27 พฤศจิกายน 2546 11:23 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2020
เคย เคย.....บ้างมั้ย?.....
ที่เธอเหงาสุดหัวใจ
แม้จะมีใครใครรายรอบตัวเธอ
แต่ดูราวโลกนี้มีเธอเพียงลำพัง...
เคย เคย.....บ้างมั้ย.....
ที่ราวกับตัวเธอมี
หมอกกางกั้นระหว่างโลกฝันกับโลกจริง
ที่เธอเหนื่อยล้ากับทุกสิ่ง แต่ก็ยังจะเดินไขว่คว้า
ตามหาฝัน ท่ามกลางทะเลหมอกที่หนาวแสนหนาว
และค้นพบว่า สุดท้ายปลายฝันนั้น..
เธอก็ยังดายเดียวคว้างขวัญลำพัง..ไร้ร้างเงาใคร..
เคย เคย.....บ้างมั้ย.....
ที่เธอยิ้มเริงร่าข้างนอก
แต่ข้างในดวงใจเธอกำลังปวดร้าวสุดทน..
เคย..เคย.....บ้างมั้ย.....
ที่ทุกครั้งที่เหงาเศร้า
น้ำตาเธอก็ราวจะรินรดดั่งหยาดฝนพรำ
อยู่ภายใน..
เคย..เคย.....บ้างมั้ย.....
ที่เธออยากแบ่งปันรอยยิ้ม
ให้กับใครบางคนหวังผูกมิตรยาวยืน แต่สิ่งที่เธอ
ได้กลับคืนมา คือความหวาดระแวง...
เคย..เคย.....บ้างมั้ย.....
ที่คิดว่าในโลกนี้มีน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักคำๆนี้..
โดยเฉพาะคนที่มีบทกวีในหัวใจ
ณ..ร่มรักเรือนไทยแห่งนี้
เคย..เคย.....บ้างมั้ย.....
ที่คิดว่าความเหงา ดั่งเชื้อโรคร้าย
คอยซุกไซ้อยู่ในดวงใจ
ที่ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไป...
เคย..เคย.....บ้างมั้ย.....
ที่หันไปทางไหน
ก็จะได้ยินคนบ่น ถึงแต่คำคำนี้ ไม่ว่า
ในบทกวี ในงานเขียน
หรือแม้แต่ในชีวิตประจำวัน
เคย..เคย.....บ้างมั้ย.....
ที่คิดว่าความเหงาดั่งโรคร้าย
ที่คอยทำลายความรื่นรมย์แห่งชีวิต.
แต่..
ก็ยังมีคนฉลาดบางคน
ที่จะเลือกใช้ความเหงาอย่างโสภา สถาพร
เพื่อสร้างสรรงาน
เคย..เคย....บ้างมั้ย.....
ที่เรารู้ว่าเพราะระบบสังคมตัวใครตัวมัน
ทำให้มนุษย์ลืมหันหน้าเข้าหากัน
ลืมโอบเอื้อ อ้อมขวัญ..อ้อมใจ
อ้อมแขนอันอบอุ่น
สร้างสุขสัมผัสรัดรึง
มอบอ้อมกอดแนบแน่น...
แทนรักมากล้นทรวง
ให้ผู้เป็นดั่งยอดดวงใจ..
ดั่งยอดรักปลอบประโลม..
เคย..เคย.....บ้างมั้ย.....
ที่คิดว่าเพราะระบบสังคมบูชาเงินเป็นพระเจ้า
จึงทำให้มนุษย์ต้องปวดร้าวกับการแย่งชิง
กับการแข่งขัน เพื่อคำว่าผู้ชนะ จนลืมรักคนอื่น
เพราะมัวแต่รักตัวเอง..ห่วงตัวเอง
เคย..เคย.....บ้างมั้ย.....
ที่ยามเราเหงาสุดใจ
และมีใครบางคน เดินเข้าในชีวิต
ดังฟ้าลิขิต ในเวลาพอเหมาะพอดี
จนสร้างความรัก ความผูกพัน
ความเคยชินให้เรา..ห่วงหา..แล้ว
พลันก็กล่าวคำว่า..ซาโยนาระ
และจากเราไปแบบไม่หวนคืน......
เคย..เคย.....บ้างมั้ย.....
ที่อยากนอนหลับฝันดี
แบบไม่ต้องมีคราบน้ำตาบนรอยเรียวแก้ม
ทุกค่ำคืน ด้วย เหงา เหงา เหงา เหว่ว้าสุดใจ....
และ....
เคย..เคย.....บ้างมั้ย....
ที่หวังจะให้...มีพระเอกขี่อะไรมาก็ได้
เข้ามาทะลุทะลวงหัวใจ.. รักเรา
แบบเติมเต็มทั้งร่างและจิตวิญญาณ..
เพื่อที่จะได้ไม่เหงาอีกต่อไป..ชั่วนิจนิรันดร!
******
เคย เคยมั้ย?..
27 พฤศจิกายน 2546 02:44 น.
พุด
ผู้หญิงคนนี้ที่มีเนื้อหัวใจละไมละมุน
และชอบใส่เสื้อสวยเศร้าราวสีเปลือกมังคุด!
*********
ราตรีนี้..
นะกระท่อมไม้ใต้ต้นจำปี
ผู้หญิงในเสื้อยืดสีเปลือกมังคุด
ผมสยาย นัยน์ตาโศกซึ้งสะเทือน
เฝ้าแหงนเงยมองดาวประจำเมือง
และ..เดือนเสี้ยวดวงเศร้า
เคล้ากลิ่นดอกโมกช่อพราว
กับกองามพรายราวรักร้าวของดงดอกราตรี..
และลั่นทมสะพรั่งพรึบ.
หลายวันมาแล้ว..
ที่ดวงใจของฉันหม่นมัว
ราวกับมีหมอกบางๆครอบคลุม
คิดไม่ออก เขียนไม่ได้ หัวใจรานร้าว ราวถูกกดทึบ
ติดหนึบอยู่กับบางสิ่งที่ค้างคาใจ..
และ..
กับค่ำคืนเดียวดายนี้ที่..
บทเพลงนี้กำลังครวญคร่ำ...
ค่ำแล้วในฤดูหนาว
พอย่างเข้าเขต หน้าหนาว
ลมหนาวก็โชย พัดกระหน่ำ
สายลมเอื่อยมา ในเวลาค่ำ ฮึม
ฉ่ำชื่นกว่าทุกวัน
น้ำค้างพร่างพรมลมเย็นรำเพย
หนาวโอ้อกเอ๋ย หนาวจนสั่น
เสียงเรไรร้อง ก้องสนั่น ฮึม
ทำให้ฉัน เป็นสุขใจ
เสียงเพลงค่ำแล้วๆ ๆ ดังแว่วมาแต่ไกล
นี่ใครหนอใคร ฮึม
ช่างประดิษฐ์คิดเพลงค่ำ ๆ
หนาวลมยิ่งทำให้ใจคนึง
คิดถึงแต่รักที่หวานฉ่ำ
หารักอื่นใดไหนจะหวานล้ำ ฮึม
ฉ่ำเท่ารัก เราไม่มี
สวนลุมพินีถิ่นที่เคยไป
เขาดินถิ่นไกลก่อนนี้เคยชื่น
เดี๋ยวนี้ผ่านไปเห็นแล้วขมขื่น ฮึม
ไม่ชวนชื่นเหมือนก่อนนั้น
นภาสะอาด ดูงามสดใส
ฉันรักจับใจ สะอาดน่ะนั่น
หนาวลมเยือกเย็นนั้นทำให้สั่น ฮึม
จิตใจฉันเลื่อนลอยไป
เสียงเพลงค่ำแล้วๆ ๆ ดังแว่วมาแต่ไกล
นี่ใครหนอใคร ฮึม
ช่างประดิษฐ์คิดเพลงค่ำๆ
คิดถึงร่วมทางเคยเที่ยวด้วยกัน
ทุกคืนก่อนนั้นหนาวชื่นฉ่ำ
ทุกทีที่ไปฝังใจจดจำ ฮึม
ไม่ลืมคำที่ฝากกัน
*******
และ
ท่ามกลาง..เสียงเพลงลมหวล
ลมหวน ...ที่ชวนให้น้ำตา
ละหลั่งรินถวิลหาใครบางคนที่เราแสนรัก
ที่ลาเลยลับ
และอยากกลับมา..แต่ก็สายเกิน!...
