30 กันยายน 2547 06:38 น.

กลางชลา

พี่ดอกแก้ว

คำโบราณท่านเปรียบเทียบพ่อแม่ 
ผู้ดูแลฟูกฟักสร้างหลักฐาน 
อบรมเลี้ยงบุตรน้อยให้เติบพาน 
อุปมาท่านจารดุจถ่อแพ 

หากครอบครัวรั้วพังไม่รั้งล้อม 
ความตรมตรอมคืบคลานปานร่างแห 
หากมารดาร้างเรือนเหมือนแตกแพ 
สิ้นบิดาเพียงแค่ถ่อหักพัง 

หลายชีวิตไร้สิทธิ์ความสมบูรณ์ 
หมดพระคุณค้ำคูณให้ความหวัง 
ลอยชีวิตกลางชลวนน้ำวัง 
ไม่พบฝั่งฝังร่างกลางชลา 

กลายเป็นคนล้นทรามไร้ความหมาย 
สร้างพิษภัยมากมายให้ปัญหา 
แต่บางคนกลับได้ดีมีปัญญา 
แม้นเขาหยามกำพร้าหาหม่นใจ 

ผู้ประมาทขาดเป้าหมายในสิ่งดี 
มักไร้เพียรเรียนชีวีเพื่อสดใส 
เป็นลูกแหง่พึงพ่อแม่อยู่ร่ำไป 
คราวสิ้นไร้พ่อแม่แพอัปปาง 

หากไม่ขอรอเขามาเอาใจ 
ดูแลตนเองไซร้ใฝ่สะสาง 
จัดระเบียบชีวีเป็นที่ทาง 
ไม่โรยร้างสร้างแรงแห่งฤดี 

เพียงเท่านี้จึงพอมีแรงช่วยพาย 
แม้แพแตกแยกย้ายถ่อร้างหนี 
การฝึกตนจักช่วยตนกลางนที 
ว่ายชีวีหาฝั่งไม่ฝังจม
				
29 กันยายน 2547 00:36 น.

ฝ่ามรสุม

พี่ดอกแก้ว

กลางนที..ไม่เคยมีที่ไร้คลื่น 
เปรียบชีวิตไม่ราบรื่นบนวิถี 
มีสงบและคลื่นลมโหมชีวี 
สลับกันอย่างนี้ทุกเวลา 

อย่าหาความแน่นอนตอนชีพรั้ง 
หายใจทุกคราวครั้งควรผวา 
อาจเพียงได้หายใจเข้าแค่หนึ่งครา 
หรือหายใจออกมาไม่เข้าไป 

ในชีวิตล้วนประชิดศัตรูเก่า 
ตามมาทวงหนี้เราอย่างรุกไล่ 
ความเจ็บป่วย ผิดหวัง นั่งกลุ้มใจ 
คืออาการแพ้ในศัตรูเดิม 

ยิ่งพ่ายแพ้ก็ยิ่งแก้ด้วยพิษร้าย 
ไม่ผ่อนคลายด้วยไมตรีที่สร้างเสริม 
เพาะพืชพันธุ์ศัตรูให้เหิมเกริม 
ด้วยการเพิ่มอกุศลบนชีวี 

หลีกความร้ายย้ายใบเรือชีวิต 
ประเทืองจิตด้วยเมตตาพาหลบหนี 
ถือหางเสือสู่ทิศสวัสดี 
ฝ่าพายุชีวีด้วยสร้างบุญ				
27 กันยายน 2547 20:00 น.

อารมณ์ของใจ

พี่ดอกแก้ว

กาลเวลาพัดพาความแตกต่าง 
มาพบกันกลางทางระหว่างฝัน 
คนสองคนกับสองใจที่ไกลกัน 
มาสืบสานสัมพันธ์เป็นหนึ่งใจ 

เริ่มพื้นที่มีความหมายเชื่อมใจสอง 
กำหนดกรอบครอบครองจองพิสัย
ลงสีพื้นกลืนความต่างที่ห่างไกล
เป็นเฉดใหม่สีอ่อนผ่อนปรนกัน 

เมื่ออารมณ์งดงามตามหมายปอง 
ใจทั้งสองผสมสีที่สุขสันต์ 
แล้วแต่งแต้มดอกไม้นานาพันธุ์ 
เต็มสวนฝันกลิ่นหอมย้อมฤดี 

ยามเมื่อใจได้รับ...ความสดชื่น 
จึงร่มรื่นพันธุ์ไม้ระบายสี 
วาดพู่กันสานใบเขียวขจี 
คลุมพื้นที่ของใจให้ร่มเย็น 

