20 กรกฎาคม 2547 22:47 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=3738
***************
คนดีครับ...
ผมกำลังจะจำพราก...
จากลาคุณไปไกลแสนไกล...อีกคราแล้ว
และ
ราวนกไพรหัวใจเสรี..
ที่นะวันนี้
กำลังจะติดปีกโผผินบินสู่ฟากฟ้ากว้าง...นะยอดรัก
จำใจร้างห่างลา..ไปไกลตานักนะเจ้ายอดดวงใจ..
และ
ทำไมหนอ..ในหัวใจ
ในหลับไหลในนิทราฝัน
ทำไมผมถึงพะว้าพะวังพะวงห่วงหาเพียงคุณ
คนดี
ระหว่างเรา
ผมขอฝากบทเพลงนี้..
ยามที่เรานี้ไกลร่าง..มิห่างใจนะคนดี
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=480
ตลอดกาล
รัก แรก
แทรกความหวานฉ่ำล้ำ ทั้งมวล
เหมือน ชวน ให้ใจต้องเสน่หา
เหมือน ดั่ง สายน้ำชื่นฉ่ำเย็น
ไหลผ่านมา
สองอุรา พาให้ฝันใฝ่
รัก นั่น
ไม่มีวันเปลี่ยนผัน หัวใจ
ให้ ใคร มีใจเพียงเพื่อเธอ
แม้ โลก
หยุดหมุนรักก็ยัง มั่นเสมอ
ฟ้า มีดาว ฉัน มีเธอ
ตลอดกาล
ขอให้ รักเรา เคียงอยู่คู่ฟ้า
ไม่มีวัน ร้างรา
พลัดพรากจากไกล
ให้ฉัน ให้เธอ รักมั่นจริงใจ
ตลอดไป นานเท่านาน
ตลอดกาล
ขอให้ รักเรา
เคียงอยู่คู่ฟ้า
ไม่มีวัน ร้างรา
พลัดพรากจากไกล
ให้ฉัน ให้เธอ รักมั่นจริงใจ
ตลอดไป นานเท่านาน
ตลอดกาล...
..............
และ
ดวงใจ..
อย่าร้องไห้..
เหมือนทุกยามที่สายฝนพรมพรำ
ที่เรารู้กันดีว่า
มันหมายถึงทั้งสองใจนี้กำลังระรินร่ำ..ระหว่างเรา
คนดี..ครับ
คุณอย่าผลักไส..หัวใจผมนักเลยนะ
เพราะหัวใจดวงดายเดียวดวงเหว่ว้า
ช่างอ้างว้างร้างไร้นักยามสิ้นไร้คุณ
และ
คุณก็รู้ดี..ว่านะบัดนี้..
ดวงใจรักของเรา
ได้สถิตหลอมรวมเป็นดั่งดวงเดียวกัน
และจะลอยคู่กันไปในเวิ้งฝันอันแสนงดงามในทุกนาที
ทุกราตรีทุกทิวาวารทิวาวัน
ทุกงามฝัน
และ
ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้
จะมิมีสิ่งใดกล้ามาขวางกั้น...
ขุนเขา..
มหาสมุทร
ผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่
หนทางจะยาวไกลสักแค่ไหน
ต่าง
ยอมพ่ายใจแห่งรักแท้ของสองเรา
ที่ยากจะบอกใคร
ให้เข้าใจในมหัศจรรย์รักนี้
ที่ชะตาพรหม..บันดาล..ประทานพร..
และจะเป็นเช่นนี้..ตราบชั่วกาลตลอดกาล
ตลอดนานนิรันดร์รัก
นะคนดีนะดวงใจ..อย่าไหวหวั่นเลย..!
...................
จุดไฟรักริมริมใจจนไหวหวั่น
ประกายฝันเปล่งแสงแรงเสน่หา
ไสวพร่างสว่างเย็นในชีวา
แก้วล้ำค่าสถิตสว่างนำทางใจ...
เหมือนท้องฟ้ามิเคยอิ่มอวลอากาศ
สายธารมิเคยขาดกระแสชลระรินไหล
เหมือนนกผกโผผินฟากฟ้าไกล
เหมือนดวงใจรักเรานี้พลีชั่วกาล
หวานหรือเศร้าร้าวหรือรักรับได้หมด
โศกสลดหรือสุขพร่างต่างเติมหวาน
รักวันเติมวันฉันเธอมิเศร้านาน
สวาทหวามสวาทหวังช่างฝังใจ
ระหว่างเราระหว่างใจใครเล่ารู้
ระหว่างคู่ระหว่างรักเป็นไฉน
ระหว่างพรากระหว่างร้างใจถึงใจ
ระหว่างไกลระหว่างชิดสนิทภักดิ์
เป็นนิยามยิ่งใหญ่ในชีพหนึ่ง
นิยามซึ้งนิยามฝันมหัศจรรย์รัก
ร่างห่างไกลใจข้ามฟ้ามารวมรัก
รักแน่นหนักรักเหนือโลก..โบกโบยบิน....
................