ลมหวน ชวนให้คิด
ถึงความหลัง
พะวังจิต คิดขื่นขม ระทมใจ
ตัวใครเป็น คนผิดอยากถามนัก
รักไย ใจจึงกลับ
ดังลมหวน
ใกล้เรา กล่าวถ้อย
ในที่รัก
เจ็บนัก พอถึงอื่น ก็คืนคำ
มาทำชิด สนิทไม่ ใครจะเชื่อ
เบื่อแล้วไยจัก มารับกลับคืน
ตัวใครเป็น
คนผิดอยากถามนัก
รักไย ใจจึงกลับ
ดังลมหวน
ใกล้เรา กล่าวถ้อย
ในที่รัก
เจ็บนัก พอถึงอื่น ก็คืนคำ
มาทำชิด สนิทไม่ ใครจะเชื่อ
เบื่อแล้วไยจัก มารับกลับคืน...
********.
ฉันจุดเทียนหอม เปิดโคมไฟอบอุ่น
นั่งนิ่งนิ่ง พินิจดูดอกไม้หลากสีในโถแก้วตรงหน้า
ชบาแดงซ้อนกลีบหวานจัด
ปนกับเล็บมือนางสามสีสามสวยชมพู ขาว แดง
แซมแตะแต้มด้วยพวงเข็มขาว เข็มแดงที่บานแฉ่ง
อวดดอกดกริมรั้วบ้านมองแทบไม่เห็นใบ
แดงโดดละออตา อวดงาม
ที่ฉันเพิ่งเด็ดมาคลอเคล้า
ให้หวานอวลจรุงใจ อยู่ในนาทีนี้...
กรอบรูปตรงหน้า
คือภาพหญิงสาวในชุดบิกีนี่สีขาวกำลัง
สะบัดผมกลางทะเลกว้าง
ล้อเล่นสายน้ำจนเกิดประกายวะวับวาว
ราวสายเพชรพร่างพราย
เริงร่ากับทะเลสีมรกตสดชื่นสวยใส งดงามเสียไม่มี.....
ตั๊กแตนเตือนใจ
ยังแกว่งไกวล้อใจล้อฝันควะคว้าง
เฉกเช่นทุกคราที่ทรุดตัวนั่ง
ณ..ที่โต๊ะเขียนหนังสือนี้
ที่บัดนี้มีเก้าอี้เบาะแดง เป็นเก้าอี้..ประจำใจประจำตัว
ที่ฉันเรียกมันว่า เก้าอี้นักฝัน..
C.D กำลังบรรเลงเพลงของพี่แจ้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ราวกับจะให้ทะลุทะลวงไปถึงดวงใจ
ใครบางคน..ที่แสนไกล แสนคิดถึง.......
************.
ตามมาด้วยบทเพลงแสนเศร้าเว้าวอน.
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2438
ที่สุดของหัวใจ
หากข้ามคืนนี้ หัวใจไม่แหลก
ยับเยินเสียก่อน
จะไปอ้อนวอน
ขอเธออย่าตัดรอน รอก่อนวันพรุ่งนี้
เคืองกันเรื่องไร พรากกันด้วยเหตุใด
ฉันยังไม่เข้าใจ
เพราะฉันใช่ไหม
หรือเธอเปลี่ยนไป ไยถึงไม่เหมือนเดิม
แต่ถ้าพรุ่งนี้ ดวงใจยังโกรธ
ฉันโทษใครได้
เป็นกรรมของใจ
พบเธอโดนผลักไส ทำอย่างไรพรุ่งนี้
นับช้ำมากี่ครั้ง
หัวใจยังไม่จำ ซ้ำยังยอมให้ทำ
เพราะรักมากไป
เพราะซื่อสัตย์ไป จึงช้ำใจ
อดทนไว้ก่อนนะใจเจ้าเอย ข้าวอน
จงแข็งแกร่ง แล้วทน รอให้ถึงพรุ่งนี้
พบเธอ แล้วถามเธอ อ้อนวอนให้เธอเห็นใจ
แต่ถ้าพรุ่งนี้ ดวงใจยังโกรธ
ฉันโทษใครได้
เป็นกรรมของใจ
พบเธอโดนผลักไส ทำอย่างไรพรุ่งนี้
นับช้ำมากี่ครั้ง
หัวใจยังไม่จำ ซ้ำยังยอมให้ทำ
เพราะรักมากไป เพราะซื่อสัตย์ไป จึงช้ำใจ...
******.
และ
ที่น่าแปลกใจมีเสียงนกมาร้องระงมจุ๊บจิ๊บ
พร้อมกับเสียงเพลงลมละเมอเพ้อครวญ
************
เสียง ลมพัดมาแต่ไกล
ฟังแล้วตรมจิตใจ ฟังเหมือนใครคร่ำครวญ
ฟัง..ดังเสียงเธอเรียกครวญ เป็นสำนวนเศร้าใจ
ฟัง ดังเสียงเธอ กู่ไกล พาหัวใจเศร้าไม่วาย
ลมเอ๋ย ลมพัดเลยเรียกหา
ขอเพียงหมายใจ ให้ลมพาขวัญใจคู่ชมมาภิรมย์แนบกาย
ลมไม่รับคำดั่งหมาย พาเสียดายใฝ่มองหา
ฉันครวญ เพราะความเศร้าใจ
ครวญเสียงดังอย่างไร ไม่เห็นใครตอบมา
วอนลมเอ๋ย..จงเมตตา จงหวนมาแต่ไกล
ขอเอ่ย น้ำคำออกไป พาสมใจได้ชื่นชม
ลมหวน ลมพัดทวนรื่นรมย์
ฉันทวนน้ำคำพร่ำไป ลมเอ๋ยจงหอบไป บอกขวัญใจเถิดลม
ลมไม่รับคำให้ตรม ลมหนอลมช่างใจดำ.....
***********
ฉันฟัง CD ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เรียกอารมณ์ เรียกหัวใจ เรียกพลังใจ
กลับมาเพื่อรจนางานสักเรื่อง..
แปลกดีนะ..ที่บางครั้งครา
ราวกับว่าชีวิตและไฟฝันของเรากำลังจะมอดดับ
มันมอดเสียจนน่ากลัว..
ฉันถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า..
เกิดอะไรขึ้น กับหัวใจผู้หญิงช่างฝัน ขยันเขียนคนนี้
ทำไมทุกอย่างถึงดูราวกับจะชะงักงัน.
.นิ่งเงียบจนน่าตกใจ..ฉะนี้หนอ...
และก่อนที่หัวใจจะแย่ยิ่งไปกว่านี้
ฉันจึงฝืนจับปากกาเพื่อจะบอกว่า..ฉันจะมิมีวัน
ยอมแพ้ ยอมหยุดเขียน..
กลิ่นดอกไม้ไทยนานาพรรณ
รายรอบบ้านกำลังส่งกลิ่นหอมจรุง
อวลร่ำมาอบร่ำให้หัวใจช่างฝันของฉันหลอมละลาย
ให้ใจดวงร้าว พยายามต่อไฟฝัน
เติมพลังใจอีกคราครั้งในค่ำคืนนี้...
ท่ามกลางแสงเทียนและโคมไฟอันอบอุ่น..
กับกลิ่นกำจายของดอกไม้หอมละมุน
กับแสงเทียนพรายพร่าง
กับเสียงเพลงหวานหู มีมนต์ขลัง
ที่กำลังปลอบประโลมใจ
ให้หัวใจเลิกไหวสะเทือน..
เป็นคืนค่ำที่แสนดี..ในวิมานดินแห่งนี้ ที่แสนรื่นรมย์
แสนสุขสงบ เงียบงาม....
.....................
มองออกไปในฟ้ากว้างสว่างเรืองรอง
จะเห็นนวลแสงดาวพราวพร่างฟ้า
และในราตรีงาม
จะเห็นดอกปีบ
กำลังโปรยสายลงบนลานสวย
พราวพราย งดงาม ในคลองตาคลองใจ
ใสสวยเป็นยิ่งนักแล้ว...
ฉันกำลังบอกกับใจตัวเองว่า..
