5 สิงหาคม 2547 16:20 น.
พุด
url..http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=255
(สายสร้อยร้อยใจสายใยสวาท)
*********
คนดี..
นาทีนี้ไพลคิดถึงคุณค่ะ
และ
บางทีคุณอาจจะกำลัง
ทอดตาเหว่ว้าดายเดียวดูสายฝน
มนต์เสน่หาริมลำตะคอง..หอมห้วงใจ
กลางดงพงพฤกษ์ไพร
ในแดนดินแคว้นถิ่นมนต์รักที่ราบสูง
แดนดอกคูนเสียงแคนวะแว่วหวาน
ถิ่นตระการด้วยงามล้ำวัฒนธรรมดิบเดิมเรียบง่าย
ทว่างดงามอลังการ
ด้วยพลังศรัทธาในงานบุญประเพณี
ที่มากมีมากมายให้จดจำเล่าขาน
สืบสานเป็นตำนานแผ่นดิน
ฝากให้ลูกหลานไทยได้ภูมิใจมิรู้สิ้น
ในภูมิปัญญาไทยในผืนดินเกิด..
ไพล..คิดถึงคุณค่ะ..เพราะว่า
ไพลมีอะไรบางสิ่งบางอย่างที่งดงาม
*ราวปาฏิหารย์รัก*
อยากเล่าให้คุณฟังอย่างที่สุดแล้วค่ะ
เย็นนี้...
ฝนลาฟ้าหม่นมาแต่บ่ายค่ะ
และรินสายรุนแรงจนถึงเย็น
ไพล..ออกไปเต้นเช่นทุกวันค่ะ
เพราะ
ฝนเริ่มหยุดพรำสายหนักหน่วง
เหลือเพียงปรายโปรยละอองฝอยพร่างนวล..
อวลเย็นบนเนื้อนางพร่างพรายพราวเพียงนั้นให้ฉ่ำเย็น
และ
สำหรับ
ผู้หญิงรักสายฝนสายฝัน..เช่นเฉก..สาวไพล..
จึงดีใจและโชคดีจัง
ที่นานๆครั้งจะได้เต้นกลางสายฝน
ในรื่นรมย์ระเริงร่ำฉ่ำเย็นแบบนี้
และ
ในจังหวะช้าช้าลีลางดงามตามบทเพลง..
กับดนตรีกระหึ่มเหงาเศร้า
พลอยพาให้ใจรานร้าวดวงรอนรอนดวงอ่อนหวาน
ต้องหลั่งน้ำตาซึมซึ้งจากก้นบึ้งแห่งเงียบงามใจ
จากเนื้อใจดวงใสใสดวงละมุน
ให้งามกรุ่นหอม
ค่อยๆระริกร่างหมุนวนตาม
ไปกับบทเพลง..ไทยลูกทุ่ง
จากเสียงอันซึ้งเศร้าละมุนนุ่มราวกับจะขยี้ฟองเบียร์
ของคุณก๊อต จักรพรรค์
จากคนที่รักเธอ...........
แค่คนรักเธอ....ไม่ใช่คนที่เธอรัก
ได้มารู้จัก ได้แอบรักก็สุขใจล้น
เธอคือนางใจ สดใสเมื่อยามได้ยล
ช่วยคนหนึ่งคน ให้พ้นจากความหม่นหมอง
เฝ้าคอยภักดี ทั้งที่มีสิทธิ์เพียงน้อย
สุขที่ได้คอย สิทธิ์มีน้อย ไม่เคยเรียกร้อง
ได้งมเพียงเงา ยามเหงาขอเพียงแค่มอง
ไม่ได้ครอบครอง แอบจ้องก็เพียงในใจ
มีชายหลายคน ที่คอยเดินตาม
ไม่กล้าถาม ว่าใครขอเธออย่างไร
ไม่กล้าท้วง ยามเห็นเธอควงกับใคร
เจ็บท้อรอไป.... เทใจให้เธอได้เห็น
*แค่คนรักเธอ ไม่ใช่คนที่เธอรัก
ทำใจแน่นหนัก ต่อใยรักไม่เคยว่างเว้น
หวังเพียงวันหนึ่ง เธอ..ซึ้ง..ความดีที่เห็น
เปิดทางให้เป็น ให้ฉันเป็นคนที่เธอรัก*(ซ้ำ)
***********
และเย็นนี้เช่นกันที่
ไพล...
เพียงรู้สึกดี..แค่รู้สึกดี
ที่วันนี้มีคนมากระซิบบอกให้กำลังใจไพล
ว่าแสนเซ๊กซี่..เสียไม่มี
ถามไม่ทันว่า..คำนั้นหมายถึงคนหรือลีลาท่าเต้น
เพราะจะอย่างไรไพลก็ไม่ยึดมั่นกับสังขาร
ที่ก็ย่อมจะร่วงโรยคล้อยยานไปตามแรงดึงดูดโลก
มิมีใครในโลกนี้ที่จะหนีพ้น
กฏแรงโน้มถ่วงนี้ไปได้สักคน
จนในที่สุด
จะฟักแฟงแตงกวามะลิลามะละกอหรือบัวชูช่อละออตูมตั้ง
ก็ต้องฝังราก..หรือร่างพลีลงเป็นหนึ่งเดียวกับผืนดินนี้
ลงในที่ในท่ามกลางพื้นพสุธามิช้านานด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
แต่สิ่งที่น่ายินดีกว่า
ในวันนี้
ที่ไพลอยากเล่าให้คุณฟังนั้น
มันเปรียบประดุจดั่ง
*มหัศจรรย์รัก..ปาฏิหารย์รัก*..
ที่ยิ่งใหญ่กว่าเป็นไหนไหน
ห่างไกลจากเปลือกภายนอก
หลอกใจให้หลงอัตตา
พาเวียนวนวายวุ่น
กับการสร้างกรุ่นกลิ่น
ภาพมายากระชากใจกระชากวัย
กระชากเวลาแสนมีค่า
ให้เปล่าเปลืองไปวันวันอย่างไร้ค่า
ไม่มีประโยชน์ต่อใคร
เพียงเติมต่อใจให้ยิ่งหลงทาง..ห่างแก่นกระพี้
*ขุมทรัพย์ทางปัญญาภายใน*
อันเป็นความจริงแท้นิรันดร์ออกไปยิ่งขึ้นทุกทีๆ..
ไพล
ร่ายยาว
เพราะอยากเล่าว่า
วันนี้มีปาฏิหารย์รักมาบังเกิด
ในร้านกาแฟ..กระท่อมไม้สน
ที่ไพล..ชอบมาฝากร่างใจพักพิง
นั่งนิ่งๆรจนางานงาม
หรือไม่ก็ดื่มน้ำหลังการออกกำลังกาย
ที่เจ้าของร้านสาวสวยนั้น
รักไพลราวมิ่งมิตรสนิทใน
ด้วยน้ำใจใสงาม
ที่เราได้โอบเอื้อแบ่งปันกันมาช้านาน
และ
ในบางครั้งไพลจำต้อง
รับบทจำเป็น
เป็น*ที่ปรึกษาปัญหาหัวใจ*
ให้กับผู้ทุกข์เศร้าลำเค็ญ อกหักในรักร้าว
ยามได้รับฟังการระบาย..ภายใต้ชายคาแห่งนี้
ให้เขาคนนั้น เธอคนนี้
ที่ยังหนีรักไม่พ้น
และหัวอกหัวใจกำลังฟกช้ำ
ราวกับกำลังหลงว่าย..น้ำวน
หลงอยู่ในทะเลโลกย์ ทะเลโศกทะเลน้ำตา
หาฝั่งมิพบเจอ กำลังจะเผลอจมน้ำตาย
ได้แต่ตะเกียกตะกาย
ขอเพียงมือใครสักคนมาฉุดดึงขึ้นมา
พาให้มีสติ
นะนาทีแสนฉุกละหุกแสนเศร้าดายเดียวนั้น
ที่บางครั้งบางคน
ถึงกับสารภาพ อยากจมตัวเองลงสู่ก้นบึ้ง
มิยอมทะลึ่งตัวมาสูดลมหายใจอีกต่อไปแล้ว
ด้วยหมดหวังพลังใจ
และ
เย็นนี้
ทันทีที่ไพล ผลักบานประตูกระท่อมไม้สน
กระท่อมไม้ไพรกระท่อมพักใจ
ราวศาลาคนเศร้า..เข้าไป
ไพล.กวาดตาเข้าไปที่*โต๊ะประจำใจ..*
*ริมหน้าต่างโมก*
พรูพวงดวงดอกกระจิ๊ดพราวนวลสวยซ่อนหวาน
ที่ไพล..มักใช้ตาช้อนผ่านกระจกบานกว้างแอบทายทัก
พักตาพักใจเคลียไหวหวามในท่ามกลางชีวีชาวกรุงกรง..
แต่..
นะเย็นนี้
กลับมีหญิงสาวรูปงาม
นั่งดายเดียวก่อนหน้าแล้ว
นะนาทีแรกที่เห็น
ไพล..บอกตัวเองได้เลยว่า
เธอ..นั้นงามนักงามหนา
ราวนางในภาพฝัน..ในวรรณคดีไทย
ด้วยรูปรอยเสี้ยวใสละมุน
ในวงหน้านวลละออ ราวรูปสลัก
และที่แสนน่ารักนัก
ตรงที่..
ดวงตากลมโตหวานเศร้าแฝงความสงบงาม
ราวมีหยาดน้ำเพชรพริ้งพราวในเรียวตา
สะท้อนแสงวะวับวาวตลอดเวลา
และ
ที่ยิ่งงามเศร้างามโดนใจประทับใจไพล
จนเงียบงันเสียยิ่งกว่านั้น...คือวงหน้าละออ
ล้อมด้วยผมเลื่อมพรายประกาย
ราวสายไหม
และมุ่นมวยงามราวสาวโบราณย้อนยุค..
และ
คนดี...คุณคนที่เข้าใจไพล..ดีเสียยิ่งกว่าใคร
คิดว่า
คุณคงรู้ดีว่า..
สำหรับหัวใจและความรู้สึกไพลแล้ว
จะมองภาพงามประทับตาประเทืองใจนี้..
ผ่านไปได้อย่างไรกันเล่า..
โดยมิหยิบยื่นไมตรีทายทัก
ด้วยรอยยิ้มหวานอบอุ่น..พลีมอบให้
ค่าที่มักชื่นชมงามแบบกุลสตรีไทย
ที่งามพิสุทธิ์ใสไร้เครื่องสำอาง
สารเคมีประทิ่นประเทืองทับราวกับโบกปูนปิด..รอยไว้
เธอ..
ยิ้มตอบ
และ
พลันราวสายตาไพลฝาด..ฝันไปละกระนั้นหรือ
เมื่อเห็นหยาดน้ำใสใสในแววตาเธอ
มาออซึ้งตรึงหน่วยตา
ราวจะหยาดหยดรินรดลงนะตรงหน้าไพล
ด้วย..สัญชาติญาณจากใจดวงละมุนกรุ่นหอม
*จากบ้านภายใน*
กำลังเตือนใจเตือนไพลให้ทราบว่า..
เธอคนนี้กำลังมีปัญหา..อีกแล้ว...เหมือนมากมายผู้คน
ในรอบปี..ที่ไพลพบเผชิญ..นะที่นี่..และอีกหลายๆที่..
ไม่ยกเว้นแม้กระทั่งในวัด..
ที่สงบสงัดเงียบงาม
ที่มากมีผู้คนอลวนย่างกราย
ไปใช้เพียงพักพิงระบายใจคลายทุกข์
ปลุกพลังเพียรสรรสร้าง*กุศลทาน*
ผ่านเพียงการทำบุญตักบาตร
ขาดการเพาะบ่มสติให้มีสมาธิภาวนา
มีปัญญาค้นหาทางสว่างไสว
อันเป็น*สิ่งที่ซ่อนอยู่ไม่ไกล
แค่ในกายเรากว้างหนาวาศอก*
ที่มีขุมทรัพย์อันชอบ
ให้ค้นพบ
โดยพลีพร้อมน้อมนำธรรมนำทางใจ
ไปไขความลับ
ไปจับจิตให้หยุดคิด..
