักหนา
ก็คงต้องเหว่ว้ากินนอนทำงานบนนั้น..หามรุ่งหามค่ำ...ย่ำไปทั่วโลก
.....
ส่วนยามเย็น......
ฟ้าจะเป็นสีส้มๆปนเทา งามไปอีกแบบ.....
แค่มองฟ้ากว้าง...........
ใจก็แสนสุข
มันเป็นโลกส่วนตัวงดงามและสงบสุขมากเหลือเกิน
อยากให้คุณหลับตาเห็น
และซึมซับกับมันเหมือนกันกับไพลนะคนดี....
วันนี้
ใช้กรรไกรตัดแต่งกิ่งกุหลาบ....เฟื่องฟ้า...และกิ่งโมก ...
วางกระถางในตำแหน่งใกล้ตัว
เพื่อจะได้ดูดีมีบรรยากาศ ตอนมานั่งเขียนหนังสือ.......
วางเก้าอี้ใต้ต้นโมกซึ่งเริ่มเก้งก้าง ....สูงชะลูด
มองช้อนขึ้นไปบนกิ่ง
เห็นมีผีเสื้อมาเกาะดอกโมก
ซึ่งกำลังออกดอกขาวพราวไปทั้งต้น
คุณรู้มั้ยถ้ามีกล้องใกล้มือ
จะจับภาพที่แสนงดงามให้คุณได้ดู.........
ไม่แน่พรุ่งนี้ ..จะลองดูนะ
และตอนนี้
มะม่วงริมชายคาพากันลาฝนชะช่อล้อพวงพราวแล้วค่ะ
หอมกำจายกรุ่นละมุนละเมียดใจในยามอรุณรุ่งอุษาสาง
และช่างเป็นมหัศจรรย์รักแห่งใจในรอบสิบปี
ที่มีนกเขามาทำรัง....บนกิ่งมะม่วง..
ให้อัศจรรย์งามบังเกิดกลางใจเลยค่ะ
น่าแปลกดีไหมคะ คนดี....
.
และนาทีนี้ไพลเขียนเมล์รักนี้
กล้วยกอก็กำลังออกหวีไหวเหว่ว้า.
กับหอมดอกพราว.ทุกราวกิ่งของการะเวก...
ที่เลื้อยเกี่ยวกระหวัดรัดรึงมาถึงบนระเบียงบนแล้วค่ะ
แถมพันชูช่อละอออ้อยสร้อยหอมห้อยไปตามหน้าต่างกระจกห้องน้ำ
ให้ตอนอาบสล้างใจเสียไม่มี...
ไพลเด็ดใส่กระทงใบตอง..พร้อมจำปีทุกวันค่ะ
ให้รางวัลกำนัลใจตัวเองไว้บรรเลงเรื่องรักรจนาไงคะ
แกล้มดอกจำปีหอมหอม.....เพื่อให้เรื่อง..Smoth like a Silk
มีบรรยากาศหวานแหววแต๋วจ๋ายิ่งขึ้น....
ให้เขียนเรื่องวันนี้ด้วยค่ะที่ขออุบชื่อไว้ ..... กำลังจะลง...
คุณรู้ใช่มั้ยความสุขเล็กๆเหล่านี้ ....
เราสามารถเนรมิตได้ ถ้าเราทำใจข้างในให้เป็นสุข .....
เราสามารถทำบ้านของเราให้เป็นวิมานดินได้ไม่ยากเลย....
เหมือนบทเพลงนี้.........ซึ่งขอมอบให้..
หวังว่าเมื่อใครมีบ้านของตัวเอง คงจะนึกถึงคนให้บ้างนะจ้ะ ...