จูบ!ลาเธอ ตรงไรผม พรมจูบนิ่ม... พุดพัดชา
มองตาเธอ เห็น ความเหว่ว้า
มองหน้าเธอ เห็น ความใจหาย
ยิ่งใกล้วัน จำพราก ยิ่งเดียวดาย
ฉันจะตาย ด้วยสงสาร รานร้าวใจ
กอดฉันซี ให้แนบแน่น ด้วยแรงรัก
หยุดใจภักดิ์ คงมั่น อย่าหวั่นไหว
ฝากไว้ที่ ตรงนี้ ตรงกลางใจ
ถึงตัวไกล ทิ้งคำมั่น คำสัญญา
ฉันเชื่อเธอ เสมอมา นะยอดรัก
ศรัทธารัก จักคงอยู่ ให้โหยหา
กี่เดือนปี จำนวนนับ แค่เวลา
ระยะทาง ขวางหน้า แค่ท้าใจ
จูบ!ลาเธอ ตรงไรผม พรมจูบนิ่ม
จูบ!ทุกสิ่ง ที่เธอให้ จะได้ไหม
จูบ!แก้มหอม ฝากชีวิต ฝากดวงใจ
ขอคนไกล ฝากจูบ!นี้ พลีมัดจำ!
................
จูบแก้ม..แกล้มจันทร์! พุดพัดชา
จันทร์ดวงเดิม จันทร์ใจดี จันทร์ดวงเดียว
จันทร์ครึ่งเสี้ยว จันทร์แกล้มเศร้า ใจสับสน
จันทร์เต็มดวง จันทร์ยิ้มหวาน ปลอบกมล
จันทร์ซุกซน จันทร์ล้อเลียน จันทร์รู้ใจ
น้ำผึ้งพระจันทร์ รอเราสอง นะยอดรัก
รอความภักดิ์ หนักแน่น นานแค่ไหน
จันทร์รอเรา รักจริงจัง ไม่เปลี่ยนใจ
จันทร์เป็นใจ จูบแก้มขวัญ แกล้มจันทร์งาม ..
...............
20 กรกฎาคม 2547 22:17 น.
พุด
คนดีครับ...
ผมกำลังจะจำพราก...
จากลาคุณไปไกลแสนไกล...อีกคราแล้ว
และ
ราวนกไพรหัวใจเสรี..
ที่นะวันนี้
กำลังจะติดปีกโผผินบินสู่ฟากฟ้ากว้าง...นะยอดรัก
จำใจร้างห่างลา..ไปไกลตานักนะเจ้ายอดดวงใจ..
และ
ทำไมหนอ..ในหัวใจ
ในหลับไหลในนิทราฝัน
ทำไมผมถึงพะว้าพะวังพะวงห่วงหาเพียงคุณ
คนดี
ระหว่างเรา
ผมขอฝากบทเพลงนี้..
ยามที่เรานี้ไกลร่าง..มิห่างใจนะคนดี
จุดไฟรักริมริมใจจนไหวหวั่น
ประกายฝันเปล่งแสงแรงเสน่หา
ไสวพร่างสว่างเย็นในชีวา
แก้วล้ำค่าสถิตสว่างนำทางใจ...
เหมือนท้องฟ้ามิเคยอิ่มอวลอากาศ
สายธารมิเคยขาดกระแสชลระรินไหล
เหมือนนกผกผินฟ้ากว้างไกล
เหมือนดวงใจรักเรานี้พลีชั่วกาล
หวานหรือเศร้าร้าวหรือรักรับได้หมด
โศกสลดหรือสุขพร่างต่างเติมหวาน
รักวันเติมวันฉันเธอมิเศร้านาน
สวาทหวามสวาทหวังช่างฝังใจ
ระหว่างเราระหว่างใจใครเล่ารู้
ระหว่างคู่ระหว่างรักเป็นโฉน
ระหว่างพรากระหว่างใจถึงใจ
ระหว่างไกลระหว่างชิดสนิทภักดิ์
เป็นนิยามรักจริงยิ่งใหญ่นัก
นิยามรักนิยามฝันมหัศจรรย์รัก
ไม่ว่าไกลใจข้ามฟ้ามารวมรัก
รักแน่นหนักรักเหนือโลก..โบกโบยบิน..!
18 กรกฎาคม 2547 23:49 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=23
ลม หวน ชวน ให้ คิด
ถึง ความ หลัง
ภวังค์จิต คิด ขื่น ขม ระทม ใจ
ตัว ใครเป็น คนผิด อยาก ถาม นัก
รัก ไย ใจ จะกลับ ดัง ลม หวน
ใกล้ เรา กล่าว ถ้อย นัย ที่ รัก
เจ็บ นัก พอ ถึง อื่น ก็คืน คำ
มา ทำชิด สนิทใหม่ ใคร จะเชื่อ
เบื่อ แล้ว ไย จะ มา รับ กลับ คืน
ใกล้ เรา กล่าว ถ้อย นัย ที่ รัก
เจ็บ นัก พอ ถึง อื่น ก็คืน คำ
มา ทำชิด สนิทใหม่ ใคร จะเชื่อ
เบื่อ แล้ว ไย จะ มา รับ กลับ คืน...
