2 กุมภาพันธ์ 2547 14:05 น.
พุด
ให้กาลเวลาช่วยตัดสินใจ
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=413
**********
ฉันลงทุนเขียนเกมรักด้วยหัวใจขึ้นบทหนึ่ง
เป็นเกมซึ่งใช้ความฝันใช้หวั่นไหว
ใช้หัวใจใสซื่อเดิมพันใจ
เทหัวใจให้บางคนจนหมดใจ
มาวันนี้เขาคิดว่า..ฉันผู้แพ้
ตามเกมแก้ไม่ทันจนหวามไหว
หารู้ไม่ในเกมรักเรื่องหัวใจ
แท้จริงไซร้คือลิขิตของฟ้าดิน
เกมหัวใจจบลงแล้วนะยอดรัก
แม้อกหักยับเยินใช่หมดสิ้น
แม้ขมขื่นชอกช้ำน้ำตาริน
ยังตัดสินไม่ได้ใครทุกข์ทน..
เพราะวางหัวใจเดิมพันไว้ในเกมนี้
เธอรู้ดียามนี้ใครสับสน
แม้จากไปฝากจริงใจกลางกมล
ฝากเกมกลเกมใจเป็นบทเรียน..
เกมสุดท้ายถามหัวใจใครชนะ
เธอหรือจะแน่ใจไม่แปรเปลี่ยน
ถามหัวใจไปมาวกวนเวียน
โลกหมุนเวียนใจหมุนวน..จนสุดท้ายบอกกับใจ..แพ้ดวงใจใครคนนี้ที่รักจริง!!
กาลเวลา
ลินจง บุนนากรินทร์ : : Key Eb
ฉันปล่อย ให้กาล เวลา
ตัดสิน ชะตา ปัญหา หัวใจ
แม้ จะรักเธอ รักเธอ เท่าใด
แต่ หัวใจ ดวงนี้ มีสิ่ง ผูกพัน
ขอให้ เป็นเพียง การคอย
อย่างน้อย เรายัง เรียนรู้ ใจกัน
เพราะว่า หัวใจ ของเรา ผูกพัน
วันหนึ่ง วันนั้น
ความฝัน อาจ เป็นความจริง
เรารู้ การคอย คือการ เจ็บปวด
เป็นความ เจ็บปวด
รวดร้าว ใจทุกสิ่ง
ทุกหยด ของกาล เว-ลา
ที่ ปรารถนา และ ความจริง
คอยสิ่ง ที่เรา มั่นใจ
ฉันปล่อย ให้กาล เวลา
ช่วยชี้ ชะตา ไม่รู้ วันใด
แม้ จะต้องคอย และคอย ต่อไป
นาน สักเพียง ไหน
ปล่อยให้ กับกาล เวลา
เรารู้ การคอย
คือการ เจ็บปวด
เป็นความ เจ็บปวด
รวดร้าว ใจทุกสิ่ง
ทุกหยด ของกาล เว-ลา
ที่ ปรารถนา และ ความจริง
คอยสิ่ง ที่เรา มั่นใจ
ฉันปล่อย ให้กาล เวลา
ช่วยชี้ ชะตา ไม่รู้ วันใด
แม้ จะต้องคอย และคอย ต่อไป
นาน สักเพียง ไหน
ปล่อยให้ กับกาล เวลา...
1 กุมภาพันธ์ 2547 10:14 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2084
(รับบทใหม่ไม่มีเธอ)
http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_27257.php
(หน้าเก่างามน้ำใจให้พลัง)
*********
เขียนกลอนสดบทนี้ตอนฟ้าสาง
ในท่ามกลางแสงตะเกียงอันริบหรี่
กระท่อมต้นไม้ไหวหวามยามราตรี
ดาวใจดีเดือนเสี้ยวงามยามแย้มยล..
หอมดอกไม้เย้าสายหมอกที่หยอกล้อ
ผกาช่อรอน้ำค้างกลางเวหน
แก้วร่วงกราวพราวพื้นหอมกมล
หนาวเนื้อจนอยากพ้อต่อคนไกล..
