19 ธันวาคม 2546 18:21 น.

ใต้ลำพู..รอคู่กรรม!

พุด


อาทิตย์ใกล้ลับฟ้า...
ฟ้าเป็นสีฟ้าหวานแปลก
เทาอมส้มชมพูนิดนิดฉ่ำแสงแดงเจือ..
ดวงตะวันแฝงในม่านหมอกหม่นๆ
และนี่คือตะวันชิงพลบสงบงาม ยามสายันห์ในเหมันตฤดู
ที่ทั้งฟ้าแลฤดี..มีวันจะหมองหม่นปนเทาๆทึมๆพอกันกับวันที่ฟ้ามืดเร็ว
*******


ไพล..นั่งอยู่ริมฝั่งฝัน..ริมแม่น้ำนครไชยศรี
เงี่ยหูฟังเสียงดนตรีธรรมชาติแสนหวาน
จากทุกสรรพสิ่ง..รายรอบสองฟากฝั่ง

หัวใจนิ่งงัน..เงียบงามใต้ต้นลำพู สูงใหญ่...
ที่แผ่ใบสล้างเคียงเรือนไม้หลังคาจาก..
ในฉากงามราวย้อนยุคไปสู่อดีตกาล..

ไพล..ทิ้งดวงใจดื่มด่ำกับวันแสนดี
ที่แสนงาม  เพียงนิยามเงิน มิอาจซื้อได้.
หากมิใช้..มิมีดวงใจเห็นงาม
ในความเรียบง่าย  ไร้มายา งามสมถะ..



และมาตรแม้นวันนี้
มากมีบางสิ่งมากมีค่ากองตรงหน้า..มากมาย
ไพลก็ไม่คิดเริงร่า 
ไปเดินหาซื้อเพชรทองแทนในชอปปิ้งเซนเตอร์
แทนที่จะหลงละเมอรอกำไลเงินจากดวงใจ
จากใครบางคนแบบไม่มีวันจะได้มา...
ที่มากล้นค่าเกินนับ
กับ
วันเวลาที่กำลังจะผ่านเลยลาลับ
กับ..
หัวใจดายเดียวดวงเดิม..
มิเพิ่มมิแปรไปตามกระแสสังคมพล่าไหลบ่าบูชาเงินงาม..ตามใครๆ..

หัวใจยังคงเป็นหัวใจ ดวงใสดวงดี
ที่มิว่าจะมีหรือไม่ก็ยังคงเป็นไพล
ผู้หญิงบ้านนอกบ้านนาเกิดมากับแสงตะเกียง.
เคียงใจที่รู้ความพอดีพอเพียงรู้เพียงพอ..
*****


ไพล..ประทับใจรากลำพู 
ที่โผล่ออกมาหายใจ
ที่แทงช่อกอแหลมโอบล้อมลำต้น จนน่าพิศวงใจ
ไฉนหนอ..ธรรมชาติจึงสรรสร้างอะไรๆให้โลกไพร 
ให้ต้นไม้มีชีวิตดำรงรอดปลอดภัย แม้นในกระแสชล..วนเชี่ยว..
******


ไล่สายตาพาสายใจสายใยรัก..ล้ำลึกรู้สึกในวิถีงามล้ำ
ของเรือนไทยที่รายเรียงสองฟากฝั่งฝัน
แม้นวันนี้จะดูทรุดโทรมโย้เย้..ไปตามกาลเวลา

ที่ไพลอยากมาอยากมีคืนฝันลองฝากฝังใจ
นอนในเรือนไทยริมน้ำแบบโฮมสเตย์สักคืน.
กับใครสักคนที่รักหวังชื่มชมงามเงียบเรียบง่ายใช้ชีวิตแบบดิบเดิม

ฟังเสียงเรไร นกไพรโผผิน เสียงสายน้ำระรินใต้ที่นอน
ฟังเสียงอ้อนท่ามกลางพรายพระจันทร์ให้ฝันหวานๆๆๆ..
จนอุษาสางดุเหว่าร้องแว่วมา

******



ไพล..ขับรถดั้นด้นเข้ามาที่นี่
มาพบบรรยากาศ อย่างนี้ ด้วยความสุขเหลือแสน
สวนผลไม้รายเรียงสองฟากถนน

ที่ไพลแอบให้ฉายา
*เส้นทางมนตรา..เสน่หา..เสน่ห์ไทย*เส้นทางใจ
สำหรับผู้รักงามเงียบได้ลัดเลาะ ซอนเซาะ ซอกแทรกบุกสวนผลไม้เข้ามา

ที่ทำให้นาทีตรงหน้า..น้ำใสในคลองตาซึมซึ้งถึงตื้นตัน
นั่น..เมื่อมองเห็น..ส้มโอห้อยย้อย
อยู่ในขนัดสวนเหนือท้องร่องคลองคูขุดลำเล็กๆ
ทั้งต้นหมากสูง..สวยขนาบ เคียงเรียงไปกับดงละมุด..
*********



ไพลคิดถึงใครบางคนจับใจ..
คนที่ร้องเพลงสาวชาวสวนส้มโอ..
ที่ตื่นแต่เช้าเฝ้าคอยเก็บส้มโอเต็มตะกร้ารอท่าหนุ่มน้อยใจดี
ขอแค่มีความสุขตามประสายาก
*****
ไพล..หลั่งน้ำตากับธรรมชาติเหว่ว้า..
กับธรรมชาติไพรกับธรรมชาติสวนสงบงาม 
ที่บัดนี้ตึกรามประเทืองเฟื่องฟุ้งกำลังมุ่งมาเบียดทั้งสองฟากฝั่ง
******



เงิน เงิน เงิน ........ สาวบ้านนา 


มนุษย์เรานี้แสนดีนักหนา
ขายไร่ขายนาแถมขายภูเขา
แปรรูปแปรร่างไม้เคยงามเงา
เป็นตู้โต๊ะเอาเก้าอี้แปลกตา

เปลี่ยนเทือกเขาเป็นทิวตึกได้
เปลี่ยนดอกไม้หวานหอมในราวป่า
รองเท้านารีงามบาดใจงามบาดตา
เพาะพันธุ์มากมีค่าส่งนอกออกไทย..

