5 ตุลาคม 2547 15:29 น.

ใช่ละหรือ..Life is waiting....รอ..รอ..รอ..!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=65
(รักไม่รู้จบ)
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=975
(ไม่อยากให้โลกนี้มีความรัก
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=318
(รอ)
**********************


รอ 

ถ้า เธอ
มีหัวใจเหมือนฉันสักหน่อย
เธอคงไม่ปล่อย ให้ฉันต้องคอย อย่างนี้
เธอคงมองซึ้งถึงไมตรี
เธอคงมองซึ้งถึงความหวังดี
ที่มี เรื่อยมา
สู้ รอ
รอแล้วรอแล้ว รอไม่สิ้น
รอจนใกล้ดับ ถมทับแผ่นดิน แผ่นฟ้า
เธอมองไม่ซึ้งถึงสายตา
เธอมองไม่ซึ้งถึงความบูชา
ว่าฉันศรัทธาเพียงใด
น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน
แต่หัวใจ อ่อนอ่อน ของเธอทำด้วยสิ่งใด
ช่างไม่สะทก สะท้านสะเทือนเหมือนหัวใจ
ช่างไม่ หวั่นไหว ว่าใครเขารักเขารอ
สิ้น ลม ลมหายใจของฉันเมื่อไหร่
เธอคงจะต้องได้รู้ว่าใคร เฝ้าง้อ
ใครกันมีรัก มีรักเพียงพอ
ใครกันรอแล้วและยังเฝ้ารอ
เขารอ เขารอ เขารอ เขารอ

น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน
แต่หัวใจ อ่อนอ่อน ของเธอทำด้วยสิ่งใด
ช่างไม่สะทก สะท้านสะเทือนเหมือนหัวใจ
ช่างไม่ หวั่นไหว ว่าใครเขารักเขารอ
สิ้น ลม ลมหายใจของฉันเมื่อไหร่
เธอคงจะต้องได้รู้ว่าใคร เฝ้าง้อ
ใครกันมีรัก มีรักเพียงพอ
ใครกันรอแล้วและยังเฝ้ารอ
เขารอ เขารอ เขารอ เขารอ...

************



ใครบ้างละหนอในโลกนี้ที่มิเคยพบกับคำๆนี้
รอ..รอ..รอ..และรอออออออ
เป็นคำสั้นๆซึ้งๆซึ่งแฝงฝังทั้งสุข และเศร้าที่จะตามมา


รอ...พบกับความสุขสมหวัง
หรือ
รอ..เพื่อพบกับฝันสลายได้พบเพียงความผิดหวัง


รอ..รอ..และรอ...

คล้ายคำคู่กับ*ความฝัน*
คู่กันกับทุกชีวีชีวิตที่มักลิขิตตั้งเป้าหมาย
ไว้รอ..เพื่อที่จะเลือกที่จะเดินไปตามหาฝัน


ความฝัน..

ที่ไม่ว่าจะพบความจริงว่าสุขสมหวังแสนงาม
หรือรานร้าว
หรือเฝ้ารอเพื่อเดินไปพบความเจ็บปวดยิ่ง
ก็คงยังดีกว่าหายใจทิ้งไปเปล่าๆไปวันๆ


รอ..รอ..และรอ..
คำๆนี้ก็เกิดมาคู่กับมวลมนุษย์
พอกันกับคำว่ารัก..รัก..และรัก


ที่มักจะสอนสัจจธรรม
ที่ทำให้ชีวิตเราได้พบทั้งสองรสชาติ
ที่คลุกเคล้ากัน ทั้งสุขและทุกข์


มีคนกล่าวว่า*ความฝัน*
ทำให้ชีวิตมนุษย์มีความหมาย
และ
พยายามใช้เวลาทุกนาทีอย่างมีค่า


เพื่อรอ..เวลาให้ชีวิตตัวเองได้ไปพบกับ
ความฝันนั้นที่อาจจะเป็นจริงได้
หากจิตมิหยุดนิ่งเพียรพยายามทำสิ่งที่แสนดี

ด้วยพลังพรสวรรค์หรือ
ด้วยพลังจากพรแสวง
ที่ต้องใช้สมองสองมือนี้อย่างมีคุณค่า
สู้ผ่าฟันเลือดตาแทบกระเด็น 
ถึงจะเห็นผลพวงจากความเพียรนั้นๆ


คนดี..ดวงใจ
ดวง..มาเป็นพลังใจให้คุณ

เริ่ม..ในวันนี้
ไม่รีรอ..ไม่รอรี ไม่ว่าคุณจะรออะไรอยู่
และ
พิเศษพิสุทธิ์สำหรับทุกดวงใจ..
ในเรือนไทยเรือนทองในร่มรัก


ที่พระเจ้าเมตตาฟ้าดินลิขิต
ให้มาพบและรักรจนาราวกับว่า
*กระวีกระวาดนักอยากจะเขียน*
ที่พากเพียรสรรสร้างฝัน
ปันแบ่งแลกประสบการณ์กันมานานเนิ่น


และ
สำหรับผู้หวังเริ่มรักร่ายรจนา
อย่าท้อแท้ใจเมื่อฝันแล้ว
อย่าได้แต่รอ..รอ..
และวางไว้ให้กลายเป็นแค่ฝันค้าง
ช่างร้างไร้อ้างว้างว้าเหว่เสียเป็นยิ่งนัก


ดวง..จึงจักมาวอน
ให้สร้างฝันสร้างหวังให้พลังใจกำลังใจ
ให้ทุกดวงใจเดินก้าวเคียงไหล่เคียงบ่า
ไปบนถนนสายดอกไม้งามนี้
อย่างฉันท์เฉกน้องพี่ 
พลีใจเคียงข้างประคองไปด้วยกันค่ะ


มาเลยค่ะ..
รวมพลังจิตกระจ่าง 
สร้างสมาธิ
และ
ทำเลยค่ะทุกคนดี อย่ามัวรีรอ..รอและรอ


จงรวบรวมพลังปัญญาอันผ่องผุดพิสุทธิ์งาม
ไหว้ครูกวี
ไม่ลบหลู่หยามเหยียดใคร
ให้งานงามใสสวยสด
ดั่งหลั่งมาจากสายธารใจที่ใสสงบงามพอกัน


ฝากนิยามฝัน รัก..รอ ระทม ตรม สุขเศร้า 
หรือแม้นให้กำลังใจ

ใช้สมองและสองมือนี้
ที่จะปรุงฝันปั้นตัวอักษร
ให้ออกมากระโดดโลดเต้นเป็นดั่งสิ่งมีชีวิตชีวา


อยู่กับการตวัดปลายปากกา 
ปลายนิ้วจินตนาการจะพาไป
สอดใส่หัวใจรักและจิตวิญญาณในทุกตัวอักษร


จะให้หวานฉ่ำชื่นราวน้ำผึ้งเดือนห้า
หรือว่า
จะให้ขมขื่นดั่งบรเพ็ดเข็ดขมยามใจระทมตรมเศร้า 
หรือ
จะให้สนุกสนานบานเบิกบอกเล่าถึงความเริงรื่นใจ
ทำมันเสียเดี๋ยวนี้ จะดีจะร้ายให้มันรู้กันไปเสียข้างหนึ่ง


คนดี
เพียง..
อย่า..รอ..รอ..และรอเลยนะ
จงใช้ปลายปากกาพาตัวอักษร
ให้มาออดอ้อนมีชีวิตชีวา
ให้มาระร่ำรินรสจากหยาดหยดหมึก
จากหยาดเลือดรักและน้ำตามาระบาย
เท่าที่ใจเรานึกคิดฝันจินตนาการ


จะร่ายมนตรามายาเสน่หาพาไปไหนกันเล่า
เจ้ายอดดวงใจ...

หลับตา
เนรมิตรมาสิให้ง่ายงามไปตามจิตจินตนาการ
ไปสู่..
สวรรค์หวานชั้นดาวดึงส์หรือนรกหมกไหม้หม่น
ที่ใครๆอยากหนีให้พ้นบ่วงกรรม


อยู่ที่ทุกดวงใจจะจินตนาการ
ให้งานงามราวปานประหนึ่งสายรุ้งพุ่งพราว
ราวสายแสงเพชรพร่าง
เกิดประกายฉายฉานละลานตา
ไปตามทุกบรรทัดที่จัดจดจาร


หรือ
กระชากใจผู้อ่านเข้ามา 
หลั่งน้ำตาสงสารสะเทือนใจ
หรือหัวเราะเริงร่า
หรือว่าได้ข้อคิดสะกิดใจ


อยู่ที่ดวงจิตใสเราดวงน้อยนิดนี้
ที่จะเนรมิตรลิขิต
คิดแล้วเขียน 
แล้วคลิ๊กเดียวก็จะปรากฎผลงาน
อันงามงดผ่านทุกดวงตาดวงใจ
เป็นประหนึ่งความปิติภาคภูมิใจ..ในชีวาชีวิต


คนดี
คำว่ารอ...แม้อาจจะหนีไม่พ้น
แต่เราทุกคนทุกดวงใจ
อย่ามัวแต่ท้อแท้แพ้พ่าย
จงใช้เวลารอนั้น
ฝันทำสิ่งอันวิไลเลิศในคำนึงแสนงาม 
ฝากนิยามความดีคืนผืนพสุธา


ฝากต้นกล้างามแห่งดวงใจใครจะรู้นี้
เททุ่มถ่ายทอดสอดผสานรัก
ที่ถักทอผ่านร้อยรสบทกวี


ใส่ความดีความงามความหอม
หวังหลอมละลายให้โลก
และผู้คนได้ร่มเย็นเติมเต็มงามในเนื้อใจ


ระบายใจ ระบายรัก ระบายฝันออกมาค่ะ
จับปากกาหรือจะเคาะคีย์คอมเข้ามา
ว่ากันตามถนัด


ไม่ว่าชีวีวันนี้จะดีจะร้ายเพียงใด
ใช้ใจดวงสวยใสสงบงาม
ใช้ทุกโมงยามทุกนาทีแห่งชีวิตอย่างมากมีค่า


ยามเศร้าหนักเศร้าหนาก็ได้มาระบายรจนาคลายใจ
ยามสุขก็ให้น้ำใสในหัวใจได้แบ่งปัน
โอบเอื้ออ้อมฝันปันแบ่งแด่ผู้ทุกข์ทน


คนดี..
อย่ามัวรีรอ..
ขอมีพรแสวงแม้นอาจจะแล้งไร้พรสวรรค์
ก็อย่าพรั่นใจ


ในโลกไซเบอร์อันกว้างใหญ่ไร้พรมแดนนี้นั้น
แค่พลันลัดนิ้วคลิ๊กเดียว
ก็สามารถเกี่ยวเก็บข้อมูลได้
ให้มาพูนเพิ่มสติปัญญา


เพียงอย่ารีรอ รอ และ..รอ
จงเพียรอ่านให้มาก
จะได้ฉลาดรอบรู้โลกมีครูครอบจักรวาล
และได้เข้าใจในงามผู้อื่นและโลกนี้
ที่หมุนอยู่ไม่หยุดสักนาทีเดียว ว่าไปในทิศทางใด


อย่ารอ..รอ และรอ
เพราะคำว่ารอจะเพาะบ่มความขี้เกียจ


ให้เพียรอ่านหนังสือมากมายจะยาวจะย้วยของใครๆ
เพื่อสร้างพลังใจ
ให้หอมห่มห้องจิตชีวิตวิญญาณ์
ที่เลือกเสพสุนทรีย์ให้ชีวีชีวิต
ได้รู้รักสนิทแนบแน่นไปกับทุกสรรพสิ่ง


