23 พฤษภาคม 2552 13:58 น.
พุด
เจ้าดวงดอกไม้สายใจโลก
ลบรอยโศกแต้มชีวีมีสีสัน
เจ้าคือความงามชื่นชีวัน
เป็นนิรันดร์ประดับทรวงเจ้าดวงใจ....!
อรุณวดีคลี่รัก!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song200.html
ในฝัน ทูล ทองใจ
หากฝันว่าฉันและเธอ
ละเมอความรักร่วมกัน ทุกๆ วันแสน สุขฤทัย
หากความรักนั้นหนักเหลือ
แนบเนื้อเชื้อ รักดังไฟ ฉันขอตายบน ตักนาง
หากเราได้รักร่วมกัน
ผูกพันกระสันแน่นเหนียว
ขอรักเดียวไม่ จืดและจาง
หากเป็นดั่งเช่นที่หมาย
จะตายฉัน ไม่ขอห่าง
ขอรักนางเนื้อนวลแน่นอน
มอบ ใจ และกาย ทุกสิ่งมั่นหมาย
ถึงตัวตายไม่คลายรักก่อน
สู้ ทน อ้อนวอน ยอมฝันแม้ยามหลับนอน
ทนกอดหมอน นานมา
หากฝันฉันไม่หลอกหลอน
ตื่นนอนคงพบหน้าน้อง สมดังปองใจปรารถนา
หากเป็นดังเช่นที่หมาย
จะตายฉัน ไม่นำพา ขอบูชาน้องนางแน่นอน
หากฝันฉันไม่หลอกหลอน
ตื่นนอนคงพบหน้าน้อง สมดังปองใจ ปรารถนา
หากเป็นดังเช่นที่หมาย
จะตายฉัน ไม่นำพา ขอบูชาน้องนางแน่นอน...
..........................!
อรุณวดีคลี่รัก!
อรุณวดี..ดารารายพรายดวงลอยเลื่อนลาลับแล้ว
น้ำค้างแก้ว...พร่างหอมห่ม พรมดวงดอกไม้
ให้ค่อยๆสยายกลีบทีละนิดทีละน้อย
พร้อยกลีบรอรับหยาดละออละออง..
นกไพร ขยับปีกฝันร้องระงม....
ให้หัวใจแม่ดวงดอกพุดไพร..
ยิ่งเงียบงาม..สงบ..
ยาม
ฟังบทเพลง..นี้..
*ในฝัน*
รับอุษาฟ้าสาง...น้ำค้างหยดย้อย
พร่างพรมลงห่มหอมนะกลางห้วงใจ
ให้เสียงใสอ้อนหวานเศร้า
ราวระฆังเงินของนักร้องในดวงใจ..
*ครูทูล ทองใจ อมตะศิลปินไทย*
และ
ชื่นใจภูมิใจ
ในฝืมือบรมครูผู้ประพันธ์บทเพลงได้อย่างอมตะ
ไม่ว่าฟังเมื่อใดก็งามดวงใจเมื่อนั้น
โดยเฉพาะ..
ในยามอุษาฟ้าสาง
กับเรื่อรางเงาดาวพราย
กับจันทร์เสี้ยวร่ายบทเพลงลา
กับลีลาวดีงามทัดแก้มแซมผม
ที่ยังพรมด้วยหยาดละออน้ำค้าง
กับว่างเงียบเหงาใจ...ดายเดียว..เดียวดาย.
และ
แด่
คนดี..ที่รัก
ในร่มรักเรือนไทยเรือนใจเรือนดอกไม้..หอมหอม....ม..ม....ม
ที่
คงเฝ้ารอหยาดละอองน้ำค้าง
พร่างลงนะกลางกลีบใจเฉกเช่นกัน
ที่รอเผยอแย้มแต้มงาม..
แต้มหวานประดับโลกใบเล็ก
ให้แสนสุขสดชื่นระรื่นร่ำฉ่ำรสด้วยบทกวีแก้วกวีขวัญ
และ
ขอมอบกำนัล
เป็นฝันพลีแด่ทุกดวงใจแสนดีที่ผ่านมา
ที่กมลรักบทกวี
อันแสนงดงาม..ไปด้วยกัน..
และ
อุษาแก้ว..แล้วนะคนดี
แม่ดวงดอกพุดไพร
ติดปีกให้ทุกหัวใจ ฝัน ฝัน ฝัน
ราวมีสวรรค์หวาน
ให้หัวใจบานเบิกราวนกไพร
พาเหินบินคู่กันไป
ราวหัวใจคู่กัน
สู่สวรรค์บ้านนา..ของสาวนา
สู่ฟากฟ้ากว้าง..ไปกับเจ้านกไพรหัวใจเสรี
สู่ทางชนบทนาข้าวเหลืองพราว..
