17 สิงหาคม 2547 09:43 น.
พี่ดอกแก้ว
รัตติกาลม่านฟ้าพาใจผ่อง
เห็นแสงทองส่องประกายในสายฝัน
สีเหลื่อมพรายลวดลายสายสัมพันธ์
ให้บากบั่นก้าวไปในมรรคา
อาจเหนื่อยท้อรอร้าวคราวพบเข็ญ
ก็ดุจเป็นบททดสอบตอบปัญหา
ว่ากล้าแกร่งเท่าใดในชีวา
มีเป้าหมายหรือว่าเลิกล้มไป
ไม่มีใครไม่เคยล้มจมรอยก้าว
เพียงแต่ผู้ปวดร้าว..ไม่ก้าวใหม่
หากยังมีผู้ที่ก้าวต่อไป
ได้พบกับหลักชัยที่งดงาม
ดุจราตรีมีความยากลำบาก
และทุกข์ยากหนาวเหน็บเจ็บรอยหนาม
และทิวาคราสุขสนุกยาม
คือฉากงามของชีวีที่มีค่า
17 สิงหาคม 2547 09:31 น.
พี่ดอกแก้ว
ตะวันลาฟ้าหมองครองความหม่น
ผ่านเวลามาจนใกล้พลบค่ำ
กายที่แกร่งเริ่มอ่อนแรงแฝงความช้ำ
ใจที่ตรำตรากการงานถึงกาลโรย
มองลำแสงสุดท้ายที่ปลายฟ้า
เอ่ยคำลากับดวงใจที่แห้งโหย
อย่าสิ้นแรงพร้อมตะวันที่ร่วงโรย
เจ้าจงโปรยรัศมีที่งดงาม
ยังมีผู้มืดมิดไร้ทิศหลง
และบุกฝ่าป่าดงกลางพงหนาม
ในคืนค่ำราตรีที่คล้อยยาม
รอรับความช่วยหลือเกื้อชีวี
อย่าเสียดายมาลีที่กลีบท้อ
และพันห่อเกสรซ่อนลายสี
จงไปดอมบุปผาราชาวดี
ส่งกลิ่นหอมย้อมเสรีราตรีกาล
ตะวันเร้นเช่นหลบหน้าอย่าท้อทอด
จงโอบกอดบุหลันไว้ด้วยใจหาญ
ทุกนาทีมีค่าเอนกการณ์
ใช่ทุกสิ่งจะอวสานต์เพระตะวัน
จะขืนดวงจันทราอย่าปรากฏ
จะรั้งรถทินกรอย่าคลอนฝัน
ไม่อาจรั้งหรือขืนได้ดุจเดียวกัน
ต่างเส้นทาง..ต่างความฝัน...ถึงวันลา
17 สิงหาคม 2547 09:24 น.
พี่ดอกแก้ว
แสงสะท้อนตอนสุดท้ายใกล้จะค่ำ
ส่องเป็นลำลางเลือนเหมือนภาพฝัน
ฟ้าระยับจับเมฆเฉกสุวรรณ
ผ่องอำพัน..สีเพลิง..ใกล้เชิงพลบ
ตะวันลาฟ้าลงตรงซอกเขา
เหลือเพียงเงาทอดไว้ให้ประสบ
เหมือนรอยซึ้งเศร้ากมล...คนเคยคบ
มาหลีกหลบแรมร้างไปห่างกัน
เห็นโสนปลายหนองที่นองน้ำ
เหมือนจะย้ำสัญญาว่ายังมั่น
เสียงลมหวลครวญคร่ำเหมือนรำพัน
มาปลอบขวัญคนที่ฤดีตรอม
ดอกพยอมเริ่มขยับพับกลีบห่อ
เหมือนทดท้อหฤทัย...เพราะไม่หอม
ซ่อนเกสรที่ส่อว่าซ่อซอม
โอ้พยอมหมองหม่นเช่น..คนนี้
ก่อนระพีพุ่งฟ้าจะลาลับ
ยังทอดทับเงาแจรงเป็นแสงสี
แต่ขวัญเอยเลยร้างห่างฤดี
ช่างไม่มี..น้ำใจ..อาลัยลา
แสงสีส้มจมหายลายฟ้าลบ
เมื่อเชิงพลบพร่ามัวไปทั่วป่า
ด้วยคนเคยเผยใจไร้ราคา
จำก้มหน้าจากกันแต่วันนี้
16 สิงหาคม 2547 16:59 น.
พี่ดอกแก้ว
เมื่อเข็มยาวสาวเท้าไปเบื้องหน้า
บอกเวลาไม่คงที่...มีแปรผัน
เมื่อเข็มสั้นก้าวเดินจนทันกัน
ปรับชั่วโมงคืนวันให้เปลี่ยนไป
ใบไม้ผลิริเริ่มเติมกิ่งช่อ
เขียวลออ...เข้มข้นบนก้านไหว
สีส้มแดงแฝงร่างลงกลางใบ
แล้วเปลี่ยนไปเป็นน้ำตาลร่วงลานดิน
ดอกไม้แย้มกลีบสวยด้วยกลิ่นสี
ช่อมาลีประดับหล้าพาถวิล
ครั้นผ่านแสงแรงฝนหล่นหลั่งริน
กลีบก็สิ้นกลิ่นสีที่มีมา
เพียงชั่วคราวไม่ยืนยาวในสวยงาม
เพียงชั่วยามที่ฉกรรจ์ความหรรษา
เพียงชั่วครู่อยู่ดูโลกอันโสภา
เพียงเพราะว่า...ชีวิตนั้นไม่มั่นคง
10 สิงหาคม 2547 23:26 น.
พี่ดอกแก้ว
กาพย์ยานี ๑๑
..๏ พระคือมิ่งมงคล........................................สิริชนเชิดชาติไทย
ทรงแผ่พระเกียรติไกร.................................สู่แหล่งหล้าบ่าแผ่นดิน
..๏ รักษ์ป่ารักษาน้ำ................................ทั่วเขตคามไม่สุดสิ้น
ป่าโทรมได้ชุ่มสินธุ์.............................ชีพสัตว์ป่าพ้นตักษัย
..๏ ทรงเสริมอาชีพสรรค์.................................ศิลปาชีพพลันทั่วแดนไทย
ทั่วโลกประทับใจ.........................................ศิลปกรรมนำไทยงาม
..๏ ห้วยแล้งแห้งน้ำขอด..........................กลับเริงรอดน้ำไหลหลาม
ผืนป่าพนาราม.....................................คืนความเขียวทุกเสี้ยวแดน
..๏ คนไทยได้พ้นยาก...............................เพราะทรงตรากไปทั่วแคว้น
อาชีพสร้างทดแทน.................................พระกรุณาทรงปรานี
..๏ สิบสองสิงหาดล...............................เฉลิมพระชนม์มหาราชินี
บังคมบาทบดี.......................................ทรงสราญนิรันดร์เทอญ.