อย่างผู้ฉลาดรอบรู้
ใช้ชีวิตคู่กันไปกับธรรมะ ธรรมชาติที่รายล้อมรอบตัวเรา

มิให้เหงาใจสอนบทเรียนใจมิให้เดินผิดทาง
ไปอ้างว้างเหว่ว้าหลงโลกย์โศกในโลกวัตถุ
ที่ยวนยั่วหลอกล่อก่อให้เกิดความเครียดเข้าไปทุกวันๆ


อย่ารอ..รอ..และ..รอ...
แค่เปิดจิตวิญญาณ เปิดม่านบังตาบังใจ
ค้นพบความงามใสราวแก้ววิเศษ
ที่อยู่ภายในกายเราเอง


อย่ามัวรีรอ  รอ..รอ
ที่จะค่อยๆแกะเปลือกนอกออก
ที่หลงโลกย์โศกสุขเสียให้สิ้นซาก

ให้พาพบกระพี้จิตกระจ่างพร่างพรายราวอัญมณี
ที่หามีผู้ใดรู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วไซร้
อยู่นะบ้านภายในจิตของเราเอง


อย่ามัวเกรงกลัวความเคยชิน
ใช้ชีวินไปตามกระแสโลกย์อารยะ
ที่จะพาทุกชีวี
ตกเหวห่วงบ่วงกรรมย้ำๆซ้ำวนวนรอยเดิมเติมตัวทุกข์
มิหยุดไขว่คว้าหาวัตถุ 
ที่หามาเติมสักแค่ไหนก็หาสุขไปได้ตลอดไม่


คนดี..
อย่ามัวรอ..รอ..รอ..เสียเวลา
จงเปิดประตูใจและผลักเข้าไปค้นหาความวาง ว่าง
ในร่างเรา ให้เลิกหลงเงาเลิกยึดมั่นถือมั่น 
แล้วจะพบความฝันนิรันดร์งามไปตราบชั่วกาลกัป์ปกัลป์ค่ะ

***********



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=975

ไม่อยากให้โลกนี้มีความรัก   

อัน แสงสูรย์ ส่องสว่าง แต่ กลางวัน
อัน แสงจันทร์ ส่องประจำ ยามราตรี
อัน ความรัก ร้อนเร่า เผา ฤดี
ส่อง ชีวี ทุกโมงยาม ประจำใจ
มีรักแล้ว ไม่คลาดแคล้ว ต้องตรมฤทัย
เหมือน แบกโลก ทั้งโลกไว้ ให้โศกหนัก
ไม่อยากให้ โลกนี้ มีความรัก
แต่ฉัน สมัคร แบกรักไว้ ไม่หนักเลย

มีรักแล้ว ไม่คลาดแคล้ว ต้องตรมฤทัย
เหมือน แบกโลก ทั้งโลกไว้ ให้โศกหนัก
ไม่อยากให้ โลกนี้ มีความรัก
แต่ฉัน สมัคร แบกรักไว้
ไม่หนักเลย...

 

http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=65
ความรักไม่รู้จบ   

ถึงจะอยู่สุดหล้าฟ้าดิน
แม้จะสิ้นสิทธิ์และเสรี
แต่วันนั้น ใจฉันยังคงที่
ความรัก ความภักดี ไม่มีสิ้นสลาย
ถึงโลกแตกแหลกเป็นผงคลี
รักเต็มปรี่ ไม่มีรู้คลาย
ชีพถูกฝัง ความรักยังเวียนว่าย
เคียงคู่เธอมิคลาย
ฝากวิญญาณ ไว้เตือน
ด้วย ความรักไม่รู้จบ
แม้ผืนดินกลบ ยากเพราะความรักเลือน
จะเนิ่นนาน กี่วันกี่ปี กี่เดือน
ดินฟ้าจะคล้อยเคลื่อน ใจมิเลือน รักเธอ
ทุกทุกอย่างบนทางรักจริง
ทุกทุกสิ่งบนทางรักเธอ
จะสมหวัง หรือพบความเพ้อเจ้อ
เป็นที่ใจของเธอ จะจริงจังฉันใด

ทุกทุกอย่างบนทางรักจริง
ทุกทุกสิ่งบนทางรักเธอ
จะสมหวัง หรือพบความเพ้อเจ้อ
เป็นที่ใจของเธอ จะจริงจังฉันใด...

 
  


				
4 ตุลาคม 2547 23:04 น.

จุดตะเกียงเคียงหัวนอนเขียนกลอนฝัน!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=354


จุดตะเกียงเคียงหัวนอนเขียนกลอนฝัน
ฝากใจจันทร์ถึงคนดีที่พลีภักดิ์
เด็ดดอกไม้วางใกล้หมอนอ้อนยอดรัก
หากเหนื่อยนักหลับตาฝันฉันเคียงใจ.

กระท่อมไพรหลังน้อยดาวรุบหรู่
ไร้คนคู่เคียงหมอนนอนหนาวไหม
ได้ยินเสียงน้ำค้างกลางพฤกษ์ไพร
ราวเสียงใครพ้อหาในราตรี..

ดุเหว่วแว่วแผ่วเพลงใบไผ่พลิ้ว
หอมหวานริ้วพุดซ้อนซ่อนห่วงหา
เศร้าจันทร์เสี้ยวครึ่งดวงยิ่งเหว่ว้า
ยามนิทราฝากจูบหมอนนอนฝันดี

สไบรักฝากให้หอมนำมาห่ม
ลืมระทมแทนใจใครคนนี้
สไบรักแทนอ้อมขวัญนะคนดี
ทุกราตรีหนาวคลายใช้แทนใจ

ฟังเสียงฝนร่ายมนต์หวานผ่านม่านเมฆ
ยิ่งวิเวกยิ่งพบงามทุกยามไหน
ฟังเพลงหวานนิพพานว่างให้งามใจ
ฟังเสียงใจกระซิบย้ำคำสัญญา

จะกี่เดือนกี่ปีที่พลัดพราก
ถึงจำจากจำทนใจห่วงหา
จะไม่พ้อขอเพียงฝันฝากวิญญาญ์
แม้นชาติหน้าบางทีมิพบเจอ

เพียงชาตินี้ดีเท่าไรได้รู้จัก
ได้พบรักยิ่งใหญ่แม้นใจเก้อ
สำหรับฉันถือเป็นโชคได้รักเธอ
เพียงพาเพ้อรักเธอมั่นนิรันดร..

*************



กระท่อมเล็กในป่าใหญ่พงไพรกว้าง
แม้อ้างว้างเพียงใดใจไม่เหงา
มีลำธารผ่านโขดหินสะท้อนเงา
ในลำเนาเขาเงื้อมโงกเป็นโตรกธาร..

ดอกไม้ป่ายามสนธยาส่งกลิ่นหอม
นกขับกล่อมเพลงธรรมชาติฝากเสียงหวาน
จุดตะเกียงเคียงหัวนอนเขียนกลอนกานท์
นอนนอกชานหวานแสงดาวพราวแสงจันทร์..

หนาวน้ำค้างพร่างพรมลมบาดผิว
ปีบร่วงปลิวทิวไม้ไพรไหวปลอบขวัญ
แม้นเดียวดายคล้ายโลกสิ้นแสงตะวัน
แต่ในฝันในใจไกลระทม..

มีท้องฟ้าพาดวงใจติดปีกฝัน
สร้างสวรรค์กลางใจไม่ขื่นขม
ทุ่งดอกไม้ไหวเอนล้อเล่นลม
ลืมระทมท่องธรรมชาติวาดหวังใจ..

พลิ้วรวงข้าวราวพรมทองผ่องโอบหล้า
มองนภาคราเมฆหมอกหยอกเย้าไหว
ฟ้าเปลี่ยนสีเวทีฝันจันทร์เย้ยใจ
ให้ดวงใจใครนิ่งงันวันหมุนเวียน.

โลกพงไพรสอนใจในทุกสิ่ง
คือความจริงยิ่งกว่าจริงสิ่งอยากเขียน
ตะวันลาพาอรุณหมุนวนสอนบทเรียน
คนช่างเขียนคนช่างฝันรอวันละครชีวิตปิดฉากลง..กลางพงไพร..ไม่หวั่นเลย!

*************


ด้วยฤทธิ์แห่งความคิดถึง..


ดวง..ได้รับกำลังใจจากคนดี..ในวันนี้
เป็นกำลังใจที่ทำให้หัวใจดวงร้าวนี้ 
ที่ราวแก้วบางรอเวลา
ร่วงกราวแหลกยับกับพื้นพสุธา..

ราวกับได้พลิกฟื้นชื่นฉ่ำใจ
ด้วยหยาดน้ำใจ หยาดน้ำอมฤต..
เป็นพลังฝัน พลังใจ 
ให้จับปากการจนาเรื่องนี้ เพื่อพลีพร้อมมอบ
ให้ด้วยดวงใจนี้ ที่แสนมีความสุข เป็นยิ่งนักแล้ว..



กับวันนี้..วันแสนดี 
วันที่มองดูโลกสวยพราว
ราวมีสายรุ้งพาดผ่านใจ
พัดพาหมอกหม่นในใจ 
พัดหยาดน้ำตาที่หลั่งรินมาหลายวัน ให้มลาย..



ดวงเดินไปเด็ดการะเวก ในซุ้มสวนขวัญ 
ที่กำลังบานพราวมากำนัล
ในนาทีนี้ นะที่รัก 

ให้คุณจุมพิต หากแม้นดวงใจเพียงอยู่ใกล้..
และแม้ไม่ใช่ก็ขอฝากอวลไปในคำนึง..
ให้ลอยไปกับฟ้ากว้าง
กับสายฝนพรำและกับสายลมรำเพยผ่าน....



ดวงเขียนเรื่องนี้..
ท่ามกลางดงดอกไม้หอม นานาพรรณ

การะเวกและลั่นทมดอกดก
บานพราวกิ่งค้อมหอม ระริน ระใบหน้า
เคลียจมูกยวนยั่วให้ดอมดม 
พรมจูบด้วยใจดวงละมุนนี้
ที่อ่อนโยนหลงใหลเป็นยิ่งนักแล้ว



ดอกไม้ที่ผูกพัน ผูกขวัญ 
สถิตกลางใจ มาตั้งวัยเยาว์ ยาวนาน จนถึงวันนี้..
ที่กำลังโอบอุ้ม เอื้อฝัน เอื้อใจ
ให้ ผู้หญิงช่างฝัน คนนี้ เลิกรานร้าว เศร้าหมอง



นั่นกุหลาบขาวอมชมพู 
ที่กำลังตูมตั้ง แรกผลิบานสวยหวานสุดใจ 

ราวสาวน้อยแรกแย้มงามไฉไล ยวนใจ
อยากให้หมู่ภมรเชยชิดชมดูดดื่มหวานกลางกลีบเกสรสล้าง


ใกล้สนธยาแล้ว ....
ฟ้ารอนรอนแสง ใกล้อัสดง 

นาทีนี้ดวง..นอนเหยียดยาว
ใต้ร่มไม้ใบบางบาง
 เป็นร่มกายร่มใจให้พักพิงยามที่ใจอ่อนล้า


แล้วค่อยๆหรี่ตาดูแสงตะวัน แสง สวย
มากระทบใบไม้ก้านกิ่งละออ
ทุกช่อกิ่งพราว 
ให้เกิดประกายพร่างพราย สีทองสวยงาม 

จนคิดหาคำมาอธิบาย
ไม่ถูกเลยนะ นอกจากบอกว่า
ต้องลองนอนดูเอง เป็นความงาม
ที่ละลายใจ ละลานตา
พาดวงใจสงบสุข สวยงามเสียยิ่งกว่า 
ไปยืนส่องดูเพชรน้ำงามเป็นไหนไหน เสียอีกนะ