แพนกำลังฟังบทเพลงนี้
ด้วยใจดายเดียวสุดทน
และกมลละไม
กำลังอยากชักชวนให้ดวงใจทุกดวงได้มา
ระบายใจไปด้วยกันนะคะ
ว่าใครเคยมีประสบการณ์เคยได้รับ..
*ลมหวนอวลรักระริน*กลับมาใหม่บ้างไหมละคะ
แล้วรู้สึกอย่างไร
สำหรับ
แพน..จะพาใจรักรจนาสดไปเรื่อยๆนะคะ
เพราะว่าฟังเพลงนี้แล้วรับงาม
ให้หัวใจไหวไหว
อ่อนหวานสับสนใจได้ดีจังค่ะดั่งชีวีหนีไม่พ้น
บูมเมอแรงรัก!
http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_36064.php
บูมเมอแรงรัก!
พุดพัดชา
ที่รัก..เธอไปๆมาๆ ลาๆจากๆ กระชากใจฉัน
ให้โหยหา นับครั้งไม่ถ้วน
และกับการกลับมาเที่ยวนี้ที่
เธอ เปรีบบดัง..บูมเมอแรงรักนี้..
ที่ฉัน ขว้างไปไม่พ้นตัว และหมุนวนกลับมา...
แต่..คนดี..ไม่เป็นไรนะ....
เพราะยังดีกว่า การที่พบกันหนเดียว แล้วลาจากเลยลับ...
เธอ..กลับมาสอนฉันให้เรียนรู้ และยอมรับความจริงของชีวิต
และยิ้มสู้และอยู่อย่างเข้าใจโลกดีขึ้น..
ทุกอย่าง..มันต้องมีวันสิ้นสุด...
มีวันนี้ ต้องมีวันหน้า มีวันจากลาก็ต้องมีวัน..พบกันใหม่
ถ้าเพียงใจเรานั้นยังคงต้องการ..กันและกัน...
ถ้าเราคิดดี คิดในทางบวก..
ว่ายังคงมีตะวันรุ่งพรุ่งนี้จะหมุนวนมาไม่เคยจากลาไปไหนไกล...
พระเจ้า..เพียงแกล้งยืดเวลา ลองใจ
ให้เรานี้พิสูจน์คุณค่า ความรักแท้ ความหนักแน่น
ความมั่นคง และให้เราได้สร้างสรรสิ่งดีๆให้กับชีวิต
เพื่อเป็นรากฐานให้กับรักของสองเราได้เบิกบาน
และงดงาม ดังดอกไม้บานในยามเช้า ที่รอรับแสงตะวัน.........
อดีตผ่านไปแล้ว เป็นปีปี ดูซิ ว่าเร็วแค่ไหน
ดังติดปีกบิน นับประสาอะไรกับการรอไปข้างหน้า
ที่เรายังมีความหวัง มีกำลังใจ
เหมือนได้เห็นฐานรากของ..บ้าน..ภายในที่
แสนจะสงบสุขจะเป็นดั่ง..วิมานของเรา....
และกำลังก่อตัวให้เห็นเป็นรูปเป็นร่าง
เป็นรังรัก พักพิงตราบจนเรานี้จะสิ้นชีวา...
และเราก็รู้ว่า เรามี..ทุน..ที่จะทุ่มเท
เหมือนดังดวงใจรักนี้ที่เกินร้อย ที่เททุ่มทอดใจให้อย่าง
มากมาย จนหมดสิ้นหัวใจ
มันคงไม่มีโอกาส
ที่จะแพ้พ่ายและพังล้มคลืนลงมาอย่างไม่เป็นท่า..
ถ้าเราค่อยๆสร้างอย่างประณีต
และด้วยใจทั้งดวงที่รู้ว่า..
บ้านภายใน...คือทุกสิ่งของชีวิตนี้
ที่เราจะฝังฝากกายใจ ให้อบอุ่นเป็นสุข
จนตราบถึงลมหายใจสุดท้ายของชีวิต........
ที่รัก!.. คนดี คนเข้มแข็ง รู้เก็บ รู้กลืนกล้ำ รู้อดทน
เธอรู้ว่า เธอต้องการพลังนั้น เพื่อฟันฝ่า
และให้ได้มา ซึ่ง..ผู้หญิงคนพิเศษ..คนเดียวในดวงใจ
ที่ทุกคนได้ถูกฟ้าดินกำหนดเอาไว้ให้แล้ว....โดยมิอาจจะหนีพ้น...
ฟ้าดิน..กำลังลองใจเธอ ผู้หาญกล้า
ให้รู้ค่า รู้รัก รู้รอคอย
ก่อนมอบของขวัญล้ำค่ามาสู่มือเธอ..
เหมือนสอนใจว่า.........
โลกนี้ จะตื่นเต้นท้าทาย และแสนซาบซึ้งใจ
เมื่อของขวัญทุกสิ่งที่จะได้มานั้น ต้องใช้ความเพียรพยายาม...