สู่ร่มผ้ากาสาวพัตร์ในยามเช้า
กับทุกบทกวีธรรม ธรรมชาติ
ที่แสนสะอาดสว่างสงบงาม
สู่ความอ้างว้างร้างไร้
ในท่ามบทรักภักดีพลีใจ
สู่..หวั่นหวามไหว
ไปกับบทกวีใครมากมายที่เฝ้าหลงคอยหลงรอ
หลงพ้อเพ้อพ้อละเมอหา
พาคร่ำครวญหวนไห้ระบายภักดิ์
และ...
พิเศษพิสุทธิ์ยิ่งนัก
ขอมอบพลังใจถึง
พ่อนกไพรหัวใจพเนจร
ที่คงมิรอนแรมร้างรังรักนาน
เพียงขอกำลังใจขอรจนาฝัน
ด้วยพลังอันเททุ่มใจอันยิ่งใหญ่
ให้มีไฟฝันพร่างโชนอย่ามอดดับ
แม้
ช่างอ้างว้างว้าเหว่เสียเป็นยิ่งนัก
ยามรอนแรมร้างไกล
ด้วยดวงใจนกไพรดวงดี
ที่มาสอนบทเรียนให้วนเวียนหาธรรมชาติ
และอย่าลืมกรายปีกโผผินบินสู่ไพรพนา
ค้นหาเส้นทางธรรม..เส้นทางทอง..
ลอยล่องสู่อิสราแห่งฝัน
พบ
ป่าไพรหนทางร้างรกว่างว้างไกล
งามจับใจในดินเดิม
เพิ่มความสงบงามเงียบเรียบง่ายรู้ใช้ชีวีชีวิต
มิหลงติดหลงตมงมอยู่ในโลกวัตถุ
เงางามนามฉาบฉวยรวยภายนอก
งามเมืองงามเปลืองงามเปล่า..
งามปอกงามลอกเงินปลิ้นแทบสิ้นใจ
และ
ยังมากงามบทกวีงามดวงใจ
จากทุกดวงใจในฝัน..
ให้ได้พบทิวาวัน ราตรีหวานมานานเนิ่น..เกินนับ..
ให้จับจิต..จับใจ
เลือกประดับเอาตามใจรัก
จากดวงดอกไม้ไพร
ดอกไม้ป่า
ดอกไม้เมือง
และ
หวังงามรุ่งเรืองระยับ
ประดับดวงดอกชูช่อล้อโลกดับร้อน
มัดฟ่อนศรัทธาฝัน
ศรัทธาใจใสงามสดรจนารวมกัน
ให้ดวงดอกไม้ขวัญ ฝันฝันฝัน
ลบร้อนผ่อนเย็นโลกด้วยฉ่ำริน
ให้
โลกนี้มิสิ้นหอมหวาน
พลันพร่างพรึบ!สว่างกระจ่างจิตไปชั่วนิจนิรันดร์นะทุกดวงใจในฝัน
ที่แม่ดวงดอกพุด..ไพรนั้น
แสนรักเอยแสนรักในกมล..
จนสุดทนสุดทานหวานเศร้าซึ้งเกินจะกล่าวแล้วจ๊ะ...
ทุกคนดีทุกดวงใจในฝัน..ฝัน..ฝัน....
...............................
23 พฤษภาคม 2552 13:48 น.
พุด
อรุณเรื่อในสายหมอกหยอกภูเขา
ท่ามลำเนางามเงียบแสนเรียบง่าย
แม้นอาจดูไร้วัตถุสุขสบาย
กลับไม่ทุรนทุรายในกรุงกรง
เสมือนนกไพรใจอิสรา
บินทายท้าพายุใจเลิกลุ่มหลง
แม้นดายเดียวลำพังในป่าดง
สักวันคงมีรวงรังฝังฝากใจ
ให้แมกไม้สายธารสอนดวงจิต
ว่าชีวิตแท้เที่ยงคือสิ่งไหน
ไขว่คว้าฝันใกล้วันพรากจำจากไกล
หารู้ไม่แท้ทุกสิ่งยิ่งวกวน
กี่กัปป์กาลเวียนว่ายชดใช้หนี้
สิ่งแสนดีฝากบัญชีบุญกุศล
เลิกยึดมั่นปล่อยวางในตัวตน
ค่าของคนสร้างอัญมณีใจแสนใสงาม....!
................................................
นกเป็นเสียงนาฬิกาว่าเช้าแล้ว
พวงดอกแก้วร่วงพรูคู่ฟ้าสาง
เสียงไก่ขันกระชั้นถี่บนลานกว้าง
โลกสว่างดาวแขวนฟ้าราตรีนวล..
รับอรุณกับราตรีที่หอมเศร้า
หอมข้าวเช้าตัดใบตองร่องท้ายสวน
โรยมะลิในขันข้าวขาวใจนวล
ผลไม้สวนเอื้อมเด็ดมาใส่ตะกร้างาม
นุ่งผ้าซิ่นผืนสวยลายดอกไม้
ริมแก้มซ้ายทัดลั่นทมให้วาบหวาม
เด็ดดอกไม้รายรอบสวนผูกช่องาม
อธิษฐานตามงามใจละไมละมุน..