อรุณเรื่อเจือหวานบานเบิกฟ้า
รุ้งเยือนหล้าดับฟ้าหม่นสว่างไสว
จันทร์เหว่ว้าอำลาอ้อนอาลัย
ถามอาทิตย์ไยเราสองต้องพรากกัน..
เสียงนกร้องก้องราวไพรมาคอยปลุก
ใสพิสุทธิ์ดุจดนตรีจากสวรรค์
ม่านราตรีคลี่ปิดให้ตะวัน
เพื่อสร้างฝันวันใหม่ไปตามกาล..
ละคอนโลก โบกมือรอ รับฉากใหม่
ให้เล่นไปตามบทที่ผันผ่าน
มีโศกเศร้าเคล้าคลุกสุขซึ้งซ่าน
อยากได้บทหวานหวังทั้งปี..อยู่ที่ใจ ใครสร้างเล่าเจ้ากำกับของเจ้าเอง!
และขอฝากความรักและคิดถึงยอดกวีที่อเมริกา...
ห่างหายให้ใจหายนับวันรอนานเนิ่นกินนับแล้วค่ะ
อักขระ อักษรศรัทธ์...
๏ ตอนเขียนกลอนบทนี้ฟ้าสีพลบ
อุณหภูมิติดลบหนาวขบเนื้อ
เมฆเปื้อนส้มชมพูช้ำแดงก่ำเจือ
ไม่มีเหลือหลงฟ้าดาราดวง๚
๏ หอมใจรักแย้มยุบลใครคนนั้น
กระแจะจันทร์ฝันกรุ่นยี่สุ่นสรวง
แตะซอกคอคล่าวอาบกำซาบทรวง
หอมกว่าปวงพเยียใดในโลกคน๚
๏ มาตุคามไกลแสนอยู่แดนลิบ
วอนเทพทิพย์นำกานท์ผ่านแห่งหน
ว่าเรียมยังหวังใฝ่หทัยดล
อยากคืนเหย้าไปเยี่ยมยลอดทนรอ๚๛
1 กุมภาพันธ์ 2547 02:00 น.
พุด
เดือนเสี้ยว..ฟ้าเศร้า...
พราวแสงจันทร์เคล้าแสงเทียนอบอุ่น..
ไพลพาร่างใจหนีโลกวายวุ่นภายนอก..เข้าสู่..
โลกภายในนิ่งงันเงียบงาม..ลำพัง...
โลก..ที่เต็มไปด้วยพลังรักมหัศจรรย์..
ความหวัง..ความฝัน..จินตนาการ...
อย่างสิ้นไร้ขอบเขต..ใดใด มาขวางกั้น..
หลากสีสัน หลากรสอารมณ์ ทั้งหวาน มันส์ สุขเศร้า
รานร้าว โศก สะเทือนใจ..
ดวงจันทรา ลอยคว้างกลางนภากว้าง
กรุ่นดอกไม้หอมกำจายพร่างกลิ่นจรุง..
มากับสายลมรำเพย..บางเบา..
ไพล น้ำตาซึมซึ้งอย่างช้าช้ากับบทพรรณา
ทุกบรรทัดทุกหน้า ของหนังสือในมือ..
*ตัวตนและความรัก
แพน
เทพแห่งไพร*
และ
ก่อนดึกสงัด ในราตรีอันโดดเดี่ยว
หัวใจไพลดวงดายเดียว ก็ถึงกับนิ่งงันอั้นอึ้ง
แทบหยุดหายใจ!
ด้วยความเศร้าสะเทือนใจไปตามตัวอักษร...ถึงบทสุดท้าย!
คนุท แฮมซุน นักเขียนรางวัลโบเบลชาวนอร์เวย์
ได้ปิดฉาก
*แพน เทพแห่งไพร *ไว้ได้อย่างโศกสะเทือน สุดทน
กมลละมัยของไพล ที่ไหวตาม
ก็ถึงกาลกับน้ำตาพร่าง...ริน..
