31 มีนาคม 2548 09:43 น.
พี่ดอกแก้ว
บนร่องรอยรูปลักษณ์อักษรา
มิอาจแจ้งเจตนานัยอักษร
ได้ลึกซึ้งถึงรสทุกบทตอน
และมิอาจสะท้อนถึงห้วงใจ
คำบิดามารดาด่าแช่งบุตร
เพื่อให้หยุดทางมารพาลนิสัย
เจตนารักแท้อยู่ภายใน
ตักเตือนให้ได้ดีมีปัญญา
คำสุภาพอาบแฝงแกล้งเสียดส่อ
หมายผู้ฟังให้ก่อไฟโทสา
เกิดความเจ็บและอายขายหน้าตา
เจตนากล่าวคำทำร้ายกัน
สองคำนี้คำไหนใช่คำหยาบ?
คำสุภาพเพื่อทำลายหมายเย้ยหยัน
หรือคำด่าว่ากล่าวด้วยผูกพันธ์
บัณฑิตท่านให้ดู..เจตนา
หากกล่าวถ้อยร้อยพจน์ด้วยรสโกรธ
มุ่งลงโทษผู้ใดด้วยภาษา
คำนั้นแหละคือคำ..ผรุสวาจา
เพราะเจตนาหยาบซ้อนซ่อนคำกล
หากกล่าวถ้อยด้อยสุภาพอาบกระด้าง
ตักเตือนสร้างความเข้าใจไร้สับสน
รักหวังดีไมตรีจิตสิ้นพิษปน
เจตนาจากกมล...ไม่หยาบคาย
เชือดนิ่มนิ่ม...ยิ้มด้วยปาก ถากด้วยตา
แม้นภาษาไพเราะเสนาะหลาย
เปี่ยมสุภาพสุขุมทุกกลุ่มกาย
คือผู้ร้ายตัวจริงสิงผู้ดี
อย่าเข้าใจว่าคำหยาบจะหยาบแท้
อย่าติดแค่กรอบสุภาพฉาบกลสี
อย่าคิดว่าด่าไพเราะเยี่ยมวจี
กรรมเช่นนี้..อุกศล..ผลร้อนเอย
28 มีนาคม 2548 10:20 น.
พี่ดอกแก้ว
ความลี้ลับกับ..กรรม..คำเดียวนี้
บทบาทมีปรากฏสองสถาน
คือความสุขและทุกข์ที่พบพาน
เป็นผลงานจากกรรมผู้นำพา
เพียงประตูของกาลคือม่านมืด
บ่มเพาะพืช..วิบาก..รากพฤกษา
รอปัจจัยให้เหมาะแก่เวลา
จึงผลิผลออกมาให้เชยชม
ใครปลูกไม้อย่างใดในเรือกสวน
ผลทั้งมวลออกตามพันธุ์อันเหมาะสม
ปลูกต้นชั่วมีผลชั่วให้ช้ำตรม
ปลูกต้นดีที่ชมคือผลดี
เจตนา..คือกล้าไม้กลางใจตน
ผู้รับผลก็คือตนไม่อาจหนี
ทั้งสุขทุกข์ตนนั่นแหละสร้างให้มี
หาใช่พรหมท่านชี้ลิขิตใคร
ก่อนก่อกรรมทำการงานสิ่งหนึ่ง
มองให้ซึ้งบึ้งประสงค์ตรงวิสัย
การกระทำครั้งนี้เพื่ออะไร
เบียดเบียนใครหรือเปล่าจงเฝ้าตรอง
เพราะสุดท้ายไปรษณีย์ที่ได้รับ
กรรมจ่าหน้าคืนกลับสู่เจ้าของ
เลือกเอาเถิดจดหมายที่ในซอง
ว่าแจกทองหรือทวงหนี้ที่โกงมา
22 มีนาคม 2548 07:13 น.