เพื่อจะได้รู้จักคำว่ารัก ทะนุถนอม...ให้ยาวยืน.....
บูมเมอแรงรัก จักวนกลับมา
และจะหยุดอยู่กับที่
เมื่อถึงเวลาที่พร้อม ที่ควร
และจะหยุดอยู่ตรงนี้
กับดวงใจของคนดี
ที่มีค่าสูงเสมอเทียมเทียบจิตวิญญาณรักภักดิ์พลี
คนที่ยอมรับรัก และเข้าใจ
และพร้อมจะเคียงข้างกันไป
เป็นดวงใจของกันและกันตราบชั่วนิจนิรันดร....
18 กรกฎาคม 2547 22:09 น.
พุด
URLhttp://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=173
(เหมือนคนละฟากฟ้า)
***********
นั่งนิ่งนิ่งทิ้งตาเศร้าเฝ้ามองฝน
เหงาเสียจนใจดวงฝันสั่นพร่าไหว
คนดีเอ๋ยไยจำพรากจากกันไกล
เหมือนร้างไกลคนละฟากฟ้าหลงท่ารอ..
เสียงกระซิบอ้อนริมหูฟังซึ้งซึ้ง
คืนหวานตรึงคืนหวานฉ่ำพร่ำเพ้อพ้อ
อยากโอบกอดยอดดวงใจใจเฝ้ารอ
ทำไมหนอไกลเกินฝันสวรรค์วาย..
เอื้อมมือไปใกล้จนใจยินเสียงเต้น
แล้วไยเร้นลาพรากฝากรอยหมาย
หอมละมุนกรุ่นท้ายทอยตราบวันตาย
กายชิดกายใจถึงใจไยหันลา...
เพียงแค่เอี้อมเอื้อมไปก็แค่นั้น
ฝันเพียงฝันวันอ้างว้างร้างแรมหา
เพิ่มรอยเจ็บเหน็บหนาวร้าวอุรา
ยอมหันลาหอมเพียงกายมิหมายเชย...
เป็นความเศร้าเป็นความจริงนิ่งหลงฝัน
เป็นงามวันเป็นงามไหวใจเราเอ๋ย
เป็นดายเดียวเดียวดายลมรำเพย
ยากจะเอ่ยอยากจะเค้นเน้นรอยจำ...
ตราบชีพวายอย่าหมายเลยได้เชยชิด
ขอลิขิตใจเราเหงาเจ็บช้ำ
ฟากฟ้าเดียวหากไกลห่างรับรอยกรรม
เหมือนไกลกันคนละฟากฟ้า..ชะตาพรหม๚ะ๛
********
เหมือนคนและฟากฟ้า
มีประโยชน์อื่นอันใด
ที่หัวใจเรารักกันปานจะกลืน
แต่กายต้องห่างดั่งอาทิตย์ไกลกลางคืน
มืดมนทนฝืนฝืนโชคชะตา
ได้แต่หลอกปลอบใจกัน
ว่าสักวันความรักสมจินตนา
จนสิ้นใจจาก ได้ครองรักเพียงอุรา
เกินเอื้อมมือคว้าวิวาห์ดูหมดทาง
ต่างกันทุกฐานันดร
ดั่งมีสิงขรปิดประตูกั้นขวาง
ถึงเราสัญญารักกันว่ามั่นจีรัง
แต่ดูเหมือนดังอยู่คนละฟากฟ้า
คิดสลัดตัดใจไกล
สุดฝืนใจด้วยรักแรกตรึงอุรา
จำฝืนใจข่มอยู่กับรักอย่างทรมาน
รอวาสนาชี้ชะตาจนกว่าจะตาย
ต่างกันทุกฐานันดร
ดั่งมีสิงขรปิดประตูกั้นขวาง
ถึงเราสัญญารักกันว่ามั่นจีรัง
แต่ดูเหมือนดังอยู่คนละฟากฟ้า
คิดสลัดตัดใจไกล
สุดฝืนใจด้วยรักแรกตรึงอุรา
จำฝืนใจข่มอยู่กับรักอย่างทรมาน
รอวาสนาชี้ชะตาจนกว่าจะตาย...
*********
http://www.thaipoem.com/web/poemedit.php?id=41557
ถอดใจ..พุดพัดชา
เธอรู้บ้างไหม...
ในวันนี้ ที่ฉัน อยากถอดหัวใจ วางไว้...ในกลุ่มเมฆ
ให้ปุยเมฆ แสนนุ่ม ฟ้างาม และดวงดาวจรัสแสง
ในยามค่ำช่วยกันเห่กล่อม...ปลอบประโลม..........
ฉันอยากมี..แค่ร่างนี้ ที่ไร้หัวใจ..
ไม่ต้องเหงาเศร้า และ เจ็บปวด
ฉันอยากอยู่..ในร่างนี้ ที่อยู่ไปวันวัน..
กิน นอน ทำงาน เพื่อให้ผ่านๆไป
ไม่ต้องมีหัวใจไว้โหยหา และคิดถึงใคร....