สนิทในปัจจุบันงามเงียบล้ำลึก
วาง ว่าง เมื่อไรก็เมื่อนั้นจะไปถึงประตูบานนั้น..
หากแต่ทว่า
เราทุกคนนั้น
บางทีราวมีผงเข้าตา
ที่พาให้มนุษย์เรานั้นมัวเสียเวลา
ค้นหาเพียงแค่สุขภายนอกมาคอยเติมเต็ม
และ
หลงเฝ้านั่งหลอกหลงอัตตา
พาให้นั่งทับ..ขุมทรัพย์..
ไม่ยอมแง้มดู..เปิดประตูบ้านภายใน
แก่นแท้นะกลางใจร่างกลางร่างเรานี่เอง..
คนดี..
ด้วยเหตุนี้
ไพลจึงทรุดตัวลงนั่ง..ตรงหน้าเธอ..
อย่างช้าช้า..และถามเธอว่ามารอเพื่อนหรืออย่างไร
และขอให้น้องในร้านนำน้ำมาบริการเธอ..
และ
ไม่ช้าบทสนทนาจากเธอ
ก็เผลอพร่างพรู
ราวทำนบทุกข์ใจ..รอเวลาระบาย
เธอ..บอกว่าเธอกำลังอกหัก..ช้ำรักอย่างแรง
ผู้ชายคนดี
ที่เธอฝันฝากใจ
ไปมีหญิงงามคนใหม่ตอนไปฝึกงาน
เพียงแค่สามเดือน
ที่เมืองงามเมืองดอกไม้เมืองหนาว
เขาคงทนเศร้าทนคิดถึงไม่ไหว
ด้วยไกลห่างระยะทาง
ทั้งๆที่กับเธอ
ผ่านการพิสูจน์ใจร่างมานานถึงสามปีเต็ม
และ
ด้วยความช้ำตรมระบมด้วยพิษรักร้าว
เข้าสูตรตามแบบฉบับ
ทุกทุกข์รักมักจบด้วยพบปัญหา
คล้ายตอกตรามาอันเดียวกัน
เป็นพันล้านเรื่องระทมรัก
คนอกหักจึงมากมีและ..
มากมายปัญหาสังคมตามมา
คนดี..
เธอ..คนนี้ก็..หนึ่งในนั้น
จึงต้อง
มานั่งรอเพื่อนรัก..นัดมาระบายรักระบายใจ
หวังหนีไกลห่างทุกข์เพียงสักชั่วขณะก็ยังดี
ไพล..ฟังๆไปและแอบอึ้งไปชั่วแวบ
หัวใจแม้นจะเศร้าตาม
ก็แอบรู้สึกคิดถึง..*คำคุณคนดี*
ที่เบื่อนักเบื่อหนา
กับคำรักนี้ที่เวียนวน
และเพิ่งจะปะทะคารมกับไพลไปแบบประชดประชัน
ที่คุณนั้นเฝ้าบอกเฝ้าสอน..บทเรียนใจ
*ชีวิต..คนเกิดมาแสนสั้นนัก
ไยช่างเสียเวลามีค่ามากมาย..คิดคิด..ฝันฝัน
แค่คำรักและเนื้อหนังมังสา
กระนั้นละหรือนี่..กระนี้ละหรือหนอ*
และ
ใช่ซี..ไพลประชดกลับ
คนดี..มิใช่คุณนี่นา
ที่ราวมนุษย์ในรอบพันปีมาเกิด..
ที่พาใจประเสริฐมาพบหลุดพ้นทุกข์รัก
คนถึงยังต้องจักเป็นคนคนคน
มิพ้นวายวุ่นวง
หลงวนกรรมกระหน่ำรักกันไม่ยั้งหยุด
เพราะ
เพียงหัวใจมิอาจหยุดคิดได้
เลยต้องแพ้พ่ายกับคำอดีตกรีดรอย
และอนาคตลอยๆ
ที่ยังเวียนวนมาไม่ถึง..
จึงยังไม่พบค่าคำซึ้ง*มนุษย์ผู้วิมุติหลุดพ้น
*ผู้อยู่เหนือโลกเหนือโศกสุข เสียที*
มิพาตัวหนี
หากสะดุดความคิดติดจม
อยู่ใต้โคลนตมไปเป็นเหยื่อเต่าปลา
แบบบัวในคลองห้วงเหวลึก..อย่างนึกไม่ถึง
ด้วย..
ความไม่รู้รักษาจิตจับอยู่กับความเป็นปัจจุบัน..
อันเป็นเทคนิคธรรมนำทางใจให้ไสวสว่าง
มิต้องเวียนว่ายวนทุกข์
ที่ดูช่างแสนง่าย
หากราวมีผงเข้าตา..หาค้นพบไม่..
นอกจากมีใครดั่งกัลยาณมิตร
มาพร่างน้ำใจละอองใสดั่งหยาดละอองน้ำค้าง
ล้างตาล้างใจให้ใสสวย
ช่วยให้มองทางกระจ่างแจ้ง
ด้วยจิตแห่งความรู้สึกตัวทั่วพร้อม
มองเข้าไปภายในกายเรา..
ใช่วัตถุสิ่งใดภายนอก ไม่ว่าใครไม่ว่าของ
ที่มายวนยั่ว
ให้เติมเต็มสุขวูบวับดับเท่าไรก็ไม่เคยพอ..
โอ้ละหนอ..จิตมนุษย์ที่สุดจะยากแท้หยั่งถึง
ไพล..จึง
ได้แต่เปิดจิตภายในรับฟังอย่างตั้งใจ..
อย่างผู้ที่ผ่านทุกทุกข์รักมาอย่างสาหัสสากรรจ์
จนนะวันนี้
ราวมีวัคซีนทุกสายพันธุ์รักคุ้มกันจากพันธนาการ
จิตวิญญาณผ่านการค้นพบจบลงด้วย
*ความสุขนิรันดร์ที่จริงแท้*
ใช่หวังขอเติมพลังใจพลังสุข
จากใครจากผู้ใดอีกต่อไปแล้ว
ไพล
ใช้ความรู้สึกรับรู้ทุกอณู
ด้วยพลังแห่งความเมตตา..
และ
อย่างช้าๆ
ไพลค่อยๆยื่น
เรื่องรักรจนาล่าสุด*รัศมีแก้ว*
หวังให้เธออ่านฆ่าเวลาหยุดเวลา
เพราะไพลมักพริ้นท์งานทุกเรื่องเก็บไว้และ
ไพลจะใช้หน้ากระดาษด้านหลัง
ที่ยังว่างอย่างคุ้มค่า
นำมารีไซเคิลรจนางานเรื่องใหม่..
ยามมีเวลา..อย่างมีประโยชน์เต็มที่
ไพล
บอกเธอว่า..
หวังว่าจะดีกว่าการนั่งรอทรมานใจ
เธอ..
ขอบคุณ..
และก้มหน้าลงไปอ่านผ่านตาซึ้งเศร้า
อย่างพยายามทำความเข้าใจ
ไม่นานนาที
เธอ..กระซิบถามเสียงแผ่ว*พี่เขียนเองเหรอคะ*
ทำไมคำสละสลวยจัง
และพลันราวพลังทำนบใจเธอแตกพร่าง
เธอ..สะอื้นจนร่างสั่นไหว..
จนไพล..ตกใจอย่างคาดมิถึง
อะไรจะซึ้งเร็วปานนี้
ไพล..ระล่ำระลักถาม
เกิดอะไรขึ้นคะ
เธอยังตอบไม่ได้..
ไพลได้แต่ยกผ้าเช็ดหน้าให้เธอซับหยาดน้ำตา
และ
ได้แต่กระซิบว่าให้หยุดร้อง
ได้แต่ปลอบด้วยหัวใจ
ด้วยความรู้สึกเมตตาที่แสนพลิ้วไหว
ด้วยอารมณ์สะเทือนใจตาม..
ไปกับเธอ...ผู้ซึ่งกำลังสับสนกับปัญหาหัวใจ
ไร้มือไร้ใจใครสักคนมายื่นยุดช่วยฉุดให้พ้นทุกข์นี้
คนดี..
และ
นี่คือเรื่องจริง
จริงเสียยิ่งกว่าจริง
คือสิ่งที่ไพลอยากเล่าให้ดวงใจคุณ
ได้รับฟังรับทราบรับรู้เพียงคนเดียวด้วยซ้ำค่ะ
และ
ไพลต้องใช้เวลาหลังจากนั้นนานนับชั่วโมง
เพื่อปลุกปลอบชี้ทางธรรมะ..
ให้กับเพื่อนมนุษย์ร่วมเกิดแก่เจ็บตายว่ายวน
ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น อย่างพึงมีพึงเป็น
อย่างกัลยาณมิตร..
และ
ไพล..ไม่ทราบนะนาทีนี้คุณคนดีอยู่ที่ไหน
จะคิดถึงไพลบ้างไหม..ละหนอ
เพียงไพลอยากแค่มาขอฝากคำกระซิบบอกคุณว่า..
ไพล..
ภูมิใจนะคะ
กับสิ่งที่ไพลได้ทำด้วยดวงใจรักปรารถนาดี
แม้จะเป็นเพียงคำพูดเล็กน้อย..
ที่ทำให้ใครคนหนึ่ง
ได้ลุกขึ้นยืนและกล่าวคำซึ้งซึ้งขอบคุณไพลว่า
นะเวลานี้หัวใจเขาเข้าที่พอจะวางทุกข์ได้แล้ว
แม้จะต้องเพียรหยุดคิดหยุดรักพักใจ..
ใช้เวลาเยียวยาบาดแผลใจไปสักระยะ..
แต่ทว่าเขาจับจิตจับเทคนิค..
พอรู้วางให้ความคิดว่างได้แล้ว..
และ
ก่อนลากลับ
เธอ..
บอกกับไพลว่า
เธอมีบางสิ่ง
ที่กำลังจะเล่าสารภาพให้ไพลฟัง
ว่า...
โลกนี้นั้น..
มีพลังในมิติที่ลี้ลับ
ที่อยากให้ไพลรับรู้
ด้วยความขอบพระคุณยิ่ง
กับสิ่งที่ไพลเพียรเสียสละมากเมตตาให้น้ำใจ..แด่เธอ..
ที่เป็นเรื่องจริงราวปาฏิหารย์
ให้ไพลตั้งใจฟังให้ดี
เธอ..บอก
ก่อนที่จะได้พบพานกับไพล
เธอ..เดินเวียนมาสองรอบแล้วและ
ไม่กล้าเข้ามานั่งข้างในร้านนี้
ด้วยเกรงใจเจ้าของ..เพราะต้องรอเพื่อนนาน
จนฝนตก..หนัก
เธอ..จึงต้องวิ่งกลับมารอพักฝนใต้ชายคากระท่อม
นั่งมองสายฝนลำพัง
ด้วยดวงใจดายเดียวสุดทน..
แล้ว
เธอ..ก็ค่อยๆหันไปเห็น*ศาลพระภูมิ*
ศาลนี้ซึ่งมีที่มา
ที่..ซึ่งเจ้าของร้าน
เคยเล่าให้ไพลฟังว่า
ก่อนจะตั้งขึ้นนั้นเธอฝันเห็นช้างตัวใหญ่วิ่งมา
จะทำร้ายน้องคนหนึ่งในร้านนี้..
เธอ..จึงคิดว่า..สถานที่นี้
หากเธอคนดี
พลีบูชาบอกเจ้าที่เจ้าทางคงดีที่สุด
และ
ทุกครั้งสำหรับไพล
ไพลก็จะไม่ลืมยกมือไหว้รายงานตัวอย่างไม่ลบหลู่
และ
บางครายังมาขอ
อธิษฐานบานบนให้พบแต่สิ่งดีงาม
ตามประสาชาวพุทธที่
แม้ถูกสอนให้ยึดมั่นกับสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผล
แต่เราทุกคน
บางครั้งก็เพียงแค่หวังฝากศรัทธา
เชื่อสิ่งที่ยังมองไม่เห็นด้วยตา
ที่ยังพิสูจน์ค้นหาความลี้ลับยังไม่ได้
ขอเพียงให้เป็นดั่งพลังใจให้เพียรคิดดี พูดดี ทำความดี
เพียงนั้นก็คิดดีที่สุดแล้ว
เธอ
เล่าต่อว่า
เธอ...ซึ่งกำลังสับสนกับปัญหาหัวใจ..