นายทุนหมุนวนจนเงินมากล้นฟ้า
ยังคิดอีกว่าหาให้ลูกหลานไว้
ขายเหล้าขายเบียร์ลามเลียดั่งไฟ
เยาวชนไทยไม่มีสติสตังค์..

คนไทยรึเปล่าชอบกินชอบดื่ม
มอมเมาให้ลืมแสนดีสอนสั่ง
แค่นี้มากพอแม่พ่อทุกข์ประดัง
ใครตายช่างมันขอแค่ข้ามีเงิน เงิน และเงิน.....
********



ช่างมันเถอะนะ..หัวใจ..
ไพลกำลังพยายามฝึกดวงใจให้ไหวอ่อนอ่อนโยนน้อยๆหน่อย
ปล่อยให้โลกนี้..หมุนไปตามกระแสทุนนิยม..
แม้นว่าหัวใจไพลจะตรอมตรมระทมทับดับดวงทีละนิดละน้อยก็ช่างมัน..
เพราะไพล..ไม่มีอำนาจใดใดจะต่อต้านกระแสบ่าโหมนี้
ที่ทุกชีวีชีวามากมายต่างตะเกียกตะกายเป็นทาสตกอยู่ในวังวน..
******



ไพล..จึงได้แต่มานั่งซึ้งตรึงใจขอแค่มาฝากฝันฝากใจ
กับสายชลไหล..สายน้ำใจแห่งผูกพันรัดร้อยวิถีไทย
ธรรมชาติไพร..ชีวิชีวิตติดดินธรรมดาเดิมธรรมดางาม
******


ให้มานั่งตาปรอยอ้อยสร้อยเหงาเศร้า
เคล้าคลุกความผันแปรมิแน่มินอน
สอนดวงใจให้ยอมรับความจริงแท้ของชีวิต 

ที่ไหลไปไหลไป...
มิไหลคืนกลับ 
ดั่งกระแสชล...ตรงหน้านะเวลานี้..

ยอมรับสิ..อย่าดึงดื้อ เสียใจ
มิว่ากับสิ่งใด ที่พลัดหลงเข้ามา..

ธรรมชาติมากมีค่า..
หรือแม้นกระทั่ง
ชีวาชีวิตจิตวิญญาณของผู้ที่เราค้นหามาทั้งชีวิต
ที่หายากยิ่งนัก..
จงตระหนัก..และกอบโกยด้วยดวงใจใช้ใจเดิมพันใจ..


*ใช้ใจหลอมละลายใจ..ไว้ในเนื้อใจในงามความทรงจำ
ให้งามล้ำหวานลึก..ผนึกแนบเป็นจิตเดียว*

ที่จะตามเกี่ยวตามติดเป็นพิสวาสทุกชาติทุกภพไป
ให้สวยใสรอเวลา..ให้เกิดมาท่ามกลาง*ความแผกพิเศษพิสุทธิ์*นี้

ที่จะมีดวงตาที่สาม.....งามเลอค่า...นามว่าความละเมียดละมุน
ให้มองโลกหอมกรุ่น
รู้ละมุนน้อมใจรับซึ้งถึงบึ้งดวงใจในสรรพสิ่ง
ที่งามง่าย..คล้ายมี..*ฌาณเฉพาะตน*...
*********



ไพล..ดึงหัวใจกลับมา..และบอกกับใจตัวเองว่า
อย่าหยุดหัวใจฝัน..ขอเพียงวันเวลาแสนดี
มีใครสักคนโอบเอื้อฝันอันจรุงท่องไปในแดนดินดินแดน
ที่แสนงดงามเคียงข้างใจ

ที่ยังพอฝากหวามไหวในอารมณ์ดิบเดิมติดดินถวิลไพร
บันทึกภาพ ผ่านเลนซ์ใจ เนื้อใสพิสุทธิ์นี้..เป็นเรื่องรักรจนา..มากำนัล..
ทุกดวงใจในร่มรักเรือนไทย ไปด้วยกันให้มีฝันหวานๆมิรู้สิ้นรู้จบทบทวี..
*****



นั่น..บ้านเรือนไทยดัดแปลง หลังมหึมา
ถามได้ความว่า..เป็นของตระกูลเจ้าของสายการบิน
ที่มีเงินมิรู้สิ้น สามารถซื้อได้ทั้งผืนดิน ผืนฟ้า
ซื้อไว้จนกว่า..
อนาคต มนุษยโลกอย่างเราๆท่านๆต้องอยู่แบบขมิบลมหายใจ
เพราะไม่มีใบจับจอง.
และหากซื้อได้ทั้ง.พระจันทร์อากาศวาดเวิ้งฟ้าดวงดาราดาระดาดทะเลงาม
คนรวยทั้งสยามคงจะจับจองไว้ดูเฉพาะตน..ลำพัง..
ให้หัวใจคนจนแห้งผากดับดวง ดับฝันมอดสิ้น..จิตวิญญาณ..
**********


หันมาดูสองฟากฝั่งดีกว่านะ ที่ยังคงมีความงามหลงเหลือให้เสพให้สุข
ดูความงามของผักบุ้ง ที่ทอดยอด ชะอุ่มงาม เรี่ยริมบึง 
เถาถั่วฝักยาว ห้อยย้อย เพลินใจ ไหนจะท้องร่อง 
ลำประโดง ที่อ้อมโอบเข้าไปเป็นลำน้ำ สายเล็กสายน้อย 
ให้ชาวสวนปลูกผัก ปลูกผลไม้ ฝรั่ง ชมพู่ ดูช่างน่ากิน..... 

