8 พฤศจิกายน 2547 20:29 น.

เสียงกระซิบข้างหัวใจ ๙

พี่ดอกแก้ว

ลำน้ำที่ทอดสายคดโค้งไปตามพื้นที่ลุ่ม
แผ่ความสมบูรณ์ไปยังสองฝั่งฟากให้ชอุ่มเขียวด้วยพันธุ์ไม้ 
สัตว์ต่างๆพากันอาศัยพฤกษ์ไพรเหล่านี้ยังชีพตามความเหมาะสม 
ดินแดนราบลุ่มแหล่งใดที่มีความสมบูรณ์มาก ...ก็จะมีบ้านเรือนมนุษย์มาปลูกสร้าง 
และดำเนินกิจกรรมของชีวิตไปตามความต้องการ 
..จวบจนกระทั่งกลายเป็นวิถีชีวิตของชนชายน้ำที่ต่างกันไปในแต่ละพื้นเพ 
และในปัจจุบันได้กลายมาเป็นแรงดึงดูดนักท่องเที่ยว 
ให้เดินทางไปทัศนาจรเพื่อดื่มด่ำกับวิถีชีวิตเช่นนี้อย่างตื่นตาตื่นใจ 

เรือลำน้อย....จึงล่องลอยออกจากท่าพร้อมด้วยแรงแห่งความปรารถนา 
ต้องการที่จะสัมผัสความเป็นไปเหล่านั้น 
ต่างวาดหวังที่จะพบในบางสิ่ง และเห็นในบางอย่างที่แปลกตา 

ในเวลาบ่ายคล้อยใกล้สนธยา 
.. ลำเรือที่ลอยอยู่เหนือผืนน้ำต่างก็ลอยเลื่อนไปอย่างแช่มช้าด้วยฝีพายที่วาดเป็นจังหวะ 
ทำให้หลายคนชื่นชมในความสงบของลำน้ำที่พลิ้วระลอกในยามที่ต้องลมสัมผัส 
และลืมเลือนที่จะถามตนเองไปเสียสนิทว่า ..อันตรายจะมีในเบื้องหน้าหรือไม่ 

ต่างสนใจในภาพลักษณ์ที่ปรากฏของสองฟากฝั่ง 
ฝั่งหนึ่งปรากฏกลุ่มไม้ที่เขียวชอุ่มที่ให้ความสดชื่นแก่สายตา และนำความสงบมาสู่ใจ 
ส่วนอีกฝั่งหนึ่งที่ห่างกันไม่ไกลนักกลับตั้งบ้านเรือนเพื่อค้าขาย ผู้คนเดินไปมาอย่างขวักไขว่ 
มีทางแยกเป็นลำคลองสายเล็กๆที่จอแจไปด้วยเรือสินค้าของชาวบ้าน 
ส่งเสียงเซ็งแซ่ขายสินค้าเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินตราจำนวนมากๆ 

ณ ท่ามกลางบทบาทของการเป็นผู้ดูละครชีวิตอยู่บนเรือลำน้อยนี้ 
ทำให้ชัดเจนในความแตกต่างระหว่างฝั่งแห่งความสงบกับฝั่งแห่งการไขว่คว้าแก่งแย่ง 
หากเมื่อใดที่ชีวิตมีความเพียงพอแล้ว 
... ความสงบและเยือกเย็นก็จะเกิดขึ้น 
ไร้ความเคลื่อนไหวเพื่อช่วงชิง 
ดุจดังไพรพฤกษ์ที่ให้ความร่มเย็นแก่ตน และผู้ที่พบเห็น 
แต่หากเมื่อใดที่ชีวิตยังมีความขาด ..ไม่เพียงพอต่อความต้องการ 
ความเคลื่อนไหวที่ร้อนรนก็จะเกิดขึ้นมาก 
และมากไปตามปริมาณของความต้องการที่มีอยู่ในจิตใจ .. 

