9 กันยายน 2547 23:05 น.
พี่ดอกแก้ว
พื้นภูมิปูมนี้ที่มนุษย์
เพียงหยุดยืนอยู่ชั่วขณะ
เดินทางมาด้วยศีละ
เบญจธรรมส่งตรงมา
แตกต่างห่างไกลในโคตร
ดีโฉดเลิศลอยด้อยค่า
มีทรัพย์ไม่เทียมศักดา
เพราะว่าต่างกรรมทำตน
ที่ควรหวนคิดติดเตือน
มิอาจลบเลือนอดีตผล
ต้องสร้างกรรมใหม่ให้ตน
เพื่อพ้นผองภัยในชีวี
อวดยศยิ่งใหญ่ให้บ้า
อัตตาแน่นหนักศักดิ์ศรี
อยู่สูงอาจจมปฐพี
หามีสิ่งใดแน่นอน
เกิดตายมากมายพริบตา
ปัญญาควรเร่งถ่ายถอน
เลือกทางงดงามสัญจร
เมื่อพบกองฟอน..ไม่ร้อนรน
9 กันยายน 2547 09:01 น.
พี่ดอกแก้ว
งามเด่นดรุณวัลย์
ผกาพันธุ์แย้มยวนตา
หลงใหลในทัศนา
จนลืมความตามที่เป็น
หน่วงเหนี่ยวน้อมอารมณ์
เคลือบผสมสิ่งที่เห็น
รวมภาพฉาบประเด็น
เป็นเรื่องราวทุกคราวมอง
มนต์มารผสานอุรา
ติดตรึงตาคู่ทั้งสอง
แปลงสารไม่ผ่านตรอง
จึงเรื่องยาวทุกคราวชม
หม่นไหม้ไร้สุขสบ
ได้เพียงพบแต่ขื่มขม
หรือชื่นระรื่นรมย์
ก็เพราะเรื่องที่เปลืองความ
วงล้อก่อรอบจักร
รอบวงปลักไม่เข็ดขาม
เจียนตายจึงหมายตาม
หาทางรอดปลอดพิษภัย
ได้พบมนต์ชีวิต
ร่ายสะกิดเพื่อแก้ไข
ธัมมจักรสลักใจ
ย้อนกงล้อต่อต้านมาร
เมื่อพิศจึงพึงเพ่ง
ได้แลเล็งถึงแก่นสาร
ที่กระทบทุกทวาร
เพียงรูปนามหางามใด
สิ้นเรื่องที่เปลืองความ
สิ้นนิยามให้ครวญใคร่
สิ้นแรงกงล้อใจ
สิ้นสงสัยสัจธรรม
8 กันยายน 2547 16:45 น.
พี่ดอกแก้ว
เสียงไชโยโห่ร้องก้องสนาม
ภาพของความยินดีปรี่ใบหน้า
ชัยชนะเหรียญทองของกีฬา
ส่งประกายเจิดจ้าสะกดใจ
ให้คึกคักคึกครื้นจนตื่นเต้น
เมื่อได้เห็นธงชาติปลิวไสว
ด้วยภาคภูมิในเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
ประกาศศักดิ์เกรียงไกรให้โลกยล
บนรางวัลเหรียญทองกล่องนำโชค
ไล่ทุกข์โศกเคราะห์ร้ายอย่างได้ผล
ทิ้งไปสิ้นกลิ่นไอของความจน
กลายเป็นคนมีค่าสง่างาม
เหนือทรัพย์สินเงินทองที่กองให้
เหนือขบวนเกริกไกรที่แหนหาม
เหนือสิทธิพิเศษในเขตคาม
คือเครื่องราชฯทรงนามดิเรกคุณาภรณ์
ย้อนมองภาพข่าวคราวกล่าวยินดี
โอลิมปิกคราวนี้เป็นอุทาหรณ์
นโยบายเรืองรุ่งฟุ้งขจร
เมืองอมรประโคมข่าวทั้งเช้าเย็น
พลันนึกถึงนักเรียนนักศึกษา
เข้าชิงชัยปัญญาให้พบเห็น
โอลิมปิกวิชาการอย่างลำเค็ญ
ผ่านด่านเป็นผู้ครองชัยในวิชา
หากผู้ใหญ่ให้เงินทุนหนุนช่วยบ้าง
การศึกษาจะไม่ร้างไร้ปัญหา
ความสมบูรณ์ทั้งร่างกายและปัญญา
จะเกิดทั่วพาราแผ่นดินไทย
อย่าให้แรงแกร่งกายไร้สมอง
คนไทยต้องมีปัญญาน่าเลื่อมใส
งามสง่าท่วงท่าทุกช่วงวัย
มิใช่งามเช่นพลุไฟเพียงครู่เดียว
7 กันยายน 2547 21:19 น.