พระ.พายเรือ มารอ รับบิณฑบาตร
ขอทุกชาติสร้างผลบุญได้เกื้อหนุน
เป็นสาวนารักสายธารหวานดอกไม้หอมละมุน
ตราบโลกหมุนสร้างศรัทธา
พาดวงใจพบสุขจริง...พบสุขใจ....!
....................................
จากผู้หญิงคนหนึ่ง
ซึ่งหลงรักป่ารักภูเขา รักดอกไม้
รักสายธาร รักท้องฟ้า รักไก่ป่า
รักลำคลอง ท้องร่องสวน
รักกล้วยกอ รักดอกบัวบูชา
รักรักรักและรักรจนางานหวานหอม
ให้หลอมละลายทุกดวงใจในร่มรักค่ะ..
..................................
ขมิ้นเมือง!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song363.html
บทรำพึงถึงขมิ้นไพร....
ให้ดวงใจเหลืองอ่อนผ่องผุดพราวละมุน..
ดั่ง.....
*ดวงดอกบัวทองผ่องพุทธ*
บานนะกลางใจ..ไยเล่าใจเอ๋ยเอยใจ!
นวล..กำลังฟังเพลงนี้
ในค่ำคืนนี้กับฝนที่ฉ่ำฟ้า
กับน้ำตาที่ระรินหลั่ง
ที่ขอพลีบรรณาการ
แด่มวลมนุษย์ที่กำลังดิ้นรนเดียวดาย
ในท่ามกลางโลกแล้งไร้และในน้ำใจแล้งสิ้น..
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song363.html
นกขมิ้น
ค่ำ คืน ฉันยืนอยู่เดียว ดาย
เหลียว มอง รอบ กาย มิวายจะหวาด กลัว
มอง นภา มืด มัว สลัว เย็นย่ำ
ค่ำ คืนเอ๋ย ฮึม
ยามนภาลับไป ใกล้ ค่ำ ยินเสียงร่ำ คำบอก
เจ้าช่อไม้ดอก เอ๋ย เจ้า ดอก ขจร
นก ขมิ้น เหลืองอ่อน
ค่ำแล้ว จะนอน ไหน เอย
เอ๋ยเล่า นก เอย
อก ฉัน ทุกวันเฝ้าอาวรณ์
เหมือน คนพเน จร ฉันนอนไม่หลับ เลย
หนาว พระพาย พัดเชย อกเอ๋ย หนาว สั่น
สุดบั่น ทอน ฮือ
ยามนี้เราหลงทาง กลาง ค่ำ
ยินเสียงร่ำ คำบอก เจ้าช่อไม้ดอก เอ๋ย
เจ้าดอก ขจร ฉัน ร่อนเร่ พเน-จร
ไม่ รู้จะนอน ไหน เอย เอ๋ยโอ้ หัวอก เอย
บ้าน ใด หรือใครจะเอ็นดู
รับ รอง อุ้ม ชู เลี้ยงดูให้หลับ นอน
นกขมิ้น เหลืองอ่อน ค่ำไหน นอน นั่น
อก ฉันหมอง ฮือ
ทนระกำช้ำใจ ยามค่ำ ยินเสียงร่ำ น้ำตก
โอ้ หัวอก เอ๋ย โอ้ อก อาวรณ์
ฉัน ไร้คู่ ร่วม คอน ต้องฝืนนอน หนาว เอย
เอ๋ยโอ้ หัวอก เอย
เหม่อ มอง หมายปองก็แล เห็น
หวิว ใน ใจ เต้น เหมือนเป็นเพียงแต่ มอง
เหมือน พบรัก จะครอง แต่หมอง เกรง ที่
หวั่นจะมี เจ้าของ ฮือ
ฟังสำเนียงเสียงเพลง ครวญค่ำ
ใครหนอร่ำ คำบอก เจ้าช่อไม้ดอก เอ๋ย
เจ้า ดอก ขจร นกขมิ้น เหลือง อ่อน
ค่ำ นี้ จะนอน ไหนเอย เอ๋ย นอน นี่ เอย...
............................
เย็นมากแล้ว
กับมากมายผู้คน..
ที่ราวนกกลับรัง
ผึ้งแตกรวง
บนถนนสายเศร้า
สายดายเดียวในทางจิตวิญญาณ
ในความรู้สึกล้ำลึกคะนึงนึกในใจนวล..