ราวได้สัมผัสมหัศจรรย์รักอันเป็นนิรันดร์ในรูปแบบใหม่
เป็นเสน่ห์ในหยดหมึก
ที่ยอมหลั่งหยาดน้ำตาสังเวยนะนาทีนั้น...
ไพล..นอนสยายผมระทมไหว..
ด้วยดวงใจละมุนละไมละเมียดรักเป็นที่สุด
และ
ในความอ้างว้างใจว่างใจ
ไพลกลับ
คิดถึงทุกดวงใจ
จนต้องกระซิบฝากสายลมฟากฟ้ากว้าง
กับดาวพร่างพราย..โชนฉายแสง
ถึงถ้อยคำ..ของผู้แต่ง..ผู้ประพันธ์
ที่กล่าวถึงนักเขียนไว้ว่า...
*ภาษาต้องสะท้อนความกลมกลืนของเสียงดนตรี
นักเขียนต้องค้นหาคำพิเศษเพื่อสื่อความหมายอยู่ตลอดเวลา
และสามารถดึงเอาเสียงสะอื้นออกมาจากจิตวิญญาณได้
ถ้อยคำอาจแปรเปลี่ยนไปเป็นสี แสง เสียง และกลิ่น
และ
งานของนักเขียนก็คือ*ใช้* มันสื่อความหมายให้ได้
อย่างไม่ผิดพลาดและถูกมองข้าม
นักเขียนต้องสามารถรู้สึกสนุก
และโลดแล่นไปในความอุดมดื่นของถ้อยคำ
เขา..ไม่เพียงต้องรู้ความหมายโดยตรงของมัน
แต่จะต้องรู้ไปถึงพลังลึกลับของมันด้วย
ในคำคำหนึ่งนั้นมีทั้งน้ำเสียงและความหมายแฝงอยู่
รวมทั้งความหมายที่กังวานคลอไปกับมันด้วย*
และยามค่ำนี้
ไพลขอฝาก แถมถ้อยร้อยเรียง จากดวงใจถึงดวงใจ
ในคำของคนุท ที่รักธรรมชาติ ใกล้ชิดธรรมชาติ
ให้รินไหลสู่ห้องใจบึ้งใจของคนดี
ที่ราวเรามีเนื้อใจดวงเดียวกัน
**ผมอยากเอ่ยขอบคุณ ราตรีอันโดดเดี่ยว ภูเขา
เสียงกระซิบกระซาบของความมืด และท้องทะเล
เงี่ยหูทางทิศตะวันออกและฟังทางทิศตะวันตก
แต่ฟังสิ!
นั่นไง พระเจ้าผู้เป็นนิรันดร์!
เสียงกระซิบพึมพำของความนิ่งงันสงัดข้างหูผมนี้
คือเลือดของธรรมชาติทั้งมวลที่กำลังพลุ่งพล่าน
คือพระเจ้าผู้กำลังแสดงตัวผ่านโลกนี้และผ่านมาในตัวผม**
สำหรับแฮมซุน แล้ว
**ค่ำคืนหน้าร้อนอันยาวนานไม่สิ้นสุดของนอร์เวย์
ได้ แต่งแต้มสีสันขอบฟ้าด้วยแสงสีแดงอันเข้มหนาสงบนิ่ง
ไร้ความเคลื่อนไหวราวกับผืนน้ำ
เมื่อเพ่งมองไปยังน้ำทะเลสีใส
ผมรู้สึกราวว่านอนราบ