โลกนี้..คงไม่มีวัน...
ที่เราจะสุขไปทุกวัน หรือเศร้ามันทั้งปี
ทุกชีวีจะมีวันแสนดี คืนที่แสนงาม
ขึ้นอยู่กับใจเรา
ที่จะมองโลกให้เป็นให้เห็นงามหรือไม่เพียงนั้น
ลุกขึ้นมาสู้ มาสร้างไฟฝันให้กับตัวเอง มิใช่ใคร!...
ฉันเปิดเพลงให้ดังอีกนิด..
ฝากสายลม ฟากฟ้ากว้าง
ดวงดาวทุกดวง ถึงทุกดวงใจ
ในเรือนไทยนี้ที่แสนรัก
แสนคิดถึง นะคนดี
เพื่อทุกชีวีได้ผ่อนพักพิงใจไปด้วยกัน
ไปสู่ฝันหวานหวาน
สร้างงานตระการใจ ในยามนี้
กับเสน่หาราตรีที่เงียบงาม และสงบสุขเป็นยิ่งนักแล้ว....
25 พฤศจิกายน 2546 00:11 น.
พุด
เริ่มต้นด้วยราตรีแสนดี....ราตรีนี้.......
เหนือความสุข...เหนือความทุกข์....เหนือสิ่งใดใด.......
ไพล......
อยากกล่าวคำ...ขอบพระคุณ......
ขอบพระคุณ.......
ชาติไทยเรานี้....แสนดีนักหนา...
ให้ผืนดินเรามา...ก่อเกิดเป็นคน......
ให้จิตวิญญาณ..ไม่ยอมสับสน..
ให้เราเป็นคน..คิดดี..ทำดี.....
ไพล...คิดได้เป็นกลอนเลยนะคะ.....
ไพลขอบพระคุณ..และสวดมนต์ให้แผ่นดินไทย..
ให้คนไทยทุกคนคิดดี..พูดดี..ทำดี..ต่อกัน
.เป็นทรัพยากรมีค่าของแผ่นดินนี้.....
เพราะเรามีทรัพยากรแวดล้อม แสนอุดมสมบูรณ์....
เหลือเพียงตัวเราที่ควรทำชีวิตเราให้เป็นทรัพยากร
มนุษย์ผู้มีค่ายิ่งต่อตนเอง..ต่อครอบครัว..
และในที่สุดจะส่งผลไปถึงประเทศชาติอันเป็นสังคม
ส่วนรวม...
วิงวอนด้วยใจนะคะ..
จงเป็นน้ำใสหยดเล็กๆ..
ที่รวมกันมากๆเข้า..เป็นธารน้ำใส...
ไหลเย็นคอยพิทักษ์รักษ์โลกเรา..
ให้ร่มเย็นเป็นสุข....สืบไป.....
ขอบพระคุณ.............
ศาสนา.....
ที่ไพลยึดเป็นลำธารสายงาม
ไว้ดื่มกินทางจิตวิญญาณ..
รู้จักเลือก...รู้จักเชื่อ...
ในทางที่ถูกต้อง...ในทางที่ดีงาม.
โดยการไปวัด
ที่ไม่เน้นการสร้าง ถาวรวัตถุใหญ่โตเกินจำเป็น..
แต่เน้นสอนจิตวิญญาณให้ตื่น...ให้เบิกบาน.....
โดยการน้อมรับฟังธรรมตามโอกาส...
หาหนังสือธรรมะ มาอ่านเพื่อฝึกจิต...........
ให้เกิดสติ มีปัญญา และหวังจะไปให้ถึงสมาธิให้ได้......
ทาน..ทำอย่าให้ขาด...ศีล ยึดมั่น
สมาธิ.....คือยอดดวงใจอยากไขว่คว้า...
แต่มิใช่จะได้มา..แม้เพียงคิดในวันเดียว.
เฉกเช่น
การปีนป่ายภูเขาสูง...ต้องอดทน ฝ่าฟัน
ฝึกความถึงพร้อมในด้านจิตวิญญาณ...
ละความ เห็นแก่ตัว..แก่ได้..ก่อนจะนำทางเราทุกผู้
ให้ข้ามพ้นผ่านโลกแห่งกิเลสความเวียนว่าย......
มิรู้จบสิ้น.....
เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม..............
เหนือทุกสิ่งในใจพสกนิกรไทย...
คือสำนึกในหยาดน้ำพระทัยของยอดพระมหากษัตริย์ไทย....
ที่เราคนไทยทุกคนโชคดีนัก
ที่ได้เกิดมาในร่มรัชสมัยของพระองค์
ผู้ทรงอุทิศพระวรกายเพื่อแผ่นดินไทย..เพื่อคนไทย ..
แล้วไฉนเลยเราคนไทยไม่ทำตัว.. ให้ดีงาม
ให้สมกับที่เกิดมาในแผ่นดินธรรม แผ่นดินทองผืนนี้เล่า......
ขอบพระคุณ............
ในชีวิตนี้...
คือบุพการีที่ได้ให้ชีวิตลูกมาเป็นตัวตน..
ลูกขอก้มลงกราบจูบแทบเท้าแม่..พ่อ.....ผู้แก่ชรา..
เอากตัญญูกตเวทิตา..
คำสัญญาแทนมาลัยดอกไม้งาม..วางแทบเท้า..
ตราบเท่าที่ลูกยังมีลมหายใจ....
ลูกจะไม่ทอดทิ้ง...จะดูแลจนตราบ ชีวีนี้จะสิ้น....
และลูกภูมิใจนักที่ได้เกิดมาเป็นลูกแม่.พ่อ
มีบุญนักที่ได้ใจดวงพิเศษดวงนี้
มากอบเกื้อให้ได้ชื่นชมโลกงาม
ได้สรรสร้างฝากดี
เผื่อแผ่น้ำใจแบ่งปันแด่เพื่อนมนุย์......
ขอบพระคุณ...........
ญาติมิตรมากหน้า..ที่ล้วนทำให้ชีวิตอบอุ่นเป็นสุข
คอยเคียงข้างช่วยเหลือไม่ว่ายามใด ของชีวิต......
ขอบคุณ........
เพื่อนรัก....ทุกทุกคน..ที่รักด้วยบริสุทธิ์ใจ...
เป็นกำลังใจ...แลกทุกข์..สุข...
เป็นดั่ง... กัลยาณมิตร
ผู้มิเคยทำให้เจ็บช้ำน้ำใจใดใด......
เราให้สิ่งดี เราก็ควรได้รับสิ่งดีๆมิใช่หรือ
เพื่อนผู้ใดที่คอยคิดร้าย..มุ่งทำลาย..
มิใช่เพื่อน..เป็นเพียงผู้ผ่านมาให้เราทดลองประลองจิต
เพื่อเรียนรู้ อดทน มีเมตตา และอภัย....
นี่คือการฝึกจิตให้มีโพธิจิต...
ให้ใจเราอยาก...ช่วยเหลือ...สงเคราะห์ แก่คนทุกผู้
ที่ยังด้อยกว่าเราทั้งด้านจิตวิญญาณและวัตถุ.....
โดยไม่เลือกที่รัก..มักที่ชัง
ขอบคุณ.............
คนดีทุกคนของชีวิตที่ได้ชิดใกล้
เหมือนพลังแสงอาทิตย์ยามกลางวัน..........
เหมือนแสงจันทร์ยามค่ำคืน.....
ขอบคุณ...........
ทุกค่าคำล้ำรสบทกวีที่แสนงาม
ที่ทำให้ทุกยามสัมผัสได้ละมุนละเมียดใจค่ะ
ขอบคุณ..ปีกฟ้า...
สุภาพบุรุษน้ำใจงามผู้ขอแค่อยู่เบื้องหลัง
ผู้ให้เวทีฝันสรรสร้างงานงามรจนา
แด่บรรดาทุกดวงใจ ที่มีหัวใจอันพร้อมพลีพิลาสพิไล
เพียรฝากใจฝากฝันไว้ในโลกบรรณพิภพนี้
เพื่อลบหมองหม่น ทนทุกข์
ระบายสุข เศร้า ดายเดียว สับสน
ยามเหลียวไปไม่พบใครสักคน..เคียง!