พี่ดอกแก้ว
เมื่อวาดหวังตั้งไว้ในสิ่งหนึ่ง
และมุ่งหมายไปถึงความใฝ่ฝัน
นอกจากใจกล้าสู้คู่ชีวัน
สิ่งสำคัญคือความรู้ผู้บอกทาง
หากเป็นเพียงโคถึกคึกคะนอง
หยิ่งผยองแรงเรี่ยวเกรี้ยวโผงผาง
อาจมีเหยื่อมาล่อลงหลุมพราง
ต้องร้องครางเพราะเขลาไม่เท่าทัน
หากเหลิงหลงลมรสพจมาน
มธุรสซาบซ่านจนเคลิ้มฝัน
หวังอาจเปลี่ยนเวียนไปไม่เว้นวัน
เพราะลมปากเขานั้นปั่นให้เมา
หากทดท้อต่อคำตำหนิติง
จนทอดทิ้งหวังไว้ในความเฉา
เลือกความทุกข์คลุกใจจนซึมเซา
ปล่อยความเศร้าเฝ้าความฝันให้ผันแปร
มวลความรู้คือผู้นำสู่ชัย
ให้รู้ภัยหลบพ้นจนไร้แผล
วิชาโลกชาญเชี่ยวเคี่ยวดวงแด
วิชาธรรมรู้แท้ต้องคู่กัน
วิชาโลก...นำให้ใฝ่ฮึกเหิม
และต่อเติมบันไดไปสู่ฝัน
มุ่งสำเร็จในศาสตร์กาจเก่งพลัน
ยิ่งผลักดันให้ก้าวเท้าสู่ชัย
วิชาธรรม...นำพ้นความหม่นหมาง
ข้ามหลุมพรางสรรเสริญเพลินคำไข
ผ่านกับดักตำหนิคำติใคร
รู้ทันนัยคำลวงปวงลิ้นลม
ทั้งพยุงให้มุ่งอย่างสันติ
ไร้อริเคี่ยวขับกับขื่นขม
วิชาธรรมฝึกใจให้มีคม
ตัดอารมณ์ลุ่มหลงคงปัญญา
รู้ประโยชน์ไร้ประโยชน์ไม่โทษใคร
รู้บทกรรมเป็นไปไม่กังขา
รู้อภัยแก้ไขไร้โกรธา
รู้ทิศทางเบื้องหน้าอย่างชัดเจน
11 มีนาคม 2548 01:34 น.
พี่ดอกแก้ว
วางกรอบภาพทาบลงตรงใจนี้
จรดพู่กันจุ่มสีที่สดใส
วาดรูปแบบแยบยลบนหัวใจ
สร้างโครงร่างภายในวิจิตรการณ์
จากความคิดผลิตผลบนความหวัง
ออกคำสั่งกายวาจามาสืบสาน
นำภาพใจไขสู่ผู้ทำงาน
วาดลายกรรมนำการเป็นเรื่องจริง
สิ่งสวยงามความก้าวหน้าพาพบสุข
หรือเลวร้ายซ่อนซุกหน้าผีสิง
อุปกรณ์ทันสมัยให้พึ่งพิง
ถอดแบบจากภาพนิ่งที่หัวใจ
ผู้เก่งกาจ...มิใช่ใครไหนอื่น
ผู้หยิบยื่น..มิใช่ใครที่ไหน
ผู้ขยันขันแข็ง..มิใช่ใคร
ผู้เกียจคร้าน...คือใจเพียงผู้เดียว
คำไพเราะเสนาะโสตน่าโปรดปราน
คำสามานย์หยาบคายหน่ายแลเหลียว
ก่อนเปล่งเสียงออกไปสร้างคลื่นเกลียว
เกิดที่ใจก่อนเลี้ยวเป็นวาจา
ถ้ารู้จักฝึกจิตรู้คิดทำ
เรื่องของกรรมไม่กลายเป็นปัญหา
จิตรกรหัวใจใช้ปัญญา
วาดคุณค่าด้วยสีศีลสิ้นจองเวร
............................................................พี่ดอกแก้ว
ให้เส้นแสงสีเงาเป็นเค้าร่าง
ผ้าใบกางเริ่มเขียนเปลี่ยนเส้นสี
จากพู่กันเพียงหนึ่งซึ่งสุนทรีย์