เขียนเรื่องนี้..
ด้วยใจดวงหวาน ดวงดี เพื่อคุณ นะคนดี..
แทนใจรัก  แทนคำขอบคุณ..และ
ไม่นานต่อจากนี้..
จะเสกสรรรจนาเรื่องแสนดีที่งดงามตามมา



เพื่อมอบแด่คุณ..ขอเวลาหน่อยนะ..
และสัญญาได้ไหม..
อย่าทิ้งดวงไป ขอกำลังใจคู่เคียงขวัญ
ให้ผู้หญิงคนนี้ที่ชื่อดวง 

ได้มีคืนฝันวันแสนดี
เพื่อเขียนเรื่องละมุนละไม
เป็นบรรณาการใจแด่คุณ และแด่โลกบรรณพิภพ..
ที่ดวงกำลังจะก้าวย่างขึ้นสู่ถนนสายดอกไม้งาม 
ในไม่ช้านี้ ได้อย่างภาคภูมิ



ได้ยินไหม..คนดี..
เสียงกระซิบนี้จากใจดวงซาบซึ้ง ถึงคุณ
ไปกับสายลมเย็น 
ผ่านขุนเขา แมกไม้ ฟ้ากว้าง หนทางไกล



ในนาทีนี้ว่า..ขอบคุณ ขอบคุณ และขอบคุณ..
ราวนกน้อยโผบิน
ไปท่ามกลางท้องนภา สวยสงบงาม

ด้วยปีกแห่งรัก..หวานแสนหวาน นี้
ที่กำลังมาขอซุกอยู่กลางอ้อมอกอุ่น
และอ้อมใจคุณแล้วนะคนดีที่รัก..!

******************


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=354

เงาไม้ 
แสง จันทร์วันนี้นวล ใครชวนให้น้อง เที่ยว
จะให้ เหลียวไป แห่ง ไหน
ชล ใสดูในน้ำ เงาดำนั้นเงา ใด
อ๋อ ไม้ ริม ฝั่ง ชล
สวยแจ่ม แสง เดือน
หมู่ ปลา เกลื่อนดู เป็น ทิว
ฉันชม ลม ริ้ว
จอด เรือ อาศัย เงา ไม้ ฝั่ง ชล

สวย แจ่ม แสง เดือน
หมู่ ปลา เกลื่อนดู เป็น ทิว
ฉันชม ลม ริ้ว
จอด เรือ อาศัย เงา ไม้ ฝั่ง ชล...


				
4 ตุลาคม 2547 12:52 น.

ทะเลสาบสีเงิน!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=282
(ธาราระทม)
********************


จำได้ไหม..ดวงใจ
ทะเลสาบแห่งนี้ที่คุณเคยบอกว่า
คล้ายกับเรื่อง*บ้านเล็กในป่าใหญ่* 
ของลอร่าอิงกัลส์ ไวเดอร์



ที่คุณเคยอ่านมาตั้งแต่เด็ก
ภาพฝันจึงตามมาในจินตนาการ
ถึงภาพป่าใหญ่ไพรกว้าง..ทุ่งกว้างด้วยดงดอกหญ้า

กับตะวันสีทองอ่อนอุ่นอ่อนหวาน
ละลานตาเต็มไปด้วยดวงดอกไม้ป่าบานสะพรั่ง
ป่าที่ยังอุดม ด้วยสัตว์ป่านานา หมี เสือ สิงโต



และ
ชนชาวอินเดียนแดง
ที่กำลังพยายามปกป้องแผ่นดิน
ที่ถูกคนขาวที่เจริญกว่าเข้ามาจับจองแย่งชิง

หนังสือชุดนี้มีหลายเล่ม
ที่สะท้อนวิถีชีวิตคนอเมริกัน
ที่เพิ่งจะอพยพบุกเบิก
และเริ่มสร้างบ้านสร้างเมือง
คุณผู้ซึ่งหลงรักวิถีไพร จึงอ่านซ้ำไปซ้ำมาแบบไม่รู้เบื่อ



ทุกกระท่อมที่ชาส์ล เลือกและสร้างเองนั้น
ช่างงามง่ายไร้มายา
และภาพที่แคโรไลน์ภรรยา
ทำกับข้าวภายในครัวกระท่อม
ให้หอมอวลกรุ่นน่ากินในคำนึง..



ดวงใจ
นวนิยายเรื่องจริงนี้ เป็นแรงฝันบันดาลใจ
ให้คุณ บอกผมว่า 
ให้มาสร้างกระท่อมนะที่ตรงนี้
ที่เคียงทะเลสาบสีเงิน
ยามเราบุกบั่นป่าเข้ามา

และพบ ที่ตรงนี้ที่เป็นบึงกว้าง
เกิดจากการขุดแร่ทำเหมือง..
และถูกปล่อยทิ้งร้างไว้ให้งามราวทะเลสาบผืนใหญ่
ราวผืนแพรไหมสีเงินงาม
ที่กำลังสะท้อนพร่างวะวิบวับรับพรายแดดอ่อนละออ
ที่คุณถึงกับอุทานดีใจเมื่อมาเห็น



ฟ้าสีครามงามเข้ม..ใสกระจ่าง..สดสว่างไสว..สุดตา
ตัดฉับกับผืนทะเลสาบสีเงินระยิบตาตรงหน้าระยับใจ..
ประดุจสวรรค์สรวง

อากาศหอมสดชื่นบริสุทธิ์
กระแสลมแรง..จนแล้งไร้ต้นไม้
มีเพียงร่ายระบำของดงดอกหญ้า
ไหวเอนรับรินร่ำพรายแสงรอนรอน
ละอออ่อนอุ่นยามค่ำย่ำสนธยา



ดวงใจ..
ยามนั้นคุณบอกผมให้หันหลังให้
แล้วถอดเสื้อออกเพื่อกระโดดลงไป
นะกลางสายธารอย่างเริงร่าราวปลาแหวกว่ายในสายชล



คุณ..ว่ายน้ำเก่งราวเงือกสาวและยิ่งดูราวจะยิ่งเหมือน
เมื่อคุณนอนลอยตัวเหนือทะเลสาบสีเงินนั้น
และพลันแผ่สยายเส้นผมงาม
คล้ายสาหร่ายลอยเป็นแพ ล้อมรอบวงหน้าเรียวละมุน



ร่างงามคุณดูโดดเด่น
ในท่าที่คุณนอนหลับตาพริ้มลอยตัวเหนือผืนน้ำ
และ
กระทบกับสายแสงสุริยาที่กำลังจะลาลับฟ้า
จนพาให้ร่างคุณนั้น
งามจรัสเรืองแสงคล้ายนางไพรนางไม้หนีมาว่ายวน
เริงร่าในท่ามกลางป่าไพรในทะเลสาบสีเงิน 



กับดวงดอกไม้ป่า
ที่กำลังส่งกลิ่นสะพรั่งรินรายรอบ
ให้ผมแอบชำเลืองดูคุณ
และแทบอยากให้โลกหยุดหมุน
ได้แต่นอนเอนอิงริมตลิ่ง
แล้วเฝ้าวนเวียนสายตาไม่ไกลไปจากร่างคุณ


จำได้ไหม..
ดวงใจ..ยามที่คุณแกล้งลากผมลงมา
แล้วเราสองต่างพากันโอบตระกองกอด
ในอ้อมอกอ้อมฝันของสายน้ำ



ที่พลันอุ่นอิ่มไปกับนิ่มเนื้อนวลหนั่นแน่น
ที่เบียดร่างผมแนบแน่นด้วยแรงรัก
จนทำให้หัวใจผมกระเจิงด้วยมนต์เสน่หา
และ..จำต้องจูบประทับรับขวัญบดขยี้
แทบให้ร่างเราสองนี้กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน


ดวงใจ
มาตรแม้นชีวิตผม..ในวันนี้
มีแต่ความเงียบเหงาเปล่าร้างเพราะไร้คุณเคียง
หากชีวีผมก็แสนสุขสงบงามกับทุกโมงยามณ.ที่แห่งนี้
ที่ซึ่ง ราวอาณาจักรไพรริมทะเลสาบสีเงิน..ลำพัง


ผม..จะพาตัวเองไปนอนนิ่งฟังเสียงดนตรีจากทุ่งหญ้า 
ทุ่งแห่งความฝัน
ฟังดนตรีไพรร่ายมนตรา
บรรเลงบทเพลงธรรมชาติอันโอบเอื้อพึ่งพิง



ให้ผมเฝ้ามองดูฟ้าเล่นแสงสีราวเวทีธรรมชาติ
ดูเมฆแล้ววาดเป็นภาพงามตามแต่ใจนึก
ดูแมกไม้ไพรพฤกษ์ฝูงสกุณา
ที่พากันผกโผผินบินร่อนมาโฉบเหยื่อ


เฝ้าดูฟ้าที่งามระเรื่อเจือสีชมพูอมส้ม สวยสดเศร้า
กับความเหงางามในใจ 
ที่ช่างเป็นความรู้สึกยิ่งใหญ่
ราวเราแค่เศษเสี้ยวธุลี 

ที่มาแฝงร่างผสานผสมห่มห่อด้วย
ความงาม อันยากยิ่งจะพรรณนา 
นอกเสียจากผู้รักวิถีไพรดิบเดิมเพียงนั้นถึงจะเข้าใจ
ยามที่เราถอดใจถอดจิตราวสนิทเป็นหนึ่งเดียวกับทุกสรรพสิ่ง



ดวงใจ..
ในยามราตรี
ผมจะก่อกองไฟริมกระท่อม
แล้วนั่งจิบกาแฟบนขอนไม้
หาอาหารง่ายๆมานั่งรับประทาน
กับเจ้าสุนัขเพื่อนยาก



ยามนั้นผมจะได้ยินเสียงสายน้ำ
ในทะเลสาบครวญคร่ำระรินราวร่ำไห้อย่างดายเดียว
เสมือนเพื่อนยากผู้รับรู้ความเปลี่ยวเหงาใจ
ยามผมไม่มีคุณ..