เพราะความไม่มี...จึงต้องแสวงหา 
และเพราะความไม่พอ...ก็ยิ่งต้องแสวงหาแม้ว่าจะมีแล้วก็ตาม 

เมื่อยามราตรีเข้าครอบคลุมลำน้ำจนมืดมิด 
ฉากแห่งการพิจารณาได้เปลี่ยนทิศไปเพื่อการทัศนาธรรมชาติริมฝั่ง 
เพราะความมืดมิดมิใช่สิ่งงดงามที่ควรเพ่งมอง 
แต่ความสว่างต่างหากเล่าคือสิ่งที่น่าปรารถนาในทามกลางความมืด 
หิ่งห้อย...จึงเป็นเสน่ห์อีกบทหนึ่งของลำน้ำยามค่ำคืน 
แสงไฟที่กระพริบอยู่ในลำตัวอันเนื่องมาจากการหายใจของหิ่งห้อยนั้น 
ก่อให้เกิดความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวทั้งหลาย 
นั่นก็เพราะว่า...แต่ละคนที่มาล้วนไม่มีไฟเรืองแสงในตนเองเช่นหิ่งห้อยเหล่านี้ จึงมองเห็นการมีแสงไฟเป็นสิ่งที่แปลก 
และต้องเดินทางมาหามาดูในสิ่งไม่มีในตน 

แต่ถ้าหากมนุษย์สามารถนำความสว่งนั้นมาให้เกิดขึ้นในตนได้แล้ว 
การเสาะแสวงหาเพื่อชมความงามในแสงสว่างของผู้อื่นก็จะหมดลงไปโดยปริยาย 

เมื่อพิจารณาโดยนัยแห่งการดำเนินชีวิต 
ความสว่าง...จึงเป็นสิ่งที่มนุษย์ค้นหามาทุกยุคทุกสมัย 
ไม่ว่าจะเป็นแสงไฟ หรือไฟฟ้าก็ตาม 
ไม่มีมนุษย์คนใดที่ไม่ต้องการความสว่างในช่วงชีวิตของตน 
แม้ความสว่างที่กล่าวถึงนี้จะเป็นเพียงแสงภายนอก 
...ก็ยังเป็นที่ค้นหาและต้องการของทุกชีวิต 

จึงควรที่มนุษย์ผู้ไม่ชื่นชอบความมืดทั้งหลาย 
จะใส่ใจสร้างแสงสว่างให้เกิดขึ้นในตนด้วยการศึกษาพระธรรรมให้เกิดความเรืองแสงแห่งปัญญา 
เพื่อเป็นที่พึ่งแห่งตน และในบางคราวก็เป็นที่พึ่งของผู้อื่นได้เช่นกัน... 

ซึ่งในที่สุดก็จะหยุดการเดินทางเพื่อทัศนาจรไปยังถิ่นต่างๆ
เพื่อแสวงหาด้วยความอยากได้ใคร่ดี 
และสงบงามได้ดังฟากฝั่งแห่งไพรพฤกษ์ที่ไร้การดิ้นรนไขว่คว้านั่นเอง 

                                              เลียบเรือน้อยลอยชลยลฝั่งคลอง 
                                              มุ่งหมายมองความงามตามพฤกษา 
                                              เห็นโพงพางกางกั้นชั้นชลา 
                                              บ่งวิธีจับปลาของชาวคลอง 

ล่องลอยไปหัวใจกลับสงบ 
เมื่อได้พบความหมายในฝั่งสอง 
หนึ่งนั้นพลุ่งพล่านไปในครรลอง 
ที่หมายปองขายค้าเพื่อหากิน 

                                               ชนมากมายวุ่นวายแข่งขันเสียง 
                                               ตะเบ็งเถียงราคาค่าทรัพย์สิน 
                                               เรียกตลาดขายขาดเป็นอาจิณ 
                                               หลายชีวินคร่ำเคร่งเก็งราคา 

อีกหนึ่งฝั่งยังเรือนเหมือนต้นไม้ 
สงบกายไร้พล่านขานโทสา 
มีไม้ใหญ่ให้ร่มบ่มธารา 
ไร้แสงสีร้านค้ามาเลียบเคียง 

                                                สองฝั่งคลองมองไปใจตรึกตรอง 
                                                ฝั่งที่ซ้องเซ็งแซ่ด้วยสรรพเสียง 
                                                ไม่ต่างจากชีพเราที่ร้อยเรียง 
                                                สร้างเสบียงโลกีย์ธรรมจนช้ำใจ 

อีกฝั่งหนึ่งเปรียบซึ่งผู้หยุดคว้า 
มีปัญญานำตนพ้นวิสัย 
ทิ้งโลกีย์ไว้อีกฟากฝั่งไกล 
สันโดษในความพร้อมย้อมจิตตา 

                                                        ด้วยความปรารถนาดี 
                                                                พี่ดอกแก้ว 
                                                         7 พฤศจิกายน 2547 				
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพี่ดอกแก้ว