จึงหันไปไหว้
พร้อมกับใช้ความรู้สึกภายในจริงๆ
ตั้งจิต
อธิษฐาน
เธอ..
ขอพร..ว่า
หากปาฏิหารย์มีจริง
เย็นนี้ให้เธอ..พบใครสักคนมานั่งตรงหน้า
คนที่มีบุญวาสนาพอที่จะนำพาเธอพบแสงสว่าง
ชี้หนทางแห่งใจให้กระจ่างใสหมดมืดมน..
อย่าได้หลงวนอ้างว้างอย่างนาทีนี้..อีกเลย
และ
เธอ..บอก
พี่.จะเชื่อไหม พี่ดูสิมือหนูยังสั่นไหว
หัวใจหนูยังไม่สิ้นปิติ
ขนยังลุกอยู่เลยด้วยยินดีด้วยความดีใจ
พี่คะ
ในชีวิต
หนูไปวัดทำบุญ
สวดมนต์ภาวนาคาถาชินบัญชร
ยึดมั่นในศีลมีสติ
เพียรนั่งสมาธิ
ที่จะมีปัญญาพาหลุดพ้นวังวน
กรรมรัก
และ
วันนี้ราวกับผงเข้าตาหนู
แม้นจะชั่วครู่ชั่วยามที่จิตมืดมน
หนูคิดว่าหากหนูจะพ้นกรรม
ก็ขอให้หนูได้พบคนดีเช่นกันมานำทางสว่าง
พี่..คะ
หนูน้ำตาพร่างเพราะ..หนูสะเทือนใจ
และหนูปิติใจ
ทำไม..คำอธิษฐานหนูราวปาฎิหารย์รักมีจริง
พี่..คือใครคนนั้น..
พี่..พี่มานั่งตรงหน้าหนูจริงๆ...
พี่..คือสิ่งที่ยิ่งกว่า..เหนือกว่าค่าคำที่เรียกว่า*ปาฏิหารย์รัก*ค่ะ
************
คนดี..
แล้ว
ไพลจะจบเรื่องนี้อย่างไรดีคะ
นอกจาก..
เพียงอยากฝากบทเพลงนี้..
ถึงทุกดวงใจ
เพราะ
คือบทเพลงประจำใจ..สอนใจ
ให้ดวงใจ..ใสงามของไพลยึดมั่น
ตั้งศรัทธาในรักอันหนักแน่นมั่นคงมิหลงโลกย์
ที่จะสัตย์ซื่อถือตรงคงมั่นในรักแท้ต่อคนดีเสมอมา
ผู้หาญกล้าผู้เพียรทำแต่ความดีที่ยิ่งใหญ่เพื่อผองชนผู้ทนทุกข์ยาก
และอยากฝากกระซิบย้ำบอกคำว่า..
*ไพลรักคุณ....
และ
เพื่อนมนุษย์ทุกคนทุกดวงใจค่ะ
ตราบนานเนานิรันดร์จนกว่า...จะถึงวันชีพวาย*
***********
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=72
หนึ่งในร้อย
นิตยา บุญสูงเนิน : : Key Eb
พราว แพรว อันดวงแก้วแวว-วาว
สด สี งาม หลายหลากมากนาม นิยม
นิล-กาฬ มุกดา บุษรา คัมคม
น่า ชม ว่างาม เหมาะสม ดี
เพชรน้ำหนึ่ง งามซึ้ง จึงเป็น ยอดมณี
ผ่อง แผ้วสดสีเพชรดี มีหนึ่งในร้อยดวง
ความ ดี คนเรานี่ ดีใด
ดี น้ำ ใจที่ให้แก่คน ทั้งปวง
อภัย รู้แต่ให้ไปไม่หวง
เจ็บ ทรวง หน่วงใจให้รู้ ทัน
รู้ กลืน กล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน
ชื่น ชอบตอบ ผล ร้อยคน มีหนึ่งเท่านั้นเอย
รู้ กลืนกล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน
ชื่น ชอบตอบผล ร้อยคน มีหนึ่ง เท่านั้นเอง...
***********
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=255
สายสร้อยร้อยใจ ม.ร.ว. ถนัดศรี สวัสดิวัฒน์ : : Key Dm
สายสร้อยร้อยใจสายไยสวาท
หมายขาดหลุดสุดหนทาง
รักจางตรอมตรมไม่หาย
โอ้ใจเอ๋ย ไหน เลย มาหน่าย
ฟ้า ดินแม้สิ้นสลาย รักมิคลายรักสุดบูชา
สายจิตร้อยทรวงไยลวงหลอกหลอน
อกสั่น หวั่นรักรอน ยามกินยามนอนผวา
ภาพความหลัง นั้น ยัง เตือนตา
น้อง คงมิปรารถนา จึง ลาระทมตรมใจ
พี่ แพ้ เจ้าไม่แลเหลียวมองมาเลย
อก เอ๋ย ไปชื่นชมหลงคารมใคร
พี่ รัก ใช่หลอกลวงรักเต็มทรวงใน
รัก ซ่อนซ้อนใจ ห่วงหรือไรทิ้งพี่ให้ตรม
สายโซ่คล้องใจสายไยสวาท
พี่อยู่ ก็เหมือนคน ไม่กายไร้ใจชื่นชม
สร้อยใจหาย รัก กลาย เป็นลม
เหลือรอยสายสร้อยขื่นขม
ร้อยอารมณ์ระทมตรมทรวง...
4 สิงหาคม 2547 14:15 น.
พุด
url=http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=45
(บุพเพสันนิวาส)
พลีมอบแด่ทุกดวงใจทุกทุกข์รัก
***********
ผม..ตื่นนอนมาตอนตีห้า
เดือนยังลอยเด่นดวงระยับฟ้าทางทิศตะวันตก..
ดุเหว่า..นกไพรผกโผผินออกหากินบินคู่กันไป
อรุณเบิกฟ้าเริ่มคลี่แสงหวานใสสีอำพัน..
ผมรู้สึกเงียบงัน
กับฉากฝันงดงามตรงหน้ายามอุษาสาง
หัวใจดวงเข้มแข็ง
แฝงพลังความอ่อนโยนอบอุ่นละมุนละไม
ราวกลีบดอกไม้ไพรค่อยค่อยคลี่กลีบเบ่งบาน
รับหอมงามจากสายแสงแรกแห่งดวงตะวันอันอ่อนอุ่น
ประตูบ้านภายในของชีวิตผมถูกเปิดออก
ในความนิ่งงันนั้น..
ผม..พาตัวผมกลับเข้าไปสู่*แสงจรัสจ้า*
*พลังวิเศษที่ลึกล้ำ* เกินกว่า
สายตาภายนอกจะมองเห็นเช่นปกติธรรมดา..
ผม...กำลังใช้ความเงียบงาม
แห่งธรรมชาติทั้งมวลอันยิ่งใหญ่นั้น
*หยุดใจ หยุดความคิด..*
ผันพา*ความรู้สึกตัวทั่วพร้อมทุกอณู*..
เข้าไป*สู่มิติแห่งความจริงแท้*
ที่ผมเพียรใช้เวลานานหลายปีเพื่อค้นหา
ด้วยการปฎิบัติจริง เพื่อพิสูจน์..
ความจริงยิ่งกว่าจริง..
ที่ยิ่งใหญ่ที่เป็นดั่งแก่นแท้ในชีวิต
กว่าการเล่าขานใดใดจากปากต่อปาก..
หากต้องใช้ความเพียรลงมือกระทำ..เอง
คนดี..และ
ไม่ว่าราตรีนี้
คุณจะนอนนิทราหลับฝันอยู่นะหนใดในหล้าโลก
ผม..ผู้มีโชค..ได้เกิดมาพบและรักคุณ
แบบเหนือโลกย์โศกสุขพ้นทุกข์รัก..
อยากเพียงกระซิบบอกความลับในใจนี้
ที่ผมค้นพบ*พลังจิตมหัศจรรย์*
ให้คุณเพียงนั้นได้รับรู้ก่อนเป็นคนแรก
เพราะ...
ผม..มิอยากให้เราสองต้องแบก
*โลกแห่งรักหนักราวศิลา*
ที่แสนหนักนักหนาไว้บนแอกใจ
ไปตราบชั่วกาลนานนิรันดร์
ผม..หวัง...จะเป็นดั่งดวงแก้ววิเศษ
ส่องนำทางสายสว่าง
ที่ผมเพียรพบนี้
ให้คุณได้ก้าวสู่บานประตูลับนี้
ที่เปรียบเสมือนดังสะพานผ่าน
สู่*ห้วงแห่งมิติที่ไร้กาลเวลา
มิติ..ที่เรียกว่า*แสงสว่างทางปัญญา*
ที่ที่ซึ่งจะไม่มีคำว่าอดีตและอนาคต
คนดี...
แค่เราสองนี้เพียรกำหนดจิตพิสุทธิ์ใสผ่องแผ้ว
ให้อยู่ใน..การกระทำปัจจุบัน..
จะพานพาเราสองนั้น..
พลันพบ*อาณาจักรแห่งความสงบล้ำลึก*
อย่างนึกไม่ถึง
พบ..
ความเกษมซึ้งซึ่งโปร่งแสง
พบความแกร่งกล้า..
และ
คนดี..
นั่นคือแก่นแท้ในตัวคุณ*ผู้มีเนื้อนาบุญ
ที่กุศลส่งมาให้เราสองต้องพ้องพาน
ได้มาพบกัน..รักกัน..ปรารถนาดีต่อกัน
ผม....
จึงอยากแบ่งปันความงอกงามนี้
พลีแด่จิตวิญญาณคุณ
เหนือ..มากกว่า*การให้..หรือได้รับ*สิ่งใด
เพราะมันจะไม่มีวันแตกสลาย
มันจะตามติดจิตวิญญาณคุณไป
และ
แม้ในนาทีสุดท้าย
หากคุณพลาดพลั้งการ..รู้แจ้งมาตลอดชีวิต
ขอเพียงคุณมีจิตสว่างว่างเพียรเพาะบ่มบุญ
สร้างกุศลเสียสละมามากพอ
ประตูบานสุดท้ายจะเปิดรอทันที
เมื่อร่างกายคุณใกล้จะดับสูญ
คุณจะมีความรู้สึก*สุขเกษมสงบนิ่ง*เหมือน
ในหนังสือ*Tibetan Book of The Dead *
อธิบายไว้ว่า...จะมี
*รัศมีจรัสจ้าแห่งแสงที่ไร้สีของความว่างเปล่า*
มานำทางเราไป
และ
มาตรแม้นเราไม่เพียร..
*ให้เข้าถึงอาณาจักรแห่งความสงบล้ำลึก*
ซึ่งเป็นการฝึกการตายก่อนตายแล้วไซร้
เราทุกคนอาจจะพลาดได้เมื่อ
บานประตูสุดท้ายนั้นเปิดออก
ให้พบแสงสว่างจ้าพาไปพบ
ที่สงบเย็นว่างไร้ร่าง
มิต้องวนมาเกิดรับกรรมใหม่
ที่มนุษย์มักหันหนีไปโดยอัตโนมัติ
ด้วยความไม่รู้ ด้วยสติยังมิถึงพร้อม
ด้วยความกลัว
ด้วยแรงต้าน ด้วยขาดสติ
และ
นั่นคือการต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก.
หาก*จิตปัจจุบัน*ไม่ฝึกสร้างพลังให้แกร่งกล้า
ฝึกความไม่มีวันตายของความรู้สึกตัวทั่วพร้อม
ให้เลิกยึดมั่นถือมั่นตัวตนจอมปลอม
จนกระทั่งตระหนักได้ว่า*ความตายเป็นเพียงมายา*
เหมือนภาพมายาอื่นๆนะคนดี..