บ้านผู้คน บนสองฟากฝั่ง แพริมน้ำ น่านั่ง น่านอน 
บ้านเรือนดั้งเดิมของชาวสวน และบ้านของผู้ดีมีเงิน 
ที่มีฐานะมาจับจองสร้างบ้านสวย ..
เพื่อได้ดื่มด่ำ กับสายน้ำ..งามล้ำ ให้ใจสงบงาม 
ไปกับวิถีไทย วิถีใจ ของชาวชนบท ตั้งแต่โบราณ นานมา 
ที่มีชีวิตผูกพัน กับสายน้ำ เปรียบดั่งสายน้ำใจ ที่ไหลเย็น 
อย่างยากยิ่งจะแยกกันออก...... 

มีเรือลำน้อย....จะลอยลำ ไปเรื่อยๆ เอื่อยๆ ช้าๆ....
และไปถึงวัด ที่มี
พระพุทธรูปองค์โต ที่อยู่ในโบสถ์ เพื่อขอพร.... 

วัดริมน้ำ..ที่มีฝูงปลาชุกชุม กระโดด โผงผาง 
โชว์ความงามของลำตัว ที่สะท้อนแดด เห็นเกล็ดขาววาววับ....
เพราะมีอิสระ เสรี ราวรู้ดีว่าอยู่แถวหน้าวัดจะปลอดภัย 
ไม่มีใครกล้าเอาเบ็ดมาเกี่ยว...
*****



และทั้งหมดทั้งสิ้นนี้คือสายใยเหนี่ยวรั้งให้ดวงใจไพลหวนกลับมา..
ไพลยอมเหว่ว้ายอมดายเดียวเพื่อพบกับความสงบสุขนี้..ที่ยังมี
เสียงเพลงสายชล ครวญคร่ำริมเรือนแพ..
มีดวงดอกไม้มากมายส่งกลิ่นกำจายหอมสะพรั่ง



*พวงคราม*..กลีบม่วงอมฟ้า 
ที่พากันรอเวลาสยายกลีบรอหมุนลิ่วปลิวไปตามกระแสลมกระแสชล

*พวงประดิษฐุ์*..เลื้อยประดับคลุมกระชับยอดไม้สีชมพูสดใส
พาหัวใจเบิกบาน สิเงินงามตามคลอที่ชาวเหนือเรียก*เครือออน*

*ช้างกระ  ประสีม่วง มิหวงดอกในฤดูนี้ มีชื่อเรียกตามสีดอก
เช่นช้างแดง ช้างเผือก และนั่น

*เอื้องแซะหลวง..*แตกกอ ชูช่อดอกสีขาว
กลีบปากเหลืองละอออมส้มหอมรมร่ำพร่ำกลิ่นจรุงใจอวลไปในทุกอณู

*ปีบ*หอมกลีบบีบหัวใจไพลให้แทบหยุดเต้น
ด้วยหลงใหลในดอกรูปแตร
ที่ไพลนี้ต้องแล่นถลาไปเก็บคว้ามาทัดผมให้พรมหอมร่ำให้ชื่นฉ่ำใจ..


และ...
ในท่ามกลางหวานหอมดอกไม้ริมชายชล
ไพล..พากมลละมัยเดินดายเดียว เดียวดาย ต้านลมหนาวสะท้าน
ใต้กิ่งหวานลำพูพราว  และ ราวเฝ้ารอ รอ หิ่งห้อยประดับใจ..ไปชั่วกาล!

******


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=1965
คู่กรรม 
 ช...ดังนรกชัง ฤาสวรรค์แกล้ง
      แกล้งทรมาน ให้ฉันได้เจอ
ญ...เกลียดชิงชัง สุดท้ายรักเธอ
      แต่พอเผลอ พรากเธอดับสูญ
ช...เวรกรรมหรือไร แต่ปางไหนนั่น
ญ...สุขเพียงชั่ววัน แต่ช้ำทวีคูณ
ช...ให้ห่างไกล สุดฟ้าอาดูร
ญ...สูญสิ้นเธอ ตลอดกาล
ญ...อธิษฐานจิตใจหากเกิดชาติไหน
ช...ฐานันดรใดใด ทุกสถาน
ช-ญ...ดลให้เรา ได้พบเจอเป็นคู่กัน
         วอนสวรรค์ ได้ไหม
ช...วิญญาณฉันรอ ที่ทางช้างเผือก
     เลือกเธอรักเธอ ได้ร้างลาไกล
ญ...ดั่งหิ่งห้อย เฝ้าคอยจนชีพวาย
      ใต้ลำพู รอคู่กรรม

ญ...อธิษฐานจิตใจหากเกิดชาติไหน
ช....ฐานันดรใดใด ทุกสถาน
ช-ญ...ดลให้เรา ได้พบเจอเป็นคู่กัน
         วอนสวรรค์ ได้ไหม
ช...วิญญาณฉันรอ ที่ทางช้างเผือก
     เลือกเธอรักเธอ ได้ร้างลาไกล
ญ...ดั่งหิ่งห้อย เฝ้าคอยจนชีพวาย
      ใต้ลำพู รอคู่กรรม...				
16 ธันวาคม 2546 11:10 น.

วอน..เฉลย!

พุด


เพียงคำเดียว.... 
 
ผมรอ...
คำเพียงคำเดียว.... จากคุณ.... 
มานานแสนนานแล้ว 

คำเดียว
ที่ผม..ต้องแลกกับหลายสิ่ง..หลายอย่าง..ในชีวิตของผม.... 

ความคิดถึง.... รอคอย.... โหยหาและเดียวดาย.... 
ความเจ็บปวดรวดร้าวใจ.... 

ที่ต้องคอยเฝ้าถามตัวเองเสมอมา.... 
จะหยุด.... หรือ.... จะเดินต่อไป.... ในเส้นทางแห่งรักนี้.... 

คำตอบ.... ที่ใจผมตอบกลับมาคือ.... 
คุณแสนดีมีค่า เกินกว่าที่ใจผมควรจะคิดท้อ.... 
แม้จะต้องรอ.... นานแสนนาน.... 

