4 ตุลาคม 2547 19:30 น.
พี่ดอกแก้ว
สำหรับผู้ที่รักตนเองมากและรักอย่างถูกต้อง เขาก็จะรักผู้อื่นและปรารถนาดีต่อผู้อื่นอย่างมากด้วย เพราะเขาทราบดีว่า ....ทุกชีวิตต่างมีความทุกข์ ชีวิตของเขาต้องการความสุขความสมหวังอย่างไร ชีวิตของผู้อื่นก็มีความต้องการที่ไม่แตกต่างกัน ชีวิตของเขาไม่ต้องการความทุกข์ความผิดหวังอย่างไร ชีวิตของผู้อื่นก็เป็นดุจเดียวกัน
ดังมีคำกล่าวไว้ว่า ...ตนเองนั้นค้นหาไปทั่วทุกทิศ ก็ไม่พบว่าใครจะเป็นที่รักไปมากกว่าตน ..ชีวิตของคนอื่นทั้งหลายก็เป็นที่รักมากของเขาเหมือนกันอย่างนั้น ..เพราะเหตุนั้น ผู้รักตนจึงไม่ควรเบียดเบียนผู้อื่น
ฉะนั้น ผู้ที่รู้จักรักตนเองอย่างถูกต้องแล้ว จึงไม่ตระหนี่ไมตรีที่จะมอบให้แก่ผู้อื่น ทั้งไม่รอคอยหรือร้องขอเพื่อจะรับจากผู้ใด แต่มุ่งจะมอบให้ผู้อื่นด้วยความเมตตาอย่างเต็มใจ
ความเมตตาจึงเป็นดุจน้ำเย็นที่ชะโลมร่างคนทุกข์โศกให้คลายความเร่าร้อนลงไป ความเมตตาไม่ต้องอาศัยทรัพย์สิ่งของมาเป็นสื่อในการแสดง แต่สามารถแผ่ออกจากใจได้ทันที ..แม้เพียงความคิดว่า ขอให้เขาเป็นสุข...ก็จัดว่าเป็นความเมตตาแล้ว
ท่ามกลางสังคมที่ร้อนระอุไปด้วยการแก่งแย่งชิงดี และภัยทั้งหลาย ตลอดจนภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในขณะนี้... ยิ่งเป็นบททดสอบความเมตตาที่มีอยู่ในใจของแต่ละคน เคยหรือไม่ที่ประสบทุกข์ร้อนแล้วเอาแต่คิดอาฆาตพยาบาทต้องการแก้แค้นหรือเอาคืน? เคยหรือเปล่าที่ยินดีเมื่อทราบว่าเกิดความวิบัติแก่คนที่เราไม่ชอบ? เคยหรือไม่ที่ไม่เคยให้โอกาสหรือให้อภัยใครเลย?
หากความรู้สึกนึกคิดอย่างนี้มีเกิดขึ้นมาก ความสงบร่มเย็นในการอยู่ร่วมกันก็จะลดน้อยลง ...เหตุการณ์ยกพวกตีกัน ตะลุมบอนต่อสู้กันอย่างไม่คำนึงถึงภัยที่ตนเองและผู้แวดล้อมจะได้รับ รวมทั้งการเอารัดเอาเปรียบกันด้วยวิธีการต่างๆ โดยไม่คำนึงถึงความทุกข์สุขของผู้อื่น สิ่งเหล่านี้นับวันก็จะมีปริมาณมากขึ้นในสังคมไทย ...
แม้จะมีเหตุการณ์ร้ายผุดขึ้นอย่างมากมายตามภาพข่าว แต่ยังนับว่าเป็นความโชคดีของคนไทย ที่ยังมีสถาบันแห่งความเมตตาเกิดขึ้นเพื่อให้ความสงเคราะห์แก่ผู้คนที่ได้รับความทุกข์ยากเดือดร้อน เช่น มูลนิธิในพระบรมราชูปถัมภ์ มูลนิธิที่พระบรมวงษานุวงศ์ทรงอุปถัมภ์ มูลนิธิของหน่วยงานราชการ และมูลนิธิของเอกชนต่างๆ เป็นต้น
ทุกคราวที่มีภัยพิบัติเกิดขึ้น ...สายธารแห่งความเมตตาเหล่านี้ก็พรั่งพร้อมหลั่งไหลไปเกื้อกูล แปรเปลี่ยนเสียงสะอื้นไห้กลายเป็นเสียงหัวเราะ อานุภาพแห่งความเมตตานี้นอกจากจะดับเพลิงร้ายในใจลงได้แล้ว ยังสามารถชุบความชุ่มชื่นให้เกิดแก่จิตใจของผู้อื่นได้อย่างน่าอัศจรรย์ เพราะความเมตตา คือ ภาวะของจิตที่มีไมตรีมีเยื่อใยคิดเกื้อกูลให้ผู้อื่นได้รับความสุข ปราศจากความอาฆาตพยาบาทนั่นเอง
และอย่าว่าแต่กับคนภายนอกเลย บุคคลในครอบครัวนั้นก็จะเปี่ยมด้วยความสุข ..ความเมตตาจึงเป็นรากฐานของรอยยิ้มที่สวยงาม รากฐานของความสุขสงบ ดังมีพุทธภาษิตแสดงไว้ว่า "โลโกปตฺถมฺภิกา เมตตา เมตตาเป็นธรรมเครื่องคุ้มครองโลก"
ดุจเกราะแก้วกันไฟใจเร่าร้อน
ช่วยผันผ่อนเรื่องร้ายคลายทุกข์เข็ญ
คิดกูลเกื้อเผื่อแผ่ไปให้ร่มเย็น
ประดุจเป็นธารเมตตาพาสุขเอย
ด้วยความปรารถนาดี
พี่ดอกแก้ว