เธอรู้บ้างไหม..ฉันอยากถอดใจ
เหลือเพียงร่างกาย ที่ยังรอเธออยู่ได้ โดยไม่ช้ำชอก
เธอรู้บ้างไหม...ฉันอยากถอดใจ
เอาไว้จนกว่าฉันนี้จะเลิกพบกับคำว่าพลัดพรากจากกันไกลอีกครั้ง
เธอรู้บ้างไหม..ฉันอยากถอดใจ
จนกว่าจะถึงอรุณรุ่ง ที่ตื่นขึ้นมาแล้วมีเธอนั้นในอ้อมกอด...
เธอรู้บ้างไหม..ฉันอยากถอดใจ
เลิกฟังเพลง ที่เธอฝากไว้ให้
และมันครวญคร่ำกระหน่ำซ้ำซัด
จนใจฉันพังยับเยิน
เธอรู้บ้างไหม..ฉันอยากถอดใจ
ให้ลืมความเสียใจ ความรู้สึกที่รักเธอมากมาย... จนอายฟ้าดิน
เธอรู้บ้างไหม..ฉันอยากถอดใจ
จนกว่า เธอนั้นจะให้คำตอบว่า..รักฉันนิรันดร.....
เธอรู้บ้างไหม..ฉันอยากถอดใจ
เพราะวันนี้ ฉันอยู่กับร่างนี้ ที่ดูเหมือนจะมีใจ แต่มันไม่มี
เพราะมันโบยบิน ข้ามขอบฟ้ามาซุกอยู่กับอกเธอ..
ที่รัก..อย่าใจร้ายนัก..
ช่วยเก็บดวงใจรักของฉันไว้ด้วย..อย่าโยนทิ้งให้แหลกสลายเลย..!
17 กรกฎาคม 2547 10:08 น.
พุด
url=http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=47
(โลกนี้คือละคอน)
*******************
ราตรีนี้ยังยาวไกล
วิมานไพรวิมานดินวิมานขวัญ
ได้รับเกียรติอันวาบหวามใจ
อ่อนหวานอ่อนไหวซะไม่มี
เมื่อค่ำคืนนี้
จะมีพระเอกหนังไทย
หล่อสะท้านใจแวะมาเยือน
แสงไฟประดับพร่างพรายราวสายแสงเพชร
ระโยงระยางระย้าย้อยห้อยพวงพรูหะรูหะรา
ด้วยดวงไฟหลากสีสันทำจากกระดาษสา
ดวงน้อยน้อยห้อยไปตามสุมทุมพุ่มพฤกษ์
ที่ดูไฉไลราวจัดงานในราวไพรราวป่า
มากกว่าในวิมานกลางกรุงกรงหลงแสงสี.ก็มิปาน.
เทียนหอมส่วนหนึ่งนำมาลอยในโอ่งงาม
เคียงบัวบานและมวลดอกไม้นานาสีนานาพรรณ
ให้ลอยคลี่หวานๆฝันๆ
รอปันใจเจริดจรุงรับ..แขก
บางเทียนถูกจุด
จากโคมไม้ไผ่สานให้งาม
วับแวมพรายพร้อยแฝงสร้อยแสงสวยราวหิ่งห้อย
ซ่อนไว้ในแมกไม้ให้วอมแวมวับไหว
ล้อสายลมไหวอ่อนในยามค่ำระร่ำริน
มากับอวลกลิ่นดอกไม้ไทยรายรอบ
ให้หอมเสน่หาลุ่มลึก..ลึกลับประดับประดา..
กล้วยห้อยปลี สีม่วงระย้า น่ารักน่าชัง
ที่เจ้าของบ้านยังมิอยากตัดปลี หวังคืนนี้ให้งามแผก
ส้ม สีทอง ออออกลูกดกสะทกสะท้านไหวไปทุกกิ่ง
สวยจัดจ้าแจ่มแจร่มงามในกระถางใกล้ๆ
ให้อยากเด็ดอยากปลิดมาลองลิ้มชิมรส
ว่าจะปรากฏเปรี้ยวจิ๊ดหรือแอบซ่อนหวาน..ไว้
อมรเบิกฟ้า..
เบิกราตรีประดับดาวพราวพร่าง
ด้วยดวงดอกแอร่มแต้มหวานด้วยสีชมพู้ชมพู
พราวพรูหรูระยับ
ราวกลีบปากสาวเจ้าแรกแย้ม
คลี่รอรับหวานฉ่ำ
จากหยาดสายพรายพระจันทร์หวานพอกัน
แก้วตระการ..พากันผลิดอกบาน
ออกจากกระเปาะกระปุกเขียวเรียวใสเขียวไพล
เรียวละไมสะพรั่งกลิ่น
ที่คงอยากแย้มรอถวิลดู
พระเอกผู้กล้า
ที่แสนมากมีน้ำใจ
ผู้ยอมพลีร่างอุทิศกายใจเพื่อรับใช้สังคมนานมา
และ
ใจดวงนั้นนะบ้านภายใน
คงใสสวยราวมีแก้วกระจ่าง
สว่างโรจน์โชติช่วงชัชวาล คงตระการตาคงรอท่า
จะรินน้ำใจใสใส่ผู้คน
ที่ทนทุกข์บาดเจ็บจากอุบัติเหตุเภทภัย
ตามท้องถนน..ในทุกทิศทั่วไทยไกลใกล้
หมายมุ่งช่วยเหลือเจือจานหากผ่านพบเห็น...
