10 กุมภาพันธ์ 2548 19:29 น.
พี่ดอกแก้ว
ฉันคือหนึ่งซึ่งมีความเป็นฉัน
เธอคือหนึ่งเช่นกันอันเด่นฉาย
หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสองคล้องเคียงกาย
มีความหมายว่าเราเงาของกัน
ในเงานั้นมีฉันเธอเป็นพื้นฐาน
คราวประสานเงาเดียวเกลียวสุขสันต์
คราวแตกแยกเป็นเงาของใครของมัน
มีตัวตนเธอฉันอยู่เหนือเงา
ฉันก็เป็นเช่นนี้ที่ตัวฉัน
เธอก็เป็นเช่นนั้นไม่เหมือนเขา
ต่างก็มีน้ำหนักมิใช่เบา
บวกศักดิ์ศรีเสริมเข้าหนักแทบตาย
แต่ละคนต้องทนกับคนหนึ่ง
ที่หนักอึ้งด้วยกรอบชอบขยาย
หากคิดอยู่ร่วมกันอย่างสบาย
แต่ละฝ่ายต้องลดน้ำหนักตน
ลดความโต่งโก่งศักดิ์หักหาญจิต
ลดความคิดเสรีที่สับสน
ลดระดับมาตรฐานเหนือผู้คน
ลดความชอบส่วนตนอย่ามากเกิน
น้ำหนักคู่จึงอยู่อย่างเหมาะสม
ไร้ขื่นขมตรมจิตคิดห่างเหิน
แคล่วคล่องใจไม่ถ่วงความเจริญ
และเพลิดเพลินเคียงกันวันร่วมเงา
8 กุมภาพันธ์ 2548 16:23 น.
พี่ดอกแก้ว
จากวันที่นายช่างนั่งในบ้าน
แล้วกะการซ่อมแซมแกมเสริมสวย
วางแบบแปลนรับลมรื่นระรวย
แล้วเติมด้วยเสาคานกันบ้านพัง
เริ่มขุดเจาะเคาะแคะแกะซากเก่า
ลงเข็มเสาเข้าพื้นให้ตื้นฝัง
ซ่อมโครงเรือนเปลี่ยนหลังคามุงฝ้าบัง
ลอกผนังทาสีที่เย็นตา
รื้อข้าวของกองสุมกลุ่มเครื่องใช้
บริจาคออกไปให้เติมค่า
เลื่อนตู้เตียงเลี่ยงลากอยู่ไปมา
เหนื่อยกายาทุกวันไข้ครั่นกาย
งานใกล้เสร็จเช็ดถูอยู่ไม่สร่าง
จัดของวางเข้าชุดตามจุดหมาย
ซื้อเครื่องใช้ให้ช่างไม่เว้นวาย
ขับรถจนตาลายเช้าบ่ายเย็น
จนงานเสร็จงดงามตามแผนผัง
บ้านหนึ่งหลังจึงมีดังที่เห็น
กว่าจะสวยงามได้อย่างที่เป็น
เลือดตาแทบกระเซ็นเหนื่อยเหลือเกิน
เพลินมองบ้านผ่านสวนหวนระลึก
คำนวณนึกเวลาอย่างผิวเผิน
หลายเดือนผ่านซ่อมบ้านให้จำเริญ
ต้องดำเนินชีพทนบนเวลา
กว่าจะพบความงามตามเป้าหมาย
ต้องทุ่มเทใจกายมากหนักหนา
และเมื่อความสำเร็จเกิดขึ้นมา
สุขคุ้มกับคุณค่าที่รอคอย
ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบธรรมนำทางจิต
ผู้เดินตามเข็มทิศมิท้อถอย
ฝึกอดทนค้นธรรมที่เลิศลอย
ชีพนิดน้อยพบจุดหมายได้สุขจริง
7 กุมภาพันธ์ 2548 19:40 น.