บ้านของเรา
สวลี ผกาพันธ์ : : Key Bb
บ้าน คือวิมานของเรา
เราซื้อเราเช่า
เราปลูกของเรา ตาม ใจ
ย่อมเป็นสถานทิพย์วิมานพอหาได้
เป็นที่เกิด ที่ ตาย
ที่เราสร้างเอาไว้คอยท่า
บ้าน คือวิมานของ คน
ถึงแม้ยากจน
ก็ต้องดิ้นรน
อย่าจนปัญญา
หาบ้านสักหลัง
ที่พอประทังชีวา
เพื่อสนิทในนิทรา
ให้ตื่นมามองโลกชื่นใจ
บ้าน ฉัน มีเพลงฝันให้ฟัง
มีเสียงระฆัง
จากกังสดาลพริ้งไป
มีสวนไม้ดอก
ผลิบานก้านกอช่อใบ
มีความรัก มีน้ำใจ
มีให้อภัย มีกรุณา
บ้าน คือวิมานของเรา
ยามพบความเศร้า
รีบกลับบ้านเรา
จะเปรมปรีดา
เพราะบ้านมีรัก
น้ำใจอภัยกรุณา
คอยเราอยู่ทุกเวลา
ในชายคาเขตบ้านของเรา
บ้าน ฉัน มีเพลงฝันให้ฟัง
มีเสียงระฆัง
จากกังสดาลพริ้งไป
มีสวนไม้ดอก
ผลิบานก้านกอช่อใบ
มีความรัก มีน้ำใจ
มีให้อภัย มีกรุณา
บ้าน คือวิมานของเรา
ยามพบความเศร้า
รีบกลับบ้านเรา
จะเปรมปรีดา
เพราะบ้านมีรัก
น้ำใจอภัยกรุณา
คอยเราอยู่ทุกเวลา
ในชายคาเขตบ้านของเรา...
คืนนี้จะนอนนับดาวสกาวเต็มอ้อมฟ้าที่เรือนจำปี
พร้อมกับจุดเทียนกลิ่นดอกไม้ราตรีผลิพราว
แกล้มฝันพิลาส..หวังวาดพิไล
ที่หัวใจกำลังบานเบิกกับเรื่องน่ายินดี..จริงไหมจ๊ะ
และ
จะเป็นกำลังใจให้ทุกนาทีแห่งหัวใจ
และทุกอุทัยโลกหมุนกรุ่นหอม
ให้หอมอวลละไมไปด้วยกลิ่นไอรักภักดี
พลีพลังใจ..พลังแห่งมหัศจรรย์รัก มหัศจรรย์ใจ
ที่ใต้ดวงอาทิตย์อุทัยใต้ผืนพสุธาในหล้าโลกนี้..
ไม่มีอะไรที่เราจะทำไม่ได้.......
หากทุกทุก..
ดวงใจมุ่งมั่น ทำฝันให้เป็นจริง..
ทำสิ่งแสนงามแสนดีสร้างพลังจากใจดวงดีดวงงาม
ที่พากเพียรอดทนมิท้อแท้มิยอมแพ้พ่าย
เอื้อมไขว่คว้าให้ดาวพราย รายร่วง
พร่างพรมพร่างพราวราวสายเพชร
เป็นเกียรติยศ
ประดับร่างประดับใจประดับผืนดินไปตราบชั่วนิจนิรันดร์.....
11 พฤศจิกายน 2546 20:54 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=219(เดือนต่ำดาวตก)
นวล..รอนกไพรกลับมาซุกปีกซบใจ นานเนิ่นเกินนับราวชั่วกัปป์กัลป์
ปี..เดือน..วัน ฝันพรายพลัดให้พรากจากมิพบเจอ
วันนี้!..นกไพรนกในใจนวล คืนคอนรอนแรมคืนรังเก่า..
หัวใจนวลพลันสุกใสดั่งดาวประกายพฤกษ์
นกไพรในใจนวลยืนอยู่นั่น!ตรงหน้านวลนี่แล้ว
ใต้ร่มไม้ใต้เงาดาวใต้แสงจันทร์
นวลก้าวพลันออกมาจากเงามืดริมชานเรือน
ท่ามกลางแสงจันทร์เพ็ญอาบพร่างร่างนวลละมุนหวาน..
เรียวตาสีสนิมเศร้า ร้าวรานจ้องจับนวลอย่างไม่เชื่อสายตา
ราวกับว่านวลคือนางไพรนางในฝันพลันโผล่มาจากสวรรค์สรวง..
นวลยิ้มรับหวานเศร้า แลเห็นพราวน้ำนัยน์ตาเขาวะวาววับ
เสียงเขาครางราวกับหวนไห้โหยหา ใครสักคน.
และใช่!..เลย
นวลรู้ดี..ไม่ว่ากี่ปีกี่ชาติ รอยพิสวาส
ที่เขาฝากไว้กับนวล มิมีวันจะลาเลือนลอยลับลาล่วง
ดั่งดวงดาวที่จะทอแสงสกาว..
ประดับฟากฟ้ายามราตรีชั่วชีวาชั่วชีวีมิเลือนลับดับดวง...
และ..
นวลก็ซึ้งดีว่าในทุกนาทีแห่งโลกหมุน..