ความอ่อนหวาน...บันดาลให้ใช้สีฟ้า 
วาดนภาสดใสไร้ขุ่นเข็ญ 
ความอบอุ่นให้แสงงามยามเช้าเย็น 
ลงสีเป็นลายทองของตะวัน 

ความหม่นเศร้า...คราวร้างห่างกันไกล 
วาดใบไหวไม้ร่วงควงโศกศัลย์ 
ทับถมพื้นสีน้ำตาลพาลจาบัลย์ 
จรดพู่กันแต้มสีเทาคราวเหงาใจ 

คราวแตกหัก...พักใจไม่สมาน 
ผสมสีลงจานอย่างหมองไหม้ 
ระบายสีดำด่างกลางหทัย 
ดั่งคืนแรมที่ไร้เพ็ญนภา 

ครารักชื่น...ฟื้นค่ามาใกล้ชิด 
สีของมิตรถูกฉาบลงตรงท้องฟ้า 
กลบสีดำให้จางบางเบาตา 
วาดเมฆขาวพราวฟ้าพาเบิกบาน 

จุ่มพู่กันฝันใฝ่ในจานสี 
แล้วแต่งแต้มฤดีที่สืบสาน 
ความรู้สึกลึกซึ้งตรึงดวงมาน 
ปรากฏการณ์จิตรกรรมย้ำอารมณ์ 

ในกรอบภาพอาบสีที่หลากหลาย 
ความรู้สึกมากมายส่วนผสม 
ทั้งรูปลักษณ์แสงเงาที่น่าชม 
คืออารมณ์ของใจที่ใกล้กัน 
				
26 กันยายน 2547 07:53 น.

สะท้อนเงา

พี่ดอกแก้ว

 กระจ่างแสงโสมส่องจากท้องฟ้า 
เกลื่อนนภานุ่มนวลชวนเคลิ้มฝัน 
เขียนนิยายมากมายเรื่องดวงจันทร์ 
หนึ่งในนั้นมีกระต่ายที่หมายปอง 

สะท้อนเงาเมียงเฝ้าหวังชมเชย 
แม้มิเคยคิดเป็นเช่นเจ้าของ 
แต่ยังคิดใช้สิทธิ์แห่งการมอง 
เพื่อจับจองเก็บไว้ในเงาจันทร์ 

บทนิยายให้ฉากความต่ำต้อย 
สูงสุดสอยหมดสิทธิ์จะคิดฝัน 
มีชีวิตอย่างกระต่ายที่หมายจันทร์ 
แต่อีกด้านหนึ่งนั้นกลับสุขใจ 

ไร้สิทธิ์คว้ามาเคียงไม่เถียงสิทธิ์ 
แต่ไม่ริดเสรีที่ฝันใฝ่ 
มีสิทธิ์มองและมองตลอดไป 
หากรู้จักสิทธิ์ไซร้ไม่ระทม 

ในเหตุการณ์ใดใดที่ร้ายแรง 
หากเปลี่ยนแปลงมุมมองลองผสม 
อาจพบสุขปลุกใจไม่ทุกข์ตรม 
เหมือนกระต่ายได้ชมดวงจันทร์งาม 
   				
24 กันยายน 2547 21:42 น.

หนีไม่พ้น..กองฟอน..

พี่ดอกแก้ว

พื้นภูมิปูมนี้ที่มนุษย์ 
เพียงหยุดยืนอยู่ชั่วขณะ 
เดินทางมาด้วยศีละ 
เบญจธรรมส่งตรงมา 

แตกต่างห่างไกลในโคตร 
ดีโฉดเลิศลอยด้อยค่า 
มีทรัพย์ไม่เทียมศักดา 
เพราะว่าต่างกรรมทำตน 

ที่ควรหวนคิดติดเตือน 
มิอาจลบเลือนอดีตผล 
ต้องสร้างกรรมใหม่ให้ตน 
เพื่อพ้นผองภัยในชีวี 

อวดยศยิ่งใหญ่ให้บ้า 
อัตตาแน่นหนักศักดิ์ศรี 
อยู่สูงอาจจมปฐพี 
หามีสิ่งใดแน่นอน 

เกิดตายมากมายพริบตา 
ปัญญาควรเร่งถ่ายถอน 
เลือกทางงดงามสัญจร 
เมื่อพบกองฟอน..ไม่ร้อนรน 

				
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพี่ดอกแก้ว