อยู่บนแผ่นหินอันเป็นฐานรองโลก
คล้ายกับว่าหัวใจของผมซึ่งเต้นเร่าอยู่นี้
ได้ออกไปสุ่ความลึกล้ำนั่นและรู้สึกอบอุ่นสบายใจเมื่ออยู่ตรงนั้น
พระเจ้ารู้ดี ผมบอกตัวเองว่า
เหตุใดคืนนี้ขอบฟ้าจึงประดับประดาตัวเองด้วยสีม่วงและสีทอง
คงจะมีงานเลี้ยงฉลองอยู่ ณ ที่ใดสักแห่งในโลกนี้**
******
และ
ในราตรีนี้
ไพลเชื่อแล้วว่าพลังกระแสจิตของเรานั้น
มีจริง
เป็นพลังธรรมชาติที่เกิดจากจิดดวงดี
ที่เราต่างซึ้งใจกันและกันดี
เป็นพลังงามเงียบ
ที่พระเบื้องบนเมตตาประทาน
ราวกับอยากให้เราได้ใช้พลังรัก
จากดวงใจจากสมองสองมือ
ช่วยกันประคับประคองฝัน
ช่วยกันถักทอฝันสรรสร้างโลกรักอักษรา
ดับร้อนผ่อนเย็น คืนกลับ ให้กับหล้าโลก แทนคุณ
และ
แม้นดวงใจเราจะโศกจะสุข ก็จะสู้ทุกอุปสรรค
มิชะงักด้วยคำคนคำใคร
มิไหวหวั่นสิ้นพลังกับคำพิพากษามิจริง
หากใจจับใจใจจักสร้างพลัง มิคิดผิดมิคิดร้าย
ขอเพียงมีใจดวง*ให้*และ*แบ่งปัน*
สู้ฝ่าฟันสิ่งงดงาม
อย่างผู้รู้ตน อย่างผู้มีกมลเหนือโลก
แม้นจะโศกตามประสาปุถุชน
ก็จะวูบวับดับหายดับได้ไม่นาน
สำหรับ
ไพล..ขอขอบคุณ *คนุท แฮมซุน*
ที่ราวกับจะมามอบพลังหมุนโลกบรรณพิภพ
มาให้งามงดในดวงใจไพลค้นพบแง่งามชีวิต
และ
ไพล ตั้งใจจะพยายามลิขิตเรื่องสั้นแสนดีสักเรื่อง
มามอบกำนัลเป็นของขวัญจากใจด้วยน้ำใจ
แด่มิ่งมิตรน้องพี่ในร่มรักเรือนไทยแห่งนี้
ที่มีใจแสนดีแสนงามพอกัน..
ที่กำลังจะตามมาในไม่ช้า
ขอได้โปรดติดตามนะคะ
ด้วยรักเหลือประมาณใจ..แล้วค่ะ..นะคะ!
29 มกราคม 2547 23:12 น.
พุด
วันนี้เด็ดดอกรัก
ได้ดอกรักสีม่วงมาจากข้างทางค่ะ
ประคองมิให้ยางรักเหนียวติดมือมาถึงบ้าน
ตั้งใจร้อยมาลัยนะคะและขอมอบให้ทุกดวงใจแทนรักคิดถึงค่ะ..
ร้อยดอกรักวางริมหมอนก่อนหลับฝัน
หวานหยาดจันทร์ครึ่งดวงทวงคิดถึง
ค่ำคืนนี้หอมกลิ่นเทียนแทนใจซึ้ง
ใครคนหนึ่งรักรอพ้อดวงใจ...
