15 กุมภาพันธ์ 2548 11:46 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=779
(วนาลี)
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=295
(ด้วยแรงแห่งรัก)
................
นอนนิ่งนิ่งแก้มเคลียกิ่งการะเวกไหว
หอมบาดใจดวงเศร้าคราวเย็นย่ำ
เห็นนกไพรโบยบินไปร้าวระกำ
โมกรินร่ำหยาดน้ำตาพร่าพร่างริน..
ใจดวงเศร้าลึกลึกฝึกให้ใส
หากทำไมเหว่ว้ามิรู้สิ้น
ดายเดียวล้ำย้ำหนาวใจชั่วชีวิน
แสนถวิลถึงคนดีที่แสนรัก..
เมื่อรักใครไยจำพรากจากไกลแสน
ราวเดือนแขวนบนฟ้าเหว่ว้านัก
หลงเพียงเงาเขาลอยคอยทายทัก
ให้หลงภักดิ์หลงฝันวันสิ้นลม..
ใจดวงน้อยดวงนิดริบริบหรี่
หนาวใจนี้แสนเหน็บหนาวร้าวขื่นขม
ยิ้มทั้งน้ำตาวอนฟ้าดินสิ้นอินทร์พรหม
ลูกมีลมหายใจทำไมนะ!
**********
ใกล้ค่ำบนระเบียงบน
กับกมลดายเดียวล้ำลึก
กับการะเวกกอใหญ่ที่เลื้อยพันพร่าง
มาโอบกอดร่างมิให้อ้างว้างใจ
มิให้หนาวในนวลเนื้อละมุน
ด้วยกรุ่นกลิ่นหอมพรั่งระร่ำริน
โมกกอพราวห้อยพวงรวงดอกดก
ราวนัดไว้ให้เชยชิดสนิทแนบ
แอบหอมดอมดมเพียงหนึ่งเดียว
และ
เพียงเกี่ยวกอก้านกิ่ง
หวานหอมค้อมคารวะพสุธาไม่นาน
ก็พากันปลิดปลิว
ร่วงโรยโปรยปนเต็มพื้นพราว...
เสียงนกเขาไพรยังร้องขัน
ให้หัวใจหวั่นๆ
คิดถึงวสันตฤดู..รอมาเยือนแย้ม
แต้มเตือน..ให้คิดถึงดุเหว่าไพร..เรไรร่ำ
กลิ่นบุหงาป่านานาพรรณ
เอื้องแซะไม้สวรรค์สีขาวพราวระร่ำริน
มิสิ้นสายสวาทหวามเสน่หา
ยามย่ำสนธยา ณ..ริมวิมานวนา
*พิมานสรวงแสนขวัญ*สวรรค์ไพรสวรรค์ใจสวรรค์บ้านนา
กระท่อมน้อยน้อยพื้นทรายหลังคาจาก
สวาทวนาลีที่คนดีแสนรัก
เททุ่มใจสร้างพลีไว้ให้
*เป็นกระท่อมในฝัน..มหัศจรรย์รัก*
ใกล้เชิงเขา
ในเงาเงื้อมแมกไม้สายน้ำนิรันดร์
อันแสนฉ่ำชื่นระรื่นเย็น
ที่ไหลพรายพร่างแตกฟอง
ตระกองกอดมวลดอกไม้ป่ายามราตรี
ที่กำลังสยายกรายกลีบเกสรสะพรั่งริน
ระริกหวานปานน้ำผึ้งรวง
ให้มวลหมู่ภุมรินทร์ดอมดมพรมจูบไล้ละเมียด
เบียดซุกรุกเร้าเฝ้าเกลือกลั้ว
มิกลัวตายคากลีบหอมของพยอมพิสุทธิ์ไพรพงพนา
เสียงน้ำซัดซ่าเซาะซอก
หว่างผาโตรกธารละหานหิน
แตกกระจายพรายพรมห่มให้ฟังไพเราะ
ราวพลังเสียงดนตรีแห่งธรรมชาติ
อันแสนพิลาสพิไล..
ให้ไหวหวั่น
ให้ฝันหวานแสนหวาน
งามแสนงาม..ในยามผสานสัมผัส
ดั่งแดนสวรรค์สงัดเงียบงาม
ป่าหิมพานต์ที่เหล่านางไม้มาร่ายฟ้อน
อาบอ้อมเริงร่าในสายธารอันแสนหวานใส
มีกรวดทรายไหวพรายพริบราวเพชรพร่าง
ปานประหนึ่งสายน้ำทิพย์..นิรมิตพราย
พร้อมเหล่าสกุณาถลาบินว่อนร่อนภิรมย์
เชยชมอิสราไปทั้งราวป่าราวไพร
ผีเสื้อมากกมาย
สวมกระโปรงลายดอกไม้ไหวร่ายรำ
พลางเกาะกรายสยายปีกประดับ
ผมงามของเหล่านางฟ้านางอัปสร
ให้ย้อนแสงสีทองผ่องอำพันยามตะวันลา
ให้เหล่ารุกขเทวา..อ้อนแอบดู..
เอมอิ่มยิ้มหวานสุขซ่านซึ้งใจ
ไปกับความงามของมวลสรรพสิ่งรายรอบ...
แห่งวนาสวาทสวรรค์ใจสวรรค์ไพร
ไปตราบชั่วดินฟ้าให้ถวิลรักถวิลรอ
และ
ขอเพียงมีดวงจิตนิรมิตงาม
ตามต่อนึกระลึกจับเพียงสิ่งแสนดีแสนงาม
ไปตราบชั่วกาลกัปป์กัลป์..
นะดวงใจแสนแสนรักเจ้าเอย..
จงอย่าได้เมินเฉย..
สร้างจิตใสไหวรับรักในธรรม..ธรรมชาตินะคนดี..ที่รัก..รักรัก..!
**********
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=779
วนาลี
ม.ร.ว. ถนัดศรี สวัสดิวัฒน์ : : Key F
เออเอยวนาลี
คือ วิมาน สมาน รัก
ที่ เราจัก ร่วมเรียง
เคียงคู่ขวัญ
ที่ รักเธอ ยิ่ง นภา
รักดวง ตะวัน
รักยิ่ง กระต่าย
รัก ดวงจันทร์
ใน ราตรี
โอ้ แม่ยอด ยาจิต
วิชุดา เอ๋ย
พี่ ไม่เคย รัก ใคร
มาก เท่า นี้
เธอ เสมือนราชินี
แห่ง วิมานวนาลี
แม่ยอดรัก
ดวงใจของพี่เอย...
ด้วยแรงแห่งรัก
สาว สาว สาว : : Key Eb
สายลมเฉื่อยฉิว
แผ่วพลิ้วพัดพา ความรักมาให้
แนบกลางฤทัย
เราทั้งสอง หมายปองรักมั่น
รักเป็นพลัง แห่งดวงชีวิต คิดสู้ฝ่าฟัน
ได้อยู่ร่วมกัน จวบจนถึงวัน บั้นปลายชีวี
จะอยู่แห่งไหน
ไกลกันสุดหล้า สุดฟ้าธานี
แม้ขุนคีรี จะมีขวางกั้น รักดั้นไปถึง
ด้วยแรงแห่งรัก ชักพาใจให้ ใฝ่ฝันคนึง
แม้ใครฉุดดึง มิอาจหยุดยั้ง รั้งใจฉันได้
เธอ คือดวงใจฉัน คือความฝัน อันแสนพิไล
แม้ เธอ จะอยู่ห่างไกล
ฉันจะตามไป ด้วยแรงรักเอย
จะอยู่แห่งไหน
ไกลกันสุดหล้า สุดฟ้าธานี
แม้ขุนคีรี จะมีขวางกั้น รักดั้นไปถึง
ด้วยแรงแห่งรัก ชักพาใจให้ ใฝ่ฝันคนึง
แม้ใครฉุดดึง มิอาจหยุดยั้ง รั้งใจฉันได้
เธอ คือดวงใจฉัน คือความฝัน อันแสนพิไล
แม้ เธอ จะอยู่ห่างไกล
ฉันจะตามไป ด้วยแรงรักเอย...
14 กุมภาพันธ์ 2548 11:00 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=100
(แต่ปางก่อน)
......................
ตะวันรอน...
ไล้แสงอาบทาบทองทา
ไปทั่วทั้งพุทธมณฑลพุทธานุสรณีย์
เรี่ยนภาเบื้องบน
เบื้องหลังองค์พระพุทธพิสุทธิ์งามแสนงามในยามนี้
ราวรัศมีฉัพพรรณรังสี
สีทองพรายพร่างคลี่คลุมเปล่งประกาย...
ฉายฉานชัชวาล..โชติช่วงเป็นวงทรงกลดรายรอบ
ร่างผู้หญิงในชุดสีขาวผ้าลินิน
ยาวกรอมเท้าใส่หมวกถักลูกไม้สีขาวลายละเมียด
ขับวงหน้าละมุน
กำลังค่อยเยื้องย่างเดินบนทางศิลา
อย่างช้าช้าราวนางฟ้านางพญาผู้ใจดี
ผู้ที่กำลังรอท่าเพียรบำเพ็ญบุญ
ให้หัวใจละมุนรับความว่างสว่างสงบ
นะกลางลานธรรมลานทอง
ลานหอมแห่งงามนวลใจ
ลานกว้างใหญ่เบื้องหน้า..
ที่มี...
พระศรีศากยะทศพลญาณ
ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์
พระพุทธรูป ที่มีพระเกตุมาลา เป็นเปลวสูง
เหนือพระเศียร ทรงห่อจีวรเฉวียงบ่า
พาดสังฆาฏิ อยู่ในท่าย่างพระบาท
และ
มีบัวรองพระบาท
นอกจากนั้นรายรอบยังมี
มีสังเวชนียสถาน แต่ละตำบล
ได้แก่ตำบลประสูติ ตำบลตรัสรู้
ตำบลปฐมเทศนาและตำบลปรินิพาน
มหาวิหารประดิษฐานพระไตรปิฎกหินอ่อน
ลักษณะอาคาร เป็นสถาปัตยกรรมไทย
รูปทรงจตุรมุข ทั้ง 4 ทิศ ใช้
พื้นที่ก่อสร้าง บริเวณเกาะ หลังองค์พระประธาน พุทธมณฑล
ในเนื้อที่ 9 ไร่ มีพระเจดีย์ 9 ยอด
ประดิษฐาน ณ ท่ามกลาง
เป็นที่จารึก พระไตรปิฎก หินอ่อน
ขนาด 1.10 x 2.00 เมตร จำนวน 1,418 แผ่น
มีภาพวาด พุทธประวัติ อยู่ด้านบน โดยรอบ
เริ่มสร้าง ในปี พ.ศ. 2532
แล้วเสร็จ ในปี พ.ศ. 2541
วัดปากน้ำ และสมาคมศิษย์ หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
บริจาคเงิน ในการจัดสร้าง ทั้งหมด
เพื่อเฉลิมพระเกียรติ
และถวายเป็น พระราชกุศล
แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องวโรกาส ทรงเจริญ พระชนมพรรษา 5 รอบ
ค่าใช้จ่าย ในการก่อสร้าง ประมาณ 200 ล้านบาท
แล้วไหนจะยังมี
สวนไม้ดอกไม้ประดับลายไทย
สวนเข็ม หน้าวิหารพุทธมณฑล
พันธุ์ต้นเข็ม ชนิดใบ เล็กแคระ
ปลูกลงใน กระบะลายไทย ตารางเมตรละ 25 ต้น
ใช้เข็มดอกสีแดง 178,166 ต้น
เข็มสีเหลือง 112,249 ต้น
เข็มสีส้ม 67,086 ต้น และ
เข็มสีชมพู 14,285 ต้น
สวนเวฬุวัน สวนไผ่
ทางมุม ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
มีต้นไผ่ กว่าร้อยชนิด มีเนินสระ
และศาลาพักร้อน ซึ่งสามารถใช้ เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ
ในบรรยากาศ อันเป็นกุศล ได้อย่างดี
และเป็น ที่ตั้งของ ศาลาปฏิบัติกรรมฐานด้วย
สวนอัมพวัน (สวนมะม่วง)
ทางมุมทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ปลูกมะม่วง พันธุ์ต่างๆ ประมาณ เกือบร้อยชนิด
สวนธรรม (สวนกระถินณรงค์)
ทางมุมทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรม
หาความสงบทั้งกาย และทางใจ ปัจจุบัน
แบ่งเนื้อที่ สร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ เป็นบางส่วน
สวนลัฏฐิวัน (สวนตาล)
อยู่บริเวณ สังเวชนียสถานปรินิพพาน
ระหว่างทาง เข้าไปสู่ องค์ประธานพุทธมณฑล
สวนสมุนไพร
ปลูกโดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี แห่งประเทศไทย
สาขาวิจัยอุตสาหกรรมเภสัช
และผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ผู้จัดสร้าง
เพื่อรวบรวม สมุนไพรต่างๆ เพื่อการศึกษา วิจัยควบคู่กันไป
มีพันธุ์สมุนไพร อยู่ประมาณ 211 ชนิด
ขณะนี้ ได้จัดสร้าง เป็นโครงการ นำร่อง
เพื่อ ให้วัดทั่วประเทศ ปลูกสมุนไพร
ในวัด จัดตั้งมูลนิธิ
ซึ่ง สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
ได้ประทาน ชื่อว่า มูลนิธิสมุนไพรภัยโรค
ตั้งขึ้นที่ พุทธมณฑลเป็นศูนย์กลาง
นอกจากนั้น
ตามบาทวิถี ระหว่าง ลานจอดรถ 2 ด้าน
ได้ปลูกต้นไม้ พุ่มจำพวก ต้นเข็ม ประดู่ พิกุล
และขนุน รวมทั้งพรรณไม้มากค่านานาพรรณ
............