ลั่นทม..ไม่ระทมใจแล้ว ในวันนี้
ด้วยนามงามเศร้านี้..ได้เปลี่ยนไปแล้ว เป็นชื่อลีลาวดี
ให้มากมีผู้เชื่อถือโชคลางต่างโล่งอกพออกพอใจ
ที่ราวกับชอบตัวกินไข่
ชอบดอกเกลียดใบ ยังไงยังงั้นเลยนะ
และ
ช่างกระไรที่ช่างน่าเศร้าใจ
ให้ดวงดอกไม้มารับระบายโชค
ที่จะโศกจะเศร้า จะร้าวจะราน
ก็ด้วยวันวานวันนี้
เราเองคือผู้ลิขิตชะตาโลกโชคชะตา..ใช่ใคร!
และ
สำหรับเจ้าของบ้าน
ต่อให้ระกำสักแค่ไหนก็จะไม่โทษใคร
ไม่โทษดวงชะตา
หรือว่ากอระกำมาตอกย้ำซ้ำเจ็บ
เท่าใจเราเองผู้กระทำ..กรรมก่อเกิดนะคนดี..
และโน่น
จำปีที่จำพรากจากลาต้น
หล่นเกลื่อนพื้นพร่างหอมทุกวัน
ราวจะให้สัจจธรรมใจ หากคิดไปให้ดีดี
และ
นะบัดนี้จะเป็นที่สถิตของนกเขาไพร
ที่พากันมาอาศัยไกวแกว่งกิ่งกอ
พ้อเพลงครวญหวนไห้แสนไพเราะหวานหวาน
ให้ใจเบิกบานทุกเช้าค่ำ
ร่ำระงม ราวนาฬิกาไพรนาฬิกาใจมาปลุกทุกอรุณรุ่ง
และนั่น
เจ้าดวงดอกพุดซ้อน
แอบซ่อนรักอ้อนอ่อนหวาน
ใต้ก้านกิ่งใบ
ไฉนไม่ยอมออกมาอวดดอกอรชรมาเว้าวอน
ว่าหอมละไมละม่อมหอมไกลหอมฟุ้ง
จะหวานจรัสจรุงหวานจัดสักปานไหน
ให้เจ้าของแสนภูมิใจว่าใครๆพากันขนานนาม
นิยามวิมานดินวิมานไพรว่าบ้านดวงดอกไม้หอมมมมมม...
ที่คงให้ความละมุนละม่อมใจ
ดีกว่าอาศัยคฤหาสน์หลังใหญ่
หากมีแต่กรวดหินดินทราย มากมายวัตถุ
พรรณามามากมายพรรณไม้แผกพันธุ์
ราวสวรรค์หอมหลอมละลายใจ
ที่เป็นดั่งเสน่หายาใจหวานม่านไพรพฤกษ์พง
ดงดวงดอกไม้
ที่พากันร่ายกลีบบางเบารับสายลมในยามค่ำ
เจ้าของบ้าน
ลืมหน้าหวานละออจะหม่นหมอง
เพราะต้องเตรียมจุดเตาถ่าน
เตรียมทำบาบีคิวอาหารทะเลสดๆ
ที่พระเอกจะนำมาจากร้านอันโอชารส
ที่เขาเปิดเป็นเจ้าของเอง..
เขาสัญญาว่าจะมาบรรเลงทุกอย่าง
ให้รับรสมือที่บรรลือฤทธิ์
หวังสถิตสะท้าน..ท้องเท่านั้นพอ
แต่ยังไงๆเจ้าของบ้านแสนงาม
ก็ต้องเตรียมถ่านก่อไฟใส่เตาไว้ให้จะได้สะดวกใช้
ประหยัดเวลา
จึงว่าแล้ว
เจ้าของบ้านผู้มักชอบสร้างวีรกรรม
จึงปลุกปล้ำสร้างวิสัยทัศน์ใหม่
ในการก่อไฟแบบน่าสยดสยองพองขน..นะบัดนั้น
พลันเธอก็เอาถ่านมาตั้งในซึ้งอลูมิเนียม
แล้ววางลงไปบนเตาแก๊สใหญ่เปิดไฟแรงร้อนทันที
ให้ลุกไหม้
โอ๊ะ..โอ๋..
แล้วฉากนี้ที่แสนน่าตกใจ
หรือว่ากันใหม่ก็แถมตลกน่าหัวเราะทีหลัง
พลันบังเกิด..ปรากฏการณ์
ให้ทุลักทุเลโอละเห่โอ้ละช้าให้น่าเสียวสยองขวัญ
เพราะความร้อนนั้น
ได้เผาไหม้ให้เกิดควันคละคลุ้งพุ่งโพลงน่ากลัว
อลูมิเนียมไหม้หมด
ถ่านตกลงไปในเตา
กลัวจะเป็นเชื้อเผาลุกไปถึงถังแก๊สให้ระเบิดเถิดเทิง
กระเจิงกระจุยไปทั้งบ้าน
นาทีนั้น
สาวหน้าหวานละออ
ก็ต้องทำทุกวิถีทางให้ไฟพร่างในเตา
หยุดโหม
จนลืมไปว่าตอนนี้นั้น
หน้าสวยละมุน
พลันกลายเป็นหน้ากาละแม..