ผมโชคร้าย หรือโชคดีกันแน่ 
ที่เป็นลูกผู้ชายแบบนี้.... 
แบบที่มีใจรักมั่นคง....
มิหวั่นไหว หนักแน่น.... ดั่งแผ่นผา 
หาญกล้า ท้าทายสายลมแรง...
แสงแดดกล้า.... แผดร้อน.... เผาไหม้ใจ.... 
ท้าทายโชคชะตาฟ้าลิขิต.... 
ดั่งชีวิตข้าเอง ไม่ยำเกรงดินและฟ้า.... 

ผมรอคำ.... คำเดียว คำที่มีค่าใหญ่หลวง 
คำที่.... ผมแสนรักแสนหวง 
มิคิดเคยจะเอ่ยออกมา บอกใครได้ง่ายๆ.... 

เมื่อผมตัดสินใจเอ่ยกับคุณ.... 
มันคือคำที่รวมชีวิต.... วิญญาณของผมทั้งสิ้นทั้งปวง.... 

ที่ผมวางไว้ในอุ้งมืองามวางไว้แทบเท้าของคุณ.... 
เพื่อรอให้คุณ.... พิพากษารัก.... 

ตัดสินใจ.... จะโยนทิ้งให้แตกสลายไร้ค่า.... 
หรือโอบอุ้มนำมาแนบชิด.... สถิตเนา.... 
ในใจของคุณจนตราบวันตาย ก็สุดแท้แต่ใจของคุณ.... 

ผมเดินมาไกล.... แสนไกลมากแล้ว.... 
เหนื่อยนัก อยากหยุดพักใจ.... 
ฝังฝากกายซบตักของคุณ 

แต่ผมจะหยุดได้อย่างไร.... 
เมื่อทางข้างหน้านั้น.... 
ผมยังมองไม่เห็นคุณที่จะร่วมทาง.... 
ร่วมเรียงเคียงข้าง ฝ่าฟัน ผองภัย.... 

และเส้นทางใจไฟฝันของผม.... 
ที่แสนยาวนาน จะอ้างว้างว่างใจสักเพียงใด.... 
หากผมต้องเดิน.... โดยลำพัง.... 

เพียงคำเดียว.... 
ที่ผมใช้เวลานานนับเดือน.... นับปี.... 
และไม่รู้อีกกี่ปี.... ที่ผมจะต้อง.... รอและรอ.... 

คนดี.... ที่รักของผม.... 

ผมไม่กลัวคำตอบ.... 
เพราะผมคือลูกผู้ชาย
ที่พร้อมแล้วที่จะอดทน.... 

คุณจะตอบผมว่าอย่างไร 
ผมมิอาจหยั่งเดา.... ได้.... 

แต่สำหรับใจของผม.... 
ผมหาคำตอบให้ตัวเองได้แล้ว.... ว่า.... 
ผมเกิดมาเพื่อที่จะรัก.... และรอคุณ.... 
ตราบจนวันสุดท้ายแห่งลมหายใจของผมนี้.... นะที่รัก.... 

***********


ถ้าเธอ.... มีหัวใจเหมือนฉันสักหน่อย
เธอคงไม่ปล่อย.... ให้ฉันต้องคอยอย่างนี้
เธอคงมองซึ้ง ถึงไมตรี
เธอคงมองซึ้ง ถึงความหวังดี ที่มีเรื่อยมา.... 

สู้รอ.... รอแล้ว.... รอ.... รอไม่สิ้น.... 
รอจนใกล้ดับ.... ถมทับ แผ่นดิน.... แผ่นฟ้า.... 
เธอมองไม่ซึ้ง.... ถึงสายตา.... 
เธอมองไม่ซึ้ง.... ถึงความบูชา.... 
ว่าฉันศรัทธาเพียงใด.... 

น้ำหยดบนหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน.... 
แต่หัวใจอ่อนอ่อน ของเธอทำด้วยสิ่งใด
ช่างไม่สะทก.... สะท้าน.... สะเทือน.... เหมือนหัวใจ
ช่างไม่หวั่นไหว.... ว่าใครเขารัก.... เขารอ.... 

สิ้นลม.... ลมหายใจ.... ของฉันเมื่อไหร่.... 
เธอคงจะรู้.... ว่าใครเฝ้าง้อ.... 
ใครกัน มีรัก มีรัก เพียงพอ.... 
ใครกันรอแล้ว.... แล้วยังเฝ้ารอ.... 
เขารอ.... เขารอ.... เขารอ.... เขารอ!..

********


เขียนด้วยแรงบันดาลใจ.... 
ว่าน่าจะมีลูกผู้ชายคนดี.... 
ที่ยังมีใจรักมั่นคง หลงเหลืออยู่บ้างในโลกนี้

 และตราบใดที่คุณยังไม่เคยรักใครมากพอ.... 
คุณๆอ่านแล้วอาจจะบอกว่ามากไป.... 
แต่วันใดที่คุณรักใครสักคน 

วันนั้นคุณจะบอกว่าเขียนน้อยไป.... 
ด้วยแรงแห่งรักที่ยังคงทำให้โลกหมุน.... 
จากใจ รักค่ะ.... 
				
16 ธันวาคม 2546 07:40 น.

นับถอยหลัง!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2530

นับถอยหลัง..ตั้งต้นใหม่ลืมใจเหงา
ความเป็นเรา..ทิ้งไว้ไร้ความหวัง
เริ่มปีใหม่ไม่มีแล้วใครเหนี่ยวรั้ง
ไม่เซซังซมซานหวานหาใคร..

นับถอยหลัง..ทุกนาทีคงมีค่า
กระซิบว่าใครอยากเอ่ยเผยสิ่งไหน
รีบบอกมาอย่าซ่อนไว้ให้เสียใจ
ปีผ่านไปไม่มีฉันฝันระบาย..

นับถอยหลัง..คือเส้นตายที่หมายมาด
หยุดพิสวาสหยุดดวงใจไกลเกินสาย
หยุดหยั่งรากรักลมลมตรมไม่วาย
หยุดทำร้ายทางอ้อมยอมพ่ายเธอ..

นับถอยหลัง..ลบหวังวาดสวาทหวาม
ทุกโมงยามนับนาทียอมให้เพ้อ
ฝากทุกสิ่งทิ้งงดงามไว้ให้ละเมอ
ให้เสนอยอมสนองร้องไห้มา..