และ.....
เคียงขนานกับร่างงามมลังเมลือง
ในเรื่อเรืองแสงสายแสนหวาน
ยามย่ำสนธยาต่อราตรี
คือ...
พุ่มดงดอกเฟื่องฟ้าแดงส้มชมพูขาวพราวนวล
พร้อมชวนชมชมชวนอวดพริ้งพราวไร้ใบ
กำลังแข่งกันไสวรับสายลมเย็นย่ำ
พระพายพรายพัดระริน
หมายดับร้อนสิ้นทุกดวงใจ
ในยามสนธยาฟ้าแดงส้มอมชมพู
แกมแถมสีหลากหลายราวเรียวรุ้ง
พุ่งแฉกแหวกม่านฟ้ามาให้ชาวดินทอดทัศนา..
ฟ้าสวย พสุธาพร่างกระจ่าง
ด้วยดวงดอกไม้นานาพันธุ์
นั่นลานฝันลานชมพูพันธุ์ทิพย์
ที่ปลิดดอกพริ้งพราวร่วงปราย
ลงพรายพรมห่มพื้นหญ้าให้กลายสี
เป็นชมพูอมม่วงตามร่วงรวงดอก...พร่างในท่ามกลางเหมันต์ฤดู
นั่นพิกุลพรูพร่างราวเพชรพรม
ห่มหอมหวานไปทั่วทั้งถนน
โน่น..ลั่นทมหรือลีลาวดี
ที่มีแต่ดวงดอกทุกช่อชูชันเป็นแถวทาง
ให้งามเศร้าสดสวยแสนหวาน
ยามหยิบตระการดวงมิหวงลืมแล้วอำลาต้น
ทิ้งกล่นเกลื่อนดวงพร่างพื้นหญ้า
นำมาทัดหูเสียบผม
ให้สายลมรำเพยอวล
ไปฝากยอดดวงใจแสนรักแสนไกลห่าง
ที่มิเคยอ้างว้าง
หากทุกนาทีหัวใจเต้นแสนอิ่มสุข
ในทุกทิวาราตรีที่เรามีกันและกัน
ใช่สำคัญ...
แม้นฟ้าไกลภูเขาใหญ่สูงชันจะกั้นแบ่ง
ก็พ่ายแรงแห่งรักนี้
ที่..มีพลังฝันเคียงกันปันใจได้ในทันที
หากยังมีใจดวงเดียวกัน..
ทั้งขอบฟ้าสายน้ำนิรันดร์
ทั้งไพรพฤกษ์พนา
ทั้งฟ้าแลดินอินทร์พรหม..
มีแต่มาพร่างพรมโปรยพร
ร่วมปิติเกษมเปรมปรีย์ในรักนี้
ที่แสนมหัศจรรย์งามนักงามภักดิ์พลี
งามเกินกว่าที่จะรำพึงรำพันเป็นภาษาฝันภาษาพูด..
เธอ..ก้าวช้าช้า
แสงสนธยาล้อวงหน้านวลหวานแจ่ม
ให้ยิ่งงามแอร่มแจ่มจำรัสกระจ่าง
ราวรูปสลักแต่ปางบรรพ์
ที่พรหมปั้นสวรรค์เมตตา
ใส่ดวงวิญญาญ์ดวงงาม...ดวงให้
ดวงรักทุกข์ทุกความยากไร้เคียงดิน
ทุกสรรพสิ่งธรรมธรรมชาติ
ที่งามเงียบเรียบง่าย
ทุกดวงชีวาที่ได้ชิดใกล้
ได้แนบชิดสนิทใน
ได้พลีน้ำใจมากเมตตา
ให้คำสอนสัจจธรรมที่ล้ำค่า
หากช่วยนำทางใจ
ให้ทุกดวงใจพบไสวพร่างสว่างเย็น
รู้รักเป็นรักให้
ใช้คุณธรรมความดี
พลีแด่ผู้ทุกข์ทนยาก
บนผืนเดินเดียวกัน
มิให้เปลี่ยวเหงา
สิ้นไร้ใครสิ้นไร้ฝัน..สิ้นไร้รัก
และ
นี่คือความรัก
ที่ไร้ชนชั้น
ไร้ช่องว่าง
ไร้ความเป็นเขาเป็นเรา
คือ
งามเงาในเงื้อมแห่งคำสอน
จากพระบรมศาสดา
ที่ทำให้เราซึ้งค่าคำ..*พระยอดรัตนตรัย*
ที่คือมงกุฎรักอันแสนยิ่งใหญ่
แด่มวลพุทธศาสนิกชนไทย
ให้เพียรเดินตามไป...
ในรอยธรรมรอยทอง
อันแสนผ่องผุดพิสุทธิ์พราว
ราว..*บัววิมุตติหลุดพ้นน้ำ*..
จนกว่าจะสิ้นคืนฝันสิ้นวันหนาว..ยาวนานรานร้าว
เลิกรับผัสสะ
ทั้งสุขทุกข์คลุกเคล้าหวานเศร้าดายเดียว
มีเพียงความวาง
ว่างกระจ่างแจ้ง
จนบรรลุ
แสงแก้วแห่งเมืองพระนิพพาน
คือกาลอันไร้ความเคลื่อนไหว
คือจิตใสกายแก้วหยุดนิ่ง...ทิ้งทุกข์ทุกสิ่งทุกอย่าง
พบเพียงพลังพร่าง...จากจิตเกษมภายในนิรันดร์..
มีเพียงความจริงสัจจะธรรม
*คือรักนิรันดร์..
อันคือไร้ความยึดมั่นถื่อมั่น
อย่างรู้เหนือโลกย์โศกสุข
ให้จิตพร่างสว่างสงบพบความสวยใส
งามตระการแก้วแวววะวับวาว
ราวดาวดวงดาราดาระดาษ
ราวดวงดอกมะลิแก้วแพร้วเพริศพรรณราย..
ไร้กายกามกิเลสอีกต่อไป..
เธอ..
ทรุดตัวลงนั่ง
น้อมศิระกราน..กราบองค์พระศรีศากยะทศพลญาณ
ด้วยน้ำตาแห่งความปิติเกษมซึมซึ้ง
ในก้นบึ้งแห่งดวงวิญญาญ์นี้
ที่เธอหลอมรวมดวงจิตรักภักดิ์ พลี
จากยอดดวงใจคนแสนดีแสนงาม..ในห้วงหอมหัวใจเธอ..
ยามนี้
ที่ตะวันดวง..กำลังโรยตัว..โบกอำลาฟ้าทิฆัมพร
มีการนั่งสมาธิภาวนา
เธอ..
อธิษฐานจิตภาวนาภายในใจ
ที่แสนใสว่างกระจ่างแจ่ม
ราวดวงแก้วอัญมณีงาม
ให้ทุกสรรพชีวิตทุกสรรพสัตว์ทุกสรรพสิ่ง
ที่ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
ได้...
เปิดดวงตาภายในดวงตาที่สาม
เพียรพาพบนิยาม
*แห่งความรักในพระธรรม*
มาเพียรสอนฝึกน้อมน้ำใจ ไปจนกว่าจะสิ้นอายุขัย
ให้งามแสนงาม
หวานแสนหวาน..ผ่านร่างรักสนิทเสน่หา
ได้พบ*แดนดินอันแสนยิ่งใหญ่*
มีจิตใสศีลบริสุทธิ์
มั่นคงตรงมั่น
ฝันใฝ่ไปให้ถึง*ความฝันอันสูงสุด*นั้น
ที่มนุษย์นิดน้อยพลันพลอยเห็น
นอกนั้นก็วิ่งเล่นอยู่ริมฝั่ง..ไปตราบอนันกาลกัลปาวสานต์
ขอเพียงเพียร..สร้างพลังใสนิรมิตงาม
ตามไปให้ถึง
มิพึงครวญหวนไห้สักชาติ
หากมีท้อถอย
คอยสร้างแต่สิ่งที่ดีที่ควร...คงมีสักวันที่ฝันเป็นจริง
ดิ่งจิตให้เพียรพบพระนิพพาน..
เธอ...หลับตานิ่งใจดื่มด่ำล้ำลึก
*ในอ้อมหัตถาแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้า*
บัดนั้น...
ก็พราวพร่าง
ด้วยดวงดอกมะลิแก้วแพรวพราย
พร่างพรมห่มหอมท่วมศรีษะของเธอคนดี
และทุกผู้...ที่เป็นที่รัก..แสนแสนรัก
ที่ยึดมั่นในธรรม
ในคำสอน
มิสิ้นเพียรภาวนา
ลงมาอย่างมิขาดสาย
จากพรายพริ้มอิ่มบุญพระโอษฐ์งาม..ในท่ามสามโลก..
ให้ทุกข์ทุกดวงใจพุทธพุดหยุดโศกตรม..เสียที..
ตราบชั่วชีวีนิรันดร..กาล........
***********************
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=100
แต่ปางก่อน
ช...รอ คอย เธอมา แสน นาน
ทรมาน วิญญาณ หนักหนา
ระ ทม อยู่ใน อุ รา
แก้วกานดา ฉันปองเธอผู้ เดียว
ญ...เธอเอย แม้เราห่างกันแสนไกล
ชาย ใด ดวงใจฉันไม่แลเหลียว
รัก เธอ แน่ใจจริงเชียว
รัก เธอ รักเดียว นิรันดร์
ช...แม้ มี อุปสรรค ขวาก หนาม
ญ...ขอ ตาม มิยอมพลัดพรากจากกัน
ช...จะชาติไหน ไหน ไม่ยอมห่างไกล กัน
ญ...ดวงจิตผูกพัน รักมั่นมีไว้เพียงเธอ
ช-ญ....คง เป็น รอยบุญมาหนุน นำ
รอย กรรม รอยเกวียนหมุนเปลี่ยนเสมอ
ให้ เรา ได้มา เจอะ เจอ
ฉันและเธอพบกันร่วมสุขสมดังรอคอย
ช...แม้ มี อุปสรรค ขวาก หนาม
ญ...ขอ ตาม มิยอมพลัดพรากจากกัน
ช...จะชาติไหน ไหน ไม่ยอมห่างไกล กัน
ญ...ดวงจิตผูกพัน รักมั่นมีไว้เพียงเธอ
ช-ญ ...คง เป็น รอยบุญมา หนุน นำ
รอย กรรม รอยเกวียนหมุนเปลี่ยนเสมอ
ให้ เรา ได้มา เจอะ เจอ
ฉันและเธอพบกันร่วมสุขสมดังรอคอย...
29 มกราคม 2548 12:24 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=200
(ในฝัน)
...................
นวลบุญ..
กำลังเอนกายลงนอนบนเตียงไม้ไผ่
ในกระท่อมพิมานสรวงแสนขวัญอย่างช้าช้า
ที่มีฟูกอัดนุ่น ปูผ้าสีขาวสะอาดสะอ้าน รอรับร่าง
มีหมอนสองใบที่ริมหมอนยังหอมกรุ่น
ด้วยดวงดอกลั่มทม ราวรับรู้ระทมระกำล้ำลึก
ภายในดวงใจดวงรานดวงหวานซ่อนซึ้งโศกดวงนี้
ที่กำลังดายเดียวสุดทน..แล้ว
เธอ..คนดี..
นอนนิ่งงัน..กับทุกสรรพสิ่ง
มีเพียงเสียงจิ้งหรีดเรไรนกไพร
ร้องหวานแว่วแผ่วมาราวรับรู้ซึ้งโศกสะเทือนแทน
ในท่ามแสงตะเกียงวูบไหว
กับชายมุ้งไหวระบัด
ที่เธอค่อยๆผูกเก็บชายขึ้นไว้อย่างเรียบร้อย
มีเพียงโต๊ะเล็กริมหน้าต่างกับลั่นทมดอกงามสะพรั่ง
กำลังบานพราวอวดดอกหวานเศร้า
ให้ยิ่งหนาวใจในทุกราวกิ่งราวใจให้ยิ่งเงียบงาม
น่าแปลกนัก
ที่ในราตรีเงียบงามนี้
ผู้หญิงที่เจ้าน้ำตาเหมือนเด็กขี้แย อ่อนแอ อ่อนหวาน
ด้วยนวลใจรับรานเศร้าดายเดียวได้ง่ายดายนัก
กลับ..สิ้นไร้น้ำตา...
เสมือนเคยมีคนกล่าวว่า..แสนจะน่าเป็นห่วง...
หากวันใดที่หัวใจดวงนวลละมุนสลาย!