มอมมอมแมวเหมียวไปชั่วพริบตา..ซะแล้ว
พ่อแก้วแม่ไกล..ไม่มีใครมาช่วยทัน
นอกจากนั้นฟ้าดินยังไม่นำพา
ส่งพระเอกหนังไทยหน้าหล่อมาทันได้เห็นหน้ามอมนั้น
จนพระเอกคงอดขันไม่ได้และกลั้นหัวเราะไม่อยู่
เฮ้อ..
นี่หรือฉากฝันสวรรค์หวาน..
ที่อุตส่าห์จัดบ้านวิมานรอรับ ช่างแสนน่า
ประทับใจเสียไม่มีนะฟ้าดินที่ช่างสิ้นไร้เมตตาปรานี
ฉากนี้..
มาคิดอีกทีก็ขำดีนะ
และคิดถึงคนดี
ที่เคยปรามาส
สาวเจ้า..ว่าคงจุดไฟไม่เป็น
และ
หุงข้าวคงเหม็นไหม้ไปสามบ้านแปดบ้านแน่ๆเลย
แค่ยังไงๆอย่าหัวเราะนะก็แค่อยากฝากบอกว่า
คนฉลาดมักพลาดพลั้งเรื่องเล็กแบบนี้แหละนะ
หาใช่ว่าจะทำไม่เป็นไม่
รู้ไว้ด้วย..นะจะขอบอก..ขอแก้ตัว..
เฮ้อเหนื่อยใจชะมัด
ถึงอย่างไรพระเอกก็อั้นยิ้มไว้
เนื่องจากชีวิตคงผ่านฉากร้ายๆ
แบบสเปเชี่ยลเอฟเฟคค์ระเบิดผิดพลาด
ให้หวาดเสียวใส่บ่อยๆอยู่แล้ว
และ
ยิ่งเรื่องล่าสุด
ที่แสดงเป็นกษัตริย์อินเดียในหนัง
ที่ต้องเน้นให้ช่างแต่งหน้าแต่งให้ดำเข้มคมหล่อสมเป็นแขก
เขาจึงทำใจได้
ไม่หัวเราะใส่นานให้หวานหาย
พยายามให้กำลังใจบอกให้ไปนั่งไกลไกล
รออ้าปากรับอร่อยอย่อยจากการปรนนิบัติอย่างเดียว
มิต้องทำมาแลเหลียว
มาสร้างวีรกรรมวีรเวรประหลาดฉลาดล้ำ
มามีน้ำใจช่วยอีกแล้วนะ
และ
คงอาจจะกลัวว่าขืนให้ย่างบาบีคิว
จะปิ๋วดำเหลือแต่ไม้เสียบให้กินแทนซีนะ..
อะฮ้า อะงั้น
ฉะนั้นจึงเป็นเช่นฉะนี้
อยู่ดีไม่ว่าดี
ที่
คืนฝันพระจันทร์หวาน
ฉากแสนโรมานซ์จึงผ่านม่านหมอกควันไฟ
พาให้ทุกดวงใจ
ได้บานเบิกด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
มากมายตามมาแหละค่ะท่านผู้ชมท่านผู้อ่าน
และ
ทุกฉากหวาน
ที่ตระการแกล้มแต้มไปด้วย
ดวงดอกกุกลาบแดงกับไวน์ขาวรสดี
จึงมีอันหอมหวานปานปนกลิ่นอวลทะเลลึก
รู้สึกอวลอ่วนชวนให้ตลกๆกันถ้วนทั่วหน้า
และตามมาด้วยบทเพลงฝันปันกันร้องอึงอลค่ะ
และ
กระไรเลย
แทนที่ทุกฉาก
นางเอกจำเป็นจะได้เอนอิงพิงไหล่ละออ
พ้อคลออกพระเอกแสนหล่อล่ำบึ๊ก
และผลัดกันป้อนปรนอาหารผ่านแสงเทียนวาบหวาม
เคล้าเคลียนัวเนียใส่ปากกัน
มีอันให้เป็นฉากจริง
ที่ทิ้งโลกฝันอันวาบหวามใจไปไกลเกินกู่กลับค่ะ
เพราะว่า
พระเอกนั้นก็มัวแต่จ้องจะจับดูเวลา
ว่ากุ้งหอยปูปลา จะใช้เวลาพอดิบพอดี
ที่จะเคี้ยวมิเหนียวยานสักกี่นาที
แถมยังต้องเหลียวหน้าเหลียวหลัง
มาโขลกน้ำจิ้มรสแซบส์ แสบทรวง
ด้วยอยากโชว์ฝีมือให้พวกอ้าปากรอ
ได้ขอลองลิ้มชิมรสชาติ
สวาทหวามเลยหายหดค่ะ
และบางที
พระเอกคนดีคนหล่อก็ขอถลกแขนเสื้อขาว