นับถอยหลัง..ฝังรอยใจลืมสิ้นซาก
ถึงลมปากลมลวงบ่วงเสน่หา
ตัดสวาทขาดกันปีเก่าลา
หนี้เสน่หา..ใช้ให้หมด..รดน้ำอโหสิกรรม!

*******



บันดาลใจจากปฎิทินที่ได้รับแจกทุกวัน
ว่า..ใกล้ถึงวันปีใหม่แล้วนะคะ
ใครติดค้างใคร อยากทำอะไร
เรามักอยากเริ่มต้นใหม่..ตั้งใจในวันนี้
ทั้งๆที่จริงๆแล้ววันก็คือวัน
เอาเหอะนะ..
นับถอยหลัง..สำหรับคนอยากฝังอดีต
ก็ลองดู..ว่าจะทำสำเร็จมั้ย
รับบอกให้ดวงใจรักรับรู้กันนะคะ
ก่อนจะสายเกินไป..
ทุกสิ่งไม่มีวันหวนกลับมา

***********
*ดั่งสายน้ำเชี่ยวโกรกไหล
ไหลไปแล้วไม่กลับมา
คิดเปรียบไปก็คล้ายเหมือนว่า
รักเอยไม่เคยหวนมา
จากลาไปยังหนใด
คิดถึงเมื่อก่อนเคย
รักฉันเป็นสุขเอย
ไหนเลยจะต้องจากลา*(ต้องมาเพิ่มเนื้อทีหลังค่ะไปหาซีดีก่อน)
***********

http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2530
 สาวสะอื้น   
วงจันทร์ ไพโรจน์ : : Key C  
โอ้ ตัวเรา
คิดไปชวนเศร้า ใจหนักหนา
บ้านอยู่เขา ลำเนาพนา แดนดงป่า
เราเกิดมาอาภัพยิ่ง
เมื่อมีชาย หมายปอง ปองมั่น
ทำให้หวั่นใจหญิง
ขอฝากรัก แต่มักไม่จริง ยังเกรงกริ่ง
นึกกลัวจริง ๆ น้ำใจผู้ชาย
เราเป็นหญิงชาวเขาป่าดง
ชายประสงค์เพียงหลงรูปกาย
ได้ชม พอสมใจก็หน่าย
ความหวานคลาย กลับกลายเป็นรอยน้ำตา
เจ็บและอาย เหมือนคนใจง่าย
ใครเขาไม่นำพา 
หญิงเช่นเรา อับเฉาเกิดมา ไร้ราคา
หัวใจวาจา ยังซื่อสัตย์เอย
เราเป็นหญิงชาวเขาป่าดง 
ชายประสงค์เพียงหลงรูปกาย
ได้ชม พอสมใจก็หน่าย
ความหวานคลาย กลับกลายเป็นรอยน้ำตา
เจ็บและอาย เหมือนคนใจง่าย
ใครเขาไม่นำพา 
หญิงเช่นเรา อับเฉาเกิดมา ไร้ราคา
หัวใจวาจา ยังซื่อสัตย์เอย... 




http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=451
 ไฟเสน่หา   
เพียงพิศ เลิศวิไล : : Key Eb  
เพลง  ไฟเสน่หา 
   
รู้อยู่เต็มอก ซึ้งอยู่ในใจ ว่าเขาไม่รัก
สุดจะหัก ห้ามดวงใจ ดับไฟเสน่หา
รู้อยู่ทุกครั้ง ที่คิดถึงเขา แสนทรมา
ก็เพราะรู้ว่า เขาไม่เคยซึ้ง คิดถึงเราเลย
รักเอย เพิ่งเคยซึ้งตรึงดวงจิต
ไม่อยากคิด ก็ยิ่งคิด นิจจาเอย
รู้อย่างนี้ จะไม่รัก ให้หนักใจเลย
โอ้ใจเอ๋ย ใจเรารัก เขาแล้วเอย
  
รู้อยู่เต็มอก ซึ้งอยู่ในใจ ว่าเขาไม่รัก
สุดจะหัก ห้ามดวงใจ ดับไฟเสน่หา
รู้อยู่ทุกครั้ง ที่คิดถึงเขา แสนทรมา
ก็เพราะรู้ว่า เขาไม่เคยซึ้ง คิดถึงเราเลย
รักเอย เพิ่งเคยซึ้งตรึงดวงจิต
ไม่อยากคิด ก็ยิ่งคิด นิจจาเอย
รู้อย่างนี้ จะไม่รัก ให้หนักใจเลย
โอ้ใจเอ๋ย ใจเรารัก เขาแล้วเอย... 


				
15 ธันวาคม 2546 13:38 น.

ไดอารี่..ไดอะไร!

พุด


หลายวันมานี้
เบื่อรจนาเรื่องหวานๆ หรื่อใช้ภาษาสวยๆ..

วันนี้..เลยไปดูหนัง..ช่วงที่รอดูหนัง ..
ไปอ่านหนังสือก่อน
อ่านฟรี..ที่ร้านนายอินทร์ ..

และด้วยความที่เป็นคนอ่านหนังสือเร็วมาก เลยจบลงโดยไม่ต้องซื้อ
เพราะว่าเป็นคนที่ ชอบหนังสืออีกแบบ..
ไม่ฮิตตามใครๆ แต่จะไม่ตกข่าวถ้ามีหนังสือดีๆ..
หลังจากดูหนังจบ..
ก็เลยคิดว่า ทั้งหนังและหนังสือมันต่างกัน ในบางแง่มุม..
แต่..สรุปคือ..น่ารักดี 
กับความรู้สึกเป็นธรรมชาติ ธรรมดาๆ
ของความเป็นผู้หญิง ไม่ว่าชาติภาษาไหน
แม้สาวไทยจะใจไม่ถึงเท่าในเรื่องรักแบบสาวยุโรป 
ที่กล้าแสดงออก 

นั่นเพราะเค้าเกิดมาคนละวัฒนธรรม
และเป็นการไม่รู้สึกแปลกแยก
ที่จะทำสิ่งที่ออกมาจากใจ จากความรู้สึก ..
แต่สาวไทยเรา..วันนี้คงมีบ้าง..ที่อยากจะลองรัก..ค้นหา..
อยากบอกแค่ว่าตราบใดที่เรายังอยู่ในสังคมนี้

ที่ผู้ชายใจยังไม่กว้างพอ เราเท่านั้นจะเสียเปรียบ..ใช่ใคร 
จงคิดไตร่ตรองนะสาวเอย...จะบอกให้!