กลิ่นสไบฝากร่ำไปแทนอ้อมกอด
เคยพร่ำพลอดในวันนี้หายไปไหน
ไม่มีแล้วไม่มีเลยฤาหัวใจ
เคยอ่อนไหวใจอ่อนหวานมานานวัน
การะเวกเสกกลิ่นแก้มแกมลมหนาว
แก้วพร่างพราวดอกนวลยวนเย้าฝัน
รักเราเอ๋ยเคยภิรมย์ชมหวานจันทร์
ทิ้งดอกฝันพลันลาร่วงทวงถามใจ
ก่อนหลับฝันใครกันหนอรอฝากจูบ
เล้าโลมลูบจูบในใจหวั่นหวามไหว
ให้คนดีในร่มรักทุกดวงใจ
คิดถึงใครคิดถึงกันนอนฝันดี..(อย่าได้มีฝันค้างอย่างชัยชนะเลย)นะคะ
มาลัยดอกรัก
ชาย เมืองสิงห์ : : Key Eb
หอมมาลัย
ที่ชาย รับมาจากเจ้า
รับมาจากสาว
เล่นเอา หัวใจชายสั่น
พวงมาลัย
คล้องดวงใจ ผูกพันธ์
ต่างพยานรักกัน
ไม่ว่าคืนหรือวัน
จิตรำพันถึงเธอ
หลับละเมอเพ้อ ไป
แม่พวงมาลัย
ขวัญใจ บ้านอยู่ไหนเล่า
น้องมาลัย
เก็บใจ ไว้ให้ชายก่อน
แม้นยามที่นอน
กลิ่นขจร นะมาลัยเจ้า
ภุมริน นี่จะคอย หยอกเย้า
จูบมาลัย เบ๊าเบา
จะไม่ยอมให้เฉา
ให้นานเนาแสนนาน
ดั่งดวงมาลย์ขวัญเรือน
ให้เป็นเพื่อนเตือน
รักเรา จ้าวหัว ใจ
โอ้ ละหนอ ลอยมา
ลอยมา แล้วอย่าลอยไป
มาลัย เคยมอบให้พี่
จะด่วนรีบหนี จากพี่ไปไหน
มาลัย จงอย่าลวงล่อ
จงรีบคล้องคอ พี่เสียโดยไว
รักน้อง หรอกนะงามขำ
กลัวน้องจะช้ำ ถ้าหลงทางไป
เพราะเจ้า ยังสาวสดสวย
ถ้าหลงทางลงห้วย
ใครจะช่วย เจ้าได้
ผิดนัก ดอกรักจะช้ำ
อย่าหลงน้ำคำ มารยาสาไถ
อย่าให้ มาลัยดอกรัก
โรยรากลีบหัก พลัดพรากกระจาย
มาลัยจ๋า อย่าลืมเจ้าของ
เดี๋ยวยามเจ้าหมอง
จะมานั่งร้องไห้
มาลัย แม่เอ๋ย มาลัย
จงมอบหัวใจ
ให้พี่ชายคนเดียว...
29 มกราคม 2547 15:53 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=3136
(เพลงรักทะเลใต้)
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=193
(URLรังรักในจินตนาการ)
**************
ที่รัก..
คุณจำได้ไหม..
ทันที่เราทั้งคู่ขับรถขึ้นมาบนภูผา เนินผาแห่งนี้
ที่มี..ผาหินมหึมาเคียงตัวลดหลั่นกันไปตามชายหาดกว้างร้างไร้ผู้คน
เป็นดั่งแนวคลื่นหินที่มีมนตรางดงามราวฉากนิยายปรัมปรา..
ฟ้าสีครามงามเข้ม..ใสกระจ่าง..สดสว่างไสว..สุดตา
ตัดฉับกับผืนทะเลเงินระยิบตาตรงหน้าระยับใจ..ประดุจสวรรค์สรวง
อากาศหอมสดชื่นบริสุทธิ์
กระแสลมแรง..จนแล้งไร้ต้นไม้
มีเพียงร่ายระบำของดงดอกหญ้า
ซ่อนไปตามแนวผาแทรกไปตามหินตะปุ่มตะป่ำ..
ไหวเอนรับรินร่ำพรายแสงรอนรอนละอออ่อนอุ่นยามค่ำย่ำสนธยา
เคียงทะเล..ผืนงาม
คือหาดทรายสีทองขนานไปกับชายฝั่งมลังเมลือง
ฉัน..ผวาลงจากรถ..
จนผ้าไหมสีสดที่คลุมผมพลัดตกลงบนผืนหญ้า
และถูกลมพาพัดปลิว..หายไป..กลางทะเลเบื้องล่างละลิบลิ่ว..
ผมฉันปลิวไสว..ในท่ามกลางกระแสลมยามค่ำ
กระโปรงบานพลิ้วพลันหมุนคว้างเผยเรียวขางามสล้าง..หากมิใส่ใจ..
