30 กรกฎาคม 2547 19:42 น.
พี่ดอกแก้ว
จตุรงค์ปฐมบรมวาร
พุทธกาลบังเกิดพระศาสนา
ครั้งเดือนแปดแวดล้อมพระศาสดา
สี่เหตุการณ์มีค่าคราวันเพ็ญ
พระมหากรุณามิสิ้นสุด
ทรงเร่งรุดโปรดวัคคีย์หนีทุกข์เข็ญ
ธัมมจักกัปปะให้ความเย็น
ทรงหมุนจักรบำเพ็ญ ปฐมเทศนา
ทางสายกลางห่างโศกไร้โรคหมอง
ทรงให้ตรองอริยสัจจ์ตัดตัณหา
ครบรอบสามอาการสิบสองของภาวนา
เปิดดวงตา. .ปฐมสาวกสิ้นรกมาร
ปฐมสงฆ์ องค์แรกในโลกหล้า
บังเกิดมา ณ อิสิปปตนสถาน
พระไตรรัตน์ครบองค์ ปฐมวาร
ในเบื้องกาลอาสาฬหบูรณมี
กงล้อธรรมนำสุขปลุกชีพชื่น
ให้ชนตื่นเบิกบานสานสุขี
ขบวนสงฆ์ลั่นธรรมเภรี
สานไมตรีพระมหากรุณาคุณ.
30 กรกฎาคม 2547 08:17 น.
พี่ดอกแก้ว
งามละออช่อไกวพิไลลาศ
วรรณชาติบริสุทธิ์ผุดผ่องใส
กลิ่นละมุนศีลาตราตรึงใจ
ชูไสวกลางสวนมวลมาลี
คลี่เรื่องราวท้าวความนามสาละ
ร่มรัตนะพฤกษาสง่าศรี
แผ่เงากรองรองรับพระบารมี
สองพันห้าร้อยปีที่ผ่านมา
แม้นสิ้นองค์พุทธบดีที่ดับขันธ์
สาละนั้นยังคงคู่พระศาสนา
พฤกษ์มงคลชนชื่นและบูชา
แผ่เงามาสู่แผ่นดินถิ่นร่มเย็น
งามสาละคละเคล้าเงาความสุข
เปลื้องความทุกข์ความร้อนผ่อนทุกข์เข็ญ
ใต้ร่มไม้คลายภาระและเยือกเย็น
มุ่งบำเพ็ญวิปัสสนาปัญญาญาณ
ระรินหลั่งธรรมรสบทโอวาท
ความมุ่งมาดหวังชนพ้นสงสาร
ทำนองธรรมนำด้วยประสบการณ์
ทอดสะพานความรู้สู่ผู้คน
จารจรดไว้ตรงนี้ที่ร่มพฤกษ์
มุ่งผนึกชีพไว้ในกุศล
มรดกธรรมนำแผ่แก่ปวงชน
มอบกมลบูชาครูอาจารย์
ณ เงาไม้ใต้ร่มโพธิพฤกษ์
ด้วยสำนึกหน้าที่ที่สืบสาน
ขอดำเนินตามรอยชำนะมาร
กี่วันวารจักทะนงคงร่มใบ
วางชีพไว้ในสาระพระศาสนา
อุดมการณ์หาญกล้ายังไสว
วางดวงจิตไว้ใต้ร่มโพธิ์ชัย
สืบสานธรรมแผ่ไปจนไร้ชนม์..
30 กรกฎาคม 2547 08:12 น.
พี่ดอกแก้ว
มองไกลกว้างออกไปในโลกนี้
ทุกถิ่นที่ซ้อนซับแสนสับสน
โอ้มองฟ้า ..ฟ้าหลัว มืดมัวมน
ใจต้องทนระกำบ้าง....ช่างปะไร
ก้มหน้าลงสู่ดินเทียบถิ่นฟ้า
แม้นภาหม่นบ้างดาวยังใส
อยากฝากถ้อยถามดาวพราวฟ้าไกล
ทำฉันใดจึงแกร่งกล้า...ดาราวดี
ณ.. ที่นี้รวดร้าวไร้ดาวล้อม
แมลงตอมหนอนไต่ทุกถิ่นที่
ได้แต่นั่งปัดไปด้วยไมตรี
เพราะวิบากมากมีอย่างนี้เอง
ช่วงชีวิตติดตันมันบ่งบอก
เหมือนหนามยอกอกเราเขาข่มเหง
ทุกสิ่งที่ตามใจไม่เคยเกรง
ขับบทเพลงไม่เคยพอ...แสนท้อใจ
มีคำจริง-คำลวงพ่วงวาจา
ต้องพินิจพิจารณาและครวญใคร่
กระเทาะเปลือกเลือกจริงทิ้งลวงไป
คงมิไกลเกินคว้าถ้าต้องการ
ความสงบจบปัญหาน่าจะสุข
ใช้แสงธรรมเสกปลุกทุกสถาน
อย่ารีบร้อนจนใจกลายเป็นพาล
ความเบิกบานเกิดก่ออย่าท้อเลย
29 กรกฎาคม 2547 06:56 น.
พี่ดอกแก้ว
คราแสงสูรย์สิ้นฟ้าเพลาค่ำ
ใจเริ่มร่ำครวญไปเมื่อไร้แสง
ความเปลี่ยวเหงาเผาไหม้ให้โรยแรง
และทิ่มแทงความหวังพังทลาย
ความมืดดำคล้ำหล้ามาคลุมครอบ
บีบวงกรอบความฝันพลันสลาย
ความโดดเดี่ยวอ้างว้างเริ่มย่างกราย
วาดลวดลายกรีดกมลคนหลงทาง
โลกกว้างใหญ่เกินไป...เมื่อใจเหงา
อุปสรรคตามเฝ้าเข้าขัดขวาง
เมื่อใจเศร้า...ดวงตาก็พร่าลาง
โลกยิ่งกว้าง..ยิ่งร้างคนเข้าใจ
นึกถึงความสุขใจในครั้งก่อน
หมายจะถอนจิตโศกให้สดใส
นึกถึงแล้วความหมองยิ่งคล้องใจ
เพราะบัดนี้สิ้นไร้สุขเช่นเดิม
นึกถึงทางเบื้องหน้าต้องฝ่าฟัน
ให้หวาดหวั่นไร้ทุนมาหนุนเสริม
มีแต่ความเกรงกลัวมาเพิ่มเติม
จมปลักอยู่ที่เดิมคิดวกวน
เมื่อไร้แสงแรงร้างห่างปัญญา
มืดบังตาบังใจไร้เหตุผล
จึงหลงทางคว้างในอารมณ์ตน
ตกหลุมพรางกลางถนนคนอ่อนแอ
28 กรกฎาคม 2547 06:07 น.
พี่ดอกแก้ว
ส่งกุหลาบภาพรักมาทักถาม
ฝากนิยามผ่านดอกบอกรักเพ้อ
สีชมพูรักมั่นนั้นเพียงเธอ
ทุกคืนวันรักเสมอแสนคำนึง
ร่วมเรียงร้อยดอกรักถักลายสาน
สร้างตำนานซึมซาบอาบน้ำผึ้ง
เป็นวิมานนี้สีชมพูคู่ตราตรึง
ด้วยลึกซึ้งสัมผัสไหวในห้วงมนต์
ใจสองใจไร้กรอบขอบเขตรัก
แผ่พิทักษ์รักให้ไปทุกหน
เรียงกลีบรักสีชมพูคู่กมล
แซมลงบนพวงรักร้อยสร้อยสายใจ