และ
ผม..จำได้..คุณเคยฝากทัศนะไว้..กับผม
*รักก็แค่ละครชีวิต*เป็นวัฎฏจักรที่ไม่เที่ยงแท้..
ที่มนุษย์มักยอมพ่ายแพ้..
คิดว่าความรักความใคร่นั้น
เป็นเสมือนการปลดปล่อย
จากความกลัว ความเหงา เศร้าดายเดียวที่ฝังลึก
เป็นความต้องการ เป็นความขาด..เป็นสัญชาติญาณ
หวังวาดจะมีใครสักคนมาเติมเต็ม
ผู้หญิงจึงต้องการผู้ชาย
ผู้ชายจึงต้องการผู้หญิง
และ
เมื่อความรัก ความหฤหรรษ์
ราวน้ำผึ้งฝันสวรรค์หวานสวรรค์สรวง..พ้นผ่านไป..
ร่าง..จำต้องแยกห่างกัน..
มันก็ยังมิใช่สุขนิรันดร์ สุขเกษม หลุดพ้น
เพราะ..
สิ่งที่จะตามมาคือความทุกข์จากบ่วง..จากหวง
ห่วงใย..จากใจที่คิดเพิ่มเติมทุกข์ทบทวี
จากขาดสติความรู้สึกตัว
จนก่อเกิดเป็นความกลัว..การพลัดพราก
หากอีกฝ่ายตีจาก..สิ้นรัก
มักจะเกิดการเรียกร้อง คาดหวัง จากฝ่ายตรงกันข้าม
จนเกิดการ..ขัดแย้ง..จนไร้อิสระทางจิต..
ด้วยมิอาจ*หยุดคิด หยุดทุกข์ได้*
เพราะกลัวความเปลี่ยนแปลงมิคงที่คงทน
มัวกังวลกับอนาคต
เป็นราวเกมส์กมลหลงยึดมั่นถือมั่น
วนเวียนเรียกร้องต้องการ...มิสิ้นสุด
และ
คนดี..ทุกดวงใจ..
*เพื่อนมนุษย์ผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น*
หากคุณยังตัดรักไม่ได้ ตัดใจไม่ได้จำต้องชดใช้วิบากรรม
ผม..
หวังเพียงให้คุณทุกคน
รู้แจ้ง..ยอมจำนน จ่อมจมในตัวทุกข์เสียให้พอ
และต่อมาก็เพียงแค่ลองหัดหยุดคิด
จิตจับเฉพาะปัจจุบันขณะ
จงค่อยๆปล่อยวางต่อ*ทุกทุกข์รัก*
ต่อความเศร้า ความสิ้นหวัง
ความกลัว และอะไรก็ตาม
ที่จะตามมาจากผลแห่งรักนั้น
หากหนีไม่พ้นเพรงกรรมที่ตามมาย้ำรอย
ขอเพียงให้โอบกอดมันไว้แล้วรอคอยจังหวะ
สงบนิ่ง
เริ่มทีละน้อยๆให้จิตว่าง
และนั่น
ก็ราวกับจะมีปาฏิหารย์ผ่านพ้นพาสู่อาณาจักรสวรรค์...
ได้เช่นกัน..หากจิตนั้นสงบงันนิ่งพอ..
และ
คนดี..
จงใช้สายธารสติความรู้สึกตัว
ที่เปรียบเสมือนสนามพลังงานอันยิ่งใหญ่
ดั่งสะพานเชื่อม..สู่..*ต้นกำเนิดภายใน*
ที่หยั่งรากลึกแสนใสสงบนิ่ง..
ที่อยู่ลึกภายในกายเราใช่ไกล..เกิน
และ
บานประตูบานเดียวที่จะเกี่ยวร้อย
ดั่งกุญแจให้ไขความลับ..ของทุกสรรพสิ่ง
ให้ค้นพบความสงบงามอิสระแบบล้ำลึกนั้น
จงเพียรฝึก..
มีความมุ่งมั่น
เลิกกังวลอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
เลยซึ้งเศร้าจำกับอดีตที่ทำร้ายคุณมานานเนาเสียที
จงให้อภัยและใส่เพียงความเมตตาปรานีลงไปแทนที่
และอยู่กับสิ่งนี้ที่เรียกว่า
การ*ทำจิตให้ผ่องใส
กำหนดลมหายใจเข้าออก
พาพลังลงสู่เซลส์ทุกอณูในร่างคุณ
ด้วยความรู้สึก..มิใช่ความนึกคิดอีกต่อไป
คนดี..
หากลวิธีเข้านะทุกวิธี
ที่จะอยู่กับลมหายใจ
เพียรเพ่งเฝ้ามอง...
*มหัศจรรย์รัก*จากธรรมชาติทุกสรรพสิ่ง
ที่วิ่งวนอยู่รายล้อม..ไม่มีความยึดมั่นถื่อมั่น
ปล่อยให้...
อนาคตและอดีตนั้น..สลายลาไปกับความเป็นปัจจุบัน..
อันคือสิ่งที่จริงแท้..
มองดูดวงดอกไม้ค่อยๆคลี่กลีบแย้มบาน
ดูหวานพระจันทร์
ดูพรายตะวันแรกแห่งแสงอรุณ
ดูละมุนความรักของสรรพสัตว์ที่..ไม่มีอัตตา
หยุดคิด..แล้วดู..หยุดใจฟุ้งมุ่งแค่เพียงความสงบงาม
กับสิ่งตรงหน้านาทีต่อนาที
ไม่มีการปรุงต่อเติมเพิ่มแต่งไปตามความคิด..
และ
มาตรแม้น
ใครภายนอกจะทำร้ายคุณ
ด้วยความไม่เข้าใจด้วยคำพิพากษา
ด้วยอัตตายังหลงมั่นยึดมั่น
ให้รานร้าวเศร้าหมองสักเพียงใด
ก็...
จะไม่มีอิทธิพลมาพัดพาสติแห่งงามนี้
ให้สั่นไหวสะเทือนใจเสียใจ
ที่เรียกว่า*ความรู้สึกตัว*
เพราะคุณจะรู้แจ้ง
มี*สะพานสายธารพลัง
แห่งความเป็นปัจจุบันความเงียบงามสงบสุข*
ที่ที่สอนให้รู้หยุดคิด
ให้นิ่งสนิทและวางทุกสิ่งไว้นะนี่นั่น*บ้านภายใน*
รู้วิธีคิด..แล้ววาง..เมื่อร่างจำต้องดำรงร่างรับภาระหน้าที่
ถอดหัวโขนนี้ที่จักต้องธำรงเพื่อโลกโลกาภิวัฒน์
เมื่อสำเร็จงานงาม...อย่างไม่ยึดติด
โลกภายใน..จะมิมีวันสั่นไหว
เหมือนปลอดภัยจากทุกสรรพสิ่ง
ไม่ว่ารักชังเนื้อหนังมังสา
อาหารโอชารส
ลาภยศสรรเสริญ
และบทละครโลกโศกสุข..
และ
นี่คือ
ความในใจผม... ที่ผมกระจ่างแจ้ง
พบแสงงามแห่งปัญญาและ
เพียรแสวงหาทางหลุดพ้นมาแสนนาน
จากทุกข์รัก
.
ผม..พบแล้วจากจิตยอมจำนน
ในทุกข์เบื้องต้น ตั้งอยู่
และรู้ดับไปในทุกเงียบงาม
ปล่อยให้หัวใจราวว่างเปล่า
แสนสุขล้ำ
*ด้วยพลังแสงแห่งปัญญาจรัสจ้า*
พร่างพรายทั่วกายอย่างไร้ขอบเขต
ไร้ข้าศึกศัตรูจากโลกวัตถุโลกมายาจากใจจากใคร
ที่จะเข้ามารานรุกบุกทำลายให้พลังจิตสั่นไหวได้
และ
นี่คือสิ่งที่ผม...กำลังวนเวียนเพียรอธิบายซ้ำๆ
ผม...พยายามเปิดบานประตูสายธารเกษม
ให้เป็นดั่งสะพาน
พาคุณและเพื่อนมนุษย์..พบฝั่งฝัน
ที่มองไม่เห็น....
หากมีชื่อว่า
*สิ่งจริงแท้อันเป็นนิรันดร์
* ที่เป็น*ดั่งขุมทรัพย์มหัศจรรย์*
ซ่อนอยู่ในทุกร่างมนุษย์
ขอเพียงให้*หยุดคิด*เป็น
และใช้ความรู้สึกล้ำลึกฝึกจิตจับจิตปัจจุบัน
ก้าวเข้าไปค้นหาและเมื่อพบแล้ว
ทุกสิ่งภายนอกนั้น
จะมิมีวันมากรายกล้ำมาทำร้าย
ให้เศร้าหมองครองจิตวิญญาณได้นานเนาอีกต่อไป
ดั่งตามรอยเท้าก้าวไปในเส้นทาง
ที่องค์พระบรมศาสดาของเรา
*องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า*
ที่ได้ทรงเพียรพบแล้วและ*ละ*วางไว้
ให้เราหาทางเพียรค้นหาด้วยตัวเอง
หากเกรงการเวียนว่ายวงกรรม
ย้ำการต้องเกิดมาชดใช้มิรู้สิ้นมิรู้จบ
สำหรับผม..มิเคยท้อ
ผมเพียร..ผมฝึก...และรอ..มาเกือบตลอดชั่วชีวิต
เพื่อกระซิบบอกคุณและเพื่อนมนุษย์
ผม...ตั้งศรัทธา และเชื่อว่า
ทุกคนมีสิทธิ์ค้นหา*บานประตูนั้น*
แค่ใช้กุญแจธรรมกุญแจทอง
ก็จะไขเข้า*บ้านภายใน*
ที่แสนใสงามว่างเปล่าไร้เงาใจไร้เงาใคร..
เป็นแก่นแท้..ภายในชื่อว่าความจริงนิรันดร์..
อันเกินกว่าหาคำใดมาอธิบาย..
และ
คนดี..
ผม..ขออภัย..
หากกรรมใดที่ผ่านมาที่ผมละล้าละลัง
ลากคุณลงมาเติมพลังแห่งความกลัวทุกข์
เติมตัวทุกข์ไร้สุขของผม
เพราะนะบัดนี้
ผม..ค้นพบสุขจากตัวตนผมเองแล้ว
และ
ผม..หวังเพียงจะบรรเลงบทเพลงโลกย์
ก็เพียงแค่สอนโศกตรมฝากไว้ให้เป็นเพียงบทเรียน
ให้ทุกดวงใจ...
รู้ทางหนีทีไล่เข้าใจเส้นทางกรรม
อันเวียนว่ายเศร้าหมอง
ครองดายเดียวเปลี่ยวเหงาวกวน
อย่า...
ได้ใช้ชีวิตอย่างเมามัวมืดมน
หลงทางห่างฝั่งฝันฝั่งนิพพาน
จง
เพียรพยายามใช้เมตตาธรรมดำรงร่าง
ให้อภัยตัวเองและเพื่อนมนุษย์ผู้ยังต้องดำผุดดำว่าย
เที่ยวท่องลอยละล่องในโลกกิเลส
ในสายธารกรรมย้ำรอยวน
คล้ายดั่งกมล*หลงโลกเวลา*ปล่อยให้เวลามีค่า
หายไปกับกาลอดีตและอนาคต..