หากเขาดายเดียวไร้ใครเหลียวแลปลอบประโลม
เขาก็จะยังมี..นวลคนนี้ ที่ยินดีจะเคียงข้างมิร้างราแรมไกล
ที่จะเป็นดั่งนางฟ้าดั่งดาวประดับใจส่องนำทางใจให้พ้นมืดมน.
.
นวล..ยังจำรอยรักรอยพิสวาส บาดใจเนิ่นนานปีกับราตรีที่ผ่านลาเลย
เป็นรอยรักรอยใจรอยอดีตที่คิดคราใดก็หวามไหวมิรู้เสื่อมสลายคลายมนต์..
คืนที่ฟ้าเบื้องบน..เป็นพยานใจ
พ่อแม่ญาติมิตรพี่น้องรู้เห็นเป็นใจยินดีปรีดาพากัน
หลั่งน้ำสังข์..สวมมงคลคู่สู่สองดวงใจ
ให้คล้องสายใจสายใยรักรวมเป็นหนึ่งเดียว..ชั่วกาลนานนิรันดร์
คืนที่ฟ้าปรานี..คืนที่ฟ้าแสนหวานแสนงาม
ให้นกไพรซุกซบกับอ้อมอกอ้อมใจอ้อมตักตราบชั่วกาล
ในคืนหวานในคืนเพ็ญเด่นดวงอย่างเช่นค่ำคืนนี้..
ณ..คืนนั้นที่เขาคนดีเป่าขลุ่ยเพลงเดือนเพ็ญ
พร่ำพลอดออดอ้อนพะเน้าพะนอรัก
เคล้าไปกับหวานซึ้งของโมกกอ
กับหอมละออของดงดอกราตรีริมชานเรือน
กับลำดวนดงส่งกลิ่นหอมฟุ้งกำจาย
กับพรายพระจันทร์หวานหยาดสายไล้โลมร่างงาม
กับเงาไม้ล้อลมระริกไหว
กับกอไผ่ซัดส่ายซอนเซาะซอกแซก
แหวกหวานหว่านมนต์ดนตรีธรรมชาติ
เสียงดุเหว่าแว่วมาพาให้หัวใจละมุน
เขาคนดี..ค่อยๆคลึงเคล้าเล้าโลมละมุนจูบแผ่วริมเรียวแก้มปากคอคิ้วคาง
อย่างแสนรักแสนหวงยอดดวงใจที่เขาคอยพร่ำเพ้อรำพัน
อยากกกกอดทั้งวันมีผันแปรร่างห่างเจ้านวลหอมหอมแม่จอมขวัญจอมใจ
ท่ามกลางดาวพราย ดวงดอกไม้เริ่มขยายกลีบละออ
รอน้ำค้างพร่างรับอุษาสาง
แสงจันทราทอทอดลอดผ่านม่านใบไม้ลายดอกแก้ว..
มุ้งม่านพลิ้วไหว แสงตะเกียงริบหรี่ส่องรำไร สู่ร่างนวลละออ งามล้ำ
เขาเฝ้าแต่พร่ำบรรเลงบทเพลงรัก
ตราบจนอุษาฟ้าสางจนอรุณเรื่อราง..สว่างหอมน้ำค้างไพรน้ำค้างรัก
เป็นความรัก..ความงดงาม หมดจดใจ จากเนื้อนวล นวลเนื้อ นวลใจ
นวลนางกลางไพร ที่พิลาสพิไลพิสุทธิ์ผุดผ่อง
ดั่งน้ำค้างไพรกลางกลีบเกสรดอกไม้แห่งรัก
ภักดีพลีพร้อมหลอมรวมร่างใจและจิตวิญญาณ
ที่ผ่านเพาะเพียรบ่มอดทนการรู้ค่ารักค่ารอ
อย่างหญิงดีมีค่า ให้สมกับคำล้ำค่าคำว่ากุลสตรีไทย
ที่เกิดมากับพงไพร ฟ้าใส ดาวสวย
ในชนบทงาม ที่รักแล้วต้องรู้รอวันหวานด้วยการรักษาร่างรักษารักภักดี
ให้ผ่านพิธีวิวาห์สืบทอดรักษาวัฒนธรรมไทยวัฒนธรรมรัก
จักธำรงงามดำรงอยู่รู้ค่ารักหนักแน่นมั่นคง
รู้สัตย์ซื่อถือตรงในชายเดียวหญิงเดียว...
*******
และไม่นานกับวันปีผันผ่านกับกาลเวลาแห่งคืนหวานหอม
ใครจะรู้..
ชะตา ฟ้า ดิน นรกฤาสวรรค์พลันดลบันดาล..