พี่ดอกแก้ว
เสียงประทัดนัดแรกแหวกอากาศ
สีแดงชาดเริ่มปลิวเป็นทิวแถว
ระรัวตามสายเพลิงที่เริงแนว
ตรุษจีนแล้วไหว้เจ้ากล่าวขอพร
อันดับหนึ่งขอให้ถึงซึ่งความรวย
ไม่เจ็บป่วยมีแต่สุขสโมสร
ให้เซ็งลี้ตั่วถั่งทั้งนั่งนอน
มีทายาทมังกรและหงษ์งาม
และให้บรรพบุรุษอย่าหยุดรัก
คอยพิทักษ์มงคลให้ล้นหลาม
ญาติพี่น้องกลมเกลียวทั้งเขตคาม
หมดสิ้นความทุกข์ยากลำบากกาย
มีวันหยุดชุดใหญ่ให้พักผ่อน
ทัศนาจรปรุงจิตพิษเหนื่อยหาย
ใช้คำพูดที่ดีมาทักทาย
มีรอยยิ้มผุดพรายเมื่อพบกัน
จึงขอร่วมสืบสานประเพณี
สวัสดีปีใหม่ให้สุขสันต์
หวังสิ่งใดในสิ่งสารพัน
สมหวังในสิ่งนั้นอย่างสมบูรณ์
จะเซ็งลี้ที่ใดให้ตั่วถั่ง
เฮงไหลหลั่งไล้ไล้ไม่เสื่อมสูญ
รับอั่งเปาทบต้นผลค้ำคูณ
ทรัพย์เพิ่มพูนฮวดใช้ไปทุกปี
4 กุมภาพันธ์ 2548 20:31 น.
พี่ดอกแก้ว
วิพากษ์กันกว้างขวางอ้างแหล่งข่าว
แล้วสืบสาวล้วงไส้ไขความหลอน
เคยเป็นเสือจัดซุ้มคุมฆาตกร
บ้างลดทอนเงินตราค่าติดดิน
อีกแปรรูปแปลงร่างสร้างทุนใหม่
หนุนกลไกช่วยเหลือเกื้อทรัพย์สิน
เปิดกฎหมายให้โหว่โผล่หากิน
คอยพลิกลิ้นเปลี่ยนฝ่ายอยู่ไปมา
สาดวาทะคละสีตีเข้าใส่
เพื่อชิงชัยในอำนาจวาสนา
หลายสิบปีเป็นเช่นนี้ทุกครั้งครา
อย่าระอามองให้ชินที่ยินยล
ต่างหน้าที่มีบทบาทอย่าขาดสิทธิ์
อย่าได้คิดเบื่อหน่ายขยายผล
จนลืมเลือนหน้าที่ประชาชน
แต่ละคนต้องไปใช้สิทธิ์กัน
ไว้ใจใครก็กาถ้าถูกใจ
ไม่เลือกใครก็กาอย่าหุนหัน
ไปใช้สิทธิ์เลือกไม่เลือกนั้นสำคัญ
เป็นเบื้องบรรพ์หน้าที่ของคนไทย
หวังจะได้ผู้แทนแสนซื่อตรง
เราต้องคงหน้าที่อย่าสงสัย
นอนทับสิทธิ์ตนเอง..แล้วบ่นไป
จะว่าใคร..ต้องทำตนพ้นคำติง
2 กุมภาพันธ์ 2548 11:37 น.
พี่ดอกแก้ว
ละอองผ่านม่านแสงแฝงกายพลิ้ว
หมดลมปลิวปลดร่างลงกลางหน
เป็นฝุ่นผงตามพื้นติดสกล
ยิ่งร่วงหล่นยิ่งเห็นเป็นคราบไคล
หากไม่ปัดเช็ดถูอยู่เนืองนิจ
ฝุ่นหนาติดดุจรากยากผลักไส
ต้องเหน็ดเหนื่อยทั้งกายและจิตใจ
เพื่อคืนความวิไลให้ดังเดิม
เหมือนความชั่วกลั้วกล้ำย้ำทำชั่ว
ไม่เกรงกลัวเปื้อนใจใฝ่เห่อเหิม
จนเคยชินเป็นนิสัยใส่ชั่วเติม
กลายเหิมเกริมเป็นสันดานผู้พาลชน
ไม่ดัดไม้ยามอ่อนตอนวัยเยาว์
ปล่อยความเขลาเลี้ยงรากหลากเป็นผล
แข็งกระด้างสร้างกิ่งอัปมงคล
ให้เกะกะเสียจนอันตราย
ยามฉกรรจ์ไม่หันหาความดี
จวบชราเปลี่ยนวิถีก็เมื่อสาย
ความทรงจำถดถอยทั้งร่างกาย
ความเคยชินมากมายมาเป็นมาร
ความประมาทในวัยทำให้พลั้ง
พลาดโอกาสปลูกฝังธรรมสู่ฐาน
ขาดความเพียรเวียนให้ทุกข์เนิ่นนาน
วนสังสารคร่ำคร่าหนาอธรรม