ในโลกอารยะหรืออาละวาดอลวนอลเวงนี้
ที่หมุนไปมิรู้จบมิรู้สิ้น..
ตราบยังมีดินน้ำลมไฟ
ให้หัวใจดวงละเมียดละมุนก่อเกื้อกอร์ปกัน
ที่นับวันมากมีมากมายมนุษย์
และตามติดมาด้วยการมิหยุดแก่งแย่งแข่งดี
ชิงดีชิงเด่นเข่นฆ่ากันเพื่อความอยู่รอด
ความเหงา...จึงติดร่างเรา..
ราวเพรงกรรมคอยกระหน่ำตาม
ผู้ซึ่งใจยังไม่วางว่าง
และมองข้ามหัวใจภายใน..บ้านภายในของตัวเอง
ไปไม่ถึงฝั่งฝันไม่หลุดพ้นวงกรรมวนเวียนวกวน
ยังคงเป็นมนุษย์ธรรมดาๆ..
และที่นี่ร่มรักเรือนไทย
คืองามสงบใจให้ซ่อนซุกสุขซึ้งเศร้า
ให้เรามีโลกใบเล็กที่แสนสุข
ประคับประคองเอนอิงพิงไหล่ฉันท์พี่น้อง
ไว้แบ่งฝันปันใจไปบนถนนสายดอกไม้งามด้วยกัน
*ขอบคุณ..
ทุกดวงใจในเรือนไทยแห่งนี้ที่มากมีน้ำใจเอื้อโลกฝัน
ให้ได้ทำสิ่งที่แสนรักเอยแสนรักในกมลมายาวนาน
โดยเฉพาะเจาะจง...
มหัศจรรย์รักจักบังเกิด
ยามที่ใจไพลอ่อนล้า
พระเบื้องบนผู้มากเมตตา
เวทนาไพลเป็นยิ่งนัก
มัก..ส่งคนดีมีน้ำใจงามมาปลอบประโลมทางเมล์ใจ
ให้พลังใจเพื่อให้ไพลมีพลังรจนางานที่รักต่อไป
จาก..พี่นกตะวัน..ที่เพิ่งตื่นจากฝันเพ้อละเมอหาดาว
แบ่งรวงใจงามงดบทกวีจากดอยอ่างขาง
อ่านๆไปจนซึ้งใจน้ำตาซึม..
จนใจกระเจิดกระเจิงเหินบินละลิ่วละล่อง
ท่องตามพี่นกตะวันไปในไพรพง
จาก..หลินน้องน้อยผู้มิเคยลืมลา..
จะกลับมาย้ำคำห่วงใยเสมอมา
จาก..บุรุษรูปงามแห่งเขาตังกวน..
ที่เพียรส่งการ์ดมาทำให้ได้อมยิ้มให้หัวเราะ
ให้หัวใจเบิกบานดั่งได้น้ำค้างกลางกลีบดอกไม้
จาก...ผู้ชายคนเดิมคนดี
ที่เป็นแรงฝันบันดาลใจ
ให้เข้ามาขออาศัยชายคารักพักพิงใจ
ในร่มรักเรือนไทยแสนยาวนาน
จาก...พรระวีที่นานทีจะเมล์มาส่งข่าวคราวราวพี่น้องห่วงใยกัน
จาก..ไอดาโฮ่..ที่ขยันฟอร์เวิค์ดมาให้ประทับใจ
และจาก..ใครมากมายมากมี..
น้องเรนน้องน้อยผู้งามพร่าง
ดั่งหยาดน้ำค้างยามอรุณรุ่ง..
ผู้หญิงไร้เงา อัลมิตตรา
ทื๊กกี้..ฤกษ์ และยังมีอีกมากมีมายมาย
หลายดวงใจที่มิอาจจะนำมากล่าวได้ทั้งหมดทั้งสิ้น มาณ.ที่นี้
และที่พิเศษพิสุทธิ์..เป็นยิ่งนักในใจดวงนี้
ที่จะขอบันทึกด้วยดวงใจไหวละมุนซาบซึ้งถึง
สองดวงใจ...
หนึ่ง..
ลูกผู้ชายรูปงามนามสิริมงคล ชัยชนะ..
ที่เป็นยิ่งกว่ามิ่งมิตรแท้ในยามยาก
ได้บากหน้าร้องไห้ระบาย..หากหัวใจดายเดียววันไหน
และ..
อีกหนึ่ง..
ณราตรีนี้ที่ได้รับเกียรติ
ที่ทำให้จับปากกา
นำพาจิตวิญญาญอิสระรักรจนากลับมาอีกคราครั้ง
ด้วยคำแสนงามจนน้ำตาซึมซึ้ง
จากก้นบึ้งแห่งดวงใจผู้หญิงหัวใจธรรมดาๆคนนี้
********
จากน้ำคำหมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก
ดั่งน้ำใจเพชรพรมพลังพราวพร่างส่องกระจ่างใจ..
ให้ไพลร้องไห้ด้วยขอบคุณที่เห็นค่า
เป็นเมล์..ใช้คำสวยนักสวยหนาเชิญมาว่า..
*เทียบกิตติมศักดิ์ ถึงไพล
เป็นเทียบเชิญเล็กๆ แต่เปี่ยมด้วยไมตรีครับ
หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก *
ให้ไพลนั้นไปเยี่ยมวิมานฝัน..สวรรค์นักรจนา
*********
และคนดีทุกดวงใจ
ในโลกฝันอันไม่มีอะไรเที่ยงแท้แลแน่นอนนี้....
นาทีนี้ ราตรีนี้ไพลรู้เพียงว่า........
ไพลแสนซาบซึ้งใจ..กับน้ำใจมากล้น
ที่หลั่งรินรดมาให้ชุ่มฉ่ำใจ.....
ให้กำลังใจ.
เป็นดั่งน้ำใสรินรดมากคุณค่า..
มากความหมายทางใจ..
ในหัวใจในวันนี้ของไพลค่ะ....
เป็นแรงฝันบันดาลใจ....
ให้หัวใจไพลที่รักโลกการเขียน....
ให้ชีวิตที่ราโรยของใจดวงนี้มี...
ทางสายงาม....
ให้ก้าวเดินไปในโลกแห่งความรัก ....ความฝัน....
แต่จะงามงดอยู่ในใจของชีวิตไพลนี้
เป็นดั่งฝันแสนงามตราบชั่วนิจนิรันดร์.....
ขอบคุณ.............
บ้านคือวิมานของเรา...
ที่คุ้มฝน...คุ้มร้อน....คุ้มหนาว..คุ้มสุข...คุ้มทุกข์
คุ้มชีวิตไพล...ได้ตื่นมามองโลกชื่นใจ
แสนสุข...สวยใส...สดชื่น.....
ในทุกคืนวันแห่งชีวิตนี้.....
เป็นความสุขสงบงามง่ายสมถะมีความหวัง...
พลังใจใต้ร่มเงาไม้ให้รัก..เข้าใจ..อภัย.
ในบ้านของเราดั่งวิมานดินถวิลไพรตราบชั่วกาล..
ขอบคุณ...............
ธรรมชาติรายรอบทุกสรรพสิ่ง..แสนงาม...
*ผืนดิน....ที่เหยียบย่ำทุกที่
ทรายขาว หาดยาวเหยียด
ท้องทุ่ง ท้องนา ป่าเขาลำเนาไพร ..
ทุกเส้นทางงามสงบ.
ที่นำเส้นทางใจให้สงบงามตามกัน....
*น้ำ......ที่ได้ดื่มกิน หล่อเลี้ยงพืชพรรณ และชีวิต.
ลำธารสายงาม ....ทะเลกว้างไกลตา..จากตาปีถึง
เจ้าพระยาผืนงามทอดสายยาวราวลมหายใจไม่สิ้นสุด
*ไฟ......ที่ทำให้กายอบอุ่น..
มีพลังฟันฝ่าตามหาความรัก......ความฝัน....
ต้นไม้...ทุกต้นเขียวชะอุ่มใจที่ทำให้โลกสดชื่นสดใส...
ลดร้อนแรง..ร่มเย็นเป็นสุขในร่มไม้ไทยใบบัง
ท้องฟ้า.....ดวงดาวพราวพรายแสง....
แรงฝันใฝ่...ให้ใจจินตนาการงามงด......
