11 พฤศจิกายน 2551 18:32 น.
พี่ดอกแก้ว
ริมธาราคราเพ็ญเด่นเดือนฉาย
น้อมใจกายยอกระทงขึ้นเหนือขวัญ
อธิษฐานบูชาพระทรงธรรม์
รอยพระบาทเบื้องบรรพกาลมา
อธิษฐานบูชาคงคาคุณ
ที่อุดหนุนชีวีเรานี้หนา
ได้ช่วงใช้ชำระล้างกายา
ใช้ทำมาหากินบนถิ่นไทย
อธิษฐานวันทาบูรพาจารย์
ผ่านห้วงธารผ่านภพทุกสมัย
อำนวยคุณหนุนเคราะห์ให้ห่างไกล
มีชีวิตเป็นไปอย่างร่มเย็น
อธิษฐานพร้อมธูปและเทียนหอม
ขอธรรมย้อมจิตใจให้คลายเข็ญ
รับความสุขสงบงามท่ามคืนเพ็ญ
ชีวิตเย็นเช่นน้ำความเมตตา
อธิษฐานผ่านกระทงคงเป้าหมาย
ให้ชีวิตไม่พลัดพรายจากศาสนา
ให้อยู่ในแผ่นดินธรรมราชา
ให้มีความเพียรกล้าในชีวี
อธิษฐานอีกครั้งยังธารา
ให้ชีวิตถ้วนหน้าในวิถี
ประสบแต่ความสุขทุกฤดี
สมบูรณ์มีในหวังทุกครั้งเทอญ.
5 พฤศจิกายน 2551 10:53 น.
พี่ดอกแก้ว
เหมือนหมอกควันอันหนาคราโรยแสง
ไม่จะแจ้งทิศทางสร้างสงสัย
คล้ายจะรู้คล้ายจะเห็นสิ่งเป็นภัย
แต่กลับเดินเข้าใกล้อย่างหลงทาง
เหมือนจะคว้าจะไขว่เอื้อมได้ถึง
กลับรำพึงถอดใจให้หม่นหมาง
เพียงแค่เอื้อมอีกหน่อยค่อยจับวาง
กลับถอยห่างไม่กล้าน่าเสียดาย
เหมือนจะเป็นของจริงสิ่งสร้างสรรค์
สองมือปั้นผลงานตามมุ่งหมาย
พลันเกียจคร้านวางมืออย่างง่ายดาย
ขาดเพียงลายบางเส้นจะเห็นงาน
เหมือนจะดีมีแต่ความราบรื่น
สุขสดชื่นปรากฏทุกสถาน
พลันฟ้าฝนหล่นพร่างร้างทัดทาน
ความชื่นบานชุ่มโชกกลับโศกใจ
เหมือนจะลิขิตได้ในชีวิต
ดุจมีฤทธิ์เก่งกล้าน่าเลื่อมใส
เพียงภายนอกหลอกภาพฉาบกลิ่นไอ
ไม่มีใครลิขิตแท้ได้แก่ตน
เหมือนจะจริงสิ่งที่ได้พบเห็น
ทุกสิ่งเป็นตามใจได้สมผล
อุปสรรคสิ้นสลายไร้กังวล
ในบัดดลตื่นจากฝันวันฝนพรำ
เหมือนสว่างกลางแสงแห่งภูมิรู้
ยืนมองดูใครเขาเฝ้าคิดขำ
เห็นคนอื่นชัดเจนในทรงจำ
แต่ทำเหมือนผีอำในเรื่องตน
เหมือนจะชัดจัดแจ้งแห่งจริต
เมื่อยิ่งคิดก็ยิ่งมากสับสน
คิดเปะปะคละเคล้าเข้าปะปน
กลายเป็นคนเลือนรางห่างปัญญา