กลับวิ่งถลา..พาร่างไปยืนนิ่งทิ้งใจดื่มด่ำ
หันหน้ารับแสงฉ่ำก่ำแดงของดวงสุริยา
ที่ใกล้ลาลับฟ้าลาลับหล้า..อีกไม่นานนาที
ภาพนี้ที่คุณกดชัตเตอร์ทัน
แม้นมันจะย้อนแสงสวย
และคุณบอกว่า..
ภาพฝันนั้นฉันงามราวเทพีกรีก
ด้วยลำแสงสีทองตกต้องร่างพอดิบพอดีราวจัดวาง
และทำให้คุณกระซิบริมแก้มฉันว่า..
ทำให้คิดถึงนิยายปรัมปราของกรีก
*...*มิโดโนส*
เป็นเสมือนหลานปู่ของอพอลโล..เทพเจ้าแห่งตะวัน
และ
ก้อนหินบนเกาะทุกก้อนนั้น..
*โพไซคอน*
เทพเจ้าแห่งท้องทะเลได้ใช้เป็นอาวุธสู้รบกับเหล่ายักษ์...
ตะวันและท้องทะเล..จึงเปรียบเสมือนเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์
เป็นที่เคารพสักการะของชาวประมง ชาวทะเล
และชาวนาที่อยู่บนเกาะนี้นับเนื่องกันมานับพันๆปี
และมนุษย์เหล่านี้
ก็พากันหลงใหลมนตราเสน่หาแห่งเกาะจนมิอาจพรากจาก
****
ใช่สินะ..คนดี..
คุณก็รู้ดีนี่ว่า..ฉันเองก็เป็นสาวชาวเกาะ
ผู้เกิดมากับตะวันดวงโตโผล่พ้นผืนน้ำทะเลสีฟ้าตรงหน้า
กับมวลหมู่นกนางนวล
พากันโผผินบินถลาหาเหยื่อในพรายแดดสีทองอ่อนอุ่น
กับละมุนของหาดขาวดาวสวยสุกใสใกล้เสียจนแทบเอื้อมมือคว้า..
กับพราวพิสุทธิ์ของท้องทุ่งนา.
และราวป่าราวไพรพฤกษ์กลางเกาะสวาทหาดสวรรค์..
กับสายธารหวานระรินร่ำ..
ไหลฉ่ำเย็นมาจากเทือกเขาลำเนาไพร
กับป่ายางสูงใหญ่..กับดวงดอกไม้..
กล้วยไม้มงกุฏไพร..ที่หายากยิ่งนัก..
และ
กับผาสูง..เย้ยหล้า
ท้าสายหมอกสายเหมยเย้ยพสุธาฟ้าดิน..ชะโงกง้ำ
ให้ป่ายปีนผจญภัย..
ราวดินแดนมหัศจรรย์..ได้ปลดเปลื้องพันธนาการ
ได้ติดปีกขาวให้หัวใจรักอิสรา
เสมือนว่าเป็นดั่งนกไพร
ที่ร่ำร้องอยากลองโผผินบินไป..
ให้ไกลแสนไกล ตามใจฝัน
ออกท่องชมลำนำลำเนาไพร
ท้องฟ้ากว้างไกล ทะเลแลละลิบเบื้องล่าง
และเกาะเกสรพร่างหอม
ของมวลหมู่ดวงดอกไม้ในราวป่าใหญ่ไพรกว้างมิร้างรัก
*****
นะนาทีนั้น..จำได้ไหมเล่าดวงใจ..
ที่ฉัน..ฝันและบอกคุณ.
ฉันต้องซื้อผืนดินในฝันอันเป็นพสุธาที่แสนรักนี้
ไว้สร้างรังรัก..กระท่อมในจินตนาการ...
เพราะมันงามงดหมดจดใจกว่าที่ไหนในโลกหล้า
ในคลองตาคลองใจฉันที่เคยผ่านพานพบ..
และ
นะภูผาสวรรค์แห่งนี้..