คล้ายแม้นน้ำตาก็มิอาจหลั่งริน
นั่นคงหมายถึงความสูญสิ้ถวิลเทวษเหลือคณานับ..
เธอ..
เห็นบุหลันงาม...
ลอยดวงเด่นเหนือทิวเขาสลับซับช้อน
แห่งไพรพฤกษ์พงพนา
ที่ซ่อนตัวหลับลึกหลีกเร้น
จากความวายวุ่นของเมืองหลวง
ในท่ามกลาง*กระท่อมพิมานสรวงแสนขวัญ*
กระท่อมที่ก่อเกิดในพื้นพิภพนี้
ที่มีเพียงสองแห่งในหล้าโลก
ด้วย*นามแห่งความรักภักดี*ระหว่างเราสอง..
ด้วยน้ำพักน้ำแรงของ..
ยอดรักยอดหฤทัยของเธอ
*ภาคย์*
คือนามแห่งเทวดา
ผู้หอบรักแท้รักนี้รักพลีภักดิ์เดียว
มามอบให้แด่เธอ...
ผู้ฝังตัวปลีกร่างห่างไกลจากแสงสีศิวิไลซ์
ห่างไกลจากใจผู้คนในโลกวัตถุทุกข์ทนมากมายวายวุ่น
ราวอยู่ปลายโลกร้างลำพัง
อันแสนงามเงียบเรียบง่าย
ที่เธอและเขาพอใจที่จะเลือกมาใช้ชีวิตด้วยกัน..
เขาคนดี
สุภาพบุรุษชาติไพร
ที่มีหัวใจดวงธรรมดวงทองอันผ่องผุด
ที่บานพราวราวดอกบัวแก้วพิสุทธิ์
ลอยเหนือโลกย์นิรพาน
เขา....คนดี!
ที่สอนให้เธอได้เรียนรู้รัก
รับตระการดอกไม้หวานบานพราว
*ราวอัญมณีเพชร*
ที่พรายพร่างช่วงโชติชัชวาลย์
หวานแสนหวานงามแสนงาม
มาส่องกระจ่างนำเส้นทางใจเส้นทางจิตเส้นทางชีวิต
ให้เคียงคู่จับมือกุมกันไปในเส้นทางธรรมเส้นทางทอง
เพื่อลอยล่องพานาวาทองแห่งชีวิต
ไปสถิตทอด
*เป็นดั่งรักนิรันดร์*
ในอาณาจักรแห่งพระนิพพาน
แดนดินที่มิไกลห่างหากมีกุศลทานมากบารมี
เพียงเพียรให้พอ
ด้วยการรักษาศีลบริสุทธิ์ฝึกสมาธิภาวนา
จะเกิดดวงปัญญาฉายฉานชัด
แจ่มจำรัสราวนิรมิตจับจิตใสว่าง
จนพบวิมุตติหลุดพ้นทาง
แห่งการเวียนว่ายตายเกิดนับอสงไขยชั่วกาลกัปป์
เขาคนดี ...เทวดาแห่งภักดิ์พลี
ที่มาสอน..
ให้รู้ค่าคำ*รักด้วยจิต*
อันล้ำลึกเหนือโลกย์โศกสุขนี้
ที่มิหวังครอบครองแค่เนื้อหนัง
ที่มินานวันก็จะเน่าเปื่อยหลุดร่วง
เป็นหนึ่งเดียวกับธุลีหล้าฟ้าแลดิน
แลบางทีอาจสูญสิ้นสลาย
กลายร่างงามเป็นเหยื่อเต่าตมเสียก่อน
หากประมาทและพบกับการหลับไม่ฟื้นตื่นไม่ได้แล้ว
ฝึกคำตายก่อนตาย
การใช้ชีวิตไม่หลงยึดติดยึดมั่น
ให้มีมรณาณุสติกำกับใจกายมิให้ประมาท
และ...
เพียรวาดวงชีวี
ให้ใช้เวลาทุกนาที
กับลมหายใจนี้ที่พลีพร้อมยังประโยชน์
เพื่อผองชนคนทุกข์ทนยาก
อีกมากมายนัก
ที่เกิดมา
เป็นเพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
ให้รู้ซึ้งถึงค่าคำล้ำเลอเลิศ
*ปาฎิหารย์รักมหัศจรรย์รอ*
มาโบกโบยความงาม
แลมาสอนให้เชื่อมั่นศรัทธา
รู้ค่าแห่งความงามความดีพลีจิต
อุทิศชีวิตเพื่อแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง..
ที่เราผองได้พากันหยัดยืน..ในผืนดินอันงามอุดม
ทั้งด้านจิตวิญญาณและทรัพยากรธรรมชาติ
ราวฟ้าบันดาลสวรรค์เมตตา
นวลบุญ...
รัก..*กระท่อมพิมานสรวงแสนขวัญ*
ที่ราวสวรรค์เรียบง่ายลอยลงมาเยือนหล้า
บ้านป่าบ้านไพร
ที่มาสอนให้เข้าใจ
ถึงวิถีงามแห่งการพึ่งพาพึ่งพิง
ได้เอนอิงอ้อมจิตอ้อมใจไปกับธรรมชาติงาม
รู้รักความพอดีพอเพียง
ทุกสิ่งภายนอกในโลกนี้ก็เพียงแค่นี้แค่นั้น
หากจิตใสภายในรู้อิ่มทิพย์อิ่มฝันอิ่มสุขอิ่มงาม
ก็ราวอัญมณีพร่างพราว
ไร้ความต้องการมายาวัตถุใด
มาต่อเติมมาเพิ่มสุขเพียงภายนอกอีกต่อไป
ที่แค่หลอกให้หลงยึดมั่นถือมั่น
หลงฝันหลงเพ้อละเมอวนว่ายในวิบาก
เทวดา..เดินดิน...ที่เธอแสนรัก
สร้าง*กระท่อมทับแห่งรักนิรันดร์นี้*ด้วยน้ำพักน้ำแรง
ด้วยแรงรักภักดีที่เธอแสนภาคภูมิปิติ
ที่เขาบอกชั่วชีวิตนี้
เขามีเธอเท่านั้น
ที่จะจำตราติดตรึงไปตราบชีวิตจะหาไม่..
ที่ช่างแผกคิดพิเศษพิสุทธิ์นัก
กระท่อมไม้ไผ่หลังย่อม
มุงด้วยจาก ที่ภาคย์คนดีที่แสนรัก
เพียรเลือกใบจากแต่ละใบด้วยตัวเขาเอง
ก่อนที่ผู้เฒ่าในหมู่บ้าน ผู้แสนอารี
รับปาก เต็มใจทำหลังคาจากให้กับเขา
โดยไม่รับค่าตอบแทนแม้แต่บาทเดียว
ไม้ไผ่ที่เรียงรายขนาน
ไปกับสายน้ำที่หล่อเลี้ยงหมู่บ้านแห่งนี้
น้องชายคนดีหัวใจซื่อ
ที่เขาแสนถูกชะตา อาสาตัดให้เขา
และ
ลำเลียงมาส่งให้ถึงกระท่อม
โดยให้ญาติช่วยกันแบกไม้ไผ่มาส่งให้ถึงที่
นวลบุญ
รำลึกด้วยน้ำตา
วันที่...ภาคย์โอบกอดเธอไว้ในวงแขนอันแน่นหนัก
ด้วยรักภักดี
และกระซิบริมหูว่า
คนดีครับ...
ผมจะสร้าง
*กระท่อมรักนิรันดร์ที่นี่นะ
*ชื่อพิมานสรวงแสนขวัญ*
เพราะผมรู้ดีว่าคุณต้องชอบที่นี่
คนดีรู้ไหมที่นี่
มีแต่ผู้คนเอื้ออารีเอื้อเฟื้อแบ่งปัน
ระหว่างกันภายในหมู่บ้าน
ใช้ทรัพยากรธรรมชาติร่วมกัน
หากไม่ใช่สักแต่ว่าใช้
พวกเขายังช่วยกันอนุรักษ์ฟื้นฟู
ดูแลเพื่อเก็บรักษาไว้ให้ลูกหลานต่อไป
ยอดรัก
มองที่โค้งฟ้าสิครับ งามนักงามหนา
ยามวสันต์ลา
ฟ้าใกล้ค่ำ
หรือ...
วันที่บุหลันลอยดวงอวดอรชรอ้อนสองเรานะดวงใจ
ที่เราจะประคองเคียงกันชี้ชม
บนเปลยวนหน้ากระท่อม
ที่ผมจะผูกไว้ให้เราสองได้เบียดซุกแอบอกอุ่น
อิงแก้มแลกหอมให้แก่กันและกัน
เป็นระยะยามคลอเคลียเฝ้ามอง
คนดี..ดวงใจ
ผมรู้นะครับ
คุณรักสถานที่สงบ สันโดษ เรียบง่าย
ซึ่งเต็มไปด้วยความงดงามแห่งวิถีธรรมชาติ
คนดี..ครับ
ฝันของยอดรักยอดดวงใจของผมกำลังจะเป็นจริง
คือสิ่งที่ผมพลีได้เพื่อคุณยกเว้นดาวเดือน
ผมจะสร้างกระท่อมนี้
ที่ไม่มีพื้น เป็นไม้
หากใช้ทรายละเอียดเป็นพื้น
ที่ผมจะหาบหามาเองจากแม่น้ำก่อนใส่
ด้วยตาข่ายสีน้ำเงินชนิดละเอียด
เพื่อให้ได้เม็ดทรายละเอียดที่สุดเท่านั้น
ก่อนโรยกรวดไว้เต็มพื้นกระท่อม
และ...
ผมจะบรรจงเรียงหินกรวดมนจากแม่น้ำ
ที่เช้าตรู่ทุกวัน
ผมจะไปเดินลุยลำธารน้ำใส
เพื่อคัดเลือกหินกรวดมนแต่ละก้อน
ด้วยหัวใจละเอียดอ่อน
ที่ผมจะวางเฉพาะจุดที่เป็นทางเท้าสำหรับ
เดินในกระท่อมเท่านั้นครับคนดี
นวลบุญ..
เศร้านัก..!
หากในวันนี้เธอรู้ดี
คืนวันแสนดีแสนรักระหว่างกัน
ที่ได้ผูกพันถักทอ
ด้วยรักด้วยเข้าใจก็เกินมากพอ
ที่จะตราจำหวาน
ให้เธอทบทวนด้วยความงามความภาคภูมิใจ
ในรักอันแสนยิ่งใหญ่เหนือคำบรรยายนี้
ที่เธอแสนโชคดี...
ได้พบได้รักได้ภักดี
ได้มีคืนวันที่แสนดีแสนงาม
ยามเคียงข้างประคองได้ใช้ชีวิตร่วมกัน
คืนวัน..
ที่มีแต่คำหวานคำรัก
เฝ้าคอยทนุถนอมห่วงใยกันและกัน
ปันแบ่งทั้งทางโลกทางธรรม
เพื่อน้อมนำชีวิต
ให้งดงามเตรียมผ่านภพภูมิรักนิรันดร์
มิพัก..
พรากจากแล้วจากเล่า
รักแล้วรักเล่า
เฝ้าแต่โหยหาคร่ำครวญ
ยามอีกฝ่ายจากไปไม่หวนคืนกลับมาอีก...
ยอดรัก
นวลบุญ..กำลังหลับตา
และในเวิ้งฝันอนันตกาล
นวลบุญ
พาร่างตัวเองไปเคียงกับคุณแล้ว
*ในดอกบัวแก้วนิรมิตแสนงามจิตงามใจ*
สองดวงใจคงมั่น*หลอมรวมรักภักดี*
แล้ว
ก้มศิระลงกรานกราบ
เบื้องหน้าพระพุทธองค์
ด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้งปิติเกษม
พร้อมกันแล้วนะบัดนี้
ก่อนที่จะหันมายิ้มหวานฉ่ำเย็น
ให้แก่กันและกันนะยอดรัก
*ในอ้อมภักดิ์แห่งรักนิรันดร์*
*ในนามแห่งรักนี้*
ที่จะไม่มีวันพรากลากันอีกต่อไป
ตราบนานแสนนาน
ตราบจนชั่วกาลกัปป์กัลป์...ที่มิมีวันจะสิ้นสลายลา!
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=200
ในฝัน
ทูล ทองใจ : : Key Dm
หากฝันว่าฉันและเธอ
ละเมอความรักร่วมกัน ทุกๆ วันแสน สุขฤทัย
หากความรักนั้นหนักเหลือ
แนบเนื้อเชื้อ รักดังไฟ ฉันขอตายบน ตักนาง
หากเราได้รักร่วมกัน
ผูกพันกระสันแน่นเหนียว
ขอรักเดียวไม่ จืดและจาง
หากเป็นดั่งเช่นที่หมาย
จะตายฉัน ไม่ขอห่าง
ขอรักนางเนื้อนวลแน่นอน
มอบ ใจ และกาย ทุกสิ่งมั่นหมาย
ถึงตัวตายไม่คลายรักก่อน
สู้ ทน อ้อนวอน ยอมฝันแม้ยามหลับนอน
ทนกอดหมอน นานมา
หากฝันฉันไม่หลอกหลอน
ตื่นนอนคงพบหน้าน้อง สมดังปองใจปรารถนา
หากเป็นดังเช่นที่หมาย
จะตายฉัน ไม่นำพา ขอบูชาน้องนางแน่นอน
หากฝันฉันไม่หลอกหลอน
ตื่นนอนคงพบหน้าน้อง สมดังปองใจ ปรารถนา
หากเป็นดังเช่นที่หมาย
จะตายฉัน ไม่นำพา ขอบูชาน้องนางแน่นอน...