ผมจะนอนหนุนแขน
ฟังเสียงฟืนปะทุ
และ

ในอ้อมฟ้าอ้อมฝัน
เฝ้ามองดูดาวประจำเมือง ประจำใจ
ที่พราวพร่างสุกใสนับพันดวง
ดาวใจที่คุณเคยฝากไว้ให้
ส่องนำทางชีวิตจิตวิญญาญ์ผม
ยามอ่อนล้าท้อแท้แพ้พ่ายไร้สิ้นกำลังใจ
ให้น้ำตาลูกผู้ชายชาติไพรซืมซึ้งในเรียวตา
ด้วยเหว่ว้าดายเดียวสุดทน



และ
ดวงใจ
ทุกอุทัยโลกหมุน 
ผมพึงใจที่อาศัยริมกระท่อมทะเลสาบสีเงิน
อันงามเงียบนี้ลำพัง..
กับยามค่ำที่ผมได้รจนางานงามอันเลอล้ำค่า
พลีบรรณาการให้แด่โลกบรรณพิภพ
ที่ยิ่งดวงชีวีผมพบความงามเงียบเท่าใด 
งานงามของผมก็ยิ่งแสนงามยิ่งใหญ่พอกันเพียงนั้น


 
ผมมีเวลา ทำงานเพื่อสังคม 
ในฐานะเจ้าหน้าที่ป่าไม้
ผู้รักษาอุทยานและป่าทุกผืนในประเทศนี้
ให้ยาวยืนไปจนถึงลูกหลาน 


เป็นงานงามที่ราวปิดทองหลังพระ
เหมือนพ่อพระในดวงใจของผม
ที่เคยเททุ่มทำงานฝากอุดมการณ์อุดมคติไว้ให้ชนชาวไทย
ทุกดวงใจได้หันมารับฟังแม้นต้องแลกกับชีวิต
คุณ..สืบ นาคะเสถียร ผู้เพียรพยายาม 


แม้นถึงกระทั่งยอมสังเวยชีวิตเพื่อ
เพรียกเรียกร้องสามัญสำนึก
ให้สังคมหันมาสำนึกรำลึกรู้ค่ารักษ์ป่าไพร


ที่ดวงใจ..คุณคงรู้ว่า
หากไร้ป่าแล้วไซร้ เราก็เท่ากับรอวันตาย กับภัยพิบัติที่นับวัน
จะมาฝากพิโรธสอนสั่งให้เราสำนึกรู้
ว่าคนเรานี้จะอยู่ดีมีสุขได้อย่างไรไฉนเล่า
หากไร้ซึ่งเงาแห่งร่มไม้ได้ดูดซับน้ำไว้
ให้โลกได้สงบงามอย่างพึ่งพาพึงพิง


ทุกสรรพสิ่งเป็นวัฎจักร
ที่โลกสรรสร้างมาให้อย่างลงตัว
มีฟ้า มีดิน มีน้ำ ลมไฟ 
มีดวงใจที่ใสงาม ตั้งแต่เริ่มเกิด

หากเรามองเมินเพียงเพลินผลาญทำลาย
ทุกสิ่งที่ธรรมชาติให้มาอย่างงามง่ายแสนงาม
ให้หลงละเมอหยาบหยามต่อเติมเพิ่มความทุกข์
รุกล้ำก้ำเกินในทุกสิ่ง แบบโง่เขลาเบาปัญญา


แม้นกระทั่งดวงจิตอันกระจ่างราวแก้วใสภายในตัวเราเอง
ที่พระเจ้าให้มาอย่างบริสุทธิ์ใส
หากเรานั้นหาได้เฉลียวใจไม่
พากันมาเติมตัวทุกข์สุขในโลกวัตถุไม่รู้หยุดรู้พอที่ไม่จีรัง..



ให้หุ้มห่อพอกไว้ยิ่งหนานับวัน
จนยากจะลอกเปลือกออกพบแก่นกระพี้
ที่แสนงามแสนดี
คือจิตกระจ่างงามพราวราวดวงแก้ววิเศษ


ดวงใจ...
ผมก็แค่ธุลีในโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้
ที่พัดผ่านมาคละเคล้าไป
ในดงมนุษย์อันมากมีมากมายนี้


หากแม้นเปรียบชีวีแค่ธุลีนี้
ก็ขอแค่ได้มาพลีฝากดีฝากงาม
ก่อนวันจะสิ้นสายแสงแห่งดวงสุริยาใจ



ไม่เป็นธุลีใจที่หมองหม่นปนเปื้อนมลทิน
หากขอเลือกเป็นธุลีดิน
ที่งดงามอุดม 
รอเพียรเพาะบ่มให้ทุกต้นกล้าแห่งรักได้หยัดยืน



ให้งานรักรจนา
ได้พาจิตมนุษย์ไสวพร่างกระจ่างจิตไสวชูช่อ

ราวรอรับพรายแสงตะวัน
อันหมุนวนมาสอนบทเรียนใจในทุกวันให้รู้คุณค่า
ว่าทุกดวงชีวามีโอกาสเริมต้นชีวิตใหม่ได้เสมอ



และ
ราวกับพราวนวลจากเดือนดวงงามนามพระจันทร์
ให้ประดับขวัญประดับโลกงาม..
เป็นนิยามความดีสามัคคี
ที่แสนร่มเย็นเป็นสุขใจไปตราบชั่วกาล..



ดวงใจ...
ชีวิตคืออะไรกันเล่า
หากมิใช่เศษเสี้ยว
ที่มาฝากร่างเพียงชั่วครู่ชั่วคราว

ให้ได้มามองดูโลกงาม
ให้ได้มารู้ค่าคำรัก
อันจักเป็นพลังสรรสร้างอันยิ่งใหญ่
หากทุกดวงใจรู้รักเย็น



และ
โชคดีเพียงใด
ที่ได้เกิดมาในผืนดินอันอุดมร่มเย็น
ใต้ร่มฉัตรใต้ร่มธรรมใต้ร่มทองแห่งพุทธศาสนา
ที่จักประคองให้จิตเรา..ใสกระจ่าง
รู้ฝึกวางว่างก่อนจะสิ้นแสงแห่งตะวันใจไปชั่วกาล



ดวงใจ...
ผม..ภูมิใจในตัวคุณ และตัวผมนี้
ที่เกิดมามีนวลเนื้อใจที่แสนบริสุทธิ์ใสแสนงาม
รู้หักห้ามรู้รักเย็น



และ
มาตรแม้นเราเป็นเฉกเช่นชาวดินชาวไพร
หากดอกดวงใจเรานั้นรู้ใฝ่เพียรหาดวงดอกธรรม
และน้อมมาพร่ำห่มหอม..
เผื่อแผ่ให้ทุกดวงใจได้พบใสงาม
ไปด้วยกัน..



และสุดท้าย
ไม่มีอะไร
*จะงามเท่าดอกดวงใจใครเล่าจะรู้นี้*


ที่เราสองต่างพร้อมพลีภักดิ์
เพียรถักทอทองดั่งสายสร้อยภาษาร้อยรักรจนา

เพื่อคืนกลับให้ผืนดินแห่งมาตุภูมินี้
ที่เป็นที่รักยิ่งกว่ารัก

ศรัทธาภักดิ์ยิ่งกว่าศรัทธา
เปรียบประดุจดั่งพสุธาแห่งความฝันอันสูงสุด

ที่แสนหนักแน่นมั่นคงยิ่งใหญ่เหนือ
กว่าสิ่งใดในหล้าโลกนี้
แล้วมิใช่ละหรือ..คนดี..นะยอดดวงใจ!



************



ฉันเห็นเธอในดอกไม้สายลมไหว
มวลนกไพร ในฝนพราย แมกไม้ฝัน
ในดวงดาว ในอุ่นแสง แห่งตะวัน
ในความฝัน ในยามตื่น ชื่นฉ่ำใจ..

ฉันเห็นเธอ ในดวงจันทร์ ฝันเคียงฟ้า
ในเมฆา ในเรียวรุ้ง กระจ่างใส
ในผีเสื้อ ในสายน้ำ ในขุนเขา ในเงาใจ
เธอสถิตอยู่กลางใจในเรียวตาในศรัทธาในรักนี้ มิมีวันจะลบเลือน!
*
************


http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_32429.php
ฉันอยู่นี่ที่กลางใจในโลกฝัน...พุดพัดชา

ฉันอยู่นี่ที่กลางใจในโลกฝัน
คอยเคียงขวัญในเงาใจไม่ไปไหน 
ในเงาดาวใต้เงาจันทร์ยามฝันไกล
ในดวงใจในดวงตาดารากาล..

อยู่ในรักในอ้อมกอดของยอดรัก
ฝากใจภักดิ์รักเพียงเธอเพ้อคำหวาน
ในแสงทองท้องทะเลดอกไม้บาน 
ในสายธารหวานชื่นฉ่ำลำนำไพร

อยู่ใต้หล้าฟ้าพริบพราวเคล้าใจสุข
ไร้รอยทุกข์สุขเคียงขวัญวันไหนไหน
เงาอดีตแค่กรีดรอยฝากแผลใจ
ไม่เป็นไรยอมรับโศกโลกนี้คือละคอน

รอและรอ..ขอคืนหลังยังบ้านเก่า
ลบลืมเหงาเงาใจใครลวงหลอน
พร่ำสวดมนต์ภาวนาเพื่อขอพร
เลิกร้าวรอนสิ้นร้าวรานนานนิรันดร์!..
*
***********




url=http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=222
ธาราระทม 
แว่ว ยิน แต่ เสียง
น้ำหลากมาเสมือนยิ่งพาน้ำตาข้าหลั่ง
ธารารักเอยรักเคยฝากฝัง
ท่ามกลางแสงเดือนสะพรั่ง
รักกลับอ้างว้างในคืนเดือนเพ็ญ
รูป รอย ปาง หลัง
ฝังฝากใจมาไร้ความจริงทิ้งให้ลำเค็ญ
มองเดือนครั้งใดหมองใจไม่เว้น
ค่ำคืนรักเชยเคยเช่น
แสงแห่งเดือนเพ็ญเชยฟ้าราตรี
รัก จาก พราก ไป
เหลือ เพียงรอยอาลัยไม่มี
สายน้ำยามเพ็ญ ก่อนเคยได้เป็นสักขี
ยินแผ่วแว่วเสียงวจี
คล้ายเสียงเสียดสีที่เย้ยดวงใจ
โอ้ คำ อธิษฐาน
เสมือนบ่วงมาร มารับเอาคำสาบานข้าไป
มนต์มารร้ายยิ่งรักจริงสลาย
ตั้งปณิธานวอนไหว้
แสงแห่งดวงใจจงพบกันเทอญ

รัก จาก พราก ไป
เหลือ เพียงรอยอาลัยไม่มี
สายน้ำยามเพ็ญ ก่อนเคยได้เป็นสักขี
ยินแผ่วแว่วเสียงวจี
คล้ายเสียงเสียดสีที่เย้ยดวงใจ
โอ้ คำ อธิษฐาน
เสมือนบ่วงมาร มารับเอาคำสาบานข้าไป
มนต์มารร้ายยิ่งรักจริงสลาย
ตั้งปณิธานวอนไหว้
แสงแห่งดวงใจจงพบกันเทอญ...
****************
				
3 ตุลาคม 2547 22:41 น.

หากตราบใดสายนทียังรี่ไหล!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=3056
(ตราบใด)
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=222
(ฉันรักเธอเสมอ)
*****************


ฟ้าโพล้เพล้  สนธยาใกล้ลาลับ  
ทั่วนภางค์พร่างรัศมีสีส้มเจือชมพู
ใกล้ค่ำแล้ว...
ไพลนอนสยายผมในวิมานดินบนเตียงโบราณ
จุดเทียนงามอ่านหนังสือ*โรดันเต้รำลึก*


ในลึกซึ้งแสนคิดถึงสงสารพระเอกที่เป็นหมอ
ที่ยอมตายแทนลูกชายสุดที่รัก
และยิ่งเศร้าล้ำนัก
เมื่ออ่านแกล้มกลิ่นหอมเศร้าของเจ้าดวงดอกการะเวก
เต็มตะกร้าที่เพิ่งเด็ดมาให้หอมอวลให้ห้องหับโบราณ
ด้วยม่านมุ้งสีขาว
หมู่นกกา ร้องระงม ราวฝันไป 
ว่าอยู่ในกระท่อมไพรริมทะเลสาบสีเงิน


พระพิรุณโปรยสายพรายพลิ้ว 
ได้ยินเสียงดนตรีแก้วดนตรีฝนดนตรีฝัน
ช่างพริ้งพราวหนาวใจเป็นยิ่งนัก


เสียงหยาดฝนสัมผัสเผาะ เผาะ 
จับหลังคาบ้านวิมานดิน วิมานใบไม้
ยอดไม้ใบหญ้า ..ระรินๆ
รอเวลารับขวัญจันทร์เสี้ยว  ดวงเดียวดวงเดิม ดายเดียว


ที่กำลังค่อยๆเริ่มเลี้ยวลดปรากฎออกมาจากขอบฟ้า
ค่อยๆเผยเสี้ยวหน้าเกลียวทองมาผ่องผุดหยุดคลี่ยิ้มหวานๆ
ราวรอรับเราไปเที่ยวกับเรือจันทร์เสี้ยวสีทอง
ลอยล่องไปในกลางทะเลเมฆสู่ความวิเวก
สู่แดนหิมพานต์วิมานแมนวิมานเมือง



หอมกลิ่นกรุ่นของลั่นทม..
ผสานผสมมากับสายลมเย็นในยามค่ำ
เจ้าทิ้งเศร้าร้าวราโรยหล่นเกลื่อนพื้น..ให้หอมเต็มตื้นใจ
จำปี..สลัดกลีบเรียวยาวใบเหลือง ราวไร้ไยดี..
มิจำเดือนมิจำปีที่ผันผ่าน


แก้วตระการบานชู่ชอสะพรั่ง
ราวหวังรอ..ใครกันนะ..มาดอมดมพรมจูบ
ให้กลับมาเป็นแก้วตาขวัญใจ 
ในยามนี้ที่เงียบงาม..อย่างเหลือเกิน..