โลกนี้..ช่างมากมีมากมายมนุษย์เสียนี้กระไร
ที่ต่างก็พากันมีโชคได้มาเกิดกาย
มาชดใช้กรรมเก่า
มาค้นพบเงากรรม
มาร่ายรำบทเพลงเดิมเติมทุกข์ต่อ
มาก่อบุญกุศลใหม่
มาพลีใจพลีจิตพบพระพุทธศาสนา
มาสร้างความว่างอันเป็นนิรันดร์
มาใฝ่ฝัน
รู้รักเมตตาเสียสละฝึกการให้ไร้ร้องขอ
รู้พอเพียงเพียงพอสมถะเงียบงาม
ใต้ร่มธรรมร่มทอง
ใต้ร่มฉัตรแก้วของผืนดินแผ่นดิน
อันแสนร่มเย็นเป็นสุข
อย่างหาคำเปรียบประมาณมิได้
หากดวงตาเห็นธรรม
ดวงใจเห็นความไม่เที่ยง
เห็นเส้นทางแท้ทางทองทางธรรม
ที่จะเลี่ยงหลบ
มิพบทุกข์มิพบรักอันหนักราวศิลา
จากกิเลสในโลกหล้าอันมากมายสุดพรรณา
ที่พากันมายั่วยุให้ใหลหลงพะวงหามิรู้สิ้นรู้จบ
ให้ต้องมาพบเจอให้ต้องมาเพ้อระทม
ให้มาดิ้นรนสับสนวนว่ายว่อง
เต็มไปทั้งท้องทะเลโลกย์ทะเลใจ
เรือเอ๋ยเรือมนุษย์
มิรู้สิ้นสุดหวังพบฝั่งฝัน
พบพลังเกษมนิจนิรันดร์เมื่อใดเล่าหนอ
หาก..
มิเพียรพาพายว่ายด้วยน้ำใจใสงาม
ไหว้ด้วยดวงดอกความดี
พลีน้อมจิตให้หยุดคิดหยุดเศร้าเหงาดายเดียว
หยุดเหลียวมองหาน้ำใจ
หยุดไม่คาดหวัง
หยุดหลั่งน้ำตาระรินยามพบความเห็นแก่ตัว
หยุดนิ่ง
และก้าวเดินตรงไปในเส้นทางข้างหน้า
สอนชีวาให้รู้ว่า
นับวันจะพบมากมีคนที่ใจดวงดีไร้ละมุนจริง
มีแต่ยิ่งทำร้ายกันด้วยกายวาจาใจเชือดเฉือน
ไม่เห็นค่าความดีงาม
มีแต่แล้งไร้น้ำใจ
ไม่มีแม้น้ำคำอันน่าจะพร่ำหอมห่ม
โอ้
หัวใจคนเอ๋ยคน..
เจ้านกขมิ้นไพร..ขมิ้นเมือง
ไยให้โลกปลอมปนแปดเปื้อน
มิเหลืองอ่อนละมุน...
ให้โลกเมืองย้อมดลกระหน่ำใจเจ้า
ให้เหลืองกระดำกระด่าง
ไร้สีพราวพร่างพิสุทธิ์ใส
ไร้สิ้นปรานีผู้ใดเล่า.
ให้ปีกงามพราว
เพียงภายนอกดอกละหรือไร..ใจเจ้าเอ๋ยเอย..!
...........................
22 พฤษภาคม 2552 17:56 น.
พุด
รักชีวิตเรียบง่ายงามสงบ
เพียรค้นพบอัญมณีใจดวงใสหวาน
ทิ้งทุกข์สุขมากมายเรื่องร้าวราน
ทิวาวารแค่อดีตฝันลืมวันวน
ลมหายใจนาทีนี้ที่จริงแท้
ธรรมชาติให้งามแน่ทุกแห่งหน
ใต้ร่มฟ้าเมตตาบันดาลดล
ให้ผองชนซึ้งค่ากรุณาใจ
จึ่งพบสุขในทุกที่ธุลีหล้า
ทุกทิวาในราตรีดาวไสว
ในเรียวรุ้งแสงตะวันพาฝันไกล
ในละไมแห่งโลกฝันสวรรค์รจนา
ได้ระบายรักถักร้อยเป็นสร้อยศรี
ดั่งมณีคล้องใจงามเลอค่า
ภาษาธรรมภาษาทองคล้องวิญญาญ์
ด้วยศรัทธาอักษราขวัญนิรันดร....!
........................................
ทะเลสาบทอง...ในปองขวัญ...!
จำได้ไหม..ดวงใจ
ทะเลสาบแห่งนี้ที่คุณเคยบอกว่า
คล้ายกับเรื่อง*บ้านเล็กในป่าใหญ่*
ของลอร่าอิงกัลส์ ไวเดอร์
ที่คุณเคยอ่านมาตั้งแต่เด็ก
ภาพฝันจึงตามมาในจินตนาการ
ถึงภาพป่าใหญ่ไพรกว้าง..
ทุ่งกว้างด้วยดงดอกหญ้า
กับตะวันสีทองอ่อนอุ่นอ่อนหวาน
ละลานตาเต็มไปด้วย
ดวงดอกไม้ป่าบานสะพรั่ง
ป่าที่ยังอุดม
ด้วยสัตว์ป่านานา หมี เสือ สิงโต
และ
ชนชาวอินเดียนแดง
ที่กำลังพยายามปกป้องแผ่นดิน
ที่ถูกคนขาวที่เจริญกว่า
เข้ามาจับจองแย่งชิง
หนังสือชุดนี้มีหลายเล่ม
ที่สะท้อนวิถีชีวิตคนอเมริกัน
ที่เพิ่งจะอพยพบุกเบิก
และเริ่มสร้างบ้านสร้างเมือง
คุณผู้ซึ่งหลงรักวิถีไพร
จึงอ่านซ้ำไปซ้ำมาแบบไม่รู้เบื่อ
ทุกกระท่อมที่ชาส์ล เลือกและสร้างเองนั้น
ช่างงามง่ายไร้มายา
และภาพที่แคโรไลน์ภรรยา
ทำกับข้าวภายในครัวกระท่อม
ให้หอมอวลกรุ่นน่ากินในคำนึง..