30 ตุลาคม 2547 14:25 น.
พุด
url=http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=5820
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=6192
(ความฝันอันสูงสุด)
****************
ปริม..
กำลังนั่งอยู่ตรงนี้
ตรงหน้าลูกผู้ชาย*คนดีศรีอยุธยา*
ผู้ชายผิวคร้ามแดดและนัยน์ตาโศก
ผู้ชาย
ที่ทำให้โลกหยุดหมุนราวย้อนยุคย้อนรอย
สู่อดีตเมืองเก่าของเราแต่ก่อน
ให้ย้อนคิดไปถึงภาพ
ในอาบเอื้ออาทรอาวรณ์อาลัย
*ถึงลูกผู้ชายไทยชายชาติทหาร*
ที่กำลังเปลือยร่างท่อนบน
ปล่อยให้ผิวคร้ามแดดนั้นสุกปลั่ง
ด้วยหยาดเหงื่อที่ผุดพรั่งหยาดรินอย่าง
เททุ่มทุกพลังบรรเลงเคี่ยวกรำฝึกฝนเพลงดาบเพลงรบ
พร้อมออกทัพ..จับศึกกับพม่าข้าศึก
ที่จักให้สำนึก
หลั่งน้ำตารินรดหยดบนหลังเท้า..*ว่ามาผิดที่*
ตราบจนถึงวินาทีสุดท้าย
จนสายเลือดสิ้นหยาด
ว่าอย่าได้หมายมาดแม้เพียงคิด
จะมาข้ามศพลูกผู้ชายชาติไทย
หัวใจสิงห์หัวใจไทใครสักคนในผืนดินทองแห่งนี้
ที่จะยอมพลีทั้งร่างใจ
ยอมพลีสิ้นจิตวิญญาณ
เพื่อรักษาผืนแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง
ไว้ให้ผองลูกหลานไทยได้ภาคภูมิ..
ได้หยัดยืนอย่าอิสรา..มิเป็นข้าเป็นทาสใคร!
ค่าที่เขาคนดีคนนี้นั้น
คือพี่ชายแสนน่ารักนัก
ที่มีรูปลักษณ์ดั่งชายไทยโบราณ
และ...
งามด้วยบุคลิกภาพชายในฝันในดวงใจ..
หากทว่าสำหรับปริม..
หาใช่เรื่องแปลกเรื่องเปลือกไม่
ที่ใจต้องห่วงพะวงหา
เพราะว่า
รู้จักรู้ใจเขามานานแสน
หากเป็นเรื่องงานมาก่อน
ที่ต้องมานั่งท้าวแขนแสนอ่อน
ฟังความ..ในคอนโดหรูคู่เคียงอ่าวสิงคโปร์
ที่มีสิงโตพ่นน้ำเป็นฉากงามอยู่เบื้องหน้านั่น
รับกับไฟพร่างพรึบพราวของราวตึกราวเมืองสวรรค์
และทำให้ปริม..
ต้องบินด่วนมาถึงนี่
สิงคโปร์..
บ้านหลังที่สองของปริม..
มานานเนาเช่นเฉกเดียวกัน
บ้าน..
ที่มีเส้นทางสายฝนสายฝันให้ดวงใจสงบงาม
ในทุกยามรำลึก..
ให้ปริม..
มารับฟังงานออกแบบบ้าน
ที่แผกคิดพิเศษพิสุทธิ์
หากทว่างามง่าย
เพราะเจ้าของคือ
สถาปนิกที่เป็นชาวเมืองเก่าของเราแต่ก่อน
พี่ชายที่ปริม..
แสนรักและนับถือคนดีคนนี้
ที่แสนหล่อล่ำ
ก่อนจะจบจากมหาวิทยาลัยหน้าพระลาน
แล้ว
จากจรไปจบมหาวิทยาลัยเยลในอเมริกา
และในที่สุดกลับมาใช้ชีวิต
ที่ประเทศสิงคโปร์นี้
ที่นานพอกันกับบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง
ปริม..
ได้รับโทรด่วน
บอกถึงเวลาอันควรแล้ว
ที่จะเป็นผู้ช่วยสถาปนิกควบคุมงาน
เพราะ
เจ้าของบ้านมิสามารถทิ้งงานอันรัดรึงตรึงมือฉมัง
ในการออกแบบโครงการหลายร้อยล้านพันล้าน
แห่งแผ่นดินสิงห์โตทะเลพ่นน้ำมาได้
พี่ชายคนดี
จึงมอบหมายด้วยไว้ใจ
ให้ปริมทำหน้าที่แสนจุกจิกใจนี้แทน
ให้คุมช่างทำตามแปลน
ที่คาดว่าช่างจะแสนงง หลงทางคิด
ว่านี่กำลังจะก่อสร้างวัดโบราณหรือว่าบ้านกันแน่
ค่าที่แปลนบ้านหลังนี้นั้น
จะมาปลูกฝันปันหอมหวานริมแม่น้ำอยุธยา
เป็นบ้านที่สวยมาก สำหรับปริม..
เพราะบ้านหลังนี้
พี่ชายคนดีตั้งใจออกแบบ
สร้างประยุกต์
ให้กลมกลืนและสอดคล้องกับวิถีไทย .....
ที่เคยสงบงาม เรียบง่าย ริมคลอง
ที่เคยมีเรือพายมาขายของ...
แม้แต่ต้นไม้ ใบบังก็ยังคงเก็บรักษาไว้
ห้องน้ำแลลอดเห็นดาวเดือนเกลื่อนฟ้า
บ้านก่ออิฐเปลือย
ให้พันธุ์ไม้เลื้อยคลุม...ราวบ้านร้าง สร้างไม่เสร็จ
เพราะตั้งใจรักษา ทุกอย่าง ให้งามกลืนไป
ไม่เบียดเบียนธรรมชาติ
ที่เคยร่มรื่นชื่นใจ ชื่นตา แต่ไหนแต่ไรมา....
เป็นวิถีไทย ในชนบท ที่งดงาม
ราวมีขุมทรัพย์นับแสน
ไม่ต้องวิ่งไปเสาะแสวงหา อย่างไร้ที่ติ
ที่ธรรมชาติช่างมีเมตตา
หยิบยื่นให้แก่ ผู้รู้ค่า ผู้รู้รักและเข้าใจในงามนั้น.....
พี่คนดีอธิบาย
ถึงมโนภาพที่สร้างแรงฝันบันดาลใจว่า
ยามพระอาทิตย์ตก
จะได้ยินเสียงนกกาพากันขับขาน
ราวอยุธยาเมืองเก่าก่อนลอยเลื่อนฟ้ามาเยือน
ให้แย้มยิ้ม..ลืมสิ้นโลก
และ
ชีวิตที่วายวุ่นไร้สิ้นสุข แบบวิถีคนเมือง....
ที่อึงอลสับลน จอแจแต่กับเสียงรถรา
และ
การจราจรที่บ้าคลั่ง แข่งกันจะกลับรังของตน
เฉกเช่นนก.....หลงทาง...สิ้นหวัง สิ้นทางเลือก
จำต้องกระเสือกกระสนทนอยู่......ไปวันวัน...
ไหนจะในยามเช้าตรู่
ก็ต้องพรูพรั่งออกมาจากรัง เวียนวน
จนกว่าชีวาจะลาลับดับสิ้นไป..
และในยามค่ำ
กับจันทร์แจ่มดวงทอแสงสุกปลั่ง
ราวลูกจันทร์สีทองแขวนฟ้า
จะนอนนอกชานกว้าง
ไม้กระดานแผ่นโต
นับดาวพราวฟ้า พาใจให้
ละมุนด้วยกลิ่นดอกไม้ที่หอมร่ำ
ให้ไหวหวามและแสนอิ่มสุข
ราวน้ำคำพร่ำฝากให้เรานั้นฝันถึง
พาใจให้ใสเย็น ชื่นฉ่ำ
ราวได้หยาดน้ำค้างกลางเวหาหาว
ร่วงพราวมากับดาวดวงโต..สุกปลั่ง....
และ
ยิ่งชื่นฉ่ำ..ฉ่ำชื่น
ถ้าคืนนั้นฝันเป็นจริง
มีใครสักคนเคียงคู่ ดูดาวเดือนไปด้วยกัน.....
พาหลับไหลไปด้วยความหวาน..หวาม ....ชื่นใจ..ไหนจะเทียม
ปริม..
ภูมิใจในงานนี้
งานที่เราคนในวงการเดียวกันแสนจะเข้าใจ
ถึงความฝันถึงความบันดาลใจ
ถึงไอเดียอันยากยิ่งที่ผู้ใดจะตามทัน
ปริม..
จึงคลี่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อ
พี่ชายพยายามร่ายยาวถึงรายละเอียด
พร้อมอวดภาพเปอร์สเปคทีฟให้ดู
พร้อมย้ำ งามมั้ยๆบ้านในฝันที่กำลังจะเป็นจริงของพี่
*งามค่ะ งามมากกกก*
ปริม..
พยายามลากเสียงปนหัวเราะ
งามแบบแปลกพิสดารค่ะ
รับรองใครที่ผ่านมาต้องมาเมียงมองว่าพี่
มาแอบอาศัยในวัดร้างอย่างแน่นอนเลยเมื่อแล้วเสร็จค่ะ
และ
คงแสนจะแปลกใจ
หากรู้ว่าคนในโลกนี้ทำอะไรประหลาดๆค่ะ
ที่เอาเงินหลายล้าน
มาวาดฝันเนรมิตรสร้างบ้านให้เก่าย้อนยุค
ยิ่งเก่ายิ่งขลังให้ยิ่งวังเวงเหว่ว้าเดียวดาย
ให้งามเงียบแสนสุขสมถะสงบใจ
ที่ใครหนอจะเข้าใจ
ว่านี้คือยอดไอเดีย
ที่กลมกลืนผสานผสม
ทั้งร่างใจและจิตวิญญาณภายในของเจ้าของ
ที่เคยเติบโตเติบงามมาในยามวัยเยาว์
และ
ซึมซึบประทับใจในวิถีเก่าเดิมอันแสนเคยคุ้น
หอมกรุ่นตระการในงามเงาอดีตที่อยากย้อนคืน
ปริม..
ยิ้มหวานเอาใจอย่างเข้าใจ
และเข้าใจ
พี่ชายคนดี..หัวเราะแบบรู้ใจในทีกัน
ฉันท์น้องพี่มายาวนาน
รับรองค่ะ
ช่างคงไม่คิดหนีทิ้งงานไปกลางคันค่ะ
เพราะ
หลงคิดผิดแต่แรกว่า
ขั้นตอนบ้าน
ที่ไม่ต้องฉาบปูนนั้นแสนง่าย
หารู้ไม่ว่ารายละเอียดการก่อสร้าง
ให้ละม้ายแม้นบ้านเก่านั้นแสนจะยากยุ่ง..ยิ่งกว่าเสียอีก
ปริม..
พูดไปขำไป..
และ
ปริมคงต้องเตรียมใจ
เตรียมใส่หมวกกันน๊อคป้องกันภัยไปคุมงานค่ะ
ไม่ใช่กลัวอะไรตกมาใส่ดอกนะคะ
กลัวว่าช่างจะโกรธมากกว่า
ที่ไปจุกจิกให้เป็นไปดั่งแบบ
และแอบเอาก้อนหินขว้างใส่หัวเอาค่ะ
ปริม..
จึงเพียรตั้งใจฟัง
และหวังว่า
ไม่นานนี้
บ้านราววัดโบราณนี้จะงามปรากฏ
ในหนังสือระดับชาติ
ฝากให้ร่ำลือผลงานอันงามง่ายหากทว่า
แสนลึกล้ำในความคิด..
แผกพิศพิเศษ
มิแยกวิถีชีวิตจากธรรมชาติดินดิบเดิม
ปริม..
บินกลับมา
หลังจากพาตัวเอง
เที่ยวท่องออชาร์ดโร๊ดอย่างดายเดียว
ที่แทบหลับตาเดินได้
ข้ามเคเบิลคาร์ไประลึกอดีตเสียนิด
แวะทักทายเพื่อนสนิทเสียหน่อย
แล้ว...
ก็ค่อยๆลอยละลิ่วปลิวกลับมากับนกยักษ์ลำใหญ่
ที่ย่อโลกกว้างทางไกล
ให้กลับมาถึงกรุงกรงมิหลงทางภายในสามชั่วโมง
ปริม..