ออกจากโรงหนัง...
ก็เดินเรื่อยเปื่อย ไปดูร้านรวงเล็กๆมากมาย 
ที่เปิดใหม่ ..ดูๆไม่ค่อยมีคนซื้อ
มีแต่คนขาย....
ริมถนนสายนี้..น่ารักมาก 
จะมีร้านขายปลา ขายกระถาง ขายต้นไม้ ขายของจากเมืองจีน..

เลยเดินเข้าไป ในสวนสวย 
ที่รุกขชาติกำลังดาระดาษ 
แย้มหวานบานสะพรั่งสีสด เต็มไปหมด
จากเดินเล่น เลยกลายกลับเป็นโดนเสน่หาต้องมนต์จังงัง 
ต้องควักกระเป๋าเป็นพัลวัลเพื่อซื้อ ซื้อ และซื้อ
ต้นไม้ ต้นไม้และต้นไม้
 มีลั่นทมสามสีสามสวย สามระทมแข่งกันตรมกันตรอมในใจดวงนี้..
ได้พญาสัตบรรณ ฟอร์มสวยช่อชั้น แสนงาม 
ได้พุดสามสี หอมฟุ้งขจรขจายให้โลกนี้จรุง

ได้หางนกยูง ดอกสวยหวาน 
สีแสดจัดจ้า ท้าแดดจัดไสว 
ได้หมาก ที่ลำต้นเป็นสีแดงทำให้คลายคิดถึง
มะพร้าวจริงๆที่ปลูกไม่ได้ แทนความคิดถึงบ้านเกิด 
ที่มีมะพร้าวเป็นเพื่อนใจคอยสานใบคลุมศรีษะน่ากลัวจะหล่นใส่..
ได้ไม้แขวนมากมี 
ได้ชบาฮาวายสีสวยจัด ดอกโตเท่ากระด้งใบเล็กนะ 
ที่สดสีงาม และที่สำคัญ....
ได้ความรู้สึก..เบิกบาน 
มีความหวานความสุขภายในใจดวงนี้ 
ที่ได้กลับมาพร้อมกับต้นไม้แสนรัก
ที่พลิ้วไสวล้อลม  เต็มคันรถ...
กลับมาบ้าน...มาวางไว้บนระเบียงบน 
ที่แสนกว้าง จัดวางให้ดูเป็นสวนกลางแจ้ง..

และค่ำคืนนี้หมายตาหมายใจ 
จะมาอาบน้ำแกล้มไปกับลั่นทมแดง ชมพู เหลือง 
ที่กำลังออกดอกพราวหอมเร้าใจ 
ไปกับพุดสามสี กุหลาบและโมกสวย..
คงแสนดีในความรู้สึกจังเลยนะ..

พอยามเย็นมาเยือน  
จะถีบจักรยานพร้อมตะกร้าสานคู่ใจ 
ไปเก็บดอกปีบ ที่ร่วงหล่นขาวพราวพื้น
ที่โรงถ่ายหลายรายการของคุณปัญญาและคุณมยุรา 
เคยเข้าไปดู เห็นคุณมยุราตัวจริง
สวยมาก สวยที่สุด 
เมื่อตะกร้าสานเต็มด้วยดอกปีบแล้ว 
เราก็จะกลับมาหาแก้วใบเล็กๆบรรจุลงไป 
มีแก้วใบหนึ่งแสนสวย
ที่เหมาะมาก และเป็นของขวัญจากชนะงานเขียน
 
เราจะวางดอกปีบไว้ทุกที่ 
ในห้องน้ำ หัวนอน และนาทีนี้
ใกล้จอคอม..
แกล้มหวานให้เรื่องที่กำลังลง..นะนาทีนี้!..


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=5060 

บ้านเราท้องนา
เช้าขึ้นมาออกทุ่ง
ใจที่คิดหมายมุ่ง ลงแขกนา
ตั้งใจ เอาไว้ว่า
เสร็จหน้านาแล้วพาเที่ยวงาน
วัดข้างบ้านมีงานประจำปี
หนุ่มสาวนัดกัน
หวังเที่ยวงานเป็นหมู่
เราซิคนไร้คู่ ช้ำชีวี
ตั้งใจ รอหวังที่
คนรักมาพาเราเที่ยวงาน
แล้วก็ผ่าน วันงานด้วยน้ำตา
บ้าน เรามีแต่สาวชาวทุ่ง
ไร้กลิ่นน้ำปรุง มีแต่กลิ่นไม้ป่า
ฝากลม วิงวอนว่า
ช่วยนำพารักมาให้ฉัน
รักสั้นๆ จริงๆหนอเรา
บ้านเราท้องนา
เช้าขึ้นมาฟ้าผ่อง
ลมบ้านเราพัดล่อง หนาวก็หนาว
คนกรุง คงจะถูก
กักตัวไว้เขาไม่ให้มา
สาว บ้านป่า ก็คงจะเลิกคอย

บ้านเราท้องนา
เช้าขึ้นมาออกทุ่ง
ใจที่คิดหมายมุ่ง ลงแขกนา
ตั้งใจ เอาไว้ว่า
เสร็จหน้านาแล้วพาเที่ยวงาน
วัดข้างบ้านมีงานประจำปี
หนุ่มสาวนัดกัน
หวังเที่ยวงานเป็นหมู่
เราซิคนไร้คู่ ช้ำชีวี
ตั้งใจ รอหวังที่
คนรักมาพาเราเที่ยวงาน
แล้วก็ผ่าน วันงานด้วยน้ำตา
บ้าน เรามีแต่สาวชาวทุ่ง
ไร้กลิ่นน้ำปรุง มีแต่กลิ่นไม้ป่า
ฝากลม วิงวอนว่า
ช่วยนำพารักมาให้ฉัน
รักสั้นๆ จริงๆหนอเรา
บ้านเราท้องนา
เช้าขึ้นมาฟ้าผ่อง
ลมบ้านเราพัดล่อง หนาวก็หนาว
คนกรุง คงจะถูก
กักตัวไว้เขาไม่ให้มา
สาว บ้านป่า ก็คงจะเลิกคอย... 
******


พุด..กำลังเรียบเรียงผลงาน
มิให้สับสนค่ะ
ต้องขอโทษด้วยค่ะ				
15 ธันวาคม 2546 01:12 น.