ใบพลูด่างยักษ์เหมือนในป่าใหญ่ไพรกว้างโตรกธารรก
ป่าอเมซอนอ้อนอ้อยสร้อยพันร้อยรัดต้นมะม่วง
แผ่ยวงใบราวพัดลายพรายพร้อย
เขียวแซมสร้อยเหลืองพรายสลับลายสลับสี


เห็นกล้วยกอใหญ่ห้อยหวีไหว
หอมกลิ่นใบตองนวลนวล
อวลอบตระลบมากับสาวยลมเย็นในยามค่ำ
ทั้งกล้วยเล็บมือนางและกล้วยน้ำว้า 
คงมิต้องรอท่านานจะได้กินหวานๆธรรมชาติๆ


หลายวันก่อน
เพิ่งปีนไปตัดใบตองอรชรออกมากองใหญ่เพราะแน่นไป
จนมิอาจเห็นแดดละออทอทอดสอดแสงผสานผสม
ให้เกิดงามระยิบ
ระยับรับนวลเรียวเขียวไพลเขียวพร่างกระจ่างจิตกระจ่างใจ
ในยามอรุณรุ่งกับแสงสีรุ้งระยับทองพร่าง


คิดๆไปกล้วยก็สอนใจให้กระจ่าง
ราวธรรมชาติใจธรรมดาใบตอง
ของต้นกล้วยกำลังบอกใบ้ให้ใช้ชีวิตไปวันๆแบบกล้วยๆ
ให้คิดถึงคำม้วยมรณา ไม่ช้านานทุกท่านทุกคนทุกดวงใจ
อย่ารีบใส่ความเครียดเกลียดโกรธโลภหลงพะวงหาใครๆ
ที่ไม่รักเราที่หัวใจใครหัวใจเขาคงมิได้มาแบบกล้วยๆ


ใกล้ค่ำแสนดี ......ที่แสนสุขใจ 
เปิดเพลง บรรเลง.......ไพเราะ..คลอ ยามค่ำ*ตราบใด.*

http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=3056
ตราบใด 

ตราบใดเธอแหละฉันยังมี
หัวใจเดียวกัน
จะไม่ลืมสัญญา ฮื้ม
จะไม่มีอะไรมาเปลี่ยน รักเราจนกว่า
ดวงตะวันทอแสงสุดท้าย
ตราบใดบนฟากฟ้ายังมี
แสงดาวพร่างพราย
จะไม่ลืมสายตาซึ้งใจ
จะมั่นคงในความรู้สึกที่เธอมีให้
ขอให้ฟ้าและดาวช่วยเป็นพยาน
ตราบใดฟ้า
ยังมีแสงดาวข้างเคียงคู่ใจ
นานสักเพียงไหนไม่เคยห่างกัน
ดั่งความรัก
ที่เราสองคนรวมใจผูกพันธ์
เราจะมีกันไม่เคยห่างไกล
เราสองสัญญา จะอยู่เคียงนิรันดร์
จดจำแม้วันสุดท้าย

ตราบใดเธอแหละฉันยังมี
หัวใจเดียวกัน
จะให้เธอพักพิงด้วยใจ
หลับตาลงยังคงรู้สึกว่าเธออยู่ใกล้
เหมือนว่าฉันอิงกายข้างเธอนิรันดร์
ตราบใดฟ้า
ยังมีแสงดาวข้างเคียงคู่ใจ
นานสักเพียงไหนไม่เคยห่างกัน
ดั่งความรัก
ที่เราสองคนรวมใจผูกพันธ์
เราจะมีกันแม้วันสุดท้าย
ตราบใดฟ้า
ยังมีแสงดาวข้างเคียงคู่ใจ
นานสักเพียงไหนไม่เคยห่างกัน
ดั่งความรัก
ที่เราสองคนรวมใจผูกพันธ์
เราจะมีกันแม้วันสุดท้าย
ตราบใดฟ้า
ยังมีแสงดาวข้างเคียงคู่ใจ
นานสักเพียงไหนไม่เคยห่างกัน
ดั่งความรัก
ที่เราสองคนรวมใจผูกพันธ์
เราจะมีกันแม้วันสุดท้าย
แม้วันสุดท้าย...
**************


ตอกสลักตรึงดอกดวงใจ
ให้จิตภายในไร้ผู้ใดก้าวมาล้วงล้ำก้ำเกิน
เพียงพาใจเพลินเสียงเพลงหวานเศร้า
ให้ดำดิ่งลึกล้ำ


หลับตาแล้วใช้จิตพาตัวเองไปนอนริมหาดทราย
ให้ร่างมลังเมลืองรับสายแสงสีทอง
ยามตะวันตกต้องผืนน้ำ..แผ่นฟ้ามหาสมุทร
และส่งสายใจสายใยรัก
ไปหยุดที่..เวิ้งฝันในจินตนาการ
ที่งามพราวราววิมานทอดสถิต
เป็นงามว่างงามจิตกระจ่างไปตราบชั่วนิจนิรันดร

****************************





มหัศจรรย์แห่งรักสิบห้าปีที่รอคอย 


ผมกำลังขับรถ กลับกระท่อมน้อย ในไพรกว้าง
ที่ไร้ร่างรักของผู้ใดรอคอย...
นอกจากเจ้าสุนัขน้อยนามลิเดย์ เพื่อนผู้รู้ใจมานานปี..

เพลงรัก กำลังครวญคร่ำ POWER OF LOVE
ที่เต็มไปด้วยพลังรัก พลังฝัน หวานหวังสร้างพลังใจ

ผมตัดสินใจ เปลี่ยนเส้นทาง อย่างกะทันหัน
เลี้ยวซ้าย ลงสู่เส้นทางเลียบทะเลสาบสีเงิน
สนธยาทายทักลมร้อน รอนแสงแดดอ่อนอุ่น กับไรฟ้าขลิบทอง 
หางนกยูงกำลังรำฟ้อนอ้อนแสงสุดท้าย ยามสายันณ์ตะวันรอน

ผมเปลี่ยนเพลงใหม่ 
ในไหวหวามของหัวใจ 
ในไหวงามของธรรมชาติ
ให้ปลอบประโลมใจที่กำลังครวญคร่ำ..ร่ำไห้ มิอายฟ้าดิน ลำพัง

เสียงคุณ คนดีที่ผมแสนรัก เศร้าซึ้งสะเทือนใจ 
กับบทเพลงนี้ ที่คุณฝากมาให้ผมฟัง 
ในยามที่เราสิ้นหวังจะได้พบพาน ในวันพรากจาก




ยอดรัก..
จงมองที่ขอบฟ้า..
โอบโอบโค้งลงมา นั่นคืออ้อมกอดจากฉัน
ยามเมื่อเราไกลกัน ใจฉันดังอยู่เคลียเคล้า...

ยอดรัก...
สายลมอ่อนละมุน 
นั่นคือสามลมอุ่น 
ฉันพรมและจูบลูบไล้
เธอรู้บ้างหรือไม่ 
รักใครไม่เทียบเทียมฉัน.
คืนวันจะผันเปลี่ยนไป..
แต่ใจฉันไม่อาจเปลี่ยนเวียนผัน
ซื่อตรงคงรักนิรันดร์..
หากลืมฉัน ฉันคงต้องกลั้นใจตาย..
ยอดรัก..
การจากทั้งผูกพัน 
ย่อมจะคิดถึงกัน เร่งวันคืนกลับเคียงกาย..(ฮัมๆๆๆ)
ยังรักเธอไม่หน่าย วันตาย นั่นแหละวันลืม......
*************


น้ำตาผมร่วงริน..น้ำตาลูกผู้ชายคนนี้ 
ที่ยินดีหลั่งรินไห้ ผู้หญิงในสายถวิลในดวงใจ..
ใช่เลย..กับวันนี้..
กับสิบห้าปีที่รอคอย..กับเสียงกระซิบสั่ง
ถึงความหลัง จากโพ้นฟ้าไกล..

ในวันเกิดนี้ที่คุณขอให้ผมโชคดี มีความสุข
เสมอมา ยาวนาน..มิเลือนลืม..
ผม..เก็บน้ำคำ เก็บน้ำใจ
ที่อยากฝากหวังฝากใจ
ไว้ในหัวอกหัวใจลูกผู้ชายอกสามศอกนี้

มิอยากให้คนดี ช้ำตรม 
ผมเก็บแม้กระทั่งผ้าห่ม ผืนเก่าเนานาน 
ที่คุณเคยส่งมาให้ยามผมนอนหนาวดายเดียว 
ในไพรกว้างอย่างผู้พิทักษ์ไพร

ทุกคืนค่ำ ผมกลายเป็นหนุ่มน้อยผู้หลงทาง 
อ้างว้างใจยามสิ้นไร้คุณ 
จนต้องอาศัยผ้าห่มผืนนุ่ม
แทนนุ่มเนียนเนื้อที่เฝ้าฝันใฝ่หา ในทุกราตรี




คุณ..คือผู้หญิงคนพิเศษเสมอมา .....
ในดวงตา ดวงใจลูกผู้ชายดิบเดิมคนนี้
ที่หนักแน่นมั่นคงดั่งแผ่นผา
ที่ต้องใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตทำงานติดดินถวิลไพร...

ใช่เลย ..ผมกำลังร้องไห้
กับดวงใจเราสองที่พิสุทธิ์ใส 
ที่ไม่เคยมีใครเข้าใจและล่วงรู้ 
กับมหัศจรรย์แห่งรักนี้ที่แสนหอมหวาน
ในใจมานานเนิ่น และจะเป็นมหัศจรรย์รักชั่วนิจนิรันดร...

ในความรักนั้น..
อย่าได้พิพากษาใคร หากหัวใจคุณมิเคยพบกับคำๆนี้
คำแสนดี แสนยิ่งใหญ่ แสนเสียสละ รู้คุณค่า รู้หน้าที่ 
รักอย่างมีเหตุผล รู้ดีชอบ 

ที่มนุษย์ผู้ที่มีใจละเอียดอ่อนเพียงนั้น 
พึงได้มาครอบครองเป็นเจ้าของ 
มิสร้างรอยร้าว คิดร้ายมุ่งทำลาย
ให้หัวใจดวงบอบบางบอบช้ำ ซ้ำเติมใจกันและกัน
..........
เกลียวคลื่น กำลังครวญคร่ำ ทะเลกำลังร่ำไห้
กับนวลแพรดาวกับพราวน้ำตาเทียนวะวับวาวกลางกระท่อมไพร

และผมกำลังซบหน้ากับฝ่ามือสะอื้น 
อย่างไม่อาย 
อย่างลูกผู้ชายที่รักเป็นที่ร้องไห้เป็นในรอบสิบห้าปีที่รอคอย...