ซึ่ง
มิใช่เป็นกฏแห่งความจริงแท้
และ
ทุกร่างนี้..เปรียบประดุจดั่งภาพมายา
ก็จักเป็นดั่ง..*อนิจจังอนัตตาดั่งเถ้าธุลี*
มิช้านานมิมีใครหนีกฎแห่งชรามรณะได้พ้น
หาก
จะเหลือเวลากับการใช้ลมหายใจแห่งปัจจุบัน
จงเพียรใช้...*พลังสายธารธรรม*
น้อมนำจิตแห่งความรู้สึกตัว
ผลักบานประตูสู่
*ดินแดนอันเป็นงามเงียบว่างนิรันดร์*
ที่ช่างแสนใกล้
ที่..ผม..แค่ขอก้าวเข้ามาแนะนำเคียงไหล่
ให้เราทั้งสองและผองชน
ได้ดับทุกข์ลบลืมสิ้นความหม่นหมอง
พบ*ความเป็นจริงแท้ในกายเราเอง*
ให้สมค่าคำ
ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ผู้มีใจดวงพิสุทธิ์ใส
ได้เกิดมาภายใต้ร่มเงาพระพุทธศาสนา
ได้พบทางงามเจิดจ้าแห่งดวงชีวา
เกิดมาทันคำสอนของพระบรมศาสดาเอกของโลก
พระผู้ผ่านปรินิพพานไปแล้วตั้ง2500ปี
แต่ยังคงทิ้ง*แก่นความดี..ที่เป็นความจริงแท้*
ที่แสนยิ่งใหญ่..
ให้มนุษย์เรานั้นได้สร้างกุศล..
เพียรรักษาศีล ฝึกสมาธิ มีปัญญา
ให้พาหลุดพ้นผลพวงบ่วงกรรม..ดับทุกข์สิ้น
ดั่งมีบุญญา คู่กันมาชั่วกัลป์กัปป์กาล
ให้พ้นร้าวรานทุกภพทุกชาติไปนะคนดีนะดวงใจ
28 กรกฎาคม 2547 09:50 น.
พุด
อรุณสวัสดิ์ร่มรักเรือนไทยเรือนใจเราผอง
เหมือนตะวันยังมั่นคงตรงต่อฟ้า
เหมือนปีกฟ้าโอบสล้างกางปีกฝัน
เหมือนจันทรายังหยาดหวานน้ำผึ้งจันทร์
เหมือนเธอฉันในวันนี้มีอ้อมใจ..
*********
ร่มรักเรือนไทยเรือนใจเรือนนักรักรจนา
กระท่อมฝันกระท่อมจันทร์กระท่อมใบใม้
กระท่อมปลายนา..บ้านไทย..
ได้กลับมาสู่สภาพเดิม
ให้เติมต่อหวาน
ปีกฟ้ากางปีกโอบฝันสล้าง
ให้ทุกดวงใจฝันฝันฝัน
ได้โบกโบยบิน
ให้ทุกสายถวิล
ที่ยังรัดร้อยใจกันฉันท์น้องพี่
ได้มีวันนี้ราตรีงามคืนกลับมา..
**********
เหมือนตะวันยังมั่นคงตรงต่อฟ้า
เหมือนปีกฟ้าโอบสล้างกางปีกฝัน
เหมือนจันทรายังหยาดหวานน้ำผึ้งจันทร์
เหมือนเธอฉันในวันนี้มีอ้อมใจ..
เหมือนจันทราเคียงฟ้ายามราตรี
เดือนดาราดวงดีดวงงามเคียงฟ้าใหม่
เหมือนตะวันยังมั่นคงตรงต่อฟ้าตราบสิ้นใจ
เหมือนสายใยสายใจรักภักดิ์ผูกพัน
เป็นจันทร์เพ็ญจันทร์เต็มดวงประดับฟ้า
เป็นเสน่หามิตรภาพตราบสิ้นฝัน
เป็นความดีความงามหลอมรวมกัน
เป็นสวรรค์สวาทหวามยามพบรัก
เป็นนิยามให้คิดถึงให้ซึ้งค่า
เป็นมนตราสอนใจได้ประจักษ์
เป็นบทเรียนยามใจพบพิษรัก
เป็นน้ำใจรักหยาดสายซึ้งตรึงวิญญาญ์
เป็นที่ซุกซบอ้อมอกใจให้ไออุ่น
เป็นหอมกรุ่นแมกไม้ไทยให้โหยหา
เป็นสะพรั่งพรึบกลีบดอกไม้ร่ายมายา
เป็นบุปผาร้อยพรรณฝันฝากใจ
เป็นมนต์จันทร์มนต์ใจยามไกลห่าง
เป็นสว่างนำทางใจสุขสดใส
เป็นมิ่งมิตรไมตรีใจหลอมใจ
เป็นน้ำค้างไพรพร่างสายให้ไม้มวล...
***************
ไพล...
เขียนร่ายรักรจนาบทนี้
ยามที่
ตะวันในดวงใจไพลลาพรากไกลไปสุดขอบฟ้า
ราวนกไพรพเนจรร่อนแรมลา
ไปสร้างงามในยามนี้
จะเหนื่อยล้าชีวีสักปานใดหนอ
ได้แต่
ขอส่งใจข้ามขอบฟ้าไปประโลม
หลอมละลายให้ใจดวงดีดวงงามมีพลังสร้างสรร
คืนฝันดีพลีมอบเพื่อผองชน
และ
กับตะวันจริงดวงเหว่ว้า
กำลังโพล้เพล้..ดายเดียว
เห็นนกยักษ์สีเงินงาม
กำลังบินผ่านบ้านท่ามกลางหมอกเมฆหม่น
และผ่านพายุใจพายุจริง
ที่พัดทายท้าผู้กล้ากระแทกไหว
กมลละไมคิดถึงปีกฟ้า..
ผู้เพียรกางปีกปกป้องพาทุกดวงใจเหินบิน..
*สู่แดนดินถิ่นฝันอิสรา*
แต้มเติมโลกเหว่ว้าให้สงบงามเงียบงัน
ขอบคุณปีกฟ้าผู้ติดปีกฝันผู้ปันอ้อมใจ
ผู้ยิ่งใหญ่น่าคารวะใน*งามให้..ไร้ที่รักมักที่ชัง*
ไพล..ขอสดุดี..นะคนดีนะดวงใจ..
และ
ไม่ว่าฟ้าจะกว้างไกล..
ระหว่างเราแค่ไหน
จะกั้นทุกดวงใจ
ในร่มรักเรือนไทยเรือนใจให้ไกลห่างกัน
หากทว่า
เราก็จะมีใจถึงกัน..ใจเติมใจ..
*******
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2380
เติมใจให้กัน
ตอบใจตัวเองมานาน แอบรอคอยเธอก็รู้
อยากให้เธอลองตรองดู
ในความทรงจำ เก็บไว้
ต่างคนมีทางต้องเดิน อาจมีเวลาต้องไกล
หนึ่งคนยังคงคอยใจ ยังคงคอยไปอย่างนั้น
อยู่ไกลกันเกินครึ่งฟ้า หากยังมีใจถึงกัน
จะโยงใยความสัมพันธ์ จนมาพบกันใกล้ตา
ต่อเติมแรงใจเมื่อท้อ
แบ่งปันในยามทุกข์ตรม ไม่หวั่น
ต่างคนเติมใจให้กัน เติมใจซึ่งกัน จนเต็ม
ตอบใจตัวเองมานาน แอบรอคอยเธอก็รู้
อยากให้เธอลองตรองดู
ในความทรงจำ เก็บไว้
ต่างคนมีทางต้องเดิน อาจมีเวลาต้องไกล
หนึ่งคนยังคงคอยใจ ยังคงคอยไปอย่างนั้น
อยู่ไกลกันเกินครึ่งฟ้า หากยังมีใจถึงกัน
จะโยงใยความสัมพันธ์ จนมาพบกันใกล้ตา
ต่อเติมแรงใจเมื่อท้อ
แบ่งปันในยามทุกข์ตรม ไม่หวั่น
ต่างคนเติมใจให้กัน เติมใจซึ่งกัน จนเต็ม
อยู่ไกลกันเกินครึ่งฟ้า หากยังมีใจถึงกัน
จะโยงใยความสัมพันธ์ จนมาพบกันใกล้ตา
ต่อเติมแรงใจเมื่อท้อ
แบ่งปันในยามทุกข์ตรม ไม่หวั่น
ต่างคนเติมใจให้กัน เติมใจซึ่งกัน จนเต็ม...
***********
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=82
รักข้ามขอบฟ้า
ขอบฟ้า เหนืออาณาใดกั้น
ใช่รักจะดั้น ยากกว่านก โบยบิน
รักข้ามแผ่นน้ำ รักข้าม แผ่นดิน
เมื่อความรักดิ้น ฟ้ายังสิ้นความกว้างไกล
ขอบฟ้า ทิ้งโค้งมาคลุมครอบ
อ้าแขนรายรอบโอบโลกไว้ ภายใน
เหมือนอ้อมกอดรัก แม้ได้ โอบใคร
ชาติภาษาไม่ สำคัญเท่าใจตรงกัน
รัก ข้ามขอบฟ้า รักคือ สื่อภาษาสวรรค์
อาจมีใจคนละดวง ต่างเก็บอยู่คนละทรวง
ไม่ห่วงถ้ามีสัมพันธ์
ขอบฟ้า แม้จะคนละฟาก
ห่างไกลกันมาก แต่ก็ฟ้าเดียวกัน
รักข้ามขอบฟ้า ข้ามมา ผูกพัน
ผูกใจรักมั่น สองดวงให้เป็นดวงเดียว
รัก ข้ามขอบฟ้า รักคือสื่อภาษาสวรรค์
อาจมีใจคนละดวง ต่างเก็บอยู่คนละทรวง
ไม่ห่วงถ้ามีสัมพันธ์
ขอบฟ้า แม้จะคนละฟาก
ห่างไกลกันมาก แต่ก็ฟ้าเดียวกัน
รักข้ามขอบฟ้า ข้ามมา ผูกพัน
ผูกใจรักมั่น สองดวงให้เป็นดวงเดียว...
************
รักข้ามขอบฟ้า
มาซุกซบมาอ้อนอกอุ่นเอาไอรักภักดิ์พลี
มาเพียรสร้างสรรดี
พลีเพื่อผืนดินดับร้อน..ผ่อนให้โลกเข็ญได้พบงาม
ด้วยน้ำใจด้วยปลายปากกา
ที่หวังวาดรจนา
ในสิ่งดีสิ่งงามให้ท่วมท้นล้นพร่างนำทางใจ
ดั่งน้ำค้างใสดั่งละอองฝนโปรย..
นะยอดรัก..นะยอดขวัญ..
ในวันนี้นะนาทีนี้..
มาสิ..มาแบ่งฝันปันหวาน
มาสานสิ่งดีประดับโลกสักครา
มาร้อยบุปผาหวานหอม
ที่เราทุกดวงใจ
ดั่งดวงดอกไม้กลีบดอกไม้หลากสีสันพรรณหอม
นำมาหลอมมารักมาถักถ้อยมาร้อยเป็นสร้อยบุปผางาม
ประดุจสร้อยเพชรพราวงามอะคร้าว..ให้สมค่าคำศิลปิน..
********
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4689
ร้อยบุปผา
ร้อยบุปผา บานพร้อมพรัก
ร้อยสำนัก ประชันแข่งใจ
มวล ดอก ไม้ พร่างพรายมา พ้อง พาน
ร้อยดอกงาม เด่นตระการ
แย้มบานในดวง ใจ
ชู่ ช่อ ธรรม สง่า งาม ในนาม ศิลปิน
มาสร้าง งาน ศิลป์ ชุบชีวิน มนุษย์ชาติ
สะอาดสดสวย ด้วยบทเพลง แห่งสวรรค์
ให้มาลัย ฝากรัก มอบใจภักดิ์ ร่วมกัน
จุดไฟ ความฝัน พร่างพลัน ประกาย เพลิง
มาเถิด พี่น้อง ร่วม ร้อง เพลงเพื่อ
กลั่นจาก เลือด เนื้อ หยาดเหงื่อ เร่าร้อน
เราจะเร่ง แนวรบ ไม่สยบ อ้อนวอน
เริงระบำ รำฟ้อน ร้อยกรอง กวี กานต์
มาร่วม ใจรัก พร้อม พรักพลีชีวาตม์
ผงาด อาจ หาญ สร้างตำนานตระการฟ้า
แต่งเติม โลกศิลป์ ให้ผ่องพิณ โสภา
ด้วยวิญ ญานท้า ทรนงเทิดคง ธรรม
ร้อยบุปผา บานพร้อมพรัก
ร้อยสำนักประชันแข่งใจ
มวล ดอก ไม้ พร่างพรายมา พ้อง พาน
ร้อยดอกงาม เด่นตระการ
แย้มบานในดวง ใจ
ชู่ ช่อ ธรรม สง่างาม ในนาม ศิลปิน
พุดพัดชา
24 กรกฎาคม 2547 21:46 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=406
บนลานลั่นทม
************
เด็ดการะเวกเต็มตะกร้ามาแบ่งหอม
ใส่หวานกล่อมหลอมละลายร่ายมนต์ฝัน
ให้คนดีในร่มรักร่วมแบ่งปัน
ซึ้งหอมฝันปันหอมใจในคืนนี้
เด็ดดอกพุดสีขาวพราวพิสุทธิ์
เปรียบประดุจหยาดน้ำใจใสงามนี้
มาวางไว้ใกล้หมอนนอนฝันดี
หวังราตรีนี้ในฝันมีฉันเธอ..