นักอยากจะเขียน..นักฝัน..ค้าง

พุด



แพม ขอบคุณมาก 
ที่มีท่านผู้อ่าน ที่แสนดี มากมีน้ำใจ 
ที่ได้ให้กำลังใจ และยกย่อง เรียกว่า นักเขียน....

สารภาพนะคะ..ว่าจั๊กกระจี้ 
และแสน ละอายใจ ที่ได้ยินได้ฟัง ใครมาเรียกอย่างนี้
ทั้งๆที่อยากจะเป็น อยากจะรับไว้ใจจะขาด...
 โอ้.. คำที่แสนดี....นักเขียน...อื้อฮือ... 
ช่างแสนสวย แสนงาม ในความรู้สึก

แต่ขอบอก..นะคะ ว่า..มันคงเป็นไปไม่ได้. 
เพราะคำคำเดียวนั้นมัน..ยิ่งใหญ่.. 
ไกลเกินคำว่า... ดาวเอ๋ยดาวน้อย 
ที่ลอยสูงเด่น..ซะอีกนะ แม้อยากจะคว้าไขว่

คำว่า นักเขียน นั้น 
สำหรับในใจในความรู้สึก ของแพม 
มันล้ำลึก ลึกลับเลอเลิศ สูงค่า สูงส่ง 
ราวกับดาวอังคาร ที่ไกลเกินเอื้อมเลยค่ะ ไม่ใช่ดาวน้อยธรรมดาๆ

ยิ่งได้อ่านผ่านตา 
วิถีคนกล้าของการฟันฝ่า 
เพื่อมาเป็นนักเขียนใหญ่ อย่างกวีซีไรต์
ของคุณ กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ 
ที่รักจะเขียน วรรณกรรมเพื่อชีวิตแล้ว...
ยิ่งเหี่ยวห่อ เป็นยิ่งนักนะใจ ไม่ใช่อย่างอื่นเหี่ยว....นะคะ

เพราะ..หนังสือ เล่มล่า 
ชื่อ หุบเขาฝนโปรยไพร 
ของคุณกนกพงศ์นั้น 
ยิ่งตอกย้ำทำให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า... 
คนเราจะเป็นนักเขียนที่ประสพความสำเร็จได้นั้น
ต้องมุ่งมั่น มากมีความเพียรพยายามเพียงใด 

บางคนถึงกับต้องเสียสละ ความรักแบบครอบครัว
เพื่อเอาเวลามาทุ่มเท ให้กับงานฝัน 
งานจินตนาการ งานเขียน 

ที่ต้องใช้ความคิด คิด และคิด 
เพื่อ..ก้าวผ่านพ้น คำว่ารักแบบดึงแข้งดึงขา 
ที่จะแย่งเวลา แย่งความสงบ ..สมาธิ...
นี่คือ นักเขียนที่หวังสูง มีอุดมคติมากล้น เกินคนธรรมดาๆ

บางที อ่านไปอ่านมา 
ถึงการต่อสู้กับความต้องการของตัวเอง 
แล้วก็เศร้าแทน คุณกนกพงศ์ 
แพมคิดว่า ไม่มากไปหน่อยหรือ คุณกนกพงศ์ คะ! 

แต่คนเรา
มักคิดอะไรต่างกันในมุมมองของชีวิต 
แม้วิถีนั้นมันจะสุดโต่ง 
แต่เขาก็ทำด้วยความรัก ความพอใจนี่นา
แล้วเราจะมาเอาศีรษะ ไปหนักแทนทำไมกัน....
แต่ขอบคุณนะคะ 
ที่เป็นแรงบันดาลใจ บันดาลฝัน ให้แพมสามารถ รจนา
เรื่องจากดวงจันทร์ ถึงดวงใจได้เรื่องหนึ่ง หลังอ่านจบ

นี่ถ้าไม่อาย 
จะส่งไปให้คุณกนกพงศ์อ่าน นะท่าจะดี
แค่อยากบอกเป็นนัยๆว่า 
ทำอะไรน่าจะเดิน สายกลาง 
ให้มีความพอดี ความว่าง ความพอใจ น่าจะเข้าทีดีที่สุด 

สำหรับแพม คิดว่า 
ถ้าต้องแลกกับคำว่า.. 
นักเขียน..ยิ่งใหญ่ไปถึงโลกไหนในอนันตกาลจักรวาลสุดหล้า.. 
ด้วยชีวิตที่ว่างเปล่า เหลียวไป ไม่มีรัก
ไม่มีอบอุ่น แบบปุถุชน คนเดินดินแล้ว 
แพม...คงไม่...ขอเป็น จะดีที่สุด
และเพราะรู้ว่า อยากแค่ไหน ก็ใช่จะเป็นได้ทุกคนซะเมื่อไหร่....