จิตเพ่งที่มโนภาพเริ่มจับวาง
ไร้จุดหมายเพียรหมั่นพลันเขียนขีด
เปี่ยมปราณีตแน่แน่วแล้วอิงอย่าง
จักบรรยายรูปลักษณ์นักปราชญ์พลาง
ฉันจึงอ้างด้วยเส้นเป็นแสงเงา
สุนทรภู่ครูกวีที่อ้างบท
จิตกำหนดเค้ารูปสรุปเข้า
ว่านักปราชญ์คงเห็นเช่นแสงเทา
มีมืดเค้าดูขลังดังเวทย์มนต์
สุขุมนักยากเขียนเลียนเส้นสี
ซึ่งสุธีเลิศล้ำคำกล่าวกร่น
เขียนแล้วลงเส้นวาดพิลาสดล
แจ่มกมลรื่นคำร่ำจำเรียง
ทัศนศิลปะสะคราญนัก
ให้ประจักษ์ลวดลายหมายงามเยี่ยง
ภูมิทัศน์จัดวางอย่างพอเพียง
ดุจสำเนียงโคลงกลอนตอนประพันธ์
ดูพริ้วไหวกลอนแว่วแนวหวานว่า
เปรียบภาษากวีพจน์รจน์คำฉันท์
สละสลวยร่ายเรียงเยี่ยงพระจันทร์
ซึ่งรังสรรค์ด้วยสีที่เพริศแพรว
ลงสีแดงดุดันบรรยายภาพ
ดุจโคลงกาพย์บางบทรจน์ร้อยแก้ว
ถึงคราวรบเขียนรักมักคงแนว
ก็กาจแกล้วเก่งกล้าสง่างาม
สีน้ำมันพลันป้ายระบายริ้ว
ด้วยแนวนิ้วจิตเพ่งน่าเกรงขาม
ท่านร่ายคำเขียนโคลงบ่งเนื้อความ
น่าติดตามเนื้อเรื่องอันเฟื่องฟู
มิเลอะเทอะเปรอะเปื้อนบิดเบือนภาพ
ยังซึมซาบโศลกซึ้งตรึงใจอยู่
ดุจผลงานวรรณกรรมย้ำวิญญู
ว่าท่านภู่เพรียบพร้อมเพื่อน้อมชม
อันงานเขียนโคลงกานท์ผ่านสมัย
ยังจับใจแจ่มแจ้งสำแดงสม
แม้นภาพเขียนเปลี่ยนกาลพลันหมองตรม
แต่คารมท่านครูมิรู้ตาย ฯ
...........................................................อัลมิตรา
2 มีนาคม 2548 10:05 น.
พี่ดอกแก้ว
รู้ไม่จริงนิ่งเสียไม่เพลียจิต
อย่าเบือนบิดกระบวนความตามใจฉัน
ปากต่อปากฝากสีให้ตีกัน
ที่สุดนั้นไม่เหลือใครให้ใจจริง
รู้เพียงนิดอย่าคิดว่ารอบรู้
ทำเป็นผู้เชี่ยวชาญชำนาญสิ่ง
เปิดช่องว่างรอยโหว่ให้ท้วงติง
คนรู้จริงอาจย้อนสอนให้อาย
รู้เพียงน้อยอย่าพลอยตื่นตระหนก
ลูกตาลตกตีความตามมุ่งหมาย
ให้ใหญ่โตถึงฟ้าถล่มทลาย
ต้องกลับกลายเป็นนักโทษเพราะโจษความ
รู้บางสิ่งอย่าหยิ่งเผยอผยอง
ชูหางเหมือนแมงป่องน่าเหยียดหยาม
ความรู้นิดพิษน้อยทั้งด้อยทราม
อย่าหลงตนกร่างตามความพอใจ
รู้บางกาลนานไปไม่แจ้งชัด
อย่าคิดว่าเจนจัดทุกสมัย
กะลาครอบกบหมอบอยู่ข้างใน
อย่าตีกรอบตนไว้ด้วยอัตตา
รู้เพียงรู้...ว่าตนไม่รอบรู้
แล้วเดินสู่เส้นทางสร้างศึกษา
รู้เฉพาะตนด้วยสติปัญญา
รู้เท่านี้มีค่ากว่ารู้ใด