28 กรกฎาคม 2547 05:58 น.
พี่ดอกแก้ว
คืนแสนหวานวิมานนี้สีชมพู
ร้อยคลอคู่ดวงฤทัยให้เป็นหนึ่ง
ประดุจรักบริสุทธิ์ผุดตราตรึง
แย้มกลีบซึ่งรักอาบกุหลาบบาน
ชมพูบานผ่านดอกบอกรักมั่น
ทุกคืนวันดวงฤดีสดสีหวาน
เรียงรายจีบกลีบรับกับวิมาน
รักส่งผ่านกุหลาบดอกบอกถึงเธอ
27 กรกฎาคม 2547 20:48 น.
พี่ดอกแก้ว
กาพย์ยานี ๑๑
ยี่สิบแปดกรกฏา�����������วันมหาดิถี
ถวายความภักดี������������������ในสยาม ฯ ราชกุมาร
วันพระราชสมภพ����������������เวียนบรรจบชันษากาล
ทรงเจริญพระชนมาน�����������ห้าสิบสองเฉลิมไชย
พระจริยาวัตรงาม����������ดำเนินตามอดิศัย
พระราชกิจน้อยใหญ่������������สนองไท้ปิตุรงค์
พระนามา ธ ปรากฏ�������������พระอิสริยยศ ธ ยิ่งยง
มิ่งขวัญจักรีวงศ์��������������������ธ ดำรงเสมอมา
ข้าบาทจักรีวงศ์��������������น้อมกมลเทิดวันทา
อันเชิญปวงเทวา������������������โปรยทิพย์สุมามาลย์
ให้ต้องพระวรองค์�����������������เพื่อทรงพระสำราญ
พระชันษายิ่งยืนนาน������������ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้าดอกแก้ว
26 กรกฎาคม 2547 06:43 น.
พี่ดอกแก้ว
ถามเศรษฐศาสตร์ผู้ฉลาดการตั้งค่า
ทรัพยากรนานาว่าสิ่งไหน
ให้ประโยชน์โภชน์ผลประการใด
มีข้อดีอย่างไรกับวงจร
เศรษฐกรแม้นเก่งกล้าประมาณการ
อุปสงค์อุปทานการลดถอน
ตั้งต้นทุนคุณค่าตามขั้นตอน
ทรัพยากรทั่วไทยให้ราคา
แต่มิอาจวิเคราะห์ค่าคนดี
ว่าจะมีผลใดแก่ใต้หล้า
ขั้นเงินเดือนเป็นเพียงแรงราคา
ปริญญาเป็นเพียงค่านิยม
เพราะมากมีคนดีกิติมศักดิ์
ปริญญาตามทักเพราะเหมาะสม
รู้เรื่องจริงสิ่งที่ทำน่าชื่นชม
ปริญญาไม่อาจข่มค่าคนดี
แม้นจะจนข่นแค้นแสนยากเข็ญ
ชีพลำเค็ญสู้ไปไม่หน่ายหนี
ไม่ค้ายาเสพติดฤทธิ์มากมี
ไม่ปล้นจี้ฉกชิงวิ่งราวใคร
ไม่ลุ่มหลงมัวเมาการพนัน
เรื่องทุจริตบิดผันไม่หวั่นไหว
รักษาศีลสัมมาอาชีพไท
มีหัวใจรักชาติศาสน์กษัตรา
คือผู้นี้ที่กอบกู้สังคมไทย
มิใช่ใครมากดีกรีมีเงินหนา
และมิใช่ผู้เชี่ยวชาญตำรา
แต่เป็นผู้รู้จักค่าของความดี
24 กรกฎาคม 2547 18:01 น.
พี่ดอกแก้ว
กรรมบันดาลผ่านเวลาคราสุกงอม
ความหวานหอมแห่งรักกวักเรียกขาน
กรุ่นกลิ่นชื่นรื่นรสจรดดวงมาน
ใจประสานสองใจในมนตรา
เรียกว่ารัก ..รักกันฉันท์ชายหญิง
หมายเป็นมิ่งดวงใจใฝ่ฝันหา
ความรู้สึกแน่นทรวงถ่วงอุรา
ให้จมจ่อมธารารักด้วยกัน
หากสรรค์สร้างรังรักพักพิงธรรม
ก็จะนำเรือนทองผ่องสุขสันต์
หากเพลิงรักลุ่มหลงปลงสัมพันธ์
ก็จะเผาไหม้พลันทุรนทุราย
รักมนุษย์หยุดยั้งเมื่อฝังร่าง
บ้างจืดจางไม่ถึงปีก็หนีหาย
บ้างเจ็บช้ำอยู่ในใจจวบวางวาย
รักคลอนคลายเมื่อหมดลมจมผืนดิน
19 กรกฎาคม 2547 07:21 น.
พี่ดอกแก้ว
ในศาลาคนเศร้าคราวเย็นย่ำ
ฟ้าเริ่มคล้ำหม่นแสงแฝงความเหงา
เสียงรำพึงรำพันอย่างแผ่วเบา
จากร่างหนึ่งพิงเสาหมดอาลัย
ทุกถ้อยความเต็มไปด้วยไฟทุกข์
ไร้เรื่องสุขผิดหวังนั่งร่ำไห้
ไม่อยากมีทั้งชีวิตและจิตใจ
พร้อมปิดฉากลงไปกับทิวา
โทษความด้อยน้อยใจในตัวตน
เปรียบกับชนทั่วไปในแหล่งหล้า
ว่าไม่มีใครถูกทุกข์บีฑา
เท่าชีวาของตนคนเข็ญใจ
เคยมีผู้เดินทางผ่านศาลา
แบกทุกข์มาเต็มหลังฝังรอยไหม้
แวะมาพักศาลากลางทางไกล
รอแสงใหม่ส่องฟ้าครารุ่งราง
ฟังความทุกข์ผู้อื่นไม่ชื่นจิต
ช่วยขบคิดแก้ปัญหาพาสะสาง
ส่งน้ำใสให้เขาจนเศร้าจาง
ชำระล้างฝุ่นหมองไม่ครองตา
กี่คนแล้วคนเล่าช่วยเขาได้
แต่หนึ่งคนจนใจในปัญหา
คือตนเองแพ้ลมในมรรคา
ฝุ่นเข้าตาทั้งสองมองพร่าเลือน
เห็นชีวิตเพียงฉากฟากกระทบ
ยอมสยบให้ทุกข์รุกเป็นเพื่อน
ทิ้งความดีขับไล่ไสจากเรือน
พอความเศร้ามาเยือนรีบรับรอง
ลืมน้ำใสใจงามยามอดีต
ไร้ยางลบกลบขีดที่หม่นหมอง
ปล่อยหัวใจให้แผลมาครอบครอง
น้ำตานองทุกครั้งหลังสิ้นวัน
ศาลาจนคนเศร้าไม่เข้าฝา
ทั้งสี่ด้านโล่งตาเห็นเขตขัณฑ์
กลับไม่เห็นอาทิตย์และดวงจันทร์
แต่ละวันหมุนเวียนเปลี่ยนแสงทอ
เมื่อมีมืดแล้วไฉนไม่สว่าง
วันหนึ่งทุกข์ต้องจางลงได้หนอ
หากน้ำใสที่เหลืออยู่ไม่เพียงพอ
คงต้องขอน้ำตามาล้างใจ
ให้ฝุ่นผงกลบฝังพรั่งพรูออก
ไม่ย้อนยอกเคืองตาพาสดใส
เลือกเอาเถิดน้ำภายนอกหรือภายใน
ล้างตาใสคราเศร้าเราเลือกเอง