เก็บข้าวของและ
นอนงีบหลับไป
ในเตียงโบราณม่านมุ้งขาวไหวระบัด
รับสายลมยามเย็นรินร่ำ
และ
กับสายแสงแห่งดวงตะวันยามโพล้เพล้
กับเหว่ว้าอวลหอมหวานเศร้าร้อยรัดรึงใจ
ในเรือนไทยเรือนจำปี
เรือนริมน้ำหลังที่แสนงามของปริมเอง
ที่คือวิมานดินวิมานไพร
ชวนให้หลับไหลอย่างแสนสุข
ไปกับงามดอกลั่นทมจำปีจำปา
และกับดวงดอกการะเวกเหว่ว้า
ที่มีคนรู้ใจ
เด็ดมาวางเคียงใกล้หมอน
ให้นอนนุ่มอวลนวลเนื้อใจในทุกราตรีมิขาดเลย
ปริม..
หลับตาก่อนที่จะทำสมาธิให้หลับลึก
หากในจิตปริม..นั้น
พลันกลับผุดคิดนึกถึงแบบบ้านในฝัน
อันงามย้อนงามอ่อนโยนราวเป็นภาพจริงแล้ว
ปริม....ทอดถอนใจยาว
ค่อยประคองน้อมสติมารวมกันแล้วเพียรภาวนา
ท่องพุทโธๆ
กำหนดลมหายใจยาวสั้นอย่างช้าๆช้าๆ
ค่อยๆใช้สมาธิตามลมให้ทัน
ให้ละเมียดละไมให้ละเอียดลึกลงๆ
จนเริ่มบางเบาๆ
พลางราวพาร่างจิต
ท่องไปในนิทรา
อันสิ้นไร้ฝันฝันฝันอันแสนหวานหวานหวาน
หากทว่า...
กับราตรีนี้..ไยเล่า..
ให้จิตกลายกลับมารับรู้รับเศร้าโศกสะเทือน
มาเตือนจิต
ในภวังค์พะวงฝันมหัศจรรย์รักมหัศจรรย์นัก
ให้ปริม..ไยมารับรู้รับฝัน
ที่รานร้าว
ที่ช่างเศร้าแสนเศร้าด้วยเล่าเจ้าดวงใจอันไหวละมุนงาม
ฉากฝัน
ที่แสนโศกสะท้านสะเทือนใจ
ให้หัวอกหัวใจ
ตระหนกอกสั่นขวัญหาย
ให้ตกใจตื่นในยามค่ำเลยแล้ว
ที่ยังแว่วได้ยิน
*บทเพลงแก้วสายน้ำนิรันดร์*ยังคงแว่วหวานมา
ที่ยังคงบรรเลงครวญคร่ำ
ที่เปิดรินร่ำไว้พร่างพรมห่มหอมห้วงใจ
ให้รับไหวหวามก่อนจะเข้าสู่ภวังค์นิทรา
.
กับดวงดอกแก้วพร่างกระจ่างเหว่ว้า
ที่กำลังได้รับพร่างฝนพรำในนาทีนี้
กับแสงเทียน
ในโคมตะเกียงโบราณยังระบัดวูบไหว..วูบไหว..
แสดงว่าปริมแค่งีบไปในนิทราไม่นานเอง
และ
นิทราที่ฝันเห็นนั้น
คือ...
ภาพฝันภาพนิมิตแสนงาม
ยามที่ตัวเองห่มสไบนวลสไบแพร
นั่งอยู่ในโบสถ์คร่ำ
หน้าพระพักตร์พระพุทธองค์โตงามปลั่ง
ที่กำลังนั่งเคียงข้างเคียงไหล่กันกับผู้ชายคนหนึ่ง
ที่ดูแสนตรึงเศร้ากร้าวแกร่งราวทหารหาญ
ในเสี้ยวหน้ารำไรรับไรแสงเทียนทองสุกปลั่ง
ให้พลังอันอบอุ่นอ่อนโยนเป็นยิ่งนักแล้ว
และ
วะแว่วแผ่วเสียงสวดมนต์ภาวนา
คล้ายภาษาบาลีโบราณที่แสนขลังวังเวงใจ
จากปากบุรุษและสตรีนางนั้น
ที่ปริมคิดว่าคือเธอเองใช่ใคร
สองเสียงก้องสะท้อนทบทาบ
อาบงามไปกับแสงสงฆ์พร่างแห่งจีวรพระประธาน
ที่ช่างงามพร่างงามพรายงามไหวเรืองรอง
งามผ่องผุดพิสุทธิ์พิลาสในท่ามแสงเทียนอันทอดทอทอง
หาก..
แล้วเสียงนั้น
ก็พลันค่อยๆแผ่วเบาแผ่วเบาลง...
พร้อม..
กับหยาดน้ำตาราวหยาดน้ำค้าง
ที่พร่างพรูสู่เรียวแก้มนวลหมอง
ชายในฝันหันมาโอบประคอง
พร้อมกับที่เขาหันหน้ามาซับหยาดน้ำตานวล
โลมไล้อย่าแสนรักใคร่แสนอาลัย
และ
ชวนกันน้อมกราบกรานพระพุทธา
อย่างช้าๆพร้อมกัน..
เขาค่อยๆประคองไหล่งามล้ำ
ที่พันพาดห่มรัด
ด้วยสไบแพร
ให้เห็นเพียงไรเนินเนื้อหนั่นแน่นเนียนแดด
ให้ออกมาไกลจากวัด
แวะนั่งพักใต้ลานจันทร์ลานฝันในร่มลั่นทม
พลาง
ค่อยๆก้มลงดอมดมพรมจูบริมไรผมเรียวแก้ม
แล้วค่อยๆเก็บดวงดอกงามมาทัดแซมผมให้อย่างเบามือ
แกมโอบตระกองกอดปลอบประโลม
ให้ร่างน้อยๆราวลูกนกสั่นสะท้านค่อยๆซุกอกใจรับไออุ่น
และราว
กับภาพลาพรากที่เขาคนดี
กำลังจะจากไกลไปไหนสักแห่งในผืนแผ่นดินนี้
ที่ไร้สรรพเสียง
มีเพียงเงียบงันราวดวงตาสวรรค์กำลังร่ำไห้รับรู้
อยู่นะเบื้องบนเพียงนั้น!
.......................
........
กลับมา.....
ให้ปริมเห็นภาพตัวเอง
อีกภาพและอีกภาพ.....
กำลังพายเรือในลำคลองสายงามออกแรงโถมอย่างรีบเร่ง
ที่สองฟากฝั่งนั้นมีเรือนไทยโบราณตะคุ่มซุ่ม
ซ่อนซุกตัวอยู่ในแมกไม้อย่างเงียบงัน
อย่างขวัญเสีย
ราวตรึงโศกวิโยคสะเทือน
ไปทั่วถิ่นทุ่งคุ้งโค้งทุกลำประโดงท้องน้ำ
ภาพปริมหาได้ห่มสไบไม่
หากตัดผมเกรียนและซ่อนร่างเนียนงาม
ภายใต้ภาพผู้ชายชาตินักรบ
และ
กับอีกภาพในนิมิต
เธอ..กำลังไล่ล่าฟาดฟันทหารพม่า
ราวกับบุรุษอาชาไนยด้วยดวงจิตเกินร้อย
ราววิญญาณบรรพบุรุษร่วมรัดร้อยพร้อมพลีรบ
และ
อีกทีอีกภาพ
ที่หลังเธอชนหลังกับใครบางคน
เคียงไหล่เคียงบ่าประจัญ
ในพรายพร่าแห่งแสงตะวันกล้า
อันดุเดือดเลือดพล่าน
ตราบจนเกือบสิ้นแสงตะวันลาตะวันรอน
กับภาพทหารนอนก่ายกองมากมาย
เหม็นคาวเลือดคละคลุ้งในทุ่งนาไร้ร้าง..อ้างว้างเงียบงัน!!!!!
กับภาพไฟ... ไฟ... ไฟ..!!!!!
ไฟไหม้โหมไปทุกที่...
ที่แสนสยองขวัญสลดใจนัก
ภาพซากปรักหักพัง...
พระพุทธรูปถูกบั่นเศียร..
ภาพเจดีย์งาม
ที่กำลังลามไหม้ลุกโพลงล้มระเนนระนาด
โอ้..แสนจะน่าอเนจอนาถใจ..
ว่าแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง
อันแสนร่มเย็นจะสิ้นแล้วหรือไร..โอ้อยุธยา..
ไยฟ้าดิน..เมินหน้าหนีมิปรานีปล่อยให้อัปราชัยไฉนหนอ!*
...........
และ
ในพรายแสงแห่งตะวันโศกนั้น
ปริมหันเห็น
เขาคนนั้น
คือลูกผู้ชายในโบสถ์คร่ำ
ที่เธอร่ำรินหยาดน้ำตาซุกอกอุ่นนั่นเอง
เธอกับเขาเคียงบ่าเคียงไหล่เคียงจิตวิญญาณ
อย่างหาญกล้า
พร้อมด้วยประกายตาลุกโชนช่วง
ด้วยดวงแสงจำรัสอันมิพรั่น
อันคือพลังแสนยิ่งใหญ่
ที่จิตภายในตรงกัน
รวมหลอมละลายทูนเทิดไว้เหนือเกล้าเหนือดวงใจ
ด้วยแรงแห่งหวัง
แห่งรักษ์จักพลีชีพสิ้นขอยอมด่าวดิ้นแดดับ
เพื่อปกปักบ้านป้องเมือง
รักษาผืนดินไว้ตราบสิ้นเลือดหยาดสุดท้ายรดพลี
ตาสบตา..คลี่ยิ้มเย้ยชะตา..พร้อมกัน
พร้อมทายท้าข้าศึก
*เข้ามาสิ! มารับคมดาบข้า..*
เข้ามาเลย..มา..เข้ามาสังเวยเลือด
ให้หยาดริน..รดเท้าข้า..!
ที่หวังฟ้าแลดินอินทร์พรหมยมพญา
จะมาเป็นสักขีโปรยพร..!
ให้แด่ดวงวิญญาณแห่งสองเรานะเจ้ายอดดวงใจอย่าพลั่นตาย
หากหมายมาดให้ผืนดินยังอยู่ให้ลูกหลานไทได้หยัดยืนยง*
และ
ราวมีพลังแห่งปาฎิหารย์รักมาร่วมรับรู้
ทุกครา..
ที่ฟาดฟันบั่นคอศัตรู
จะเกิดแสงพร่างฉายฉานวาบวับรับกับทุกคมดาบ
กระจายรายรอบเป็นรัศมีออกไป..,มิสิ้นสุด .!!!
ก่อน
ที่ทุกสิ่งจะค่อยๆหยุดลง..และ
พลันพร่าลางเลือน..ลางเลือน...ๆๆ......
เหลือ..
ให้เห็นเพียงสีแดงสีแดงและสีแดง
ท่วมท่ามบนผืนหญ้าผืนพสุธา
และ
บนตักงาม
ที่พลันนะบัดนี้มีร่างเขาซุกซบ
ในอ้อมตักอ้อมใจ
พร้อมกับอกอุ่นๆ
ที่หยาดเลือดรักยังระรินไหลมิหยุดยั้ง
ราวสายธารโศกให้โลกหยุดหมุนชั่วครู่
ดาวรุบหรู่มืดมิด ...
ลมหยุดพัดนิ่งงัน..
สวรรค์แลฟ้าดิน
กำลังครวญคร่ำร่ำไห้
ราว
กำลังพร่างน้ำตาสรรเสริญรักนิรันดร์อันแสนยิ่งใหญ่นี้
ที่ฝากพลีเทิดผืนปฐพี
ชะโลมหล้าชะโลมดิน
ให้ไทยยังคงเป็นไท..มิรู้สิ้นยังคงภาคภูมินาม
และ
ก่อนที่
ดวงใจที่เหลือเพียงน้อยนิด
ระริกๆริบหรี่ไหว
ของงามใจแห่งนางแก้วจะพรากลา
เธอคนดี
ค่อยๆจูบแก้มที่เริ่มชืดชาเฉียบเย็นในอ้อมตัก
เพียรพยายามโลมไล้ลูบใบหน้าอย่างละมุน
พร้อมปิดเปลือกตาให้ยอดรักยอดดวงใจ
ผู้อันเป็นที่รัก
ที่ราวกับยังแย้มยิ้มยินดี
กับชีพนี้ที่ได้พลีเลือกแล้ว
และ
ราวกับปลอบประโลมเธอ
ด้วยดวงตาหนักแน่นคงมั่นแทนคำมั่นสัญญา
แทนคำลาตราบชั่วนิจนิรันดร....
เธอ..
ปวดร้าวนักทั้งร่างใจ
หากหัวใจแสนปิติอิ่มเอม
ที่ได้ทำหน้าที่สุดท้ายอย่างสมภาคภูมิ
เธอค่อยๆทอดร่างลงเคียงข้างเขาอย่างช้าๆ
มือกุมมือมั่นกันแนบแน่น
แล้ว..แย้มยิ้ม..อิ่มเอม..รอ..และรอ..เวลา...
ใบไม้ไพร...ในราวป่า
พลันร่วงควงพลิ้วปลิดปลิวโปรย....ลงมาอย่างช้าๆช้าๆ..
