14 กันยายน 2547 05:39 น.
พี่ดอกแก้ว
คราวกระทบพบอารมณ์ปมปัญหา
ความรู้สึกเกิดตามมาใช่หรือไม่
คือสุข-ทุกข์ ไม่ชอบ หรือชอบใจ
เป็นเวทนาเกิดให้รู้สึกกัน
พลันที่ใจไหวตามเวทนา
ชอบ..นำสู่ตัณหาให้ยึดมั่น
หากไม่ชอบ..ก็ค้นหาใหม่เช่นกัน
เพราะใฝ่ฝันจะพอใจในเรื่องกาม
เมื่อผูกติดฤทธิ์รสกามกำซาบ
ไม่กำราบจึงก่อกรรมนำภพสาม
เป็นเหตุในปัจจุบันนำเงื่อนความ
เกิดติดตามต่อไปให้ร้อนรน
ที่กระทำเช่นนี้มีเหตุว่า
อวิชชา-สังขารผสานผล
เป็นต้นเหตุสำคัญอันแยบยล
อำนวยพลกิเลสมารสำราญใจ
ใช้อะไรตัดตอก่อวัฏฏะ?
ต้องเพียรละกิเลสเหตุหมองไหม้
ด้วยความเพียร สติมา ปัญญาไว
เจริญในกรรมฐานการวิปัสสนา
12 กันยายน 2547 20:03 น.
พี่ดอกแก้ว
พืชบางพันธุ์เจ็ดวันได้กินผล
หรือได้ยลความสมบูรณ์พูนสดใส
เพียงไม่นานเบิกบานได้ทันใจ
แต่แล้วพลันทันใดไร้ต้นดี
พืชบางพันธุ์หลายเดือนจึงเคลื่อนผล
ให้เต็มต้นดื่นตาพาสุขศรี
รอนานบ้างขว้างปุ๋ยในบางที
แต่ผลมีไม่กี่หนต้นก็ตาย
พืชบางพันธุ์นานปีจึงมีผล
แต่ละต้นต้องดูแลอย่างมากหลาย
ให้อาหารให้ปุ๋ยไม่ดูดาย
แต่ให้ผลมากมายหลายสิบปี
เหมือนความดีที่เริ่มต้นผลยังน้อย
อย่าเลื่อนลอยว่าครั้งแรกจะสุขศรี
ทำบ่อยบ่อยผลน้อยก็มากมี
ทำนานนานความดีให้ผลนาน
12 กันยายน 2547 06:43 น.
พี่ดอกแก้ว
ณ เส้นโค้งริมใจได้พบรัก
มาเยี่ยมกรายทายทักอย่างอ่อนหวาน
ณ เส้นที่แบ่งครึ่งกึ่งดวงมาลย์
ได้พบพานศรรักปักกลางทรวง
ไม่เคยเจ็บปวดใจในคมศร
มิคิดถอนศรปักรักแหนหวง
แต่กลับเจ็บเจียนสลายใจทั้งดวง
เมื่อศรรักหล่นล่วงจากดวงใจ
ใช้น้ำตาล้างแผลแก้พิษศร
ยิ่งเหมือนกรดกัดกร่อนให้เกรียมไหม้
ขื่นขมจิตพิษแพร่อยู่ภายใน
ทำลายความสดใสถึงดวงตา
ภาพคมศรย้อนใจให้เจ็บปวด
เมื่อร้าวรวดยิ่งคว้าไขว่ในปรารถนา
อยากพบความอ่อนหวานที่ผ่านมา
และบางคราอยากตัดใจให้พ้นรอย
ณ เส้นโค้งริมใจในวันเหงา
ฟังเพลงเศร้าเคล้าคลอให้ท้อถอย
แผลรักริปริแตกแยกหลายซอย
สร้างริ้วรอยประสบการณ์งานพ่ายรัก
11 กันยายน 2547 07:31 น.
พี่ดอกแก้ว
ใจดวงหนึ่งเดินทางอย่างเดียวดาย
ค้นความหมายไล่ตามความใฝ่ฝัน
ไร้ชำนาญหลงทิศติดทางตัน
จนเสียขวัญเสียใจได้น้ำตา
ย้อนออกทางสายเก่าเศร้าระทม
ฟังเสียงข่มเยาะเย้ยเอ่ยครหา
เขาถากถางให้ยินคำนินทา
แบกความอายกลับมายังต้นทาง
อ้างว้างใจไร้กำลังจึงรั้งก้าว
หยุดสืบเท้าแต่ก้าวใจไปในหมาง
ครุ่นคิดคำที่ปวดใจไม่ละวาง
ตกหลุมพรางอับอายกลายโกรธา
โทษผู้อื่นว่าหยันให้หวั่นใจ
คำพูดนั้นคือภัยที่หนักหนา
เป็นศัตรูตัวฉกาจฟาดบีฑา
ทำลายทางตรงหน้าไม่ให้เดิน
แท้ศัตรูตัวร้ายใช่ใครอื่น
ความกลัวคือผู้ยื่นความขัดเขิน
ความกลัวคือผู้ล้าไม่กล้าเผชิญ
ความกลัวคือผู้เมินความตั้งใจ
ในโลกนี้ไหนเลยมีนักเดินทาง
ไม่เคยคว้างหลงทิศจิตหมองไหม้
ไม่เคยผ่านตรอกช้ำวาจาภัย
ไม่เคยตัดสินใจผิดสักครา
ความล้มเหลวใช่เลวร้ายไปทั้งหมด
ที่เลวร้ายทุกหยดคือไม่กล้า
และที่ควรแซ่ซ้องปองปรีดา
คือความกล้าก้าวข่มความล้มเหลว
11 กันยายน 2547 07:22 น.
พี่ดอกแก้ว
ในราวป่าพร่าพรายใบไม้เขียว
ทรงเกาะเกี่ยวเรียวประดู่สู่พระหัตถ์
ตั้งปุจฉาภิกษุผู้ครองวัตร
ใบในหัตถ์กับป่าไหนใดมากกัน
ประดู่ลายคลายลงที่ตรงหน้า
ทรงเทศนาสัพพัญญูที่รู้สรร
ในทุกสิ่งมากมายเอนกอนันต์
ทรงกรองกลั่นมาเฉพาะเปลาะความดี
ให้ภิกษุได้ทะลุอวิชชา
ตามพระธรรมเทศนาอย่างถูกที่
คลายกำหนัดสงัดสงบพบเสรี
คือสิ่งที่ทรงสอนรอนทุกข์ภัย
ที่นอกเหนือเหลือกล่าวคือราวป่า
มิได้มีคุณค่าที่ตรงไหน
ในกำมือคือพระธรรมอันอำไพ
ลบชีวิตปลิดใบไม่เกิด