ดวงใจ
นวนิยายเรื่องจริงนี้ เ
ป็นแรงฝันบันดาลใจ
ให้คุณ บอกผมว่า
ให้มาสร้างกระท่อมนะที่ตรงนี้
ที่เคียงทะเลสาบสีเงิน
ยามเราบุกบั่นป่าเข้ามา
และพบ ที่ตรงนี้ที่เป็นบึงกว้าง
เกิดจากการขุดแร่ทำเหมือง..
และถูกปล่อยทิ้งร้างไว้
ให้งามราวทะเลสาบผืนใหญ่
ราวผืนแพรไหมสีเงินงาม
ที่กำลังสะท้อนพร่างวะวิบวับ
รับพรายแดดอ่อนละออ
ที่คุณถึงกับอุทานดีใจเมื่อมาเห็น
ฟ้าสีครามงามเข้ม..ใสกระจ่าง..
สดสว่างไสว..สุดตา
ตัดฉับ
กับผืนทะเลสาบสีเงิน
ระยิบตาตรงหน้าระยับใจ..
ประดุจสวรรค์สรวง
อากาศหอมสดชื่นบริสุทธิ์
กระแสลมแรง..จนแล้งไร้ต้นไม้
มีเพียงร่ายระบำของดงดอกหญ้า
ไหวเอนรับรินร่ำพรายแสงรอนรอน
ละอออ่อนอุ่นยามค่ำย่ำสนธยา
ดวงใจ..
ยามนั้นคุณบอกผมให้หันหลังให้
แล้วถอดเสื้อออกเพื่อกระโดดลงไป
นะกลางสายธาร
อย่างเริงร่าราวปลาแหวกว่ายในสายชล
คุณ..ว่ายน้ำเก่ง
ราวเงือกสาว
และ
ยิ่งดูราวจะยิ่งเหมือน
เมื่อคุณนอนลอยตัว
เหนือทะเลสาบสีเงินนั้น
และพลันแผ่สยายเส้นผมงาม
คล้ายสาหร่ายลอยเป็นแพ
ล้อมรอบวงหน้าเรียวละมุน
ร่างงามคุณดูโดดเด่น
ในท่าที่คุณนอนหลับตาพริ้ม
ลอยตัวเหนือผืนน้ำ
และ
กระทบกับ
สายแสงสุริยาที่กำลังจะลาลับฟ้า
จนพาให้ร่างคุณนั้น
งามจรัสเรืองแสง
คล้ายนางไพรนางไม้หนีมาว่ายวน
เริงร่าในท่ามกลางป่าไพร
ในทะเลสาบสีเงิน
กับดวงดอกไม้ป่า
ที่กำลังส่งกลิ่นสะพรั่งรินรายรอบ
ให้ผมแอบชำเลืองดูคุณ
และแทบอยากให้โลกหยุดหมุน
ได้แต่นอนเอนอิงริมตลิ่ง
แล้วเฝ้าวนเวียนสายตา
ไม่ไกลไปจากร่างคุณ
จำได้ไหม..
ดวงใจ..ยามที่คุณแกล้งลากผมลงมา
แล้วเราสองต่างพากันโอบตระกองกอด
ในอ้อมอกอ้อมฝันของสายน้ำ
ที่พลันอุ่นอิ่มไปกับนิ่มเนื้อนวลหนั่นแน่น
ที่เบียดร่างผมแนบแน่นด้วยแรงรัก
จนทำให้หัวใจผมกระเจิง
ด้วยมนต์เสน่หา
และ..
จำต้องจูบประทับรับขวัญบดขยี้
แทบให้ร่างเราสองนี้
กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน
ดวงใจ
มาตรแม้นชีวิตผม..ในวันนี้
มีแต่ความเงียบเหงาเปล่าร้าง
เพราะไร้คุณเคียง
หากชีวีผมก็แสนสุขสงบงาม
กับทุกโมงยามณ.ที่แห่งนี้
ที่ซึ่ง
ราวอาณาจักรไพรริมทะเลสาบสีเงิน..ลำพัง
ผม..จะพาตัวเองไปนอนนิ่ง
ฟังเสียงดนตรีจากทุ่งหญ้า
ทุ่งแห่งความฝัน
ฟังดนตรีไพรร่ายมนตรา
บรรเลงบทเพลงธรรมชาติ
อันโอบเอื้อพึ่งพิง
ให้ผมเฝ้ามองดู
ฟ้าเล่นแสงสีราวเวทีธรรมชาติ
ดูเมฆแล้ววาดเป็นภาพงามตามแต่ใจนึก
ดูแมกไม้ไพรพฤกษ์ฝูงสกุณา
ที่พากันผกโผผินบินร่อนมาโฉบเหยื่อ
เฝ้าดูฟ้าที่งามระเรื่อ
เจือสีชมพูอมส้ม สวยสดเศร้า
กับความเหงางามในใจ
ที่ช่างเป็นความรู้สึกยิ่งใหญ่
ราวเราแค่เศษเสี้ยวธุลี
ที่มาแฝงร่างผสานผสมห่มห่อด้วย
ความงาม อันยากยิ่งจะพรรณนา
นอกเสียจาก
ผู้รักวิถีไพรดิบเดิมเพียงนั้นถึงจะเข้าใจ
ยามที่เราถอดใจถอดจิต
ราวสนิทเป็นหนึ่งเดียวกับทุกสรรพสิ่ง
ดวงใจ..