ไปกับอวลอบอันแสนหวานเศร้ารานร้าวระทม
ของดวงดอกลั่นทม
กับสายลมเย็นในยามค่ำ...ราวร่ำไห้
...........
..............
ในยามนั้น
ที่มีเพียงดวงตาสวรรค์เบื้องบนพลันรับรู้
เห็นร่างคู่คลี่คลุมด้วยสไบแพรผืนเดียวกัน
ที่นะบัดนี้นั้นหยาดเลือดรักภักดิ์พลีได้หลั่งรินหมดสิ้นสายลงแล้ว
*ในเวิ้งฝันพสุธารักอันแสนเงียบงันเงียบงามไปตราบชั่วนิจนิรันดร...*
*******************
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=6192
ความฝันอันสูงสุด
เพลงพระราชนิพนธ์ : : Key Eb
ขอฝันใฝ่ ในฝันอันเหลือเชื่อ
ขอสู้ศึก ทุกเมื่อ ไม่หวั่นไหว
ขอทนทุกข์ รุกโรมโหมกายใจ
ขอฝ่าฟัน ผองภัย ด้วยใจทะนง
จะแน่วแน่แก้ไข ในสิ่งผิด
จะรักชาติ จนชีวิต เป็นผุยผง
จะยอมตาย หมายให้ เกียรติดำรง
จะปิดทอง หลังองค์ พระปฏิมา
ไม่ท้อถอย คอยสร้าง สิ่งที่ควร
ไม่เรรวน พะว้าพะวัง คิดกังขา
ไม่เคืองแค้น น้อยใจ ในโชคชะตา
ไม่เสียดาย ชีวา ถ้าสิ้นไป
นี่คือ ปณิธาน ที่หาญมุ่ง
หมายผดุง ยุติธรรม อันสดใส
ถึงทนทุกข์ ทรมาน นานเท่าใด
ยังมั่นใจ รักชาติ องอาจครัน
โลกมนุษย์ ย่อมจะดี กว่านี้แน่
เพราะมีผู้ ไม่ยอมแพ้ แม้ถูกหยัน
ยังคงหยัด สู้ไป ใฝ่ประจัญ
ยอมอาสัญ ก็เพราะปอง เทิดผองไทย...
24 ตุลาคม 2547 10:05 น.
พุด
http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=6194
URLhttp://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=420
***********
คืนนี้...
จันทร์ครึ่งดวงพอกันกับใจดวง..ครึ่งเดียวดายเดียว
ราวเสี้ยวจันทร์แรม
ดวงเดินออกไปดูจันทร์ดวงงาม
ทอดแสงผ่านใบระยิบของต้นก้ามปูและจามจุรีที่สูงใหญ่
ใบงามพร่างกระจ่างท่ามกลางแสงจันทร์ทอทอดลอดโลมไล้
แม้จะหยาดสายหวานเพียงครึ่งเดียวตามเรียวจันทร์แรม
และกับ
ใจดวง ดวงดายเดียวที่เหลือเพียงครึ่งเดียวพอกัน
พลันนอนหลับตาฝันฝันบนเตียงโบราณและฟังเพลงนี้
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=169
เพราะขอบฟ้ากว้าง กุ้ง กิตติคุณ เธียรสงค์ : : Key Eb
ป่านนี้แก้วตา นิจจาคอยพี่
โอ้ป่านฉะนี้ คนดีคงทุกข์โศกตรม
คิดถึงคืนวัน ที่สองเรานั้นรื่นรมย์
ต่างชื่น ต่างชม ภิรมย์รักกันมา
บัดนี้พี่ยัง รักเธอไม่หน่าย
สู้อยู่เดียวดาย ไม่คลายความรักแก้วตา
รสรักยังตรึง ซาบซึ้งแน่นดวงวิญญา
ขอเพียงแก้วตา สัญญาไม่เปลี่ยนใจ
แต่เรานี้ต้องอยู่ห่างกัน ต่างคนต่างฝัน
ต่างคนตื้นตันทรวงใน
เห็นดารา นึกว่าเนตรน้อง
พี่หลงพี่จ้อง มองไป
เห็นเงากิ่งไทร พี่ยังเคลิ้มไป ว่ากานดา
อยู่ฟ้าเดียวกัน พระจันทร์ดวงหนึ่ง
แปลกใจสุดซึ้ง ไยจึงไกลน้องหนักหนา
ฟ้านี้ไกลไป ไม่เหมือนดังใจเสน่หา
อยากใกล้กานดา อยากให้ขอบฟ้า แคบแคบเอย
อยู่ฟ้าเดียวกัน พระจันทร์ดวงหนึ่ง
แปลกใจสุดซึ้ง ไยจึงไกลน้องหนักหนา
ฟ้านี้ไกลไป ไม่เหมือนดังใจเสน่หา
อยากใกล้กานดา อยากให้ขอบฟ้า แคบแคบเอย....
......................
เลยอยากอดอ้อนฝากใจฝากจันทร์
พาตัวเองออกไปฝันพลี
ภายใต้เรียวแสงแห่งจันทร์แรมนี้
ที่ก็ยังหว่านหวาน
ให้ม่านเมฆและสายลมพร่างพัดผ่าน
คำซึ้งๆตรึงใจไปกระซิบฝากหมอน
หวังยามเธอคนดีคนไกลหลับตานอนหนุนให้คะนึงหา
จันทร์เอ๋ยจันทร์งาม
ช่างทรงพลัง....ให้มนุษย์ฝันไกลได้ฝากใจได้แบ่งปัน
และได้โอบเอื้อฝันให้กับผู้คนบนพสุธา
ได้รับความงามอันแสนหวานเย็นยามราตรี
แทนฤดีที่เร่าร้อนแรงราวแสงตะวันในยามทิวาวัน
ดวงเดินทองน่องช้าช้า...ช้าช้า..
แหงนเงยแลฟ้าและหมู่ดาว
และเฝ้าหวังว่าคนไกลที่ดวงแสนรักเอยแสนรักในกมลนั้น
จะไม่ลืมคำมั่าสัญญาระหว่างเรา..ระหว่างไกล
วันนี้..ดวงรู้สึกสุขสงบมาก
ในยามบ่ายใกล้ตะวันโพล้เพล้
ดวงได้นอนดูกระรอกน้อยค่อยๆป่ายปีนต้นมะม่วง
และเฝ้าเอาใจช่วยยามกระโดดวับ
จับเกาะกิ่งแก้วอย่างคล่องแคล่วว่องไว
ดูใบไม้ยักษ์พลูด่างแล้วหลับตา
ว่าดวงกำลังอยู่ในป่าอัฟริกา..หรือพงไพรที่ไหนสักแห่ง
ที่แสนเงียบสงบงาม..
เพราะ
หันไปทางไหนก็มีแต่...ใบไม้พร่างพรายระยิบตา
รับนวลแสงสีทองส่องให้เกิดประกายพราวพร่าง
ดูนั่นซี..
สไบไพลใบตองอ่อน
กำลังร่ายฟ้อนอ้อนสายแสงงาม
ราวสไบนางฟ้าที่มาลีลาซัดส่ายไหว
ราวสไบแพรไหมใบไม้รอห่มร่าง
ให้นางนวลนางไม้ได้หอมห่มบ่มงาม
และ..
ดวง...ในท่ามกลางกองหนังสือมากมายหลายเล่ม
ที่กองไว้ยังไม่มีเวลาอ่าน
เริ่มค่อยๆพลิกอ่านเล่มแรก
*เมื่อหมอเป็นมะเร็งภาค2
ยุทธศาสตร์สุดท้ายในการต่อสู้กับมะเร็งพิมพ์ครั้งที่สี่แล้ว
ของศาสตราจารย์ นายแพทย์ ม.ร.ว ธันยโสภาคย์ เกษมสันต์
ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้จาการศึกษาและทดลอง
โดยใช้ชีวิตของท่านเองเป็นเดิมพัน
และนาทีนี้
ดวงขอกราบคารวะแด่ดวงวิญญาณ
อันแสนงดงามตราบจนนาทีสุดท้ายแห่งชีวิตของท่าน
ผุ้สร้างคุโณปการแด่เพื่อนมนุษย์
ผู้ยังว่ายวนในวัฎฎอนิจจังสังขาร
และมิพานพบคำว่าสัจจธรรมแห่งชีวิต
อันหาความเที่ยงแท้แน่นอนหาได้ไม่
ให้ได้ตระหนักรำลึกรู้
ถึงนาทีชีวิตทุกนาทีว่าแสนมีค่า
อย่าได้ปล่อยวันเวลาให้เปล่าเปลืองประโยชน์
หายใจไปวันวัน
รอจนกว่าร่างนั้นใกล้สลายลาลับปราณแตกดับ
ถึงคิดทำความดี
เพราะบางทียามนั้นก็สายเกินไป
ท่านเป็นผู้เพียรสร้างกุศลจิตมาตลอดชีวิต
และตราบจนถึงนาทีสุดท้าย
และยามร่างท่านมลายอินทรีย์หายไปจากโลกนี้
ท่านก็ยังฝากคำสอนใจในหนังสือ
เพื่อเป็นอุทาหรณ์ไว้สอนใจ
ด้วยดวงใจคารวะ
และด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปิติใจ
ถึงนวลเนื้อใจของท่านผู้เป็นสุภาพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่แห่งผืนดิน
หนึ่งในหกสิบล้านราวฮีโร่ในดวงใจดวง
ดวงเพียงน้อมพลีขออนุญาตินำบางส่วนมาน้อมนำใจ
ถ่ายทอดความปิติใจความงามความดีของปูชนียบุคคล
ผู้กล้าผจญกับโรคร้ายอย่างมีสติ
อย่างกล้าหาญ อย่างมีอารมณ์ขัน
อย่างผู้ถึงพร้อมคำว่าตายก่อนตาย
ให้ความงดงาม..ความดีแห่งชีวิตหนึ่งนี้
ได้เผยแพร่เป็นบทเรียนเป็นดั่งวิทยาทาน
แด่ทุกดวงใจที่ได้อ่านผ่านตานะนาทีนี้
และ
แด่ผู้ป่วยมะเร็งหัวใจ
ที่กัดกร่อนให้น้ำนวลในหัวใจแล้งไร้คล้ายทะเลทรายก็มิปาน
และ
ที่ยังไม่ป่วยให้เข้าใจถึงคำว่าชีวิตยิ่งขึ้น
และ
จะหยิบยกคำนำจากสำนักพิมพ์ที่ท่านได้กล่าวไว้ดังนี้
*ถึงตอนนี้ผมคิดว่า ผมพบสัจธรรมในการรักษามะเร็ง
แล้วละ ผมสนุกมากับการเป็นมะเร็งครั้งนี้
เมื่อก่อนก็สนุกกับการร้องเพลงคาราโอเกะ
สนุกกับการเล่นปิงปองกับหลานๆ สนุกกับการอ่านหนังสือ
แต่การเป็นมะเร็งเป็นความสนุกที่สุดในชีวิต*
*ธันย์ โสภาคย์ *สรุปเอาไว้เช่นนี้
หลังการผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่
*ธันย์ โสภาคย์*
เขียนเล่าเส้นทางในการต่อสู้กับมะเร็งตลอดมา
ในนิตยสารชีวจิต
เรื่องชุดแรกรวมเล่มและตีพิมพ์ไปแล้วในชื่อ
*เมื่อหมอเป็นมะเร็ง*
และต่อด้วย*ยุทธศาสตร์สุดท้ายในการต่อสู้กับมะเร็ง*
ซึ่งตีพิมพ์เป็นภาคสอง เล่มนี้ที่ดวงนำมาแนะนำ
หลังจากที่พบว่ามะเร็งลุกลามไปที่ตับ
*ธันย์ โสภาคย์*
ใช้เวลาหลังการผ่าตัดร่วมสองปี
ในการเรียนรู้เรื่องมะเร็ง
เอาตัวเองเข้าทดลอง
ทั้งการแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์แผนทางเลือก
ทำกงานหนักยิ่ง ทั้งเดินสายบรรยาย
เขียนหนังสือ รักษาคนไข้
โดยเฉพาะคนไข้มะเร็ง
และยังใช้เวลาที่เหลือหาความสุขให้ตนเอง
ทั้งเดินทางท่องเที่ยว วิ่งมาราธอน ขี่จักรยานเสือภูเขา ..