หมดจด ไม่ว่าในยามใด.........
*
ขอบคุณ.....เสียงนกร้อง...สายฝนพรำ..
ดอกไม้ไทยทุกดวงดอกที่หอมกรุ่นละมุนร่ำ..
นำพาให้เส้นทางใจใสสะอาด.......
แสนงาม เรียบง่าย ไร้มายา
ประโลมใจอ่อนละมุนไหว.....
ขอบคุณ..............
ตัวเอง....ที่จะลืมเสียมิได้........
*ขอบคุณ...ดวงตา...
ที่ได้มองโลกนี้งามงด...ในทุกๆเช้า.....
*ขอบคุณ...งามดวงใจใครจะรู้นี้..
ที่กำลังสอนให้เห็นสัจจะของชีวิต.........
ใช้สายตาภายในคู่พิเศษผ่านสู่สายใจ
มองโลกนี้อย่างงามงด.มีมิติผิดแผก.. ไปจากใครๆ......
เห็นโลกงาม....แย้มยิ้ม...ทายทัก........
เห็นใบไม้ไหว ...ดอกไม้งาม..
.ละเมียดละมุน..ฝังซ่อนเลื่อมพรายพราว.....
ระริกไหว ให้ใจสุขสงบ....
เกินถ่ายทอด ถอดความเป็นภาษาสวย ..
ได้อย่างที่ใจสัมผัส...แลเห็นงามนี้....
*ขอบคุณ...สองมือ...ที่ได้สร้างโลกเล็กๆ
ให้อบอุ่น เป็นสุข
และกำลัง
ใช้สองมือนี้ฝากงานฝันให้บรรเจิด...
แม้ไม่ยิ่งใหญ่ แต่ทำด้วยใจรักมากล้น
*ขอบคุณ........
สองขา...ที่พาไปพบงาม ของชีวิต
ทุกเส้นทาง ทุกหนแห่ง มากคุณค่าทางใจ
มากประสบการณ์ที่รายเรียงของโลกแห่งความจริง
จากทุกผู้คนที่ผ่านพบ
และ
*ขอบคุณ...........
ผู้อ่านคนดีทุกดวงตาดวงใจ....ทุกท่าน.....
รู้บ้างไหมคะ..สองตา...หนึ่งใจ
ที่ท่านได้เข้ามาทายทัก และสัมผัสโลกของ
ไพลนั้น ก่อให้เกิดปิติมากมายล้นใจดวงนี้........
*ไพล....ขอบคุณ
ด้วยใจบริสุทธิ์ ที่ทำให้โลกการเขียนของไพลมีคุณค่า
และโลกแห่งชีวิตจริงของไพล
ก็พลอยพาน่าอภิรมย์ขึ้นด้วยค่ะ.....
ในเส้นทางสายสวยงามนี้..
.ทางที่เราควรเปิดใจกว้าง เดินไปด้วยกัน........
ให้กำลังใจกันและกัน....ผ่านทางข้อคิด ข้อเขียน........
เพราะเราคือเรา ผู้เลือกแล้ว
ที่จะก้าวมาในใช้เส้นทางที่จะนำจิตวิญญาณ
ของเราให้พ้นพันธนา..
และรจนาสิ่งดีมีคุณค่ามาตีแผ่ให้โลกได้รับรู้ รับฟัง
*ไพล.....ขอบคุณอีกครั้ง จากใจทั้งดวง ..
และด้วยดวงใจ หวังว่างานของไพลคง
มีคนช่วยกันวิจารณ์มากขึ้นนะคะ.....
ขอน้อมรับ.....ด้วยใจเลยค่ะ.......
*ขอบคุณ............
สุดท้าย ท้ายสุด อีกคราครั้ง
คือเวทีร่มรักเรือนไทยในฝัน
เรือนแห่งหัวใจละไมไหวหวามงามแห่งนี้
ที่เราทุกดวงใจได้เข้ามานอนนับดาวพราวพร่าง
กลางชานเรือนรัก
แกล้มกับดอกไม้หอมหอมหวานหวาน
ที่เราทุกดวงใจเพียรเพาะฝัน
สร้างคืนฝันวันแสนงามไว้ได้พักใจไปด้วยกัน นะคะ
ขอขอบพระคุณ ปีกฟ้า..
อีกคราครั้งด้วยดวงใจคารวะ
ผ่านทางเวทีนี้แทนมิตรรักนักเขียน นักอ่าน ทุกท่าน.......
ที่ให้โอกาสแก่ผู้มีไฟฝัน
และอยากฝากฝันนี้ ไว้ให้ประจักษ์นะคะ.....
ณ.....ที่แห่งนี้
จะเป็นดั่งเบ้าหลอมให้หลายดวงใจ
เรียนรู้ที่จะ เข้าใจโลก ชีวิต
เป็นดั่งครู เรียนรู้ที่จะมีสปิริตในการให้....
ให้น้ำใจ ให้กำลังใจ ปลอบประโลมใจ.......
ยามที่ชีวิตท้อแท้สิ้นหวัง หมดพลังใจ..
ให้ลุกขึ้นมาหาญกล้า .. สู้กับโลกเบี้ยวๆใบนี้.
อย่างมีสติ...รู้จักชื่นชมและเห็นคุณค่าของงานเขียน
ของผู้มีใจรัก มากพยายาม
เพื่อช่วยกันจรรโลงโลกให้งามตามฝัน
ของเรา.......ผู้ไม่ยอมแพ้.......
ตราบที่ยังไม่สิ้นลมหายใจ!
22 พฤศจิกายน 2546 17:34 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=34**พรานทะเล
คิดถึงบ้าน
คิดถึงแม่
คิดถึง....
น้ำทะเลสีน้ำทะเล
ไล่โทนสีน้ำเงินสดกระจ่าง
เขียวเทอควอยซ์เขียวมรกตเขียวสดเขียวใสเขียวไพลเขียวพร่าง
ไปทางน้ำเงินหลากโทนหลากสีที่ไล่ไล่ลงมาให้งามตาน่าดูน่าชม
.*****..
คิดถึงหาดทรายสะท้อนแดดเป็นสีเงินยวงวะวาววับ
รับกับท้องฟ้าสีเงินจัดจ้ากระจ่างใสในวันที่ฟ้าสีสดใสสดสวย
แกมด้วย..
ลมทะเลพัดไกวไหวกิ่งมะพร้าวโบกโบยสะบัดพัดพลิ้วราว
กวักมือเรียกหาเธอทุกดวงใจ
ให้มานอนในเปลยวนใต้ร่มเงาต้นทองหลางร้างไร้ใบ
ที่มีแต่ดอกแดงพร่างกระจ่างใจเสียไม่มี
********.
คิดถึงลั่นทมไหวกอระทมช่อพราวกิ่ง
บนเชิงชะง่อนผาภูสูง
ที่มีหินลาดชันกว้างไกลให้เห็นท้องทะเลไกลรอบทิศ
กับดงมะพร้าวละลิบอยู่เบื้องล่างนับหมื่นนับแสนต้น
ที่ไพลจะพาดวงใจดวงเล็กเล็กดวงน้อยน้อยหนีความสับสน
ไปนอนอ้อยสร้อย นอนหลับบนผาโดดเดี่ยวเดียวดาย ตั้งแต่ยามเยาว์
เป็นความเหงาที่สร้างสงบสุข ลึกล้ำดำดื่ม
ผิดแผกแตกต่างดวงใจเด็กไหนใครอื่น..
บางครั้งยามสนธยาเย็นย่ำ ไพลจะเฝ้านั่งรอดู
พระอาทิตย์จากบนภูผานี้
ที่จะเห็นทะเลไกลตรงหน้าไร้สิ่งใดกีดขวาง
รอแสงงามสายทองจะทอทอดทาบอาบไปทั่วทั้งผืนน้ำทะเล..
และแลราวเกาะมหัศจรรย์รายรอบถูกโอบกอด
ด้วยเงื้อมงามแห่งหัตถาสวรรค์สรรเสกหวานสล้างเสลา..
