21 มีนาคม 2549 11:37 น.
พี่ดอกแก้ว
มั่นในตนคนเก่งเล็งผลพร้อม
ถูกรุมล้อมกลางวจีที่สรรเสริญ
พูดและทำสิ่งใดดีเหลือเกิน
คนยอเยินว่ารอบรู้ผู้เชี่ยวชาญ
ความเคยชินได้ยินจึงแต่งองค์
สวมชุดผู้ทะนงในคำหวาน
หลงเชื่อตนว่าเก่งไปทุกกาล
จึงดักดานถือแน่แต่จินต์ตัว
ครั้นแผ่นดินผินทางสร้างตระหนก
อีกผืนฟ้าผันผกจนสลัว
คนเก่งกาจเกาะกุมความหวาดกลัว
เริ่มรู้ตัวว่าด้อยน้อยปัญญา
ความทดท้อก่อเกิดเตลิดคิด
หมกมุ่นจิตวกวนล้นปัญหา
เห็นแต่ปวงอุปสรรคเหลือคณา
รำพึงว่าตนเขลาจนเศร้าใจ
เฝ้าตีอกชกหัวระรัวหมัด
หมายกำจัดความไม่รู้ผู้อาศัย
อยากให้ความโศกเศร้าอยู่ห่างไกล
อยากมีไฟส่องสว่างทุกทางเดิน
ที่จริงนั้นเมื่อพลันที่รู้ตัว
ว่าไม่รู้ถ้วนทั่วทั้งผิวเผิน
คือเริ่มรู้เปิดประตูสู่ดำเนิน
เพื่อก้าวเดินเรียนรู้อยู่ต้นทาง
ยิ่งรู้ว่าไม่รู้ในสิ่งไหน
ยิ่งเข้าใกล้เหตุผลพ้นหม่นหมาง
ยอมรับและเรียนรู้ไม่ละวาง
จึงไกลห่างความไม่รู้ผู้มิตรเดิม
ผู้ไม่รู้เปิดประตูสู่ปัญญา
ด้วยศรัทธาความเพียรเรียนรู้เสริม
วิจัยธรรมนำปฏิบัติหัดเพิ่มเติม
ผู้ถือตนคนเดิมละอัตตา
14 มีนาคม 2549 15:11 น.
พี่ดอกแก้ว
ระอุไอไฟวจีทุกที่ถิ่น
ความชุ่มดินรากหญ้าถูกพล่าผลาญ
การกระทบเกิดกระแสอุดมการณ์
ความเดือดดาลแล่นฉิวละลิ่วลม
หลายขบวนชักชวนเชิญชุมนุม
เริ่มเกาะกลุ่มตามจริตคิดผสม
บ้างแอบแฝงแกล้งยุลุอารมณ์
ความเกลียวกลมถีบกายสลายพลัน
คงมิอาจห้ามใครไม่ให้คิด
หรือกั้นปิดชุมนุมกลุ่มสร้างสรรค์
เพราะระบอบเปิดไว้ให้จำนรรจ์
เป็นเสรีสำคัญของชาวไทย
เพียงแต่มองกรองการณ์ผ่านกุศล
มองหลายหนตั้งจิตให้สดใส
การต่อสู้เรียกร้องเพื่อเอาชัย
ทุกฝ่ายล้วนทำไปเพื่อความดี
ทุกเหตุผลอยู่บนงานเพื่อชาติ
ทุกฝ่ายล้วนรักษ์ศาสน์เป็นมิ่งศรี
ทุกกลุ่มต่างจงรักและภักดี
สำนึกพระบารมีถ้วนกมล
หกทศวรรษกางฉัตรไม่ย่อท้อ
ทรงกู้ก่อความเย็นให้เห็นผล
ทรงพลิกฟื้นผืนไทยไร้ร้อนรน
ทรงเปี่ยมล้นพระมหากรุณาธิคุณ
อเนกอนันต์พันประโยชน์และโภชน์ผล
ทรงสละสุขตนเพื่ออุดหนุน
แก่ชาวไทยผู้อาศัยร่มใบบุญ
หลายหลากรุ่นหลายเผ่าทรงเข้าใจ
พระปฐมบรมราชโองการ
กี่วันวารยังกึกก้องและผ่องใส
ใกล้วาระมหามงคลชัย
หวังให้ไทยสิ้นขบวนชนวนวจี
เพื่อพระราชพิธีที่ปรากฏ
ประวัติศาสตร์จารจรดเป็นสักขี
ประเทศไทยงดงามด้วยความดี
ประชาชนต่างมีสุขทั่วกัน
7 มีนาคม 2549 09:37 น.
พี่ดอกแก้ว
สายลมร้อนลิ่วสายไปสู่สวน
ทักทายมวลแมกไม้ใบบางหนา
แตะช่อดอกหยอกไหวกิ่งไปมา
สัมผัสผลหล่นถลาร่วงหาดิน
ตามไปดูหมู่ผลหล่นเสียหาย
ความเสียดายหวงแหนแสนถวิล
โทษแรงลมร้อนร้ายไม่คลายจินต์
พร่ำบ่นไม่สุดสิ้นรำพึงรำพัน
นั่นน่ะหรือคือใจใฝ่ติดลบ
เมื่อใดพบเหตุการณ์ก็หุนหัน
มองแง่ร้ายแง่เดียวเข้าเกี่ยวพัน
แง่ดีนั้นยากมีที่สายตา
ผลไม้มากอยู่ในหมู่ต้น
ที่ร่วงหล่นคือผลมีปัญหา
หล่นมาแล้วเป็นอาหารมดนานา
แมลงลิ้มโอชาสืบชีวี
เหตุการณ์หนึ่งพึงตรองให้มากหน
เพื่อหลุดพ้นแง่ร้ายคลายหมองศรี
แม้เรื่องนั้นจะไม่ใช่เรื่องที่ดี
แต่ก็มีค่าให้รู้เร่งดูตน
ทุกสิ่งนั้นไร้ความมั่นคงแท้
ต้องเปลี่ยนแปรเกิดดับนับหลายหน
พิศครั้งหนึ่งพึงสร้างสรรค์กมล
มองให้พ้นม่านลวงปวงลวดลาย
เมื่อเกิดมีสิ่งที่เป็นปัญหา
อย่าคร่ำครวญเสียเวลาให้มากหลาย
แม้แก้ไขแล้วไม่ดีคืนคลาย
จงยืดกายที่เพียรเพื่อเปลี่ยนแปลง
บางเรื่องราวอย่าเศร้าเมื่อรับรู้
จงมองดูด้วยใจไร้แสลง
ไม่ก่นด่าผู้ใดให้ร้ายแรง
ครองตนพ้นเหตุแห่งอกุศลกรรม