เป็นหมอ เป็นอาจารย์
ศึกษาและเขียนหนังสือเล่มนี้ให้เป็นคู่มือ
ของคนที่ต่อสู้กับมะเร็ง
อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง สรุปถึง*ธันย์ โสภาคย์* ว่า
*ความเป็นหมอ เป็นครู ความเป็นนักวิทยาศาสตร์
ความกล้าหาญและความเสียสละของอาจารย์นั้น
ยิ่งใหญ่เหลือเกินในโลกแคบๆของวงการแพทย์สมัยนี้*
ดั่งที่ดวงจะยกบางประโยค
มาน้อมนำใจให้ทุกดวงใจได้ปันแบ่งนะบัดนี้
จากตอนหนึ่งในหลายสิบตอน
ที่หวังว่าจะก่อเกื้อให้เกิดประโยชน์
ในทางด้านจิตวิญญาณ
มาน้อมนำทางให้สว่างกระจ่างใจ
เป็นบทเรียนสอนใจที่ยิ่งใหญ่
ให้เราทุกดวงใจได้คิดใฝ่ดี
มิยอมก้มหัวให้โชคชะตายอมแพ้พ่ายต่ออุปสรรคใดใด
และ
อย่าได้ผลัดวันประกันพรุ่ง
ที่จะเพียรสร้างนวลเนื้อหอมงามใจ
ทำความดีให้กับผู้อันเป็นที่รัก
และแด่เพื่อนมนุษย์
ก่อนที่จะสายเกิน
จากหนึ่งในหลายๆตอน
ที่น่าอ่านแบบสอดแทรกอารมณ์ขัน
**********
*ฑูตสวรรค์*
จากฝืมือรจนาของนักเขียนผู้วายชนม์
ผู้เพียรพลีจิตอันแสนกระจ่างพร่างพราว
ราวสายแสงเพชร
มาส่องสว่างนำทางใจให้กับเพื่อนมนุษย์
ผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
ผลงานงามอันแสนเลอล้ำค่าทางการแพทย์
และจิตวิญญาณผู้ให้ ผู้มิยอมแพ้ ผู้แสนหาญกล้า
อันเปรียบประดุจดั่งอัญมณีใจ
ที่แสนงามแสนยิ่งใหญ่เป็นยิ่งนักแล้ว
ในดวงใจดวงน้อยน้อยดวงนี้
ที่จะขอพลีคารวะ
น้อมนำมาฝากทุกสายตาทุกดวงใจ
นะบัดนี้ค่ะ
*ด้วยความไม่ประมาท
ฉันสำนึกนึกเสมอว่า
ตนเองอยู่ไม่ไกลจากความตายมากนัก
เสมือนไม้ใกล้ฝั่ง
สำหรับคนที่มีมะเร็งแฝงอยู่ทั้งในตับและปอดในขณะนี้
ฉันเกิดความคิดทีเล่นทีจริงว่า
น่าจะสำรองอาศรมบนสวรรค์ไว้สักหลังหนึ่งได้แล้ว
ฉันจึงเริ่มติดต่อกับฑูตสวรรค์ทางจิตวิญญาณดู
ไม่รู้ว่าสายการสื่อสารจะว่างบ้างตอนไหน
เพราะเท่าที่ทราบข่าวสารทั่วโลกวันนี้
มีคนตายมากมายเหลือเกิน
ทั้งแผ่นดินไหวที่เมืองจีน ตุรกี กรีซ ไต้หวัน
ทั้งน้ำท่วม พายุเฮอริเคนในอเมริกา
เครื่องบินชนกันกลางอากาศ
เครื่องบินชนคอนโดมีเนียม
และ
เครื่องบินตกด้วยเหตุต่างๆ
กว่าสิบเครื่องในเวลาใกล้เคียงกัน
โรงงานอบลำไยที่สันป่าตองเชียงใหม่
มีสารโพแทสเซี่ยมระเบิด
พาคนตายไปหลายสิบคน
หมอดูหลายท่านทำนายไว้ก่อนแล้วว่า
จะมีอุบัติภัยร้ายๆที่มากับY2K
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วสวรรค์จะว่างหรือเปล่าก็ไม่รู้
ต่อไปนี้เป็นการสนทนาโต้ตอบทางโทรศัพท์ทางไกล
ระหว่างเลขาฯของฉันกับเทวฑูต
ผู้เป็นเลขาฯของแดนสุขาวดี
ตามที่จิตวิญญาณของฉันรับทราบ
*ฮัลโหล ที่นี่ที่ไหนคะ* เลขาฯของฉันถาม
*โยมเอ๋ย ที่นั่นมันก็บ้านเธอนะซี แต่ที่นี่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์นะจ๊ะ*
เสียงจากสวรรค์มีกังวานน่าทึ่ง *มีธุระอะไรมิทราบ*
*อ๋อ ดี ชั้นต้องการสำรองอาศรมให้เจ้านายสักหลังหนึ่งนะค้า
*อ้อ แล้วเจ้านายของโยมพร้อมจะมาเมื่อไร
อาตมาจะได้ส่งจานบินไปรับ
*ก็คงเร็วๆนี้แหละค้า เพราะที่กรุงเทพฯ
เขาออกข่าวไปแล้วว่าเจ้านายของดีชั้นได้ตายไปแล้ว
นายท่านจึงไม่อยากให้พวกนั้นผิดหวัง*
*เร็วๆนี้คงไม่ได้หรอกหนู เอ๊ย โยม..
เพราะอาศรมบนสวรรค์ชั้นนี้เต็มโม้ด
ต้องอดใจรอโครงการสอง
คงจะเสร็จหลังวิกฤตการณ์วายทูเค*
*หมายความว่าไงหรือคะ ท่านตรีฑูต*
*เฮ้ย เรียกเทวฑูตพอแล้ว ไม่ต้องบอกซีเท่าไรก็ได้..อ๋อ
วายทูเค ก็แปลว่า เวย์ทูครายไงละโยม ไม่เห็นรึ
ชาวโลกตอนนี้ร้องห่มร้องไห้กันจ้าละหวั่น
เศรษฐกิจของสวรรค์ก็พลอยถูกถล่มไปด้วย
ค่าเงินบาทตกไปถึงหนึ่งดอลล่าร์ต่อสี่สิบบาท
สงสัยการสร้างเจดีย์สวรรค์จะค้างเติ่ง*
*แต่เรามีเงินจะบริจาคให้นะเจ้าคะ
ขอท่านเทวฑูตโปรดพิจารณาด้วย*
*เอ้อ ดีซี ถ้าได้สักห้าล้านก็จะได้อาศรมเดี่ยว
สามห้องนอนสี่ห้องน้ำในหมู่บ้านสวรรค์นิเวศ
*ถ้ามีแค่สองล้านละเจ้าคะ*
*สองล้านก็ได้อาศรมแบบเฮเว่นเฮ้าส์ พออยู่ได้*
*ถ้าล้านเดียวล่ะเจ้าคะ*
*อ๋อ ก็อยู่ห้องแถวไปก่อนละกันนะโยม
*แปลว่าถ้าใครมีไม่ถึงล้าน
ก็ไม่ได้ขึ้นสวรรค์เป็นความจริงหรือเจ้าคะ*
*ไม่จริ๊ง ไม่จริงจ๊ะ สวรรค์เป็นอัตตานะจ๊ะ
ใครทำกรรมดีก็ขึ้นสวรรค์ได้ทั้งนั้น
แต่กรรมดีนี่มันรวมถึงทานด้วยนะโยม
ถ้าไม่ทำทานสวรรค์ก็ยังไม่ว่าง NO VACANCY น่ะพอรู้ใช่ไหมล่ะ
*ถ้าเช่นนั้นเจ้านายของดิฉันยังไม่ยอมตายดีกว่า
ท่านจะสะสมทานบารมีให้มากพอก่อนนะเจ้าค่ะ
พร้อมแล้วจะโทรมาใหม่ สวัสดีค้า*
*เดี่ยวก่อน..*เทวฑูตขอปรับความเข้าใจ
*ไม่ยอมตายเฉยๆคงไม่ได้หรอกโยม
ไม่ว่าใครจะตายเมื่อไรล้วน
มีประกาศอยู่บนสวรรค์แล้วทั้งสิ้น*
*อ้าวแล้วมีทางแก้ประกาศได้มั้ยละเจ้าคะ*เลขาฯของฉัน
ไม่ลดละความพยายาม
*ได้ แต่ต้องผ่านที่ประชุมของทวยเทพทั้งหลาย
ซึ่งมีพระอินทร์ผู้ทรงฤทธิ์เป็นองค์ประธาน*
*ใครเป็นผู้เสนอญัตติให้เปลี่ยนประกาศได้เจ้าคะ*
*อ๋อ เจ้าทุกข์เองก็ทำได้*เทวฑูตอธิบาย
*มีชาดกเรื่องหนึ่งในพระไตรปิฏก ใช้เป็นบรรทัดฐานได้
เปรียบเสมือนส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความไง
คุ้นเคยดีอยู่แล้วมิใช่รึ
*ในกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
มีกษัตริย์สองเมืองจะทำสงครามกัน
ฝ่านหนึ่งไปถามพระฤาษีมีฤทธิ์ ซึ่งติดต่อกับพระอินทร์ได้
ได้รับคำแจ้งว่าฝ่ายตนจะชนะ จึงประมาท
ปล่อยเหล่าทหารสนุกสนานบันเทิง
ส่วนกษัตริย์อีกฝ่ายหนึ่งทราบข่าวทำนายว่าฝ่ายตนจะแพ้
จึงตระเตรียมการให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
ครั้นถึงเวลารบจริง
ฝ่ายหลังนี้ก็เอาชนะกษัตริย์ฝ่ายที่มัวประมาทได้
พระอินทร์ถูกต่อว่าจึงกล่าวเทวคติออกมา
*ความบากบั่นพากเพียรของคน เทพทั้งหลายก็กีดกันไม่ได้*
*แปลว่าคนที่ถูกกำหนดให้ตาย
แต่ยังมีจิตใจต่อสู้ด้วยความบากบั่นพากเพียร ยังมีสิทธิ์รอดได้
*เลขาฯ ของฉันขอคำยืนยัน
*แปลว่า สวรรค์ก็เป็นประชาธิปไตย*
*อ๋อ แน่นอน เทวดาทุกประเภท
ตลอดจนถึงพรหมที่สูงสุด
ล้วนเป็นผู้ร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย
เวียนว่ายในสังสารวัฎเช่นเดียวกับมนุษย์ทั้งหลาย
และ
ส่วนใหญ่ก็เป็นปุถุชน
ยังมีกิเลสคล้ายมนุษย์
แม้จะมีเทพเป็อริยบุคคลบ้าง
ส่วนมากก็เป็นอริยะมาก่อนตั้งแต่ครั้งยังเป็นมนุษย์
แม้ว่าเมื่อเปรียบเทียบโดยเฉลี่ยตามลำดับฐานะ
เทวดาจะเป็นผู้มีคุณธรรมสูงกว่า
แต่ก็อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน
แต่ก็พูดรวมๆไปได้ว่าเป็นระดับสุคติด้วยกัน
*เทพชั้นดาวดึงส์เหนือกว่ามนุษย์ 3 อย่าง
คือมีอายุทิพย์ ผิวพรรณทิพย์ และความสุขทิพย์
*แต่มนุษย์ชาวชมพูทวีป
ก็เหนือกว่าเทวดาชึ้นดาวดึงส์3ด้าน
คือ กล้าหาญกว่า มีสติดีกว่า
และมีการประพฤติพรหมจรรย์(การปฎิบัติตามอริยมรรค)
*มนุษย์อยากไปเกิดในสวรรค์
แต่เทวดาถือว่าการเกิดเป็นมนุษย์
ต่างหากคือสุคติของพวกเขา
*พุทธพจน์มีว่า
*ภิกษุทั้งหลาย ความเป็นมนุษย์นี้แล นับว่าเป็น
การไปสู่สุคติของเทพทั้งหลาย*
*ท่านเทวฑูตเจ้าคะ* เลขาฯ พหูสูตรของฉันอยากรู้ต่อ
*แปลว่าเทวดาชอบจุติไปเกิดในหมู่มนุษย์ทั้งหลาย*
*ใช่แล้ว* ท่านเทวฑูตตอบ
*ว่าแต่โยมยังอยากขึ้นสวรรค์อยู่รึเปล่า*
*ท่านหมายความว่า ชาติก่อน ชาติหน้า
และนรกสวรรค์มีจริงหรือเจ้าคะ
*ตามพระพุทธศาสนามีหลักฐานในคัมภีร์
ซึ่งแปลความหมายตามอักษรว่ามีจริง*
*แต่การพิสูจน์เท่านั้นยังไม่สิ้นสุด เพราะไม่มีใครรู้จริง
ก็เคยมีคนตายแล้วมาอธิบายที่ไหน
ช้าๆนานๆเราได้ข่าวว่ามีคนระลึกชาติได้
มีเค้าเงื่อนให้คิดว่าจริง แต่ก็พิสูจน์ไม่ได้นะโยม*
*ถ้าเช่นนั้น
พระพุทธศาสนาสอนมนุษย์ว่าควรปฎิบัติอย่างไรคะ
ให้เชื่อหรือไม่เชื่อ*
*พุทธศาสนาไม่แนะนำให้มนุษย์ครุ่นคิดว่าตายแล้วไปไหน
ถือว่ายังเป็นอวิชชาเป็นเรื่องไกลตัว
ไม่มีคำเฉลยแบบตรงไปตรงมา
พุทธศาสนาสอนให้มนุษย์สนใจการปฎิบัติ
ต่อชีวิตปัจจุบันเอาไว้ให้จงดีเท่านั้นเป็นพอ
กรรมดีทั้งหลายทั้งปวงจะเสริมบุญบารมี
ให้ผู้ปฏิบัติดีแล้วเดินทางไปสู่สุคติได้แน่นอน
.........................