พร้อมเพราด้วยเมฆสลับสล้างพร่างสีพริ้งพรายพรรณ
เฉิดฉันท์พราวละออง ผ่องชมพูสลับเทาทอง ซ้อนทับสลับเหลืองละออ
ราวสายหมอกสายเหมยสายไหมสายไยฝัน
ที่กวีร้อยพันก็มิอาจสลัดฝีแปรงมาเทียมเทียบแย่งพรสวรรค์
จากจิตรกรแห่งเงื้อมเงาธรรมชาติวาดเวิ้งงามไปได้..
ไพล..จะไม่มีวันลืมคืนฝันวันงามเหล่านั้น
ไพลหวงแหนพะงันงามในมโนนึกทุกนาที
และยังโชคดี ที่ไพลมีที่ดินผืนงามสล้างไศลเนิน
ให้ฝากฝังร่างยาม ดาวดวงแห่งชีวีถึงเวลาจำพรากจากลา
เลยลับดับดวง กลับคืนกลับเป็นหนึ่งเดียวกับผืนดิน
ยามสนธยาแห่งชีวินสิ้นวันสิ้นไร้ห่วงใดใด
และไม่ว่าเกิดชาติไหนๆ
ดวงใจไพลก็จะสถิตแนบเนานวลนึกกลับ
มานอนนับดาวเดือน
ฟังเสียงคลื่นพ้อล้อพรายฝั่งนะริมฝั่งฝันแห่งนี้..
ฟังเสียงนกไพรละเมอครวญหวนไห้ละห้อยหา
กลางพงไพรพะงันงามนามเพราะ
ที่แวววับจับกลางดวงจิตกลางดวงใจ
กลางวิญญาณใสใสดวงนี้ มีมีเสื่อมสลายลา...
******..
ไพลคิดถึงดงมะพร้าวซ้อบซบไสวที่ยามนี้คงโอนเอนไหว
พ้อพร่างพรายทายท้าลมพายุแรงฤดูเดือนสิบสอง
ที่น้ำทั้งในทะเลและลำธารจะนองเนือง
จากเทือกเขากลางไพรพะงัน ละหลั่งลงมาสู่ท้องธาราทะเลกว้าง..
ดังสายน้ำไม่ไหลกลับลับล่วงควงพลิ้ว
ไปสู่ท้องทะลใหญ่ที่รอรับรักร้างอย่างสงบเงียบงาม...อย่างเข้าใจ
พาสู่มหาสมุทรใหญ่มหาสมุทรใจแห่งโลกมนุษย์นี้
ที่มากมีมากมายอารมร์ถมเท่าไรมิรู้จบรู้สิ้น
ได้แต่ถวิลรองรับอย่างเดียว..
เกลียวเอ๋ยเกลียวแห่งสายชลวนว่อง
ท่องทุกหนห้วยละหาน...
จนกว่าจะท่องฝ่าธารธรรมน้อมนำใจให้หลุดพ้น..
วังวนกรรมรักภักดีพลีมั่นอันโง่งมงาย
มิวายเวียนวนหลุดพ้นยากยิ่งนักแล้ว..นะดวงแก้วดวงใจ
*******..
และคิดถึง
ยามที่เรานุ่งผ้าถุงทำเป็นลูกโป่งลอยประหนึ่งชูชีพน้อยๆ
แบบธรรมชาติๆดิบเดิมของเด็กบ้านนอกคอกนาราคาไม่แพง
และไม่ต้องแย่งกันเล่นน้ำในสระเทียม
ที่ต้องจ่ายเงินงามๆ
ถึงจะได้ว่ายตามๆกันไป
กินน้ำลายใครต่อใครที่ลอยฟ่องบางครั้งบางหน..
สำหรับเด็กบ้านนอกคอกนาอย่างเราเรา
ทุกชั่วโมงฟรีพลีตลอดกาลตลอดวัน..
เรามีสไลเดอร์ธรรมชาติ
คือเส้นทางลดเลี้วเคี้ยวคดสองข้างลำธารสายสวยสายใส
มีตอไม้หรือไม่ก็เถาวัลย์
ให้ท้าประลองจนปากช้ำปากเขียว
เพราะเล่นหวาดเสียวนานไป
จนบางทีปากไปกระแทกเข้ากับกอไม้ใหญ่
ที่เราพยายามแสดงอภินิหารย์ใจกล้า
คว้าไวใช้ห้อยโหนโจนทะยานยึดไว้มิให้กระแสน้ำหลาก
ลากตัวเราลอยละล่องละลิ่วลงไปไกล
ถึงทะเลใหญ่ลึกล้ำดำมืดน่ากลัว
ที่รอรับรอร่างอยู่ปลายทาง.....
เมื่อมองย้อนภาพหนหลัง..
ภาพเด็กผุ้หญิงหน้ากางยิ้มหวานกลางผ้าถุงพริ้มเพรา
หัวเราะเบิกบานเริงร่าไร้ทุกข์ร้อนอนาทรสิ่งใดใด
แม้หัวใจและครอบครัวจะทุกข์ทนยากไร้ร้าง
ห่างจากโลกวัตถุแสงสีศิวิไลซ์ไกลปีนเที่ยง
กลางเกาะงามเงียบพะงัน.ลำพัง...
และมิเคยที่หัวใจดวงนี้จะหวาดหวั่นหวาดกลัว ต่อสิ่งใด
ราวกับใจดวงงามได้รับการหล่อหลอมกล่อมเกลี้ยง
จากมวลสรรพสิ่งที่นิ่งงามเงียบรายรอบ
ห้น้อมรับวิถีไพรวิถีใจอันร้างไร้
จากดวงดาวยามค่ำพรายพริบฟ้า
จากเหว่ว้ายามสนธยา
ยามสุริยาลาลับฟ้าอ้อนอำลาไปกับผืนฟ้าผืนน้ำทะเล...ที่ละนิดละน้อย
เป็นยอดสร้อยหอมงามแห่งธรรมชาติมา..ทายทัก
ให้เรียงร้อยเรียงรักถักถ้อยเป็นสร้อยโซ่ฝันรัดรึง
ประดับตรึง.. งามในคะนึง...ล้ำค่า ดั่งสร้อยเพชรพร่างสว่างกลางใจ..
ที่มิมีผู้ใดอาจเอื้อมมาขโมยไปจากใจเราได้เลย..
ขอบคุณ..หาดขาว ดาวสวย
แดดกล้า พายุไหว
ท้องทะเลกว้างไกลลิบหล้า
พาให้ดวงใจมีจินตนาการไกลตาม
ขอบคุณงามแห่ง ทิวมะพร้าว
ขอบคุณน้ำใจพิสุทธิ์ใสน้องพี่
ที่รู้รักอภัยแบ่งปันทั้งคืนฝันวันดี..มีน้ำใจให้แก่กัน..
ให้เป็นพลังหล่อหลอมย้อมเนื้อดวงใจให้กล้าแกร่ง แฝงอ่อนโยน
สร้างเนื้อใจให้ละมุนละม่อมน้อมรับธรรมชาติ
มาตั้งแต่อ้อนแต่ออกบอกใครในงามดวงใจนี้
ที่ไม่มีใครหยั่งรู้หยั่งเห็นงามตามที่นึกคิดในกมล..
เป็นพลังหวานเรื่อยระริน
ที่มวลพลังธรรมชาติทั้งสิ้นรายรอบ
จากเกาะที่เป็นคำดั่งตำนานค่าล้ำคำไข่มุกงามกลางอ่าวไทย
ที่พระเจ้าเบื้องบนนำมามอบเสกสรร
นำมาแบ่งฝันปันใจมอบให้มวลมนุษยโลก..
หรือจากกุศลกรรมกาลแต่ปางก่อนเก่า
ที่ทำให้เราแสนโชคดี
ได้พบแย้มยิ้มพร้อมพลีดีใจภาคภูมิยิ่งนัก
กับหัวใจดวงรักดวงร้าวดวงเศร้าดวงหวานไหวละไมละมุนนี้
ที่มิยอมแลกด้วยน้ำเงินแม้กองนับล้านก็จักมิหาญมิขายให้ใคร..
และภาวนาขอทุกภพทุกชาติไป
จะสุขเศร้าใจจะไหวครวญช้ำกับเพรงกรรมเพลงกาล
เพลงไร้หวานรักร้าวสักเพียงไหน
จากเนื่อใจคนคนมากมายมากมี
ที่ไม่เข้าใจมากระหน่ำซ้ำซัด
ก็จักมิยอมแลกใจดวงนี้
ที่พร้อมพลีจะยอมรับเพรงกรรรม มิไหวว้วอนผู้ใดเลย..