เด็ดจำปีมาพลีใจมิไกลจาก
แทนพิสวาทผ่านปีที่พ้อเพ้อ
โอ้จำปีพลีใจภักดิ์ได้รักเธอ
ถึงจะเก้อถึงจะช้ำก็จำปี...
เด็ดลีลาวดีมาลีลาวาดสวาทหวัง
หอมเศร้าจังหอมเศร้าใจใครคนนี้
ลีลาเอ๋ยเคยลีลามาฝากรักฝากภักดี
มาวันนี้ไยหนีหน้าลีลาไกล...
กล้วยกี่กอคลอรั้วกี่ปีแล้ว
ห้อยหวีแล้วห้อยหวีเล่าเฝ้าหวั่นไหว
อีกกี่หน่อแตกกอรักห้อยหวีใจ
ห้อยหวีไหวห้อยหวีหวั่นฝันลืมลา...
วาสนาเคยคลี่ช่อละออพร่าง
กลีบโรยร้างค้างใจเศร้าหนาวหนักหนา
วาสนาเอ๋ยรอคนเชยชั่วชีวา
กาลเวลาพรากวาสนาน้อยให้คอยรัก..
โมกกระจิ๊ดปลิดปลิวละลิ่วคว้าง
ทิ้งต้นร้างพร่างพื้นสะอื้นหนัก
มะลิลามะลิซ้อนแอบอ้อนรัก
ดวงดอกรักม่วงพราวราวร้าวใจ...
แก้วตระการหวานหอมแอบซ่อนซึ้ง
ใครคนหนึ่งเด็ดแซมผมพรมหวามไหว
กระซิบคำริมแก้มจำฝังใจ
จูบมัดใจจูบมัดจำย้ำให้รอ...
ราตรีหวานหว่านระทมตรมหวั่นไหว
ดอกดวงใจคลี่กลีบหอมตรอมเพ้อพ้อ
ไฉนเลยครบปีเฉยปล่อยให้รอ
มาตัดพ้อขอปลูกกอระกำย้ำน้อยใจดีไหมนะ
***********
ยามเย็น..
ออกไปนอนเล่นบนระเบียงบน
หลับตานิ่งทิ้งใจดวงสุขสงบงาม
ให้ว่างวาง และปล่อยร่างใจขึ้นไปไกวชิงช้าเมฆ
พบวิเวกฝัน..อย่างเหลือเกิน
ในความเงียบงัน..
นิ่งทบทวน..วันนี้
หัวใจดวงดีได้พลีรักทำความดีใด..บ้าง..
ยามเช้า
ได้ไปกราบพระถวายพวงมาลัยและดอกบัวงาม
ที่วัดใกล้บ้าน
ถวายสังฆทานถวายเงินบำรุงวัด
กลับมาเคลียร์งานจัดบ้านจนเย็น
และ
ยามเย็น..วันนี้มิได้เต้น
หากพาตัวเองไปเดินเล่น
และ
เด็ดดวงดอกการะเวก
พร้อมดอกไม้ไทยไทย
รายรอบวิมานไพรวิมานดิน
(ขอแบ่งหอมถวิลจากก้านกอช่อต้นบางดวงดอก)
และ
แบ่งฝันปันหอมพร้อมพวงองุ่นงามไปฝากเพื่อนบ้าน
ชาวต่างชาติ ในฐานะสมาชิกใหม่
ด้วยดวงใจเอื้ออารี
หวังมิตรไมตรีน้ำใจ
จะทำให้เขามองคนไทยในด้านบวก
และให้สมกับค่าคำ..Take Home a thousand smiles
พุดเลยบันดาลใจมาร่ายรักรจนา
ฝากดวงดอกไม้แด่ทุกดวงใจในร่มรัก..เสียด้วยเลยค่ะ
ด้วยรักล้นใจ
พุด..
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=406
บนลานลั่นทม
รวงทอง ทองลั่นทม : : Key Eb
แดนดินใด ไม่แม้นแดนลานลั่นทม
ดุจดั่งสวรรค์แดนพรหม สวยสุดสมคำชมได้
ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือ
ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ
ทิว เขียว ลิ่วไกล เพลินมองไป
เสียงลมไกวกิ่งไหวดังซู่
ทิ้ง ขั้ว หล่นปลิว ลั่นทมพริ้วโชยร่วงพรู
แม้น ดังพรม ลาดปู ดุจทางสู่
สุดสวรรค์ เทวัญ
ลมรำเพย ความหอมชวนดอมลั่นทม
สูดกลิ่นถวิลเชยชม แสนสุขสมอารมณ์มั่น
ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือ
ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ
ใจ หวน ตื้นตัน เกินจำนรรจ์
เพ้อรำพันว่าหอมใดเท่า
หอม ชื่น ลั่นทม เมื่อลมพริ้วมาเบาเบา
ล้าง สิ่งตรม อกเรา ให้คลายเศร้า
ที่คอยเผา โทรมใจ...
23 กรกฎาคม 2547 23:57 น.
พุด
นวล...ชื่อนวลค่ะ นวลตะวัน
และใครๆมักพากันสงสัยว่าทำไม...
ตะวันต้องนวล..และทำไมต้อง..นวลตะวัน
ตะวันนวล นวลตะวัน นั้น
จะเป็นเฉกเช่นฉันท์ใดล่ะไหนล่ะหนอล่ะนี่
เพราะส่วนมากทุกดวงใจทุกคนดีทุกความรู้สึก
มักจะคิดนึกระลึกถึง *ภาพตะวัน*ในดวงใจ
ว่าจะต้องสว่างไสวสีแดงเจิดจ้า แรงร้อน
มิซ่อนหวานงามละมุน
ที่จะหมุนมาพร้อมกับคำว่าพลังใจ
ให้มีชีวิตชีวาเริ่มต้นใหม่ในทุกอรุณรุ่ง
แต่
ที่มาของชื่อ..นวล..นวลตะวันนั้น
เป็นเพราะ...นวลตะวันเกิดมา
กับตะวันดวงนวล
*ตะวันเดือนธันวา*ดวงดายเดียวเหว่ว้า
ที่มิได้งามจ้าหากแฝงพลัง
อยู่ภายใต้สายหมอกสายเหมย
ที่พร่างพรายราวสายไหมเรียวรุ้ง
ในท้องทุ่งทองท้องนา..
ที่ดูราวกับว่า..
ตะวันดวงงาม
จะงามแผกงามแตกต่างงามจรัสเจรืองใจเสียจริง
เสียยิ่งกว่าตะวันในเมืองเป็นไหนไหน
เป็นตะวันดวงใสดวงกลมทอระยับ
อยู่ในท่ามกลางฟ้างามในยามฤดูหนาว
ที่เคล้าคลอเคลียเมฆ
ราวถูกเสกลอยเด่นดวง
มาจากราวสรวงสวรรค์...
เหมือนฟ้าประทาน
ที่นวลเคยอ่านงานคุณพุดพัดชา
ที่เคยกล่าวบทพรรณนา
ถึงตะวันเดือนธันวาไว้อย่างงามยิ่ง
ที่นวลแสนนิ่งและนิ่มนวลใจ
ยามได้รับรสใจแห่งถ้อยคำ...
http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_42650.php
ตะวันเดือนธันวา...
ยามเย็น..สีส้มสุกก่ำ ฉ่ำดวงแดง
ค่อยค่อยรอนแสง ลอยเรี่ย ระดงไม้งาม
มองผ่านต้นไม้แผ่กระจายก้านกิ่งราวกัลปังหาสีดำ
งามดั่งภาพฝัน ท่ามกลางม่านหมอกเมฆพร่างพราย
ประกายเหลือบสีสันสายรุ้งสวย..
ตะวันเดือนธันวา.....
ขึ้น..
ในไพรพฤกษ์พง
คงหยอกมวลแมกไม้ สายลมแห่งขุนเขา
สายหมอกสายเหมยพรายราวสายไหมพร่าง
บนเทือกเขาสลับสล้างทอดตัวเป็นแนวยาว
เย้ายวนใจในงามพิสุทธิ์ใสของอากาศเย็นฉ่ำ
ราวพรำพรมด้วยเมฆฝนปกคลุม..ครึ้มทะมึนเทาทาบ
ทอทอดค่อยๆลอดแสงรำไรลงโลมไล้ประโลมดวงดอกไม้ไพร
ให้คลี่กลีบหวานใสบอบบาง
ให้มวลหมู่ภมรมาร่อนภิรมย์คลึงเคล้า
ให้วัฎฎะแห่งไพรยังดำรงไปมิสิ้นสุดสะดุดลง..
ตะวันเดือนธันวา
ขึ้น...
ในดงตาล
ยามเช้าแสนหวาน
ที่มีฝูงนกกระยางขาวเดิน
เหยาะย่างเลาะเลียบริมนาริมหนองมองหาเหยื่อพอประทัง
สีเขียวพร่างใสของรวงไหวเอนไปตามแรงลมล่อง
ทั้งทั้งห้วยหนองคลองบึง
จะได้ยินเสียงร้องก้องระงม..ของกบเขียดท้องนาคลาคล่ำ
บรรเลงร่ำลอยลมด้วยท่วงทำนองดนตรีธรรมชาติ..
ราวให้วาดเวิ้งฟ้างามได้พลอยยลยิน..
******
ตะวันเดือนธันวา..
ขึ้น...
ในทะเล สีมรกตใส
ที่ตะวันดวงใหญ่ค่อยๆลอยตัวโผล่พ้นจากผืนน้ำ
พร่างสีเงินงามสาดแสงอ่อนอุ่น
เรือหาปลาลำน้อยที่ลอยลำมาลิบๆ....
เห็นเพียงเสากระโดงเรือ
ลอยใกล้เข้ามาๆ..กับคลื่นแห่งความฝัน
ถึงฝั่งจริงฝั่งใจที่มีใครบางคนคอยเฝ้ารอเฝ้าหวังจะได้ปลา
มาร้อยเป็นพวง..
ร้อยเป็นห่วงสร้อยแสนคาว..หากมีราคาแปรค่าเป็นเงินงาม
แทนความหวังพลังกายใจทุ่มเทของ*พรานทะเล*
ที่ยอมเร่ร่อนรอนแรม...
มีชีวิตคราคร่ำกลางน้ำเวียนวนสู้ทนเหว่ว้า
ทายท้าทั้งพายุใจและพายุจริง..
ที่มองไปทางไหนก็มีเพียง*น้ำจรดฟ้า*
ราวเพลงพรานทะเล ที่แสนงาม
*****************
และ
กับวันนี้
ที่นวล..รู้สึกเบื่อโลกโศกสุขวายวุ่นของคนเมือง
ที่แสนจะเรืองรุ่ง
แต่
นวลมิเคยประเทืองประทับใจแต่ไหนแต่ไรมา
นวล..จึงตัดสินใจ
ขอลาล่วงจากบ่วงกรรมที่แบกไว้บนบ่า..