ในยามราตรี
ผมจะก่อกองไฟริมกระท่อม
แล้วนั่งจิบกาแฟบนขอนไม้
หาอาหารง่ายๆมานั่งรับประทาน
กับเจ้าสุนัขเพื่อนยาก
ยามนั้นผมจะได้ยินเสียงสายน้ำ
ในทะเลสาบครวญคร่ำ
ระรินราวร่ำไห้อย่างดายเดียว
เสมือน
เพื่อนยากผู้รับรู้ความเปลี่ยวเหงาใจ
ยามผมไม่มีคุณ..
ผมจะนอนหนุนแขน
ฟังเสียงฟืนปะทุ
และ
ในอ้อมฟ้าอ้อมฝัน
เฝ้ามองดูดาวประจำเมือง ประจำใจ
ที่พราวพร่างสุกใสนับพันดวง
ดาวใจที่คุณเคยฝากไว้ให้
ส่องนำทางชีวิตจิตวิญญาญ์ผม
ยามอ่อนล้าท้อแท้แพ้พ่ายไร้สิ้นกำลังใจ
ให้น้ำตาลูกผู้ชายชาติไพร
ซืมซึ้งในเรียวตา
ด้วยเหว่ว้าดายเดียวสุดทน
และ
ดวงใจ
ทุกอุทัยโลกหมุน
ผมพึงใจที่อาศัย
ริมกระท่อมทะเลสาบสีเงิน
อันงามเงียบนี้ลำพัง..
กับ
ยามค่ำที่ผมได้รจนางานงามอันเลอล้ำค่า
พลีบรรณาการให้แด่โลกบรรณพิภพ
ที่ยิ่งดวงชีวีผมพบความงามเงียบเท่าใด
งานงามของผม
ก็ยิ่งแสนงามยิ่งใหญ่พอกันเพียงนั้น
ผมมีเวลา ทำงานเพื่อสังคม
ในฐานะเจ้าหน้าที่ป่าไม้
ผู้รักษาอุทยานและป่าทุกผืนในประเทศนี้
ให้ยาวยืนไปจนถึงลูกหลาน
เป็นงานงามที่ราวปิดทองหลังพระ
เหมือนพ่อพระในดวงใจของผม
ที่เคยเททุ่มทำงานฝากอุดมการณ์
อุดมคติไว้ให้ชนชาวไทย
ทุกดวงใจ
ได้หันมารับฟังแม้นต้องแลกกับชีวิต
คุณ..สืบ นาคะเสถียร ผู้เพียรพยายาม
แม้นถึงกระทั่งยอมสังเวยชีวิตเพื่อ
เพรียกเรียกร้องสามัญสำนึก
ให้สังคมหันมาสำนึกรำลึกรู้ค่ารักษ์ป่าไพร
ที่ดวงใจ..คุณคงรู้ว่า
หากไร้ป่าแล้วไซร้
เราก็เท่ากับรอวันตาย
กับภัยพิบัติที่นับวัน
จะมาฝากพิโรธสอนสั่งให้เราสำนึกรู้
ว่าคนเรานี้
จะอยู่ดีมีสุขได้อย่างไรไฉนเล่า
หากไร้ซึ่งเงาแห่งร่มไม้ได้ดูดซับน้ำไว้
ให้โลกได้สงบงามอย่างพึ่งพาพึงพิง
ทุกสรรพสิ่งเป็นวัฎจักร
ที่โลกสรรสร้างมาให้อย่างลงตัว
มีฟ้า มีดิน มีน้ำ ลมไฟ
มีดวงใจที่ใสงาม ตั้งแต่เริ่มเกิด
หากเรามองเมิน
เพียงเพลินผลาญทำลาย
ทุกสิ่งที่ธรรมชาติ
ให้มาอย่างงามง่ายแสนงาม
ให้หลงละเมอหยาบหยามต่อเติมเพิ่มความทุกข์
รุกล้ำก้ำเกินในทุกสิ่ง แบบโง่เขลาเบาปัญญา
แม้นกระทั่งดวงจิตอันกระจ่าง
ราวแก้วใสภายในตัวเราเอง
ที่พระเจ้าให้มาอย่างบริสุทธิ์ใส
หากเรานั้นหาได้เฉลียวใจไม่
พากันมาเติมตัวทุกข์สุข
ในโลกวัตถุไม่รู้หยุดรู้พอที่ไม่จีรัง..