**********





ขุมปัญญาในอณูของดอกไม้
เป็นมนต์ร่ายระบำรอผีเสื้อ
ขุมปัญญาที่ธรรมชาติโอบเอื้อเฟื้อ
คือเหลือเชื่อมหัศจรรย์รักผลักดันมา..

โลกหมุนไปมีธรรมชาติมีทุกสิ่ง
จักรวาลมีสิ่งลี้ลับให้ค้นหา
ไยดวงจันทร์ถึงโคจรรอบโลกทุกวันมา
ไยมนุษย์ต้องเหว่ว้าอาวรณ์ออดอ้อนใจ

เพราะคือมหัศจรรย์รักในโลกนี้
ให้มีดีมีร้ายหรือไฉน
ให้เผ่าพันธุ์มนุษย์สืบทอดไป
เป็นบ่วงใจบ่วงกรรมย้ำโลกเรา

ตัดบ่วงใจตัดเยื่อใยสิ้นสวาท
หมดสิ้นชาติหมดสิ้นกรรมใจเลิกเขลา
ไม่หมุนวนหมุนเวียนใช้กรรมเก่า
ให้ใจเราว่างว่างวางเฉย..เลิกรักใคร! 
				
1 ตุลาคม 2547 16:46 น.

ฤาสิ้นสายเสน่หา!2

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=1965
(คู่กรรม)
http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_62594.php
อ่านภาคแรกก่อนนะคะ
ฤาสิ้นสายเสน่หา1ค่ะ



คืนนั้น..
คุณ..ผม และเจ้าไลก้าสุนัขเพื่อนยาก
ค่อยๆพากันเดินลัดเลาะ ข้ามโขดหินเนินผาริมชายหาด
ให้แสงจันทร์สาดส่องนำทาง


ลมทะเล..สดชื่น ปะทะร่าง ราวนางไม้ของคุณ
แถมพัดผมคุณปลิวไสว ในสายลมรำไรรำเพยพร่าง

กับแสงจันทร์นวลกระจ่าง 
จับร่างงามคุณ ราวโลกหยุดหมุน
ให้ผมแทบอยากหยุดหายใจ...
คุณ..หันมาหยุดดูผมเป็นระยะๆ 
ที่ดูผมออกจะเงอะงะงุ่มง่าม
ยามไต่ตามคุณหนีน้ำทะเลขึ้นเหนือเนินผาหินริมฝั่งฝัน


บางทียามผมเซหลุนๆเกือบตกลงไปในน้ำทะเล
คุณยิ่งยิ้มเย้ยหัวเราะชอบใจ 
พอกันกับเจ้าไลก้าที่เห่าหัวเราะ
ล้อเลียนผมเพอกันกับเจ้านายสาว


และคืนนั้น..
สิ่งที่ผมได้เห็นกับตา คือภาพเบื้องหน้า
ภาพผู้คนหลั่งไหลมาเฉลิมฉลองคืนเพ็ญเด่นดวง......
ที่ว่ากันว่าสวยที่สุดในโลก


มาเสพสุขหรือเสพทุกข์..กันแน่ยังไม่อาจรู้ได้....
แล้วแต่ใจใครลิขิต...ชีวิตใครก็ชีวิตของคนนั้น.......


โค้งหาดทรายขาวนวลเนียนนุ่มเท้า...
ราวแป้งเนื้อดี...ที่มีคนกล่าวว่า..เวลาเต้นรำ......
ราวเต้นอยู่บนสรวงสวรรค์บนฟองเมฆ..นวลนุ่ม...
ให้อารมณ์ลุ่มลึก...ไหลหลง..ดั่งต้องมนต์ขลัง....
กลางจันทร์งามดวงโต...สุกสว่างกระจ่างนวล.........


แต่...ณ...บัดนี้....หลังงานเลี้ยงเลิกรา...
จะเต็มไปด้วยคนเมามายหลับไหล..
ราวจะไม่อยากฟื้นคืนชีพ...
มาดู..มาเห็นโลกสวย..
ที่แปรไปเป็น..นรก...ด้วยขยะ..ขยะ..และขยะ.......
ไหนจะจากก้นบุหรี่..ไหนจะจากขวดน้ำดื่มพลาสติก....
ไหนจะจากสารพัดสิ่งของที่นำมาดื่มกิน
เพื่อเพิ่มความบันเทิงเริงรมย์........


ทรายขาวนวล.....ถูกย่ำยี....ราวสาวพรหมจารี...
ที่ถูกชาย..ชิดเชย..รุนแรงจ้วงจาบราวไม่รู้ค่า.......
ฝากรอยแผลรัก....แผลใจ..
ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...ยาวนาน...มิจบสิ้น......
ย่ำรอยเท้า......จากเกาะหนึ่ง...ไปยังอีกเกาะหนึ่ง....
และอีกเกาะหนึ่ง...ที่ยังบริสุทธิ์ใส...เพื่อผลาญพร่า.......
ย่อยยับ....แล้วลาลับไกล..ไปยังอีกซีกโลก...ไกลแสน...
ไร้แลเหลียว..รับรู้.....รับฟัง ........
ช่วยเหลือใดใด....ใจหนอใจ.......


คุณ ราวร่ำไห้ กระซิบบอกผม
คุณแค่เม็ดทราย....
ที่ได้แต่พยายาม....ทำทุกสิ่ง....ที่ดี...ที่งาม..อย่างที่สุด..
เพื่อประคองให้ทุกอย่าง...ระหว่างผืนทราย...สายลม...
ทะเลสวยใส..ที่คุณเกิดและเติบโตมา...ยังคงอยู่......
คู่เคียงกันไป....กลมกลืน....ตราบนานเท่านาน...........


คุณเพียงแต่อยากให้มนุษย์ทั้งหลาย...
ที่อ้างตัวว่ารักนัก....รักหนา....ธรรมชาติ....
หาดทราย...สายลม..แสงแดด.....และทิวมะพร้างงาม.......
ให้รักให้เป็น...รักอย่างไม่รานรุก...
เสพสุขสุนทรีย์....ด้วยใจ....ไม่หยาบหยาม........


แค่เพียงให้ชีวิต....ดวงจิตดวงใจ...
หลอมละลายเป็นหนึ่งเดียวกับมวลความงามรายรอบ
ของทุกสรรพสิ่ง...ที่คู่เคียงโลกมาช้านาน...
อย่างเคารพซึ่งกันและกัน.......
ดั่งชีวิตหนึ่ง....ต่อ...อีกชีวิตหนึ่ง....


คนดี..
ผมรับทราบด้วยความเข้าใจ
ถึงใจดวงงามของคุณ..ที่หมองหม่น
เหมือนกันกับผม ที่หลงอุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมา
หวังจะมาชื่นชมธรรมชาติที่เรียบง่าย ไร้แสงสี 
กลับต้องมาพบสภาพอย่างนี้ 
ที่บางทีก็นึกปลงอนิจจัง


แต่ผมยังมีความหวังว่า
หาดบางหาดยังคงหลงเหลืออยู่อีกมากมาย 
ที่ธรรมชาติเมตตาราวจะซุกซ่อนไว้
ให้พบเฉพาะคนรู้ค่า 


หาใช่พวกมนุษย์มากมีมากมาย
ที่ใจร้ายไปผลาญพร่ามาเหยียบย่ำ
ทำลายพรหมจรรย์อันบริสุทธิ์ใส
แล้วพรากไปไม่สนใจไยดี


ยังคงมีเกาะที่ห่างไกล แสงสี วัตถุขยะมากมี 
ที่รอดพ้นจากเงื้อมเงามนุษย์พากันมาเสพสุข
แล้วปลดปล่อยทุกข์ไว้ราวไร้จิตสำนึก


คนดี...
หลังราตรียาวนานผ่านไป..
และการที่ผมได้ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนะ
ในการมองโลกและชีวิตกับคุณ


ในทุกค่ำคืนต่อๆมา
ผมผู้ซึ่ง หนีพันธนาการทั้งงาน..ทั้งเมือง...ทิ้งไปอย่างไม่ไยดี
เพื่อมาแสวงหาสุนทรีย์แห่งชีวิตเรียบง่ายติดดิน
ได้ชิดใกล้ธรรมชาติ
และวิถีผู้คน..
หากแต่มีใครหลายๆคน
กล่าวหาผมว่าพวกบ้าอุดมการณ์อุดมคติที่กินเข้าไปไม่ได้


บ้างก็ว่าฝันเฟื่องเปลืองตัวเปลืองใจ
เสียเวลาวิ่งไปค้นหาความลำบากลำบน
อีกหน่อยก็คงทนไม่ได้..รับมือไม่ไหว
กลับมาตายรังเมืองเสมอเสมือน*หนูถีบจักร*
ตามวัฎฎจักรเดิมเดิมเพิ่มมากขึ้น
ก็แค่กลับมาทนทุกข์ในโลกทางวัตถุเทคโนโลยี่
ที่ผลิตมามิรู้สิ้นรู้จบ..จนขยะจะล้นโลกแล้ว


 ผมไม่แคร์ใครนะคนดี
ตราบใดที่ผมยังมีเงินเลี้ยงตัวเอง
ผมยินดีพลีชีวิตนี้ที่ช่างแสนสั้นนัก
เพื่อค้นหาคำอิสราแห่งชีวี 
ราวนกที่ไร้รังฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น


ผมจึง..ตัดสินใจยืดเวลาอยู่ต่อนะ..ที่เกาะแห่งนี้
นานออกไปไม่มีกำหนด
คุณคงสงสัย 
ผมเอาเงินมาจากไหน ไปปล้นใครมารึเปล่า


ใช่..ผมมีเงินเก็บก้อนหนึ่ง 
จากลิขสิทธิ์ส่วนแบ่งในงานเขียน
ที่ผมเพียรเพาะบ่มประสบการณ์ยาวนาน
และเททุ่มใจถอดใจร่ายรจนาด้วยพลังสมองเกินร้อย
ถึงได้รับการตอบสนองตีพิมพ์


งานทางจิต
ที่ผมว่ามนุษย์น่าจะซื้อเสพมิรู้สิ้น
เพื่อยกระดับจิตวิญญาณ
ที่ดีกว่าการกินผิดๆทางกาย
เพราะมิทำร้ายร่าง..หากให้งามแง่คิด 
และการใช้ชีวิตท่ามกลางโลกแล้งไร้เร่าร้อนนี้ให้รู้ผ่อนเย็น


เป็นความสุนทรีย์แห่งชีวาชีวิตกับจิตภายใน
ที่ผู้ใดจะมายัดเยียดให้ก็ไม่ได้


นอกจาก..
จำต้องไขว่คว้าหาเอาเอง
จากจิตใต้สำนึกรู้สึกอยากเลือกโลกธรรม โลกธรรมชาติ
อันสมถะสงบงามเรียบง่าย 
ให้รู้ใช้ชีวิตชิดใกล้ธรรมะ ธรรมชาติ
ที่ต่อให้วงวาดชีวิตหวังไกลไปแค่ไหน 
ในที่สุดก็หนีไม่พ้นต้องร่วงหล่นลงบน
พื้นพสุธา ฝากร่างหนาวาศอกไว้ชั่วนิรันดร์


คนดี...เราแลกเปลี่ยนทัศนะกัน
บางครั้งคุณผู้มีอารมณ์ละมุนมักหุนหัน
หักเหเฉไฉไปนอกเรื่อง
ที่ผมเพียรพยายามให้คุณห่างทุกทุกข์รัก


อันจักเป็นทุกข์มิรู้สิ้นมิรู้จบทบเท่าทวีกรรม
ชั่วนิจนิรันดร
และยิ่งไร้วาง ว่าง ก็ยิ่งห่างนิพพานออกไปทุกทีๆ
ที่แสนน่าเสียดาย
หากเราเกิดมาในร่มเงาพุทธศาสนา
แล้วมาตายเปล่าราวเงาธุลีดิน


สิ้นค่าจิตภายใน
หาพบไม่ หาไม่พบในคำสอนขององค์พระศาสดา
ที่ทรงตรัสไว้ถึงทุกข์ สมุทัยนิโรธ มรรค 
ให้รู้ดับทุกข์


แม้แต่สวรรค์ ก็อย่าหวังฝันจะได้เห็นได้พบ
เพราะมัวทบทวีอยู่แต่เรื่องเปลืองเปล่า
หลงบ่วงห่วงหาพะวงกรรมให้นำทาง
มิหยุดหลุดพ้นพันธนา.. 