ที่แสนเป็นภาระหนักหนามานานปี
ขอลาลี้พาร่างหนี
ไปยัง*สถานที่หนึ่งในดวงใจ*ที่แสนงามนัก
ที่นวลเคยอยากมาทายทักพักพิงใจ
และฝากใจสงบงามแม้ชั่วยามก็ยังดี
นวล..ตะวัน..จึงมีอันต้องเดินทางดายเดียว
แม้นเหลียวไปอยากมีใครสักคนร่วมทาง
เผื่อจะมิต้องอ้างว้างว้าเหว่ใจ
แต่ช่างแสนหนาวในหัวใจ
ที่ช่างหาแสนยากเป็นยิ่งนัก
และ..กับชะตากรรมที่
บางครั้งคราที่นวลตะวันถึงกับ
ไประรินหลั่งน้ำตาร่ำไห้กระซิบถามต่อหน้างาม
พระพักตร์พระพุทธผู้พิสุทธิคุณในโบสถ์คร่ำ
ทำไมวิบากกรรมลูกถึงมิหมดสิ้น
ให้ลูกรับแต่ถวิลเหว่ว้า
ให้ลูกต้องเสียน้ำตากับใครบางคน
ที่เพียงวนเวียนให้มาชดใช้กรรม
และสิ้นไร้ใครคู่ควรคู่เคียง
มาร่วมเตียงเคียงหมอน
มานอนฟังเสียงกระซิบรักพักพิงใจให้ไออุ่น..
ยามนั้น
หัวใจดวงละมุนราวจะได้ยินคำกระซิบตอบ
ปลอบประโลมอย่างอ่อนโยน
จากจิตเบื้องลึกรู้สึกจากบ้านภายใน
ที่พร่ำปลอบให้หัวใจรู้รำงับดับด้วยธรรม..
*อย่าได้เสียใจน้อยใจบอบช้ำ
เฝ้าคร่ำครวญหวนหาทุกข์
เพราะชีวิตรักนั้นมิได้สนุก
หากแฝงทุกข์ทนทุกนาทีมิได้ปรีดาอย่างเข้าใจ
หากเจ้าอยากให้หัวใจงามผ่องใสพ้นทุกทุกข์รัก
ก็จงรู้จักหยุด
และเพียรฝึกสมาธิ
จะได้มีสติมีปัญญาพาใจรู้แจ้ง
และทุกสิ่ง
ที่เจ้าว่าจะร้ายแรงรานร้าวเศร้าหมอง
จะพัดผ่านชีวีเจ้าไป
เหมือนดั่งกระแสน้ำที่ไหลไปไหลไป
อย่าเก็บกักไว้ภายในใจให้หนักอุราร้าวนาน
ให้ทุกเรื่องราวร้ายดี..ผันผ่าน
มิว่าหวานสุขทุกเศร้า
อย่ายาวยืนอย่ายึดมั่นถื่อมั่น
แล้ว
หัวใจเจ้านั้นจะค้นพบความสงบเงียบงาม
ที่เกิดจากความว่างเปล่าหลุดพ้น*
และ
นี่คือชีวีนวลตะวันดวงละออละออง
ที่หวังหนีความข้องเกี่ยวเหนี่ยวรั้ง
ให้รับวิบากกรรม
ภาระมากมายมากมีที่มากรายกล้ำ
หวังพาตัวตนหนีพ้นความจำเจสักพัก
ขอพักใจในวันนี้
พาชีวาชีวีที่ยังพอเหลือน้ำนวลใสใจดวงงาม
ก่อนหวานจะแห้งจะแล้งลาโรย..
นวลตะวัน..
จึงขอผันพาตัวเองไปไกล แทบสุดขอบฟ้า
แม้นจะรู้ดีว่าคนเรานั้นแม้นร่างจะอยู่ที่ไหนๆ
หากตราบใดหัวใจยังดวงเดิม
ยังคิดมิขาด
ตัดสายสวาทยังมิสิ้นสวาทวาย
ก็ยังคงต้องหมายวน..ซ้ำๆซากๆ..
แต่ช่างเถอนะหัวใจ
เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น
ขอเพียง
เปลี่ยนบรรยากาศ
พาร่างใจไปให้ไกลสุดขอบฟ้า
เหลียวหาไม่เห็นผืนแผ่นดินใหญ่
ไปยังเกาะในฝันอันสงบงาม
ที่น้อยคนนักจะรู้จักจะมาทายทักจะมาเยือน
และ..
สถานที่ในดวงใจ
เป็นงามง่ายได้บรรยากาศ
คล้ายในหนังเรื่อง*OUT OF AFARICA*
ที่นวลพันผูกใจจนต้องดูซ้ำซาก
จนแทบอยากละลายร่างใจ
ไปฝากไว้แทนในบางฉาก
ยามที่นางเอกนอนระทดระทวยระทม
ในทุ่งหญ้าไสวสะบัดพัดไหว
ชูช่อล้อสายลมในยามค่ำระร่ำริน
สถานที่ที่นวล
กำลังหมายมุ่งร่างใจไปสัมผัสรัดร้อยรึงนั้น
ก็ราวฉากฝันแทบคล้ายเรื่องเดียวกัน
มีท้องทุ่งราวทุ่งหญ้าสะวันนา
งามพราวราวทองทาทาบ
อาบโลมไล้สะพรั่งรับพรายแสงตะวันยามเย็น
จากดวงสุริยา
ยามที่ฟ้ากำลังเล่นแสงแปรสี
และ
กับดนตรีไพร
ยามนกร้องก้องกู่หาคู่ผกโผผินบินกลับรัง
และ
กับทะเลทรายขาวนวล
เคลียคลอข้างร้างไร้ใกล้ป่าเสม็ด
ป่าที่หลงเหลือน้อย
ราวมีเพชรเม็ดงามซ่อนในราวไพร
ไกลห่างจากการบุกรุกทำลาย..
เป็นป่าดงดิบ
ที่ซ่อนความชื้นปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่
มีเถาวัลย์พันรกระโยงระยาง
คล้ายเกาะในงามหนังทาร์ซานเจ้าป่า
ยามพาตัวเหนี่ยวห้อยโหน
และ
ราวกับบวกความเป็นเกาะของโรบินสัน ครูโซ
ยามมาสร้างกระท่อม
เหมือนกระท่อมไพรของคนเผ่ามอแกน
เพราะกระท่อมน้อยที่พักแสนน่ารัก
น่ามีคู่ไหวหวาม
มาดื่มด่ำหวานล้ำ..น้ำผึ้งฝันพระจันทร์..ด้วยกัน
แถมยังมีเปลญวนน่านอนหลับตาฝันพักใจ
หรือไม่ก็อ่านหนังสือแสนดีสักเล่ม
ค่อยๆใช้หัวใจเงียบงาม
ท่องตามไปในโลกกว้าง
ร้างไร้สิ่งปรุงแต่งใดใด
โลกแห่งความฝัน
อันบรรเจิดใจเพริศพริ้งพราว..โลกบรรณพิภพ
ที่จะสยบใจและความฝันให้เรานั้น
ได้สัมผัสฝันที่ราวเรื่องจริงวิ่งไปตามจินตนาการ
ให้เราทิ้งทุกสิ่งไว้ภายนอก.
แม้จะเป็นความสุขหลอกหลอก
ในหลากเรื่องมากรส
หากราวได้ช่วยรักษาจิตวิญญาณ
ให้ยังงดงามภายใน
ให้ไสวพร่างสว่างเย็นดับร้อนรุ่ม
จากไฟรุมสุมเศร้าหนีจากโลกภายนอก
ที่บางครั้งลวงหลอนหลอกใจ
แก้ปัญหาชีวิตไม่สำเร็จ
จำต้องวางทิ้งไว้..ชั่วคราว..
คล้ายให้น้ำใสในโลกฝัน
พลันพร่างรินเติมพลัง
ให้หาญกล้าหันมาสู้โลกอีกครั้งอีกครา..
ใช่ว่าจะหนีใจไปถาวร..ลำพัง
กระท่อมฝันนั้นก็ใช้ไม้สนทะเลสร้าง
หลังคาละเมียดมุงด้วย*จาก*งามพลิ้วไหว
ให้ได้ละมุนใจแบบใช้ภูมิปัญญาวิถีไทยท้องถิ่น
และ
ตกแต่งภายใน
ด้วยงามไม้งานไม้เสื่อกระจูดลายหวาน
ที่นอนม่านหมอนมุ้งสีขาวสะอาดตา
ดูนุ่มนวลน่านอน
และ
ไร้ซึ่งข้าวของรกตามีเพียงของใช้ที่จำเป็น
เน้นให้เสพธรรมชาติหอมหวาน
ต้นไม้นั้นเป็นพันธุ์ทะเล
เช่นบุกทะเล ลำเจียกทะเล
ต้นมะม่วงหิมพานต์
ที่แย้มแง้มเม็ดงามแทงออกมาน่ารักนัก
แล้วไหนจะ
ลีลาวดีสีขาวดวงดอกพราวเต็มช่อก้านกิ่ง
ให้หอมระรินในยามค่ำ
แถมยังมีต้นเสม็ดขาวน้อยใหญ่
ที่งามใจจนยากจะบรรยายรำพันรำพึง
ให้ลึกซึ้งดื่มด่ำได้เท่าตาเห็น
จากดวงใจสาวนวล
ผู้หญิงคนช่างซึ้งช่างฝัน
ที่นะวันนี้
ราวได้เกิดมารับสวรรค์ริมทะเลกว้าง
แม้นร้างไร้ผู้ใดเคียง
ทุกยามเย็น
เมื่อตะวันรอนรอนดวงอ่อนอุ่นอ่อนหวาน
ลอยเรี่ยใกล้จะลาลับฟ้า
นวล..ในชุดผ้าปาเต๊ะ
สีชมพูลายหรูพรูพร่างสดกระจ่างแตะแต้ม
ด้วยดวงดอกชบาสีจัดจ้า
และ
กับเสื้อยืดเกาะอกสีฟ้าสว่างใส
ที่ใส่สวยราวสาวชาวเกาะ
ก็จะถอดรองเท้าเดินย่ำรอยทรายและ
จะผันกรายร่างไปทรุดตัวนอนเหยียดยาว
เหนือโค้งอ่าวในท่ามกลางทุ่งหญ้า
ที่อร่ามเรืองพราว
ราวถูกไลมไล้
ด้วยสายแสงสุริยาราวทองทาบทา
กับขอบฟ้าขลิบส้มอมชมพู
กับดวงใจรู้งามนิ่งทิ้งทอดถอดใจ
นอนรับความว่างเปล่าเหงาเงียบงามตามลำพัง
กับเสียงคลื่นซัดคลอฝั่ง
ราวเสียงดนตรีระร่ำรินสั่งลา
มิพรากลามิพรากไกล
จนกระทั่ง..
ถึงยามย่ำสุริยาฟ้าเริ่มพร่างพรม
ห่มด้วยสีกำมะหยี่คลี่โอบรายล้อม
ดวงตะวันสีส้มสุกจัดจ้า
จะค่อยๆเรี่ยตัวผ่านดงดอกหญ้า
และทิ้งตัวหายลับไปกับขอบฟ้าทางทิศตะวันตก
ฝูงนกกาก็จะพากันกู่ก้องร้องหาคู่
พากันโผผินบินกลับรัง
และนาทีนั้น..
นวลจะรู้สึกว่าร่างใจได้หลอมละลายหายไป
กับมวลธรรมชาติทุกสรรพสิ่ง...นิ่ง
เป็นหนึ่งเดียวอย่างสงบใจ..
แต่..
ทันใดนะยามเย็นนี้
กลับมีเสียงสวบสาบๆ
คล้ายใครบางคน
กำลังแหวกดงหญ้าใกล้เข้ามาใกล้เข้ามา
และ
นวลยังมิทันพาร่างลุกขึ้น
ด้วยความตกใจ!
ได้แต่นอนหรี่ตาย้อนแสงสวยดูร่างผู้บุกรุก
ที่
พลัน
เห็นเพียงร่างสีทองแดงต้องแดดสีทองสุกปลั่ง
ราวรับพลังสุริยาในยามเย็นจนมลังเมลือง
*เขา*ยืนตระหง่านง้ำเหนือร่างงาม..เงียบ...
ใกล้จนราวกับจะได้ยินเสียงหัวใจสองดวงเต้นระทึก..