พี่ดอกแก้ว
ฟังเพลงไผ่ไหวกอคลอสายลม
เสียงผสมใบระบัดที่พัดไหว
ท่วงทำนองผูกรัดมัดหัวใจ
ให้เผลอไผลวาบหวามยามคำนึง
รอยยิ้มบางข้างแก้มแซมใบหน้า
ริมธาราครานั้นพลันนึกถึง
คำสัญญาเพลงไผ่...ให้ตราตรึง
ระลึกถึงเรื่องราวคราวสุขใจ
เคยมีคำพูดงามบอกน้ำจิต
จากมิ่งมิตรเคล้าคลอกอไผ่ไหว
วาดความฝันแสนหวานซ่านฤทัย
ฟังเพลงไผ่กล่อมพลิ้วทิวทุ่งทอง
ลมเอนกอล้อไผ่ให้เปลี่ยนทิศ
คู่เคียงคิดเอนใจไม่สนอง
เวลาแปรคนเปลี่ยนความใฝ่ปอง
สร้างความฝันสำรองเดินจากไป
รอยยิ้มบางกลางใจไม่ปวดร้าว
ม่านใบไผ่หล่นพราวเสียงสดใส
ดึงสำนึกกลับมาที่หัวใจ
ผ่านมาแล้ว..ผ่านไป ไม่เหมือนเดิม
7 กันยายน 2547 07:59 น.
พี่ดอกแก้ว
ศิลาทรายหลายแท่งบนแหล่งหล้า
ต่างราคา ความงาม และความหมาย
มีเกลื่อนกล่นบนหนถูกทิ้งดาย
แต่บางแท่งกลับกลายเปี่ยมความงาม
แกะสลักสักลายในเนื้อผิว
ใช้ฆ้อนสิ่วสกัดพร้อยดั่งรอยหนาม
แล้วขัดผิวริ้วรายให้ได้ความ
เกิดความงามเพราะถูกบั่นหั่นเนื้อทราย
ยิ่งประณีตยิ่งกรีดยิ่งสกัด
ยิ่งขุดขัดยิ่งแต่งแบ่งเส้นสาย
ยิ่งวิจิตรบรรจงลงลวดลาย
ยิ่งใช้คมมากมายของเครื่องมือ
จึงงดงามยามพิศจิตซึมซาบ
บางคราวกราบบูชาพายึดถือ
บางชิ้นเป็นมรดกเลื่องระบือ
ตั้งราคาให้ซื้อปฏิมากรรม
ดั่งมนุษย์ผู้งามด้วยความดี
ต้องขัดสีเรือนใจให้เข้มขำ
ด้วยทาน ศีล ภาวนา มากระทำ
จึงน้อมนำเหนือระดับปรับจิตใจ
อุปสรรคคือมีดกรีดลงลาย
อย่าเหนื่อยหน่ายทดท้อพ้อหมองไหม้
อดทนรอผลงานอันวิไล
อย่าปล่อยใจให้เป็นหินใต้ดินดอน