ที่ยังมีสายลม..พรมพร่าง..
แม้นดูร้างไร้กลับให้งามใจนิ่งงันเงียบงาม
ท่ามกลางความอ้างว้างกลางผืนโลกที่ร้อนระอุ..
ที่ยังดูพิสุทธิ์ใสดั่งไข่มุกพราวขาวสวยกลางอ่าวสีมรกตน้ำดี..
ที่สองตานี้ยังมองเห็นทัศนียภาพงามรายรอบได้กว้างไกล
เห็นเกาะในดวงใจ..ที่ผุดโผล่ราวองครักษ์ผู้พร้อมพลีพิทักษ์
รักเจ้านายมิให้ดายเดียวเปลี่ยวเหงาใจในทุกโมงยาม..
คนดี..และที่ตราตรึงซึ้งในกมลละมัยที่ตรึงตาและตรึงใจ
สุดที่จะหักห้ามใจดั่งต้องมนต์..
คือ..ภาพยามเย็น..ยามตะวันลา
ที่ทอรัศมีทองทาทาบอาบฉ่ำลงบนผืนน้ำ..ดงหญ้า..และผืนทราย
ให้ผู้หญิงคนนี้..ที่รักอารมณ์เหว่ว้า ยามตะวันลา ตะวันตกดิน
ได้ซึ้งสุดมิอาจหยุดรักได้เลยนะดวงใจ....
*********
และ
นะวันนี้.
กระท่อมในฝัน สวรรค์สรวงของเราสำเร็จแล้ว..
นะแก้วตานะดวงใจ..ด้วยแรงรักแรงใจ แรงเสน่หาที่วาดหวัง
ที่ฉันหวังจะกลับมาฝังฝากร่าง
และจิตวิญญาณนะเนินผาแห่งนี้ตราบชั่วชีวีชีวัน
กระท่อมแห่งฝัน..
ที่คุณก็รู้..ฉันใช้หัวใจรัก...ร่างแบบ.
ตามใจฝันตามจินตนาการแห่งรัก
และมันคือ*มหัศจรรย์แห่งรัก*
ที่จักเป็นนิรันดร์ฝันบรรเจิด
ที่มีเพียงหนึ่งเดียว..ในโลกหล้าเท่านั้นเท่านี้..มิใช่ละหรือคนดี
******
และ
คุณก็รู้..
ก่อนสานฝันสร้างกระท่อมในฝันให้พลันเป็นจริงหลังนี้
ฉันพาหัวใจและร่างมานอนฝันสล้างเพื่อศึกษา
ความแตกต่างระหว่างวันแต่ละฤดูกาล
ที่จะพร่างฤดีให้รับรู้สึกพิเศษพิสุทธิ์
ให้..รู้รับความผันแปรของธรรมชาติ
ให้สร้างลดหลั่นไปตามระดับชั้นของหินผา
ให้รู้ค่าความงามของหินดิบเดิมก้อนใหญ่
สร้างลดเลี้ยวไปตามหลืบหิน มีบันไดวนคดเคี้ยวเลี้ยวผ่าน
มีลานหินไว้นอนนับดาว..พราวพร่างฟ้าเวลาค่ำ
มีสวนดอกไม้ไทยสมุนไพร..
รินร่ำหอมกำจายไปสายลมบางเบา
ในห้องโถงละโล่งลิบด้วยกรุกระจก
หันไปทางไหนจะพบ
*ทะเลฝัน..พระจันทร์หวาน..
นวลแสงดาวพราวพร่างกระพริบระยิบไหว*
และในยามเช้าเฝ้ามองจะ
เห็นเรือหาปลากับพรานทะเล..
ค่อยๆพรากตาลอยลำลาฝ่าเกรียวคลื่น..ลับลาไป..ในโค้งอ่าว..
มีระเบียงชมวิว..
คือผาหินโค้งโล่งละลิบแทบสัมผัวทิวทิพย์เมฆ
ภายในกระท่อมทับ..ทาสีขาว
ทิ้งผนังตะปุ่มตะป่ำ
ใช้ไม้ท่อนอันใหญ่เป็นคานและหลังคา
ประตูทาสีเขียว..