และภาพน่าตกใจน่ารักน่าชังก็ตามมา
เมื่อพระเอกผู้กล้าคว้าตะกร้าหอย
แล้วแหวกกล้วยกอขอไปล้างๆๆๆที่ก๊อกน้ำริมสวน
ช่างเป็นฉากสวยเสียไม่มีในหนัง
ห้ามก็ไม่ฟัง ..แถมยังหันหน้ามาคลี่ยิ้มหล่อหัวเราะร่าเริง
กระซิบบอกเคล็ดลับว่า..หอยอร่อย
ก็เพราะต้องคอยแหวกกอกล้วยไปล้างนี่แหละอิอิ..อะฮ้า
และนี่
คือคืนแห่งความจริงสิ่งแสนดีวิเศษงาม
ที่ห่างจากนิยามโลกเซลลูลอยด์
โลกที่พระเอกจำต้องอ้อยสร้อย
ต้องแสดงแสร้งสบตาฉ่ำพร้อมคำรำพันรำพึงคะนึงหา
กับนวลนางเอกผ่านตากล้องส่องด้วยแสงไฟรายรอบทิศ
หากทว่า
ในค่ำคืนนี้เป็นคืนในชีวีชีวิตจริง
พระเอกกลับนิ่งงาม..ง่วนอวลกลิ่นวิญญาณกุ้งหอยปูปลา
หากทว่าหัวใจกลับใสหวานงามเสียยิ่งกว่า
และ
ทำให้น้ำในตาของทุกคนเอ่อล้น
เมื่อได้ยินกมลของพระเอกคนขายฝัน
พลันสารภาพด้วยน้ำเสียงซึ้งสะเทือน
*ผมรักและชอบจะมีชีวิตครอบครัวอบอุ่นแบบนี้
ในท่ามกลางคนที่รัก
พ่อ แม่ เพื่อนฝูงญาติมิตรสนิทใจไม่กี่คน
และอยากฝากชีวาชีวิตสถิตเนาไปตราบนานนิรันดร์..
และ
คืนฝันพระจันทร์หวานตระการ
ด้วยดวงดอกไม้หอมๆๆพร่าง
ก็พลันต้องถึงนาทีอำลา
พาจบสวยด้วยฉากจริงซึ่งซึ้งหรือไม่ซึ้ง
ขึ้นอยู่กับท่านผู้อ่านจะช่วยตัดสินใจนะคะ
ฉากจบนั้น
นางเอกจำเป็นตั้งใจร่ำลาแบบฝรั่ง
ด้วยดวงใจอันอ่อนโยน
หลังฟังมากเรื่องราวหลากรส
งดงามทุกนิยามชีวีชีวิตทั้งทุกข์สุข
ของลูกผู้ชายคนหนึ่ง
ที่รักกตัญญูผู้มีพระคุณใหญ่หลวงยิ่งนัก
และ
กับหลายตำนานชีวิตทั้งโศก
เศร้าสะเทือนและแสนน่าประเทืองประทับใจ
เป็นฉากชีวิตจริงอันยิ่งใหญ่ที่ทุกชีวิต
ต้องผ่านลิขิตพรหมลิขิตตนลิขิตฝันกันมาต่างๆนานา
หาใช่แต่เพียงชีวิตลูกผู้ชายพระเอกคนดีคนเดียวคนนี้ก็หาไม่
และนี่คือพระเอกในดวงใจ
ในโลกนี้ที่ราวโรงละคอนสอนใจอันใหญ่ยิ่งพอกัน
ให้เราท่านนั้นตระหนักว่า
สิ่งที่มนุษย์ทุกคนแสวงหา
คือค่าแห่งคำว่าครอบครัวและความรักจริงแท้
ที่สามารถแก้ปัญหาให้หัวใจ
มีพลังลุกขึ้นมาหยัดยืนฝืนทนสู้
จนกว่าดวงชีวาจะลาลับดับดวง
นางเอกในคืนฝันสวรรค์หวานพระจันทร์
จึงยอมถอดใจเทใจ
โอบกอดพระเอก
ด้วยหัวใจดวงใสงามที่แสนพิเศษพิสุทธิ์
ด้วยนิยมศรัทธา
ซึ่งคงมากค่าเหนือกว่าคำเสน่หาสวาทหวาม..เป็นไหนไหน
และมาตรแม้น
ในอ้อมกอดอ้อมใจนั้น
จะยังกรุ่นไปด้วยกลิ่นกุ้งหอยปูปลา
แทนน้ำหอมราคาแพง
ที่นางเอกคงจะจำจดรสชาติอ้อมกอดแบบทะเลทะเลสดสด
ราวปนปรุงรสชาติด้วยหยาดหยดน้ำจิ้มแสนอร่อยล้ำ
ที่จะมิมีวันลาเลือนลางลืมเลยทีเดียว!