เมื่อฉันได้ทราบความดังนั้นแล้ว
รู้สึกว่ากรรมทั้งหลายที่ฉันทำมา
ก็มีทั้งกรรมดีกรรมชั่ว หรือกรรมไม่สู้ดีนักอยู่มาก
อยากทราบต่อไปว่า
จะสามารถลบล้างกรรมชั่วโดยการไถ่บาปได้หรือไม่
หรืออีกนัยหนึ่ง กรรมดีจะหักกลบลบหนี้กรรมชั่วได้หรือไม่
ฉันปรึกษาท่านผู้รู้เรื่องนี้ดีแล้ว
พอสรุปได้ความว่า
*กรรมชั่วของแต่ละคนไม่มีทางไถ่บาปได้โดยตรง
มีแต่ทำให้เจือจางลงได้
โดยหมั่นกระทำแต่กรรมดีในช่วงชีวิตที่เหลือ
พระท่านอธิบายว่า
กรณี้เปรียบเสมือนน้ำหนึ่งถังมีสีแดงของกรรมชั่ว
มองเห็นน้ำสีแดงชัดเจนอยู่
ไม่สามารถสกัดเอาสีที่เจือปนอยู่ออกได้
แต่ถ้าเราหมั่นเติมน้ำบริสุทธิ์ลงไปในถังนั้น
จะพบว่าสีแดงของน้ำจะค่อยๆจางไปๆ
จนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
ทั้งที่สีแดงก็ยังคงอยู่ในน้ำนั้นปริมาณเท่าเดิม
หาได้ลดลงหรือหายไปไม่
ฉันใดก็ดี
หากมนุษย์ผู้มีกรรมชั่วร้ายมาก่อน เช่น องคุลีมาร
ผู้เคยฆ่าคนเป็นว่าเล่น
ยังสมารถกลับเนื้อกลับตัว
ประกอบกรรมดีจนเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าได้
แต่เมื่อเป็นอริยะแล้ว หากยังฝืนประพฤตินอกลู่นอกรอย
อยู่อย่างพระเทวทัต ก็มีสิทธิ์ถูกถอดถอนยศศักดิ์
และถูกลงโทษให้าสมถูกธรณีสูบได้อยู่......
.............................................
..........................................
ดวงจึงขอจบบทแนะนำหนังสือแสนดีมีค่าเล่มนี้
ที่สอนให้เราทุกดวงใจได้มรณานุสติ
หันมาคิดใฝ่เพียรสร้างแต่กรรมดีกุศลจิต
ให้มีเมตตาจิตคิดอภัยแบ่งปัน
โอบเอื้อน้ำใจอันแสนใสพิสุทธิ์
เพื่อช่วยกันเป็นรวมเป็นพลังหยุดโลกร้อน..ให้ผ่อนเย็นสุขสงบ..
หวังทุกดวงใจคงได้อะไรไม่มากก็น้อยจากน้ำใจของดวง
ที่ปรารถนาดีและห่วงใยที่ทุ่มเทใจถ่ายทอดนำมามอบให้
หากอยากอ่านรายละเอียดก็หาซื้อได้นะคะ
และ
ด้วยจิตคารวะขอกุศลผลบุญนี้ได้ผ่านไปยังท่านผู้เขียน
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ม.ร.ว ธันยโสภาคย์ เกษมสันต์
ซึ่งนะบัดนี้ท่านคงไปเสวยทิพยสุขในสวรรค์อันแสนสุคติเย็นแล้วค่ะ
**********************
http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=6194
แสงเทียน
เพลงพระราชนิพนธ์ : : Key D
จุดเทียนบวงสรวง ปวงเทพเจ้า
สวดมนต์ค่ำเช้า ถึงคราวระทมทน
โอ้ชีวิตหนอ ล้วนรอความตายทุกคน
หลีกไปไม่พ้น ทุกข์ทนอาทรร้อนใจ
ต่างคนเกิดแล้ว ตายไป
ชดใช้เวรกรรมจากจร
นิจจังสังขารนั้นไม่เที่ยง เสี่ยงบุญกรรม
ทุกคนเคยทำกรรมไว้ก่อน
เชิญปวงเทวดา ข้าไหว้วอน
ขอพรคุ้มไปชีวิตหน้า
ทนทรมานมามากแล้วจะกราบลา
หนีปวงโรคาที่เบียดเบียน
แสงแววชีวาเปรียบแสงเทียน
เปรียบเทียนสิ้นแสง ยามแรงลมเป่า
ชีพดับอับเฉา เหมือนเงาไร้ดวงเทียน
จุดเทียนถวาย หมายบนบูชาร้องเรียน
โรคภัยเบียดเบียน แสงเทียนทานลมพัดโบย
โรครุมเร่าร้อน แรงโรย
หวนโหยอาวรณ์อ่อนใจ
ทำบุญทำทานกันไว้เถิด เกิดเป็นคน
ไว้เตรียมผจญชีวิตใหม่
เคยทำบุญทำคุณ ปางก่อนใด
ขอบุญคุ้มไปชีวิตหน้า
ทนทรมานมามากแล้วจะกราบลา
แสงเทียนบูชาจะดับพลัน
แสงเทียนบูชาดับลับไป...
*************
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=101
รักกันวันนี้ดีกว่า
เผื่อว่าพรุ่งนี้มีอันเป็นไป
แม้เธอและฉันนั้นต้องพลันสิ้นใจ
ฉันจะหวังใครให้เป็นที่รักยิ่ง
รักกันวันนี้ดีกว่า
เผื่อว่าพรุ่งนี้มีใครมาชิง
ฉันอาจพลาดแพ้เหลือแก้คืนทุกสิ่ง
แล้วจะหมายอิงแอบอ้อนวอนรักใคร
พรุ่งนี้ไม่มีอะไรแน่นอน
แปรผันยอกย้อน ลวงหลอนเปลี่ยนใจ
เผื่อว่าพรุ่งนี้โลกแตกสลายไป
วันนี้เล่าใครจะอยู่คู่ฉัน
รักกันวันนี้ดีกว่า
เผื่อว่าพรุ่งนี้จำใจไกลกัน
ฉันอาจสิ้นหวัง เหมือนดังสิ้นชีวัน
เหลือแต่เพ้อฝัน สุดกลั้นใจหมองตรม
*******************
รักกันวันนี้ดีกว่า ..พุดพัดชา
ดวงเคยไปส่ง ดวงใจมากมายหลายดวง
ที่ดวงแสนรักเอยแสนรักในกมล
แต่..จำต้องพลัดพรากจากลา...
หลายสถานที่หลายสถานีชีวิต
ที่ฟ้าลิขิตให้เราต้องพบพรากจากลา..เป็นธรรมดา ธรรมดา โลก
บางครั้งก็ที่สถานีรถไฟ
บางทีก็ไปถึงสนามบิน ...
ก่อนพรากไกล..ดวงจะกอดลาทุกดวงใจ...
จูบแก้มซ้าย..ขวา....
และกระซิบอวยพร ให้เดินทางปลอดภัย..
จนคนที่จากไปบอกไม่ต้องกอดแน่นมากก็ได้..
ไม่ได้ไปนานหลายปี เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว........
.
ดวงเลยบอกว่า..ไม่ได้สิ...
มันเป็นสิ่งแสนดีที่อยากมอบให้เธอ
เป็นสิ่งที่เสนอให้มา...
เพื่อแสดงว่าเรารู้สึกอาวรณ์อาลัย
รักและรอ ขอครบสูตรหน่อย.....
จริงมั้ยคะ..ขาดก็แต่พวงมาลัยคล้องมือ
ที่ดวงมักจะถือเป็นประเพณีที่ชอบนำไปคล้องใจผู้มาเยือน.
แต่สำหรับบางคนแค่ใช้ใจคล้องใจ..ก็พอ
ไม่จำเป็นต้องลงทุนพ้อรอลาด้วยดอกไม้
ซึ่งมินานจะพานลาจะพาเหี่ยวเฉา
ดวงเป็นคน..ละเอียดอ่อน..กับทุกสิ่ง...
วัยวันสอนบทเรียนให้ดวงรู้ว่า.โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน.
กับทุกเวลาของชีวิตนี้ที่แสนสั้น.....ยิ่งนัก......
ความทุกข์..ความสุข..ที่ผ่านเข้ามาทายทัก สอนให้ดวง
ใช้เวลาของชีวิตอย่างไม่ประมาท.....
และพยายามใช้อย่างมีคุณค่า...ต่อทุกคนที่ดวงรักเท่าที่ใจจะทำได้............
คุณๆคงไม่ทราบว่า ดวงเคยสูญเสีย..
ครอบครัวของคนที่ดวงรัก..ผูกพันยิ่ง..ราวน้องสาว.......
พร้อมกันทั้งสามคน พ่อ..แม่..ลูก......
เพราะเที่ยวบินที่ตกที่สุราษฎร์ธานี..
ในค่ำคืนหนึ่ง ที่ฝนตกราวฟ้ารั่ว....ร่ำไห้..เมื่อสองปีก่อน
พร้อมกับที่นักร้องยอดนิยม...เจมส์..ผู้โชคดี รอดชีวิตมาได้..........
ทุกครั้งที่ดวงไปสนามบิน..ดวงจึงมักจะเศร้าหมองใจ...
ดวงรอเวลาที่จะเขียนสิ่งดีดี.....
เพื่ออุทิศให้กับน้องสุดที่รัก ที่ลาลับไป ไกลสุดหล้า......
และดวงอยากบอกคุณๆว่า...ใจดวง..
ยิ่งแสนเศร้า...เพราะก่อนวันเดินทางลาจาก...
เธอได้โทรมาร่ำลาดวง...ด้วยเสียงหัวเราะ.....
อย่างมีความสุข........
ดวงพยายามเว้าวอนให้เธออยู่ต่อ ราวรู้.และราว.อยากยื้อยุด
จากกำหนดนัดของฟ้าดิน..........
แต่.....คำที่เธอบอกดวงราวสังหรณ์ย้ำอาลา....
เธอต้องกลับพร้อมครอบครัว.....
ใช่เลย.......
เธอจึง...จากดวงไป...พร้อมทั้งครอบครัวที่อบอุ่น..
แสนรักของเธอจริงๆ..พ่อ..แม่..ลูก........
โดยทิ้งให้ผู้อยู่หลัง..เจ็บปวด ด้วยรัก อาวรณ์ อาลัย
อย่างยากยิ่งที่จะทำใจ...เนิ่นนาน......
น้องรัก.....ดวงสัญญา...
วันหนึ่งเมื่อใจดวงพร้อม
ดวงจะเขียนถึงคุณงามความดีราวตำนาน...
ที่เธอฝังฝากไว้ให้กับทุกคน..
ที่บ้านเกิด....บ้านเกาะ...ของเรานะ....น้องรัก....
ระหว่างเรา...กาลเวลา และทุกสิ่ง
มิอาจพรากจาก ความทรงจำที่แสนดี แสนงาม.........
ตราบจนชั่วฟ้าดินสลายลับ.........................
ดวงเขียนเรื่องนี้ เพราะได้ตระหนักชัดว่า...
โลกนี้ไม่เคยมีอะไรแน่นอน
ให้เราเตรียมพร้อมทางจิตวิญญาณ ไว้เพียงนั้น
ที่จะฝ่าฟันพาดวงใจอันผ่องแผ้ว
ไปสู่ฝั่งฝัน อันว่าง สว่าง สงบ และจบด้วยความสุขนิรันดร์..
ไม่มีภพมีชาติอีกต่อไป..
แม้..หนทางจะยังแสนไกลเป็นยิ่งนัก..ก็จักอย่าได้ละความเพียร..
และดวงคิดถึงเพลงๆนี้
พร้อมความทรงจำรำลึกที่เจ็บปวด...
.ดวงอยากมอบเพื่อเตือนใจ...
ให้ผู้อ่านที่ดวงรักยิ่ง ทุกทุกท่าน.........
ตระหนักคิด...และรู้ว่า.....
วันนี้....คุณได้ทำสิ่งดีดี...ให้กับคนที่คุณรัก....หรือยัง..........
ถ้ายัง....คุณทำเสียนะคะ....ก่อนที่.....พรุ่งนี้จะสาย......เกินไป........
ด้วยรัก...
จากใจ.....ดวงนี้..จากเนื้อใจดวงนี้..ที่ยากยิ่งที่ใครจะหยั่งถึง
ความรู้สึกมากมายมากมีที่ตราตรึงเงียบงาม สงบ สว่าง
พร่างพรมใจให้ใสสวยในทุกยามด้วยความภาคภูมิเป็นยิ่งนัก..
กับ..การให้..ให้..และให้..
ให้ความรักโลก รักผู้คน... บนผืนดินเดียวนี้
ที่ดั่งเพื่อนพ้องน้องพี่.ร่วมชะตากรรม
และ...
จนกว่าจะถึงวันตะวันลา..
วันที่ฝากร่างอ่อนล้าใจอ่อนแรงให้ผืนพสุธากลบหน้า..
และขอกล่าวคำว่า..ลาก่อนชั่วนิจนิรันดร์...ระหว่างเรา!นะคนดีนะดวงใจ!