ให้หุ้มห่อพอกไว้ยิ่งหนานับวัน
จนยากจะลอกเปลือกออกพบแก่นกระพี้
ที่แสนงามแสนดี
คือจิตกระจ่างงามพราวราวดวงแก้ววิเศษ
ดวงใจ...
ผมก็แค่ธุลีในโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้
ที่พัดผ่านมาคละเคล้าไป
ในดงมนุษย์อันมากมีมากมายนี้
หากแม้นเปรียบชีวีแค่ธุลีนี้
ก็ขอแค่ได้มาพลีฝากดีฝากงาม
ก่อนวันจะสิ้นสายแสงแห่งดวงสุริยาใจ
ไม่เป็นธุลีใจที่หมองหม่นปนเปื้อนมลทิน
หากขอเลือกเป็นธุลีดิน
ที่งดงามอุดม
รอเพียรเพาะบ่มให้ทุกต้นกล้าแห่งรักได้หยัดยืน
ให้งานรักรจนา
ได้พาจิตมนุษย์ไสวพร่างกระจ่างจิตไสวชูช่อ
ราวรอรับพรายแสงตะวัน
อันหมุนวนมาสอนบทเรียนใจในทุกวันให้รู้คุณค่า
ว่าทุกดวงชีวา
มีโอกาสเริมต้นชีวิตใหม่ได้เสมอ
และ
ราวกับ
พราวนวลจาก
เดือนดวงงามนามพระจันทร์
ให้
ประดับขวัญประดับโลกงาม..
เป็นนิยามความดีสามัคคี
ที่แสนร่มเย็นเป็นสุขใจไปตราบชั่วกาล..
ดวงใจ...
ชีวิตคืออะไรกันเล่า
หากมิใช่เศษเสี้ยว
ที่มาฝากร่างเพียงชั่วครู่ชั่วคราว
ให้ได้มามองดูโลกงาม
ให้ได้มารู้ค่าคำรัก
อันจักเป็นพลังสรรสร้างอันยิ่งใหญ่
หากทุกดวงใจรู้รักเย็น
และ
โชคดีเพียงใด
ที่ได้เกิดมาในผืนดินอันอุดมร่มเย็น
ใต้ร่มฉัตรใต้ร่มธรรมใต้ร่มทอง
แห่งพุทธศาสนา
ที่จักประคองให้จิตเรา..ใสกระจ่าง
รู้ฝึกวางว่าง
ก่อนจะสิ้นแสงแห่งตะวันใจไปชั่วกาล
ดวงใจ...
ผม..ภูมิใจในตัวคุณ และตัวผมนี้
ที่เกิดมามีนวลเนื้อใจ
ที่แสนบริสุทธิ์ใสแสนงาม
รู้หักห้ามรู้รักเย็น
และ
มาตรแม้น
เราเป็นเฉกเช่นชาวดินชาวไพร
หากดอกดวงใจเรานั้น
รู้ใฝ่เพียรหาดวงดอกธรรม
และน้อมมาพร่ำห่มหอม..
เผื่อแผ่ให้ทุกดวงใจได้พบใสงาม
ไปด้วยกัน..
และสุดท้าย
ไม่มีอะไร
*จะงามเท่าดอกดวงใจใครเล่าจะรู้นี้*
ที่เราสองต่างพร้อมพลีภักดิ์
เพียรถักทอทองดั่งสายสร้อยภาษาร้อยรักรจนา
เพื่อคืนกลับให้ผืนดินแห่งมาตุภูมินี้
ที่เป็นที่รักยิ่งกว่ารัก
ศรัทธาภักดิ์ยิ่งกว่าศรัทธา
เปรียบประดุจดั่งพสุธาแห่งความฝันอันสูงสุด
ที่แสนหนักแน่นมั่นคงยิ่งใหญ่เหนือ
กว่าสิ่งใดในหล้าโลกนี้
แล้วมิใช่ละหรือ..คนดี..นะยอดดวงใจ!
.................................
ฉันเห็นเธอในดอกไม้สายลมไหว
มวลนกไพร ในฝนพราย แมกไม้ฝัน
ในดวงดาว ในอุ่นแสง แห่งตะวัน
ในความฝัน ในยามตื่น ชื่นฉ่ำใจ..
ฉันเห็นเธอ ในดวงจันทร์ ฝันเคียงฟ้า
ในเมฆา ในเรียวรุ้ง กระจ่างใส
ในผีเสื้อ ในสายน้ำ ในขุนเขา ในเงาใจ
เธอสถิตอยู่กลางใจในเรียวตา
ในศรัทธาในรักนี้ มิมีวันจะลบเลือน!
http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_32429.php
ฉันอยู่นี่ที่กลางใจในโลกฝัน...พุดพัดชา
ฉันอยู่นี่ที่กลางใจในโลกฝัน
คอยเคียงขวัญในเงาใจไม่ไปไหน
ในเงาดาวใต้เงาจันทร์ยามฝันไกล
ในดวงใจในดวงตาดารากาล..