คนมีอุดมคติสุดขั้ว ในโลกนี้ มีมากพอแล้ว 
ขอให้เขาเดินไปในเส้นทางนั้นเถิด
ถ้าเขามองเห็นทางนั้นสวยสด 
และถึงฝั่งฝันได้อย่างไม่ยากเย็น...
แพม..ทนขวากหนาม 
ความอดทน ความยากลำบาก 
เพื่อพิสูจน์คุณค่า ในตัวเองไม่ไหวแน่ 
คงพ่ายแพ้เพลี่ยงพล้ำ เสียก่อน 
เพราะพลังใจไม่กร้าวแกร่งพอ

จึงขอสดุดี..นักเขียน 
และศิลปินทั้งหลาย ในหล้าโลกนี้ 
ที่ประสบกับเกียรติยศ 
กับความชื่นชม ความสำเร็จ 
สามารถก้าวพ้นผ่าน ด่านอรหันต์ มหันตภัย
จนได้ฝากผลงาน ไว้เพื่อเป็นเกียรติ 
เป็นประวัติศาสตร์ของชีวิต และของโลก

แพม...ขอก้มศีรษะและดวงใจ ลงคารวะ 
แด่ท่านทั้งหลายเหล่านั้น ที่น่าชื่นชมสุดขั้วหัวใจ

แพม..เป็นแค่..นักอยากจะเขียนแค่นี้ ก็แสนดีแล้ว 
เพราะทุกวันนี้ก็มีคนตัดพ้อ 
และเหน็บแนม แกมประชดแพม 
ด้วยสมญานาม มากมี....เช่น
โคโค่เพ้อ โคโค่พลอมแพลม 
ลับๆล่อๆแล้วแต่สถานการณ์อารมณ์
ที่เป็นดั่งนี้..เพราะเหตุว่า..... เวลาในชีวิต
ได้ถูกงานเขียนมาแบ่งปัน 
ไปบางส่วนและมากมีในบางวัน...

บางคืนค่ำ นอนอยู่ดีๆ ก็เหมือนผีเข้า 
เด้งดึ๋งได้ แบบนักยิมนาสติก ไวปานนั้น
เพราะคิดคำกลอนได้
 แม้จะธรรมดาๆ แต่สำหรับแพม...
มันแสนดี มีค่ามากเลย
ที่อยากมอบให้ ผู้อ่านผ่านตา นะคนดีที่รักยิ่ง.....

และเชื่อไหมว่า 
ตั้งแต่มาจับงานเขียน แบบมือใหม่สมัครเล่นแล้ว
ไม่ว่าไปไหนๆ ใจดวงที่ปลอดโปร่งโล่งงาม 
ก็ไม่วายจะสรรหา เรื่องมาคิด คิด คิด 
ทั้งที่มีสาระและไม่มี 
ที่มัก จะออกมาในแนว 
พร่ำเพ้อละเมอหารัก เสียเป็นส่วนมาก 
เพื่อ เสนอสนองอารมณ์ 
อยากเขียนของตัวเองนะซี จะมีอะไร

บางทีคิดเอาว่า น่าจะมีใครสักคน รู้ใจ 
ราวเพื่อนร่วมฝัน ร่วมเส้นทางแห่งกำลังใจ
ที่ทอดยาวไกล ให้เดินดุ่ม ค้นหา ไม่รู้จบ..
เพื่อมอบสิ่งดีๆ ที่อยากรินรด จ่ายแจก 
ให้เห็นงามตามกันไป ใน ทางสายสวยใส เส้นนั้น

ชีวิตนี้...จึงราว..ถูกพันธนา 
ด้วยความฝัน อันอลังการ 
ตามประสาใจคนอยากเขียนอยากถ่ายทอด
ที่รอเวลาจะระเบิดพวยพุ่ง..
เป็นความฝันที่แสนงามราวสายรุ้ง...เลื่อมสี.
แม้นมิเคยคิด คาดหวัง
 ไฉนเลยใจยังเป็นไปได้ถึงเพียงนี้...หนอ
ที่ ทั้งทุ่มเท ทุ่มใจ ไม่เหน็ดเหนื่อยเลย

งานการเขียนนั้น 
ถ้าจะให้ดี ต้องเขียนให้ถูกใจผู้อ่าน 
และมีสาระ ย่อยเรื่องยาก 
ให้กลายกลับเป็นเรื่องง่ายๆ น่าสนใจติดตาม 
และ...ยังมีกลวิธีซับซ้อน
 ที่เป็นเทคนิคในการเขียนของแต่ละคนไม่เหมือนกัน.....

นักเขียนส่วนมาก 
มักผ่านการเป็นนักอ่านตัวยงมาก่อน
 แล้วลองพัฒนาตัวเอง พยายามลองเขียนดู
ถ้าไม่รักการอ่าน

 อยู่ๆจะเขียน คงต้องเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์
และมีความเป็นอัจฉริยะ ในตัวตน..อย่างล้ำเลิศ...

เขียนมายาวย้วย 
เพียงอยากบอกว่า ชีวิตแพม..ช้าไป แล้วต๋อย 
ที่จะทุ่มเทมากมายกว่านี้ได้ จนหมดใจ
 เพราะหมดไฟหาหนทาง....
 ที่จะก้าวย่างไปไกลสู่โลกบรรณพิภพ ของคำว่านักเขียน..

อยากฝากใจ ฝากบอก 
ถึงนักเขียนสมัครเล่นรุ่นใหม่..แค่นั้น
ที่ยังเป็นคลื่นลูกใหม่ไฟฝันยังแรงร้อน ว่า....
ทุกสิ่ง ไม่ไกลเกินเอื้อม ถ้าเริ่มวันนี้ 

เพราะยังมีหนทางไกลให้ลองก้าวเดิน 
จงทำด้วยใจ ด้วยรักนะคะ
และ..แพมคนนี้....
จะขอเคียงข้างให้กำลังใจ....ไปเสมอ 

เพียง..แค่ขอ..เห็นใครสักคน
สานฝัน....ในใจแพมนั้น...ให้สำเร็จ เป็นจริง

ด้วยรักนี้..จากใจโคโค่แพมนะคะ. 
แด่นักเขียนสมัครเล่นทุกท่านในร่มรักเรือนไทยนี้....
ที่ให้โอกาสเราทุกคน
ก้าวเดินไป...ตามหาฝัน..วันแสนดี...แสนยิ่งใหญ่..ของเรา ค่ะ
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด