31 สิงหาคม 2548 21:11 น.
พี่ดอกแก้ว
หน้าหม่นหมองร้องไห้เขียนลายเฉา
เมื่อความเหงามาเยือนเป็นเพื่อนบ้าน
ตีสนิทเข้าออกอยู่ไม่นาน
ยึดถิ่นฐานบ้านเราเข้าครอบครอง
ความกังวลเพื่อนอีกคนของความเหงา
เห็นเพื่อนเก่าได้ดีมีข้าวของ
รีบมาเยือนเรือนเหงาเข้าเกี่ยวดอง
ทำปากหวานเรียกพี่น้องสนิทใจ
เจ้าของบ้านถึงกาลไร้ที่อยู่
เพราะความเหงายึดตู้เตียงอาศัย
ความกังวลยึดห้องรับแขกไป
เชิญความกลัวเพื่อนใหม่มาสนทนา
เหลือเพียงเสาสองเสาให้เจ้าบ้าน
เดินทำงานย้ำคิดจิตโหยหา
ก้าวจากเสาต้นแรกตัดอุรา
เดินกลับไปกลับมาตัดไม่ลง
คงเฝ้ามองสองเสาอย่างเศร้าสร้อย
เรือนหลังน้อยไม่สุขดังประสงค์
เล่นวิ่งเปี้ยวกับเยื่อใยไม่คลายวง
พื้นสึกลงกร่อนจิตติดกระดาน
คบเพื่อนผิดคิดสั้นพลันเกิดได้
เพราะไม่คลายปัญหาน่าสงสาร
ทั้งช่วยเติมช่วยซ้ำคำระราน
เป็นเรือนชานไร้ค่าน่าเสียดาย
30 สิงหาคม 2548 17:00 น.
พี่ดอกแก้ว
เหมือนแม่สีที่กระจายในสายน้ำ
แล่นไปตามกระแสแผ่สีสัน
คือความชั่วความดีที่มีกัน
เริ่มหยดนั้นที่ใจไหลผ่านทาง
ไปสู่มือหรือเท้าคราวโทโส
ตบตีกันใหญ่โตฟาดหัวหาง
ไปสู่ปากหลากคำทั้งอำพราง
และบิดเบือนเพื่อสร้างให้สมใจ
หรือเป็นไปในบุญคุ้นกุศล
สีหลากล้นจากจินต์ที่รินไหล
คำไพเราะเสนาะโสตให้อภัย
หรือการหยิบยื่นให้ด้วยเมตตา
คือเส้นสีที่ซ่านจากดาลจิต
แสดงฤทธิ์ครอบครองผองทิศา
หลากสีสันปรากฏในโลกา
ก็เพราะใจสั่งมาให้ไหลริน
แต่ละคนจึงมีสีต่างต่าง
ทั้งเข้มจางเปรียบเป็นเช่นทรัพย์สิน
คือหลักฐานธาตุแท้ของชีวิน
ให้ผู้คนยลยินได้ชัดเจน
29 สิงหาคม 2548 08:06 น.
พี่ดอกแก้ว
มีเรื่องราวปรากฏบทผู้ร้าย
ใส่ชุดอำพรางกายเพื่อแอบแฝง
ลอบเข้ามาขโมยแผ่นลายแทง
แล้วกลั่นแกล้งเขียนเย้ยไม่เผยนาม
ความเจ็บใจแล่นฉิวปลิวตามเลือด
ให้ดาลเดือดในวจีที่เหยียดหยาม
ความโกรธแค้นแล่นไล่ไม่ยอมความ
หมายติดตามผู้ร้ายให้ได้ตัว
จากเจ้าทุกข์เปลี่ยนเป็นเช่นนักโทษ
เพราะความโกรธปรี่ผันจนปั่นหัว
ความระแวงแสดงเดชอย่างน่ากลัว
เริ่มโทษคนใกล้ตัวอย่างคาดเดา
บ้างโทษมิตรคิดกบฏจดข้อหา
บ้างโทษคนไม่ชอบหน้าอย่างขลาดเขลา
บ้างโทษคนกันเองย้อนรอยเรา
บ้างโทษคนที่เข้าใกล้ลายแทง
ยังไม่รู้ผู้ร้ายคนไหนแน่
นักโทษกลับสร้างแผลให้แสลง
สามัคคีมีรอยหวาดระแวง
ความไว้ใจเหือดแห้งจากกมล
สงสัยคนนั้นนี้มีพิรุธ
สังเกตจุดเปลี่ยนแปลงแสดงผล
คาดเดาตามพฤติกรรมอย่างร้อนรน
สรุปการคิดค้นด้วยอัตตา
จึงมากมีผู้ร้ายรายรอบทิศ
ความเป็นมิตรคลายสัมพันธ์ไม่หรรษา
เริ่มเรื่องราวบาดหมางกาลต่อมา
เมื่อนักโทษพลาดท่าโทษผิดไป
คุ้มแล้วหรือถือโกรธโทษไว้ก่อน
แล้วใจร้อนเดาคนที่สงสัย
ดั่งของหายสะพายบาปอาบจิตใจ
จะโทษใครต้องระวังพลั้งผิดตัว
25 สิงหาคม 2548 18:00 น.
พี่ดอกแก้ว
บางสำนึกรู้สึกเหมือนช่างศิลป์
ที่หมายรินความงามและหวามหวาน
ผ่านเส้นสีแสงเงาให้เข้ากาล
มุ่งละลานสายตาเพื่อพาเพลิน
โลกวันนี้มีหมอกหลอกลวงมาก
ยิ่งหลายหลากฉากดีที่ผิวเผิน
โต้อารมณ์ดุดันพลันหมางเมิน
สีดำเกินอัตราพาหม่นมัว
จะไปวาดฟ้าใหม่ใส่สีฟ้า
กระจ่างตาเมฆขาวพราวฟ้าทั่ว
เพื่อให้มีร่มเงาไม่น่ากลัว
เมฆจะเป็นดั่งรั้วกั้นแสงแรง
จะไปวาดต้นไม้ไว้กลางทาง
มีสายธารเคียงไปไม่ระแหง
เพื่อคนเหนื่อยอาศัยไร้ระแวง
แล้วปรับแปลงปรุงใจในศรัทธา
จะไปวาดดาวงามในยามค่ำ
เปลี่ยนฟ้าดำให้กระจ่างหว่างเวหา
แต่งแต้มดวงน้อยใหญ่ดาริกา
ให้พราวฟ้ายามจันทร์นั้นพรากไป
บางสำนึกตรึกไว้ใฝ่เช่นนี้
หวังเพียงมีส่วนสร้างโลกสดใส
แม้กำลังน้อยนิดก็ฝันไกล
จับพู่กันมั่นไว้ไล้สีงาม.
22 สิงหาคม 2548 07:04 น.
พี่ดอกแก้ว
ทางราบเรียบเปรียบพรมน่าชมชื่น
กลับเดินลื่นล้มได้ไม่คาดฝัน
ความตกใจเกิดขึ้นอย่างทันควัน
ใยตัวฉันจึงล้มบนพรมดี
ใครขัดขาหรือว่าขาขัดใคร
หรือมีปมซ่อนในพรมวิถี
หรือเป็นเพราะใต้พื้นหลุมมากมี
หรือเพราะขาแข้งนี้หมดเรี่ยวแรง
อุบัติเหตุเภทภัยไร้กำหนด
คือหนึ่งกฎของกรรมนำแอบแฝง
อยู่เหนือการคาดเดาและแจกแจง
ว่าเมื่อใดกรรมแซงมาถึงตน
ล้มแล้วลุกอาจจุกและเสียหน้า
ยังดีกว่านอนกองครองพื้นหน
ตั้งก้าวใหม่ให้มั่นและอดทน
กล้าผญจบนทางอย่างระวัง