หัวใจลูกผู้ชายคนดีคนแกร่งคนเก่งคนกล้าเกินกว่าใคร
จำต้องเลือกตัดสินใจลาจากด้วยเงื่อนไข งานดีเงินงาม
สู่เมืองแสงสีศิวิไลซ์ สู่ความซับซ้อนใจสับสนอลวนอลเวงแห่งเมืองลวง
เมืองแห่งแสงสี ที่ต้องสู้ที่มีทั้งคนดีคนชั่ว
คละเคล้าเกลือกกลั้วกันทั่วไปทุกสังคมเมืองใหญ่..
แสงสีที่เขาเคยเกลียดชัง..
นกไพรจำจากรวงรักแห่งรัก รอนแรม
ไร้ร้าง อ้างว้างเปลี่ยวเหงาดายเดียว
ทิ้งนวล..ราวข้าวรอเคียวเกี่ยวเก็บกับแม่พ่อที่ท้องทุ่งรวงทอง
นองน้ำตารอรอและรอ...
เพื่อรัก เพื่อความหวัง เพื่อพลังใจ..จะมีเงินกลับมาพลิกฟื้นผืนดิน
หมดหนี้สิ้นหมดภาระผูกพัน..หน้าที่ทางใจ ...
เยี่ยงคำว่าลูกผู้ชายหัวใจไพรไม่ทิ้งชาติเชื้อทรนง..
ที่พร้อมพลียินดีเสียสละให้ผู้เป็นที่รักดั่งดวงใจ
ที่ฝากความรักความฝันความหวังไว้ที่เขาแต่เพียงผู้เดียว!
นกไพร..ใจอ่อนล้า ร่างกายผ่ายผอมตรอมตรมใจ
ในกรุงกรง...หลงทำงานให้ลืมวันลืมคืนเหมือนอยากหลับมิรู้ตื่น
ฝืนเผชิญฝันร้ายฝันเศร้าดายเดียวเปลี่ยวเหงาลำพัง..
********
กระทั่งวันนี้...
วันที่นกไพร ตัดสินใจคืนคอน
จบละครโลกบทโศกสะเทือนใจ
ฝากสอนใจฝากตำนานคนสู้มิรู้ถอย
คอยเวลาด้วยความอดทนเพียรพยายาม..
รอเวลากลับสู่เรือนชานรวงรังแห่งรัก
สู่อ้อมตักอ้อมใจอ้อมกอดยอดดวงใจ
แม่พ่อและนวลละออนางใจเพียงหนึ่งเดียวในชีวี..
นกไพร..ดำรงร่างทำหน้าที่แห่งหัวใจลูกผู้ชายได้อย่าสมภาคภูมิ
บนเวทีแห่งเกียรติยศ หวังฝากผลงานงามปรากฏเกียรติเกริกไกร
รับรางวัลใหญ่บนเวทีระดับชาติ จากพรสวรรค์บวกพรแสวง
สู่เส้นทางงามเส้นทางสายฝันด้วยความขยันอดทนเพาะเพียรบ่ม
ด้วยเลือดรักนักสู้เป็นดั่งตำนานใจตำนานไพรไปชั่วกาล..
และ
นกไพรได้ปิดฉากชีวิตอันยิ่งใหญ่อย่างงดงามตระการตาตระการใจ
ฝากชื่อลือค่าไว้กับผืนดิน ฝากร้อยรจนาบทถวิลเป็นธรรมทาน
หว่านโปรยสู่ดวงใจผองชนผู้ทุกข์ทนยากผู้สิ้นไร้หวัง
ให้หาญกล้าทายท้าเผชิญโลก
อย่างผู้รู้ตน ผู้รู้รักรู้ธรรมนำมาเกื้อกมลเกื้อโลกละมุน..
ลดเร่าร้อนรุนแรงทุกแห่งหนในโลกหล้า..
ดั่งสายธาราดับแล้งทุกแห่งหนทุกผืนดินพร่างพรม
ห่มด้วยความรักน้ำใจอภัยเมตตากันและกัน
ฉันท์น้องพี่เพื่อนร่วมโลกแบ่งโศกปันสุขรวมโลกนี้เป็นหนึ่งเดียว
*****
นกไพร..เจ้านกไพร..
น้ำตาปิติ..จากใจดวงงาม กำลังพร่างสายรินไหล
หอมละเมียดหอมละไมหลอมละลายไปกับรอยจูบดื่มด่ำกับเรียวแก้มนวล!