เสียงสุภาพ..จากสุภาพบุรุษจึงแผ่วหลุดเสียงแว่วมา
*ขอโทษนะครับ ที่ผมทำให้คุณตกใจ
ผมบังเอิญเดินเล่นผ่านมา
และแปลกใจที่เห็นคุณ
ไม่อยากคิดว่า
จะมีนางไพรที่ไหน
มานอนสยายผมในทุ่งหญ้า
เลยมาดูให้แน่ใจกับตา
และอยากมาเตือนคุณว่าใกล้ค่ำแล้ว
*ค่ะ นวลยิ้มเขิน ก่อนกล่าวคำขอบคุณ
ในน้ำใจใสงาม
ที่ยังมีความห่วงใย
จากสุภาพบุรุษแปลกหน้า
ทว่าเปี่ยมด้วยความรู้สึกดี..
นวลรีบยันร่างอย่างฉับไว และ
พยายามปัดทรายแพรวพรายราวเกล็ดเพชร
ที่จับร่างระยับระยิบขับผิวเนียน..แดดนวลละออออก
แล้ว
นวล..จึงค่อยๆหันมาสบตาบุรุษรูปงาม
ที่พลางชั่วแวบเดียวก็ตัดสินใจได้..
*คุณ..จะให้เกียรติ
เดินเป็นเพื่อน
กลับกระท่อมที่พักพร้อมกับผมไหมละครับ*
เขากล่าวถาม..
*นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว อันตราย
หวังคุณคงพักที่เดียวกันกับผมนะครับ*
เพราะแถวนี้เห็นมีกระท่อมที่เดียว*
นวลรู้สึกดีและด้วยความขอบคุณ
นาทีนั้นราวกับฝันไป
นวลแอบยิ้มขำในใจ
เหมือนฉากรักในนิยาย
ที่ส่งพระเอกให้มาพบนางเอก
อย่างมิคาดฝัน
และพระเอกนั้นยังมีน้ำใจดีน้ำใจงามเสียอีก
ที่ราวจะมาพิทักษ์ร่างนางเอกให้ปลอดภัย
นวล..จึงมิลังเลใจที่จะกล่าวคำตกลง
*ค่ะ..ยินดี*
เคียงทะเลกว้าง
ที่ร่างสองร่างเดินคลอคู่ขนาน
ในยามย่ำสนธยา..และ
บทสนทนาก็ตามมา
อย่างถ้อยทีถ้อยปราศรัย
ก็เริ่มต้น..
นะท่ามกลางความงามเงียบของ
ทุกธรรมชาติสรรพสิ่งที่ราวตั้งใจนิ่งฟังและ
ราวฟ้าเบื้องบนกำลังรู้เห็นเป็นใจ..
ตะวันดวงเหว่ว้า มิว้าเหว่เฉกเช่นทุกวัน
ฟ้ายามค่ำก็ดูเรืองรองผ่องผุด
แทบอยากหยุดโลกหมุนสักชั่วครู่
เฝ้ารอดูคนทั้งคู่แสนหวานคลอร่างกันไป
ตามชายหาดทรายที่ขาวยาวเหยียดสุดตา
แม้นตะวัน
จะค่อยๆคลี่แสงสวยอำลาฟ้าเบื้องบน
คลื่นยังคงคลอครวญซัดสาดหาดทรายแผ่วแผ่ว
คล้ายรำพันครวญคร่ำ
รักษาคำมั่นสัญญา
มิยอมพรากลามิอยากพรากไกล
นวล..ได้ยินเสียงดนตรีในหัวใจ
บรรเลงบทเพลงฝันคลอฝั่งชล
หวานระรินพรั่งพรูรอรับรู้เรื่องราวสองดวงใจ
สายธารเกษมแห่งหอมห้อมห้วงใจก็ไหวหวามไหวหวั่น
ราวน้ำค้างฉ่ำเย็นในคืนฟ้าหนาว
มีแต่ดาวนับพันดวงกำลังพร่างพริบกระซิบหลิ่วตาล้อ..
คลอบทสนทนาอันอ่อนหวานนุ่มนวล
ปานรู้ใจรู้จักกันมานานแสนนาน..
*เขา*
ชวนนวล..รับประทานอาหารมื้อค่ำ
ที่ทางกระท่อมที่พักจัดบริการให้ทุกแขกได้
ดินเนอร์ภายใต้แสงเทียนหวานล้ำกับคนรู้ใจ
โคมไฟริมชายหาด
ถูกจุดพร่างสว่างเรืองรองรำไรๆ
เคียงทะเลใสสีสวยพราวมรกตที่นะบัดนี้ค่อยๆเปลี่ยนสี
ราวทองทาทาบอาบทาระยับระยิบ
เสียงเพลงหวานแว่วแผ่วมารับกับบรรยากาศ
นวล..ค่อยๆเรียนรู้และรับทราบเป็นนัยๆ
จากคำบอกเล่า..
*เขา*ทำงานในองค์กรระหว่างประเทศ
เกี่ยวพันกับความยากไร้ของผู้คนผู้ทนทุกข์ยาก
ที่ต้องใช้พลังใจดวงใสงามละมุน..
มากมนุษยสัมพันธ์
คอยเกื้อหนุนสัมผัสต้อนรับอาคันตุกะ
จากต่างบ้านต่างเมืองแสนไกลแสนศิวิไลซ์
ที่มาดูงานยามแลกเปลี่ยน..วิชาการทางการแพทย์..
และ
*เขา*ต้องรับรู้รับทราบมากปัญหา
ที่ตามมากับความยากจน
ในทุกท้องถิ่นทุรกันดารไม่ว่าในเมืองไทย
หรือของประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง
บ้านพี่เมืองน้องในเอเชียตะวันออก
ที่*เขา*บอก
ต้องรับรู้อย่างหดหู่เหี่ยวแห้งใจในตวามยาไร้ในวิบากกรรม
ที่มาย้ำรอยใจดวงใสงามให้ยิ่งได้เห็นสัจจธรรม
มาน้อมนำใจมิให้หวั่นไหว
หลงลืมตัว...ใช้ชีวิตโดยประมาท
และ
ให้รู้เสียสละดำรงร่าง
ใช้เวลาทุกนาทีอย่างชาญฉลาด
ให้เพียรทำหน้าที่แห่งชีวิตนี้
ที่พอจะยังมีโอกาส
อุทิศตัวรับใช้สังคม
และประเทศชาติอย่างผู้เข้าใจชีวิต
อย่างคนเหนือโลกโศกสุขอย่างผู้มีอุดมการณ์
*เขา*..
กล่าวถึงภัยนานาที่พากันมากับโลกอารยะ
มหันตภัยมืดเชื้อโรคที่ยากนัก
ที่นักวิทยาศาสตร์
และแพทย์ผู้เททุ่มใจทำงานหามรุ่งหามค่ำ
จะวิจัยหาวัคซีนป้องกันได้ทัน
อันเนื่องมาจากโรคร้ายปรับเปลี่ยน
กลายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
และนี่คือ..
โลกอีกด้านที่เราๆท่านจะนึกไม่ถึง
เป็นมหันตภัยมืดที่คนวงในเท่านั้นหวั่นวิตกกันว่า
จะมากมีเชื่อโรคร้ายคืนกลับมากลายกล้ำ
ให้มนุษย์นั้นล้มตายราวใบไม้ร่วง
เหมือนอหิวาห์หรือกาฬโรคในสมัยเก่าก่อน
และเพราะเหตุนี้
หัวใจดวงดีดวงงามดวงอุดมคติ
จึงราวรับภาระแบกหามจิตวิญญาณแห่งความรับผิดชอบ
ที่คิดแต่จะให้ประกอบกรรมดีพลีเพื่อแผ่นดินมาตุภูมิ
*เขา*จึงเพียรอยู่ในโลกนี้
อย่างผู้ถึงพร้อม
มิหลอมละลายใจร่าง
ไปตามกระแสโลกบ้าวัตถุ
ที่เชี่ยวกรากบ่าโหม
มาทำลายโลกให้แห้งแล้งร้างไร้รวดเร็ว
ด้วยเสพทรัพยากรโลกอย่างมิบันยะบันยังแถม
ทิ้งขยะไว้ให้ทำลายสิ่งแวดล้อม
กองล้นใกล้จะเต็มโลกเข้าไปทุกทีๆแล้ว
*เขา*
จึงพลีเพียรทุ่มพลังใจ
หวังให้มนุษย์ได้เรียนรู้*รักษ์พิทักษ์โลก*
ให้ใสสวยไปนานๆ
ถึงลูกหลานเหลนไทยในภายหน้า
และให้สมค่ากับ
ที่ได้เกิดมาในเงื้อมเงาพระบรมโพธิสมภาร
และในร่มเงางามศาสนาพุทธ
อันพิสุทธิ์ใสสอนให้รู้รักษาใจจิตวิญญาณให้ล่วงผ่าน
พบทางพ้นทุกข์หลุดพ้น
ให้พบ
งามจริงนิ่งวางว่างคือสัจจะธรรม
มาน้อมนำใจให้สมกับความยากลำบาก
กว่ากายจะได้มาใช้ชื่อสม
ค่าคำว่ามนุษย์ชาติในชีวิตหนึ่งนี้...
ที่แสนพึงมีพึงเป็น
รีบเร่งบำเพ็ญเพียรทำความดีก่อนที่จะสายเกิน.
และ
นี่คือบทสนทนา ล้ำค่ามากสาระใจ
ที่ใจนวลงามใส..ถึงกับอึ้งอั้น
ทำใจแทบไม่ทันกับฝันดีนี้
ที่กระไรเลยพระเจ้าเบื้องบนราวปรานีช่างมากเมตตา
ราวฟ้าดินส่งคนดีมาสถิตสอนใจนะกลางใจนวล..
ทุกถ้อยคำ..ช่างล้ำค่า
ช่างสมกับที่นวลรอท่าใครสักคนมาแสนนาน
ให้หัวใจหวานละมุนละไม
ราวอยากละลายหลอมปนเป็นหนึ่งเดียว
ด้วยดวงความคิดจิตวิญญาณเดียวกัน
และ
ด้วยความเป็นกุลสตรี
หัวใจดวงนวลดวงดี
จึงมีกล้าเปิดใจเร็วเกินไป
ว่าทุกถ้อยคำถ้อยใจ
ที่เขานำมาถ่ายทอดถอดใจ
นำมาบอกเล่าให้นวลฟังนั้น
ช่างแสนโดนใจประทับใจ
จนเกิดศรัทธาใจและ
คือความคิดฝัน
คือจิตวิญญาณบ้านภายในของนวลเฉกเช่นกัน
ที่นวลนั้นแผกคิด
ไม่เคยสนิทพอจะแจงใจให้ใครได้รับรู้รับทราบ
นอกจาก
นวลเพียรอยู่..เพียรทำ..แต่กรรมดีเสมอมา
หวังแม้นว่าจะไม่มีใครรับรู้
นวลก็จะมีชีวิตอยู่..อย่างภาคภูมิใจ..อย่างมีคุณค่า
ด้วยความปิติใจกับ
นวล..เนื้องามใจ
หวังเพียง
ฝากน้ำใจ*แห่งการเป็นผู้ให้*
ไม่ว่ากับคนกับใครจะในครอบครัวหรือในสังคม
หรือแม้กระทั่งกับคนที่เปรียบดังเพื่อนร่วมโลก
ร่วมโศกสุขด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
และ
ไม่น่าเชื่อเลยว่า
คืนฝันวันพระจันทร์หวาน
ดอกไม้แห่งการให้และ
น้ำใจรักจะเบ่งบานตระการหวานหอม
ระรินสายแข่งกันกับหยาดสายหวาน
ทั้งจากธารจันทร์ธารใจที่ยิ่งใหญ่จนสะท้านเยือก
เข้าเกลือกกลั้วให้หัวใจร้างห่างรักระรัวอีกครา
ด้วยความรู้สึกล้ำค่าด้วยศรัทธารัก
มาทายทักริมใจในนาทีนี้นะนาทีนั้น
ที่นวล..ตะวันคนดี
อาจจะต้องขยี้ตาเสมือนว่า
ทุกสิ่งตรงหน้าราวฝันไปใช่เรื่องจริง!