และ
คนดี
เพราะผมรู้ดีว่าคุณมีนวลเนื้อใจละมุนใสงาม
ในทุกยามผมจึงเฝ้าคอยประคอง
ค่อยๆสอนค่อยๆใส่ให้คุณคิดฝักใฝ่ในทางธรรม
อันแสนจะเย็นฉ่ำมิร้อนรน วนเวียน


มีพระพุทธ  พระธรรม พระสงฆ์
พาพ้นทุกข์ ให้ฝึกเพียรภาวนา
พาไปสู่นิมิตรให้ได้คิดแบบมีสติปัญญา
พาพ้นโคลนตมบัวพ้นน้ำออกจาก
กิเลสเนื้อหนังอันสักวันจะเน่าเปื่อยหาจีรังไม่


ผมเพียงหวัง เราสองจะประคองคู่กันขึ้นถึงฝั่งฝันนิรันดร
หากเพียรมิระย่อ ก็คงยังดีกว่าเสียชาติเกิด
.............


คนดี
นาทีนี้ในท่ามกลางเวิ้งน้ำจรดฟ้า
ราวมีเพียงฟากฟ้ากับทะเลฝัน 
เรือกำลังพาผมห่างจากฝั่งฝัน
กระท่อมทะเลจันทร์ออกมาทุกทีๆ


ผมนั่งนิ่งๆทิ้งใจให้ดื่มด่ำริมกราบเรือ
เพื่อดูลำแสงสุดท้ายใกล้ค่ำย่ำสนธยา
ดูตะวันลา...
 ที่ราวสอนชีวีชีวิต มิให้ยึดมั่นถือมั่น


ผม..กำลังพยายามสลัดตัดใจ
จากพันธนาการรักเป็นครั้งสุดท้าย


ทุกความทรงจำผมจะเผยมันออกมานะนาทีนี้
แล้วจะให้สลายลาลับไปกับตะวันดวงกล้า
ที่กำลังอ้อยอิ่งอำลาแผ่นน้ำผืนฟ้าและแผ่นดิน


ความทรงจำ..
ที่ผมจะหยุดคิด
หลังจากคลี่เผยโฉมมันออกมาปลอบประโลมใจ
เพียงชั่วครู่คราว อย่างไร้อาลัยไยดี 


ให้มีก็เพียงแต่ถนนชีวี
ถนนหน้าที่ที่ผมจำต้องเดินหน้า


หาใช่แค่รักเราสองไม่
หากต้องเลือกทำสิ่งยิ่งใหญ่เพื่อผืนแผ่นดิน...
ที่พระพรหมบันดาลฟ้าลิขิต
เลือกชะตาชีวิตลูกผู้ชายผู้ทรนงหาญกล้า
ว่าจะดำเนินไปในทิศทางใด 


มาตรแม้นหัวใจจะละเอียดอ่อน
ซ่อนความเป็นคนกวีมีความสุนทรีย์ไว้นะบ้านภายใน
ก็หามีผู้ใดได้ล่วงรู้ไม่..


ผม..จะนั่งตรงนี้..กับตะวันดวงเศร้า
และ
จะค่อยๆคลี่ภาพงามแห่งความทรงจำอันหวานหอม
ที่ห่มห้องใจผมมาช้านานๆอย่างช้าๆ


ภาพทุกภาพระหว่างคุณกับผม...
ที่ได้มีโอกาสมาใช้ชีวิตร่วมกัน
ในวันที่ท้องฟ้าบรรเจิดเพริศแพร้ว
เลื่อมประกายพรายพร่างประภัสสร
ราวโลกนี้มีแต่สีชมพูก็ไม่ปาน

ด้วยสองดวงใจได้ผสานผสม
ห่ม*ให้รักเข้าใจ*ซึ่งกันและกัน อย่างลงตัว
...........


ภาพ....คุณกับผมเดินเป็นกิโลๆ
เพื่อไปหาบน้ำจืดมาไว้ใช้ในหน้าแล้ง


ภาพ...บ่อน้ำท่ามกลางดงดวงดอกไม้ป่าสะพรั่งริน
ส่งกลิ่นหอมหวานเศร้า
คลุกเคล้าเนื้อตัวคุณ 
ยามผ้าถุงแนบเนื้อเนียนหนั่นแน่นเผยนวลอกรำไรๆ
ช่างแสนรัญจวนใจจนสุดทน
ให้หัวใจผมไหวหวามเต้นเป็นตีกลอง
และต้องเข้าแอบโอบประคองร่วมอาบน้ำ
ไปด้วยกันราวหลอมร่างเป็นหนึ่งเดียว


ภาพ...คุณร่ำไห้ในยามเช้า ด้วยเฝ้าเสียใจ
ที่แขกในบังกาโลว์มาพักเป็นเดือน...แล้วหนีไปไม่จ่าย
ให้ผมปลอบใจว่าช่างมันเถอะนะ
 
ถือเสียว่าให้ทานคนต่างบ้านต่างเมือง
*การให้*คือความเสียสละมากมาย
และให้รู้ว่าคนเรานี้หนามีหลายแบบ
แม้นคุณจะต้องรับกรรมจ่ายค่าเบียร์มากมาย
ที่จ่ายก่อนมาให้แขกคนนี้ได้ดื่มกิน


ภาพคุณกับผมชวนกันลงไปเล่นน้ำ
ยามพระจันทร์ทอดวง
กลางทะเลดำผุดดำว่าย
ให้ผมแกล้งกระชากผ้าถุงคุณหลุดลอย
ให้ร่างงามอ้อยสร้อยงามเกินงาม
ท่ามกลางสายแสงจันทร์โลมไล้
ราวเทพีจันทร์อันสล้างเสลาโฉม


ภาพ..
อีกมากมายมากมี
ที่คุณ....
ผู้หญิงอดทนมิยอมแพ้พ่ายเกมชะตา
สู้เหนื่อยยากทำงานสุจริตคิดชอบ


ภาพ
ที่ผมพยายามไม่นำมาคิด 
ให้หยาดน้ำตาถวิลหลังสั่งลา
จำต้องหันหน้ากลับไปโอบกอดประคองคุณ


คนดี..
ระหว่างเรา..
คุณคือภรรยาคือนางฟ้า คือนางใจนางในฝัน
ที่ผมได้ไปทำพิธีสู่ขอถูกต้องตามประเพณีไทย
เพื่อให้เกียรติคุณ
ในวันหนึ่งเมื่อผมซึ้งสุดใจ
ในน้ำใจงาม ยามที่ผมเจ็บไข้
และมีคุณเคียงกายมิร้างไกล


ผมหลั่งน้ำตา
ให้คำมั่นสัญญาว่าทุกภพทุกชาติ
ยินดีพลีพิสวาทเพียงคุณ
และ
หากบุญเราสองมีมากพอขอประคองเคียง
เป็นคู่ธรรมคู่ทองลอยล่องสู้ฝั่งฝันนิรันดร์รัก
ไปด้วยกันตราบวันตายมาพราก


คนดี..
คุณคือดวงดอกไม้ไพรบริสุทธิ์ใส
ราวหยาดน้ำใสหยาดน้ำค้างนะกลางหาว

มีทั้งความอ่อนหวานอบอุ่นละมุนละไม
และเนื้อใจที่แสนดีแสนเข้มแข็งอดทน
มิเคยปริปากบ่น
ถึงความยากลำบากแสนทนสู้งาน


คุณไม่เคยท้อแท้แพ้พ่ายใจ
คุณดูแลบังกาโลว์คนเดียวมานาน
และหากผ่านพบปัญหา
คุณก็รู้หาวิธีรำงับดับทุกข์
และดำเนินชีวิตต่อไป
ด้วยดอกดวงใจแห่งความดีงาม


ภาพสุดท้าย...
ภาพคืนฝันพระจันทร์หวาน
ผ่านวันวิวาห์ของสองเรา
คุณกับผมนอนเคียงกันบนเนินผา
ดูดวงดาราสุกใสสกาวพราวพร่างพรึบ
เต็มอ้อมฟ้าอ้อมฝันนับพันๆดวง
ใกล้แสนใกล้ราวเอื้อมมือคว้า 


วันที่ทะเลดาว
ราวดอกไม้เพชรพร่างพรมห่มห้องใจเราสอง
วันที่ผม...เฝ้าประคองคุณ
อย่างทะนุถนอมแสนรักเอยแสนรักในกมล
ในอ้อมกอดแนบแน่น


พร้อมจูบประทับรับขวัญนิ่มนวล..เนิ่นนาน
คืนหวาน..ที่คุณถามหาดาวประจำเมือง
และผมเล่าเรื่องเจ้าหญิงทอหูกให้คุณฟัง


คนดี..
ราวบทเพลงคำมั่นสัญญา
ในคืนวิวาห์หวานแว่วแผ่วมา
พาให้เราสองต่างตระกองกอดกันและกัน
และกล่าวคำว่าจะรักชั่วนิจนิรันดร..


คืนนั้น..
คุณนับดาวจนหลับไปในอ้อมแขนผมจนเกือนรุ่งสาง
จนเห็นดาวพระศุกร์กระจ่างแจ้ง..

และ
ยังมีภาพอีกมากมาย
ฝากทั้งดีร้ายให้จำจด
ให้ผมทราบซึ้งถึงรสชาติชีวิตคู่


ฉากร้ายที่ผมเพียรอธิบาย
ให้คุณอย่ายึดมั่นถือมั่นในเนื้อหนังแลความรัก
จนมิพักเหลือเนื้อใจเพียรใฝ่หาทางบุญ


ภาพที่คุณหุนหันด้วยความเสียใจ 
ว่าใยผมราวจะผลักใสให้คุณไกลห่างออกไปทุกทีๆเล่า


คนดี..
เพราะจิตวิญญาณบ้านภายในผมนี้
อยากหลีกลี้พ้นพันธนารัก
แค่มาหยุดพักรักคุณ
จิตผมราวถูกโซ่พันธนา
แทบถอดใจก้าวขาไม่ออก 


ผมเพียงยอมรับผลแห่งวิบากรรมเก่า
แห่งเราสองที่ผมต้องมาพบมารู้จักมารักคุณ 


และผม..หวังว่า
ในเมื่อชาตินี้  โลกใจดีหมุนให้เราได้มาพบเจอ
เป็นคู่ธรรมคู่ทองแล้วไซร้
ไฉนเราจะละเลยไม่พายพากันลอยล่อง
ไปพบฝั่งฝันอันสงบงาม
ดีกว่าว่ายวนหลงกามกรรม
กลางทะเลโลกย์โศกมิรู้สิ้นมิรู้จบ..