มีซุ้มกอช่อดอกสายน้ำผึ้งและลัดดาวัลย์เลื้อยพันชูช่อ
ดูละออนวลลดความแข็งกระด้าง..งามไสว..
เฟอร์นิเจอร์..ตู้..ม้านั่งไม้
ใช้ฝีมือช่างพื้นเมืองภูมิปัญญาไทยท้องถิ่น
สถาปัตยกรรมติดดิน
ที่งามละเมียดละไม..คงคุณค่าชั่วฟ้าดินเดิม
มีเซรามิกดินเผาดิบดิบ รังนก ตะกร้าสาน
เลือกหามาจากวัสดุพื้นถิ่นถวิลไพรธรรมชาติ
สร้างความอบอุ่นละมุนกรุ่นรัก
รัดร้อยใจ ทั้งผู้อาศัย และผู้มาเยือน..
ห้องนอน..
มีเตียงโบราณ เสาไม้คล้ายใช้ในโรงนา
มีม่านมุ้งสีขาว
และสิ่งที่แสนพราวตาพร่างใจคือ
แท่นวางเทียนที่ถูกจุดไสวในยามค่ำ
ที่ก่อขึ้นตามแง่งหินงาม
สะท้อนเงาวะวามวะวาววับจับดวงใจ..
ในวูบไหวระบัดแสงสวยพร่าง
ยามทอดร่างลงนิทรา สุขารมย์..
และ..
มุมแสนดีที่แสนสุขสงบ..
พบได้ในทุกยามคือมุมรจนา..
ที่ใช้โต๊ะทำจากหิน ก้อนใหญ่
และ
ในทุกยามที่ดวงใจและดวงตา
มองออกไปตรงหน้า..
ก็จะพลันพาเห็น
ยอดหลังคาโบสถ์โผล่กลางดงไม้ บนเนินเขาอีกลูกรำไรๆ
มิไกลตา..พามองเพลินและเห็นทิวทัศน์กว้างไกล
ราวกับว่าโลกนี้ไซร้แสนกว้างใหญ่
และเรานี้ช่างเล็กราวธุลี..
******
และ
คนดี..ที่รัก
ชั่วชีวาชั่วชีวี..
ที่รู้ใช้ชีวิตพอเพียงเพียงพอที่ติดดิน
ที่ถวิลรักพงไพร
ที่ใหลหลงรักธรรมชาติงามเงียบเรียบง่าย
ก็พลันได้สัมผัสสุขสมบูรณ์แบบ..
และยามยิ่ง..ได้แนบร่างเอนอิงพิงไหล่
เหนือเนินผาแห่งดวงใจ...
ได้ยืนพ้อคลอเคลียให้ลมพร่างพัดร่างรักเราสอง
ให้หนาวคลายได้อุ่นไอ สุขใดไหนเล่าจะเทียบเทียมทัน
ได้ฝันหวานหวานดูเรียวคลื่น
ฟังเสียงระรื่นระรินร่ำของทรายซัดชายฝั่งชายชล
เห็นนกนางนวลโผผิน บินโฉบเหยื่อ
เห็นท่าเรือรอรับพรานทะเล
เห็นว้าเหว่ของอาทิตย์ยามร่ำลาผืนน้ำทะเลงามระยิบ
****
และนี่กระมัง..
ดุจสวรรค์กลางหล้าโลก ลบโศก..พบสุขในนิ่งงัน
ให้ดวงใจมีแต่พลังฝันหวานหวานแสนดีแสนงาม
ในทุกโมงยามแห่งชีวีที่แสนสั้น
ก่อนวันตะวันแห่งชีวินจะสิ้นแสงอำลา
โอ้..สวรรค์ในใจ..ในชีวิตหนึ่งนี้
ที่ขอขอบคุณฟ้าแลดิน..มิรู้สิ้นมิอาจเปรียบประมาณ..