หัวใจสาวชาวเกาะหรือสาวบ้านนา
ที่บางคนทายท้าด้วยความไม่เข้าใจว่า..
เกาะมหัศจรรย์นั่นละหรือมี..ท้องนา..
ป่าเขา ลำเนาไพร มีกล้วยไม้ใไพรในดวงใจหนึ่งเดียว..
นามมงกุฎไพรที่หอมงามกระฉ่อนไปทั้วโลก
ขึ้นท่ามกลางป่าดงดิบ..เทือกเขาไพรพะงัน
และ..
โอ้ละหวา อยากร้อง..ดังดัง
แล้วบอกว่าหากยังมีชีวา
จงพาร่างไปพบเกาะสวาทหาดสวรรค์
เกาะแห่งมหัศจรรย์รัก..
ที่คนทั่วโลกพากันกล่าวขวัญแห่กันมาทายทัก
*พระจันทร์ดวงงามที่สุดในโลก*
ตามคำร่ำลือตามคำเขาว่า
จนกว่าจะทอดทัศนาด้วยดวงตาตนเองให้ชื่นฉ่ำใจว่า..
พระจันทร์งามพิลาสพิไลสวยบาดใจสุกปลั่ง
ราวส้มสุกสีทองดวงใหญ่ใบเท่ากระด้งนั้น
ราวสวรรค์บันดาลบันดลให้ได้คอมโพสสิชั่น
ให้ค่อยค่อยโผล่พ้นน้ำทะเลเขียวมรกตขึ้นกลางอ่าวงาม..นามหาดริ้น
ที่ทรายละเอียดราวแป้งนวลนุ่มหยุ่นเท้า
ยามได้ลอยเลื่อนเต้นรำ ราวฟลอร์สวรรค์
ฟลอร์ระยับประดับด้วยกลีบดอกไม้ฟ้าประทาน
ทุกย่างเท้าราวลอยเลื่อนละลิ่วละล่อง
กลางฟองฝอยเมฆหวานม่านหมอกมนตรา
รองรับ นางฟ้านางสวรรค์
ที่พากันมาเฉลิมฉลองแลกสุขหมดทุกข์ใจ
******..
ไพลคิดถึงดงมะพร้าวซ้อนซบไสว
ที่ยามนี้คงโอนเอนไหวไกวกราวกราว
พ้อพร่างพรายทายท้าลมพายุแรงฤดูเดือนสิบสอง
ที่น้ำทั้งในทะเลและลำธารจะนองเนืองๆไหลละล่องลงมา
จากเทือกเขากลางไพรพะงัน ..
ไพลฝันเห็นดอกจิกต้นไม้แห่งความฝันวันเยาว์ยังยืนต้นหวาน
หว่านโปรยปรายสายสวยชมพูพร่างดอกกระจิ๊ดนิดน้อย
ลอยคว้างอย่างอ้างว้างลงกลางสายชล
ค่อยๆลอยละล่อยหมุนวนควะคว้าง
อย่างดายเดียวราวเกลียวรักเกลียวสวาทที่มิอาจหวนคืน..
ดังสายน้ำไม่ไหลกลับล่วงลับ
ลาร่วงควงพลิ้วไปสู่ท้องทะลใหญ่
ที่รอรับรักร้างอย่างสงบเงียบงามอย่างเข้าใจ
พาสู่มหาสมุทรใจแห่งโลกมนุษย์นี้
ที่มากมีมากมายอารมร์ถมเท่าไรมิรู้จบรู้สิ้นำด้แต่รองรับอย่างเดียว
เกลียวเอ่ยเกลียวแห่งสายชล
จนกว่าจะวนว่องท่องธารธรรมน้อมนำใจให้หลุดพ้น.
.วังวนวนกรรมรักภักดีพลีแล้วที่ไม่ได้ดั่งหวังดั่งใจ....
*******
คิดถึงต้นเต่าร้าง..
เด็กเล็กเด็กน้อยตีนเท่าฝาหอยคงงง
ต้นอะไรชื่อประหลาดราวกับว่าจะมีเต่ามาวางไข่แล้วราร้างห่างหายไป
จะเป็นเฉกนั้นหรือไม่ ไพลก็ยังไม่ได้สืบค้นหาตำนาน
เอาเป็นอันว่าเรียกเต่าร้าง ว่างๆไว้ก่อนละกันนะ
ต้นเต่าร้างนี้จะมีลักษณะทางพันธุกรรมไซร้
จากการให้นิยามของ..ไพลนักพนา..สมัครเล่นไว้ดังเช่นเฉกนี้นะคะ..
คือเหมือนกอจันทร์ผา
แต่ทว่าใบจะมีหนามยาวเรียว
และลูกพร่างสีส้มแสดแดงแรงร้อนเร่าเหลือบล้ำชมพู
ดูสลับสล้างพร่างเฉดสีสดราวสัปปะรดพันธุ์หนึ่งประมาณนั้นค่ะ
และ..
วันดีคืนดีไพลจะไปยิงภาพมาให้
หากน้องชายไพลยังมิฟาดฟันทิ้งไปตามคำสั่งของพี่คนนี้
ที่อยากกราบกราน ทุกบังกาโลว์
ให้สงวนพันธุ์ไม้งามใบเรียวหนามแหลม ลูกดก
ที่งามประหลาดล้ำในคลองตาคลองใจ
ของสาวไพลคนช่างฝันพิลาส คนนี้นะคะ
เก็บสงวนพันธุไม้ให้มลังเมลืองประเทืองฝันประเทืองงาม
ประดับเกาะมหัศจรรย์ของสาวไพลพงพะงัน
มิให้ฝันร้ายโค่นจนตายเหี้ยนคามือคัน..
ให้มันคงมั่นแสนงามไปชั่วกาลคู่เกาะแบบฟอร์เอฟเวอร์..นะ..
********
คิดถึง..ต้นทองหลาง
สลัดใบควะคว้างกลางพื้นกราวเกลื่อน
เหลือสล้างพร่างพราวด้วยดอกดวงสีแดงแปร๊ดจัดจ้า
ตัดกับฟ้าสีน้ำเงินใสกระจ่างสดชื่นสว่างตา
พาบานเบิกใจเสียไม่มี..
และหากเรานี้นั่งเรือลำน้อย
หรือเรือเเฟอรี่ลำเท่ายักษ์เท่าบ้าน
วิ่งฝ่าทะเลเงินงามน้ำกระจายเข้ามาหาฝั่งฝัน
พลันจะเห็นงามไสวจรัสใจนั้น
ให้โดดเด่นพราว ราวภาพฝันของจิตรกรเอก
เสกสลัดฝีแปรงฝากงามไว้ให้ประจักษ์แก่ตา
อย่างมิมีวันอยากลาอยากลืมเลือนเลยเชียวนะจะขอบอก..
********
คิดถึง..ต้นมะม่วงหิมพานต์ที่ป่านนี้
ทั้งดวงดอกคงหอมพราวพร่าง
เม็ดสล้างคงห้อยย้อยโผล่พร้อยพลอมแพลม
แทงออกมาเป็นเม็ดอ่อนอ่อน
ก่อนกลายเขียวใสไปถึงเขียวแก่ และดำเมื่อแก่จัด
รอเก็บลงมาปลิดตากแดดให้แห้งดี
แล้วทำตามกรรมวิธีพื้นบ้าน..ใส่กาละมัง
สังกะสี ที่ใช้ทางมะพร้าวมัดจุดไฟคั่ว
จนกว่าไฟจะลุกไหม้ยางทุกเม็ด ให้ดำสนิท
แต่ไม่นานนักอย่าพักให้ไหม้กลายเกรียม
เสียก่อนจะนำมาทุบปอก ถลอกเปลือกกิน แล้วขม....
****
คิดถึง..ระฆังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว
ก้องสะท้อนสะท้านหวานแว่วแผ่วเศร้าไปทั่วทั้งราวไพร
กลางไกลหุบเขาที่ราวกับเมืองสวรรค์
บนผาเนินสลับสล้างในดงไม้รำไรเขียวไพลพร่าง
เจดีย์ทองผ่องผุดบนภูสูงที่โผล่พ้นทิวไม้
ในฉากสลัวเรืองราง..
งามท่ามกลาง
ม่านเมฆราวเมืองแมนแดนย่ำสนธยาต่อราตรี.....
****
และสุดท้าย ท้ายสุดของเรื่องประเทืองประทับใจ
คิดถึงแม่ดอกผักบุ้งทะเล.
นางเอกแสนหวานอรชรบอบบางม่วงละมุนละเมียด
ราวเนื้อสาวเนื้อละเอียดละออที่ทอทอดยอดทายทัก
เบียดเลื้อยประดับหาดทรายขาวยาวเหยียด
ให้พร่างสีสวยใสไสวหวาน..
ปานดอกเยาว์แย้มบานรอรุณรุ่งรางน้ำค้างหอมหอม..
********
ไพล..ขอจบเรื่องหวานบานเบิกใจ
ไม่บวกรานร้าวเศร้าใจให้มากมายนะคราวนี้นะคนดี
เพราะมีใครบางคน..
หาว่าไพลเขียนวกวน
เขียนได้แค่ร้อยแก้วคำธรรมดาๆมิได้วิลิศมาหรา
หาคำมลังเมลืองบรรเจิดใจ
เขาบอกว่า..เขียนให้ตายก็ไม่ได้ซึ้งอะไร
เพราะร้อยแก้วใครๆก็เขียนได้อ่านได้มาตั้งแต่อ้อนแต่ออก..
ใช่ค่ะ..
ไพลยอมรับ..
จะเอาอะไรกันนักกันหนานะคะ...กับผู้หญิงอย่างไพล
ที่ออกตัวมานานแล้วว่า
เกิดมาก็ขอแค่ใช้คำว่า*นักอยากจะเขียน*เพียงนั้น
เพราะไพล..ก็คือผู้หญิงธรรมดา
มีชีวิตเรียบง่ายธรรมดาๆ
ใช้ชีวาชีวีสงบสุขไปวันวัน
มิได้มีฉากหรูหราจะหวังวาดไปให้ไกล
อย่าได้คาดว่างาน..*สามร้อยเรื่อง*..จะไม่น่าวกวน.
ก็ขอทนอ่านด้วยรักและเข้าใจนะคะ
และหากมีที่ไหนไหน
ใครมีมือเทวดา..เขียนมามากมาย
ให้แต่ละเรื่องไม่ซ้ำซากกันเลย
ไพลขอน้อมคาระวะรับ..ค่ะ
อย่างคนศรัทธารักงานงามรจนาด้วยกัน
อย่างคนเดินบนถนนสายฝัน
ที่ต้องโอบเอือ้อาทรแบ่งฝันปันน้ำใจ
ด้วยหัวใจด้วยเข้าใจค่ะ.
และ..สิ่ง
สุดท้าย
พุดพัดชา
อาจจะหยุดเลิกเขียนแบบชั่วชีวิต
พร้อมพลีชีวิตหัวใจและจิตวิญญาณรักรจนา
อยู่กับชีวิตธรรมดาๆที่งามเงียบเรียบง่ายดายเดียว..
ด้วยรัก..
22 พฤศจิกายน 2546 01:36 น.
พุด
Dont cry for me
จริงๆแล้ว...
ผมเกลียดการรอคอย ที่ไม่รู้วันจบสิ้น
ทั้งๆที่ผมพยายามแล้ว
ที่จะอยู่กับความรู้สึกนี้ ผมรู้ผมพยายามคิด
และหลอกล่อตัวเองยังไงก็ได้
แต่...
ในความเป็นจริง
ใจของผมเวลานี้
เหมือนใบไม้ที่กำลังเปลี่ยนสี
และพร้อมที่จะค่อยๆทิ้งตัวหลุดจากขั้ว
ผมจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร
เมื่อผมลืมหัวใจของตัวเองเอาไว้
ผมล้า ..อ่อนแรง
อยากหลับตา
และปล่อยใจที่เหลือเพียงน้อยนิด
ติดปีกแห่งรักให้มันโบยบิน..
ลัดมายังบ้านหลังเล็กๆ
ณ..อีกมุมหนึ่งของฟ้าเดียวกันนี้
ที่ดูราวกว้างไกล จนไปไม่ถึง
ที่ทื่มีใครบางคนที่ผมฝังฝากใจเอาไว้..
ผมกลัวกลัวว่าเธอคนนั้น
จะไม่เก็บใจของผมเอาไว้..ทำมันแตกกระจายไร้ค่า.
ผมจะทำอย่างไรดี.กับตัวเอง!..
วัน.เดือน..ปีกี่จำนวนนับที่ผมจะต้อง
หนาวเหน็บกับความเดียวดายไร้หวังนี้
ใช่แล้ว
โลกของผมยังคงเป็นสีน้ำเงิน..
ผมหาทางจะเติมแต้มสีใดหนอลงบนชีวิตของผม
ให้มีสีสรรสดชื่นขึ้นมาบ้าง
ผมหาทางออกไม่เจอเลย
ถ้าการร้องไห้เป็นการระบายออก
เวลานี้ผมคิดว่า...
ในใจดวงร้าวของผมเหมือนมีสายฝนพรำ
ผมไม่อยาก อ่อนแอและ
ลูกผู้ชายไม่ควรร้องไห้มิใช่หรือ
แผ่นซีดี..
กำลังเล่นเพลงเศร้าร้าวรานใจ
สุดจะทนราวกับจะตอกย้ำซ้ำเติม
ให้ใจของผมแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ตะวันตกดิน
เฝ้าถวิลมิสิ้นอาวรณ์
ยามนี้ใจฉันร้าวรอน
สุดทอดถอนเรื่อยมา
ยามค่ำคืน
ขมขื่นอุรา
ความเหงารุมเร้าวิญญาน์
เฝ้าครวญหาคู่ชม
ฉันกลัวความเหงา
มันปวดร้าวขื่นขม
ยามค่ำคืนระทม
หักอารมณ์ เหลือข่มใจ
ตะวันตกดิน
เฝ้าถวิลมิสิ้นอาลัย
ครวญหาเหว่ว้าดวงใจ
ไม่มีใครคู่เคียง
ใช่แล้ว!
ชีวิตผมตอนนี้เหมือนตะวันตกดินไม่มีผิด
ผมรู้ มีคนมากมาย
ที่ รักและคิดถึงผม
และหากรู้ว่าผมกำลังปวดร้าว
เดียวดายอย่างนี้
อาจจะมีใครบางคนอยากหลั่งน้ำตา
ด้วยความสงสารให้ผม
แต่
ผมไม่ต้องการ
ผมยินดีที่จะใช้น้ำตาของผมเอง...ชะล้างความทุกข์นี้
ให้มันไหลหยดรินรดอยู่ภายในใจของผมเอง
ผมเชื่อแล้วว่า
พระเจ้ากำลังเล่นบททดสอบความอดทนของใจผม
และบางทีกำลังลงโทษให้ผมได้รู้จักนิยามของคำว่า
.ความรักคือความทุกข์และ.
การพลัดพรากจากผู้เป็นที่รักก็เป็นทุกข์
สมดั่งที่ผมเคยได้ยินมา
ผมยอมรับโทษทัณฑ์นี้..
และขอคุกเข่าวิงวอน
วอนให้พระเจ้าเมตตาผม
ให้ใจผมเข้มแข็งเพื่อให้ผ่านพ้นเวลา
แห่งความทุกข์ระทมอันยาวนานนี้
และถ้าแลกได้ผมขอแลกความเจ็บปวดนี้
เพียงเพื่อหวังว่า
ปลายทางข้างหน้า..ไม่ว่าจะสักกี่ภพกี่ชาติ
ขอให้มี*ผู้หญิงของผม*ที่ผมรักเธอ
ดั่งแก้วตาดวงใจ
ด้วยดวงจิตวิญญาณที่เสมอเหมือนดวงเดียวกัน
ที่ผมเพียรรอคอยมาแสนนาน
พร้อมอ้าแขนรอโอบกอดผมและเช็ดน้ำตาให้..
และ....
ผมพร้อมแล้วที่จะรอ รอจนกว่าจะถึงวันนั้น!