อยู่ในรักในอ้อมกอดของยอดรัก
ฝากใจภักดิ์รักเพียงเธอเพ้อคำหวาน
ในแสงทองท้องทะเลดอกไม้บาน
ในสายธารหวานชื่นฉ่ำลำนำไพร
อยู่ใต้หล้าฟ้าพริบพราวเคล้าใจสุข
ไร้รอยทุกข์สุขเคียงขวัญวันไหนไหน
เงาอดีตแค่กรีดรอยฝากแผลใจ
ไม่เป็นไรยอมรับโศกโลกนี้คือละคอน
รอและรอ..ขอคืนหลังยังบ้านเก่า
ลบลืมเหงาเงาใจใครลวงหลอน
พร่ำสวดมนต์ภาวนาเพื่อขอพร
เลิกร้าวรอนสิ้นร้าวรานนานนิรันดร์!..
.........................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song282.html
ธาราระทม
แว่ว ยิน แต่ เสียง
น้ำหลากมาเสมือนยิ่งพาน้ำตาข้าหลั่ง
ธารารักเอยรักเคยฝากฝัง
ท่ามกลางแสงเดือนสะพรั่ง
รักกลับอ้างว้างในคืนเดือนเพ็ญ
รูป รอย ปาง หลัง
ฝังฝากใจมาไร้ความจริงทิ้งให้ลำเค็ญ
มองเดือนครั้งใดหมองใจไม่เว้น
ค่ำคืนรักเชยเคยเช่น
แสงแห่งเดือนเพ็ญเชยฟ้าราตรี
รัก จาก พราก ไป
เหลือ เพียงรอยอาลัยไม่มี
สายน้ำยามเพ็ญ ก่อนเคยได้เป็นสักขี
ยินแผ่วแว่วเสียงวจี
คล้ายเสียงเสียดสีที่เย้ยดวงใจ
โอ้ คำ อธิษฐาน
เสมือนบ่วงมาร มารับเอาคำสาบานข้าไป
มนต์มารร้ายยิ่งรักจริงสลาย
ตั้งปณิธานวอนไหว้
แสงแห่งดวงใจจงพบกันเทอญ
รัก จาก พราก ไป
เหลือ เพียงรอยอาลัยไม่มี
สายน้ำยามเพ็ญ ก่อนเคยได้เป็นสักขี
ยินแผ่วแว่วเสียงวจี
คล้ายเสียงเสียดสีที่เย้ยดวงใจ
โอ้ คำ อธิษฐาน
เสมือนบ่วงมาร มารับเอาคำสาบานข้าไป
มนต์มารร้ายยิ่งรักจริงสลาย
ตั้งปณิธานวอนไหว้
แสงแห่งดวงใจจงพบกันเทอญ...
.............................
22 พฤษภาคม 2552 12:52 น.
พุด
พายุใจพัดมาหนักแค่ไหน
ยืนทานไหวด้วยใจอุเบกขา
รู้ธรรมธรรมชาติธรรมดา
ตราบจนกว่าแสงสุริยาชีวิตจะดับลง
พายุใจหลายครั้งคราหาญกล้ารับ
มากนึกนับโศกทรวงล่อลวงหลง
เพียงเช่นนั้นเฝ้าตามดูรู้พะวง
สักวันคงพบเรียวรุ้งเริ่มรุ่งวัน
พายุใจถาโถมมาอย่าท้อแท้
อย่ายอมแพ้ยอมพ่ายจนเสียขวัญ
ตราบใดใจบอกสู้ผู้โรมรัน
จักมิหวั่นฝันฝากดีพลีแด่ชน
แล้ว..
เมื่อพายุใจหยุดสงบจบด้วยจาก
พร้อมรับพรากเปิดใจรับกุศล
อธิษฐานวอนไหว้ฟ้าดินดล
เลิกหลงวนในป่าโศกโลกเดิมเดิม....!
22 พฤษภาคม 2552 01:15 น.
พุด
พายุใดไหนเล่าเท่าพายุรัก
พัดภักดิ์พัดวนมนต์เสน่หา
หยาดสายน้ำผึ้งพิษปิดนัยน์ตา
หลงมายาตราบกาลรานนิรันดร์
เพราะรักคือบ่วงให้ห่วงหา
ปรารถนามิสิ้นถวิลฝัน
เวียนว่ายวนวกวิตกวัน
อาลัยหวั่นรัดร้อยสร้อยโซ่ใจ
พันธนามานานกี่ภพชาติ
พิสวาทกันมาแต่ปางไหน
ซ้ำซ้ำโทมนัสสักเพียงใด
ต่อสายใยยึดมั่นคำสัญญา
พายุใจจึ่งหนักจิตคิดลึกลึก
ในรู้สึกปุถุชนคนทั่วหล้า
ยอมพัดปลิวลิ่วลอยมินำพา
ทั้งรู้ว่าอันตรายยอมพ่ายใจ..!