คนดี..
ผมแค่เพียรบอกให้คุณอย่ายึดมั่น
ฝันว่าผม...คือเงาคุณตราบวันตาย
หาใช่เช่นนั้นไม่


สักวันไม่ว่าคุณ ..ผม หรือใครก็จำต้องพ่ายต่อสังขาร..
ต้องถึงกาลลาลับดับดวงชีวีชีวิต
และ..
คิดบ้างไหมหลังจากนั้น จิตจะไปไหน
หากเราทุกผู้ไซร้ ไม่เตรียมใจรู้ค่าคำว่า*ตายก่อนตาย*
รู้รักษาศีลบริสุทธิ์สมาธิภาวนา
พาพบปัญญาสู่วิมุติพบทางแห่งความหลุดพ้น


และ
ในโลกนี้หามีผู้ใดหนีพ้นไม่
ในยามตะวันใจจะลาลับดับดวง
เราเกิดมาเพื่อค้นหาค่าคำมนุษย์
 และหยุดทำร้ายกันและกัน


เพียงมามุ่งมั่นสร้างสรรดี
คืนให้โลกนี้ที่ให้แผ่นพสุธาเราได้หยัดยืน
มีเพียงตัวเราเองที่จะเพียรฝึกภาวนา..
และมิช้านานอย่าได้ผลัดวันประกันพรุ่ง


คนดี
ที่ผม...ได้พบได้รู้จักคุณมันแสนมากมีค่า 
ผมยังคงเชื่อมั่นว่าเราสองคือ
คู่ธรรมคู่ทองในหนหลังในปางก่อนย้อนคืนมา
เราถึงได้เกิดมาพบกันรักกันเป็นดั่งมิ่งมิตรสนิทใน
ที่มีแต่ความหวังดีมีน้ำใจห่วงใยมอบให้กันและกัน


คนดี..
ผมหวัง
ให้เราสองใช้เรือศีลสมาธิเป็นดั่งสำเภาทอง
มีปัญญาเป็นดั่งพายทอง
พาลอยล่องเหนือทะเลโลกย์โศกสุข
พบฝั่งฝันงามว่างร้างไร้ทุกข์ตราบชั่วนิจนิรันดร


คนดี..
แล้วนะบัดนี้
ภาพทุกภาพชีวิต
ก็ราวฉากในหนังที่พลันเลื่อนลอยลาลับ
พาให้มาพบกับ...


ฉากสุดท้าย
ฉากลา..อันแสนยิ่งใหญ่ประทับใจ
ฉากที่ผมโอบกอดคุณไว้ในอ้อมแขนแนบแน่น
แล้วกระซิบบอก..ลา..


ผมเตรียมตัวมานานแล้ว
ที่จะบอกคุณว่า...
เวลาสำหรับชีวิตครอบครัว
และความสุขส่วนตัวของเรานั้น
มันหมดสิ้นแล้ว


พระเจ้าเบื้องบนให้ผมมาแค่นี้
และทุกนาทีที่ได้ชิดใกล้คุณ
คือนาทีทองแห่งความหอมหวานทั้งสิ้นทั้งปวง
ที่จำต้องล่วงลาเลย


หน้าที่นาทีแห่งลมหายใจต่อไปภายภาคหน้า
คือหน้าที่อันยิ่งใหญ่ต่อผืนแผ่นดินมาตุภูมิ


 อันแสนยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใดทั้งปวง
สำหรับหัวใจลูกผู้ชายหัวใจไท
ที่จะต้องพลีหยาดเลือดรินสิ้นหยดสุดท้าย
สู้อย่างหาญกล้ายอมตายอย่างหวงแหน
เพื่อรักษาแผ่นพสุธาที่ข้ารัก


ไว้ให้ลูกหลานไทยจักได้หยัดยืนอย่างภาคภูมิทรนง
ว่าไท มิใช่ทาส..มิขลาดอริราชศัตรูผู้หวังมาบีฑาแย่งชิง


คนดี
ผมบอกคุณ อย่าร้องไห้ 
หากผมต้องตายในสนามรบ
เพื่อปกบ้านป้องเมือง


คนดี
คุณรู้ชีวิตผมเคยพึ่งพิงร่มผ้ากาสวพัตร์มายาวนาน
พอที่จะประหารกิเลสทุกสิ่งได้
ให้ดวงใจผมละมุนไหวหวาม
ตามนิยามแห่งคนหัวใจกวี
ที่เรานี้ชอบจับปากกามากว่าปืน


หากทว่ามิใช่เรื่องนี้ 
ที่เป็นหน้าที่
อันหนีไม่พ้นแห่งความเป็นชายชาตินักรบ
ที่จำต้องปรากฎกาย
หมายสู้ข้าศึก 
มิใช่หดหัวอยู่ในกระดองให้พวกมันลำพองใจ
ผมจึงพลีใจปกป้องชาติ อย่างอาจจอง


คนดี
ผมจึงหวังสิ่งสุดท้าย
ในนามลูกผู้ชายที่เกิดมาใต้ชายผ้าเหลือง
แห่งศาสนาพุทธอันเรืองรองผ่องผุด..สอนหยุดฆ่า


แม้นดวงชีวาชีวีผม
จำต้องทำเพื่อพิทักษ์ธรรมธำรงให้ธงไตรรงค์สะบัดไหว
ให้ร่มฉัตรทองร่มเงาธรรมยังดำรงอยู่
ผมก็พลีพร้อมเลือกที่จะทำ
เพื่อประกาศอิสระภาพให้ลูกหลานไทย
ได้หยัดยืนอย่างทรนงในความเป็นไทยมิใช่ทาสผู้ใด


คนดี..
ผมจึงละวางทุกสิ่งไว้ในอุ้งหัตถ์ของโชคชะตาฟ้าเบื้องบน
ที่ทรงจะบันดาลให้ชีวิตผมเป็นไป



จะอยู่หรือตาย
ก็ให้เกิดมาใช้ชีวิตสมศักดิ์ศรีของชายชาติไทย
หัวใจนักสู้ ผู้พร้อมพลีหยาดเลือดหลั่งหล้า
ชะโลมดินชะโลมหล้าจนหยาดหยดสุดท้าย


และ
วิญญาณกวีของผมหามีวันดับสิ้นพร้อมร่างไม่
ในเมื่อจิตใสนะบ้านภายในนั้น
ผู้ใดเล่าจะกล้าเข้ามาช่วงชิง
และ
ผมหวังว่าคนดีจะเข้าใจ
ในทุกสิ่งนี้ที่ผมเพียรพลีชี้แจง
ตามจดหมายที่ผมฝากไว้..
ก่อนการพรากลา


สุดท้ายนะคนดี ดวงใจ..
หวังว่าคุณคงมีสติ
หากจะหลั่งน้ำตาให้ผม..จงหลั่งด้วยความปิติภาคภูมิใจ
และให้ได้เห็นร่างผมมีธงไตรรงค์คลุมไว้ 
อย่างชายชาติทหารหาญ


และ
คนดี
นาทีนับจากนี้ไป 
ผมคงหยุดคิด...
จิตผมต้องพร้อมพลีทุกมโนนึก
เพื่อตรึกตรองทำหน้าที่
คุ้มครองปกบ้านป้องเมือง


อย่าเสียใจ อย่าร้องไห้มากมาย 
เพราะชั่วชีวีคนๆหนึ่งนั้น
ช่างแสนสั้นเป็นยิ่งนัก


จงคิดว่ารักนั้นจักคงอยู่เป็นนิรันดร์
ในดวงจิตวิญญาณมิพรากหายไปไหน


ทุกความงามความดีดั่งแก้วล้ำค่า
ที่ตอกสลักตรึงจิตรักภักด์พลี
ในดวงจิตดวงดีดวงงามนี้แล้ว
และลูกผู้ชายคนดี คนนี้
ที่คุณบอกจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง


หากผมจำต้องพรากลาตามกฎเกณฑ์แห่ง
ชะตากรรมนี้ที่หนีไม่พ้น


คนดี..
ก็ไม่ต้องโศกรานนานเกินไป
ปล่อยให้กาลเวลารักษาใจเยียวยาใจ
และหากชาติหน้ามีจริง
เราคงได้พบกันอีกทุกภพทุกชาติไป 
หากดวงใจรักเรายังมิพ้นพันธนา...
นะแม่ยอดกัลยาแก้วเจ้าจอมใจเจ้ายอดดวงใจ

************



ทะเลจันทร์..ไม่มีน้ำตา
มีเพียงเหว่ว้าหนาวเหน็บใจ
เมื่ออ่านข่าวพบ..
ว่ายอดดวงใจของเธอ


*เป็นหนึ่งในทหารพรานได้สิ้นชีวิต
ในระหว่างการปะทะกันกับผู้ก่อการร้าย
ที่หมายช่วงชิงดินแดนทางใต้
ก่อให้เกิดความแตกแยกสิ้นสามัคคี
นะท่ามกลางป่ายางชายแดนนราธิวาส*


น้ำตามันท่วมทบละหลั่งรินอยู่ภายในราวสายธาร
หากงามดวงใจจำต้องรู้รำงับดับได้ด้วยดวงดอกธรรม
ที่สุดที่รักเคยพร่ำบ่น
ให้เพียรฝึกฝนเอาชนะความทุกข์
ด้วยมรณานุสติเสมอมา
อย่างที่เธอเพียรฝึกไว้อย่างยาวนาน


นับจากนาที
ที่ได้อ่านผ่านตาจดหมายลา
เธอตั้งใจปลงผมสละเพศฆราวาส
หันหน้าเข้าหาวัดสู่สำนักวิปัสสนา
เพื่อละทิ้งทุกสิ่งภายนอก


เหลือเพียงฝากจิตร่าง
ให้พระธรรมนำทางส่องกระจ่างสว่างไสว
ให้จิตภายในดั่งแก้ววิเศษดวงใสโชติช่วงชัชวาล
ไปตราบชั่วกาลกัปป์กัลป์
และอุทิศกุศลแด่รักนั้นอันจักเป็นรักนิรันดร

*************.



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=1965
คู่กรรม   

ช...ดังนรกชัง ฤาสวรรค์แกล้ง
แกล้งทรมาน ให้ฉันได้เจอ
ญ...เกลียดชิงชัง สุดท้ายรักเธอ
แต่พอเผลอ พรากเธอดับสูญ
ช...เวรกรรมหรือไร แต่ปางไหนนั่น
ญ...สุขเพียงชั่ววัน แต่ช้ำทวีคูณ
ช...ให้ห่างไกล สุดฟ้าอาดูร
ญ...สูญสิ้นเธอ ตลอดกาล
ญ...อธิษฐานจิตใจหากเกิดชาติไหน
ช...ฐานันดรใดใด ทุกสถาน
ช-ญ...ดลให้เรา ได้พบเจอเป็นคู่กัน
วอนสวรรค์ ได้ไหม
ช...วิญญาณฉันรอ ที่ทางช้างเผือก
เลือกเธอรักเธอ ได้ร้างลาไกล
ญ...ดั่งหิ่งห้อย เฝ้าคอยจนชีพวาย
ใต้ลำพู รอคู่กรรม

ญ...อธิษฐานจิตใจหากเกิดชาติไหน
ช...ฐานันดรใดใด ทุกสถาน
ช-ญ...ดลให้เรา ได้พบเจอเป็นคู่กัน
วอนสวรรค์ ได้ไหม
ช...วิญญาณฉันรอ ที่ทางช้างเผือก
เลือกเธอรักเธอ ได้ร้างลาไกล
ญ...ดั่งหิ่งห้อย เฝ้าคอยจนชีพวาย
ใต้ลำพู รอคู่กรรม...

 
  


				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด