18 มีนาคม 2547 20:52 น.
พี่ดอกแก้ว
มนต์คิมหันต์ผันผ่านกาลเวลา
กระซิบใบพฤกษาว่าอย่าเศร้า
แม้นความร้อนจะโรยร่างกลางใบเบา
แล้วแผดเผาทีละน้อยค่อยแห้งใบ
เหลือเพียงกิ่งทิ้งใบในไม่ช้า
ทอดสายตาคงได้แลแต่กิ่งไหว
แต่ไม่นานวรรษาผ่านลงพร่างใจ
ใบไม้ใหม่ผลิแตกแยกใบงาม
ยามเมื่อลมร้อนใจไหวระลอก
ความรู้สึกช้ำชอกหลากคำถาม
อาจหมุนวนจนไหวไฟลุกลาม
เพียงชั่วยามจักสงบจบไฟใจ
หลังร่องรอยริ้วไหม้ในใจนี้
จะมากมีประสบการณ์ให้ขานไข
เป็นบทเรียนให้รู้ดูการณืไกล
ใบไม้ใหม่ย่อมผลิผลัดพัดเพลงลม
7 มีนาคม 2547 11:12 น.
พี่ดอกแก้ว
เสียงบทธรรมนำกระแสแผ่เมตตา
มอบความรู้สู่ประชาสัตว์ทั้งหลาย
ให้ตื่นตาพ้นราตรีที่งมงาย
พบความหมายจริงแท้ไม่แค่จำ
พุทธมนต์ดลโสตเพื่อโปรดสัตว์
น้อมมนัสสงบตรองปองทวนย้ำ
สิ่งกระทบสบแล้วคือผลกรรม
ให้เร่งทำทางบุญเข้าหนุนรอย
กำหนดจิตอย่าไหวในผัสสะ
ปัญญาละชอบชังไม่พลั้งถอย
ไม่กลับสู่ตัวตนเพราะใจลอย
วิวัฏฏะทีละน้อยก็พ้นภัย
แต่เสียดาย ....เสียดาย....ได้แค่หวัง
ผู้เรียนยังไม่ซึมแทรกแตกนิสัย
ยังดักดานเก็บเรื่องเปลืองหัวใจ
น้ำตาไหลอย่างโง่งมสมปัญญา
มิรู้วางห่างเรื่องเปลืองใจเศร้า
เพราะความเขลาที่ตามมาถามหา
ไม่ทันเกมทำกรรมเพราะอวิชชา
จึงเกิดมาบอดทางห่างเสียงธรรม
7 มีนาคม 2547 11:09 น.
พี่ดอกแก้ว
ฟ้าสีหม่นเมฆหมองลอยฟ่องฟ้า
แว่วเสียงครืนครื้นมาเสียงฟ้าแว่ว
แนวพุ่มพฤกษ์พัดไหวลมไล่แนว
ตาเห็นฟ้าเลือนแล้วเพราะน้ำตา
แปลกหนอใจเมื่อได้โศกโลกผิดแปลก
ฟ้าพลันแยกสีไปไร้สีฟ้า
พาใจไร้หลักเกาะเพราะลมพา
รินน้ำตาแทนฝนล้นหลั่งริน
น้ำตานองร้องไห้กลายสายน้ำ
สิ้นชีพซ้ำร้องใหม่ไม่จบสิ้น
ชินกับทุกข์หลากมาจนชาชิน
กลายเป็นสินธุ์มหาสมุทรสุดกลับกลาย
วัฏฏะกรรมร้อยวงเป็นกงวัฏ
สายสัมผัสหลอกลวงเป็นบ่วงสาย
วายวุ่นกับกิเลสจนวางวาย
ภพมากมายเวียนไปไม่ไร้ภพ
3 มีนาคม 2547 16:32 น.
พี่ดอกแก้ว
เพ็ญเดือนสามงามผ่องส่องแสงฉาย
เรืองประกายกาสาวพัตร์ระบัดไหว
ณ เวฬุวนาอารามไพร
อัศจรรย์เกริกไกรสี่ประการ
ภิกษุหนึ่งพันสองร้อยห้าสิบ
ล้อมรายลิบรวมกลุ่มไร้สื่อสาร
ล้วนเอหิภิกขุทรงประทาน
อภิญญาครบญาณอรหันต์บุคคล
เป็นคืนเพ็ญเด่นหล้าในครานั้น
ทรงแสดงธรรมอันเป็นเหตุผล
วางแบบแผนเผยแผ่แก่หมู่ชน
ไม่สับสนอุดมการณ์หว่านพืชธรรม
สามหลักการศานติริเริ่มรู้
ผู้เป็นครูต้องอบรมบ่มทวนย้ำ
สัพพะปาปัสสะบาปไม่ทำ
กุสสละสูปะนำถึงพร้อมบุญ
สะจิตตะละรอยหมองมาครองไหม้
ทำจิตใจใสผ่องคล่องแคล่วหนุน
อีกอุดมการณ์สี่ต้องเจือจุน
คือเคยคุ้นขันติธรรมมานำใจ
ไม่เบียดเบียนบีฑาเข้าฆ่าเข่น
ไม่รีดเร้นก่อลำบากสัตว์ยากไร้
กล่าวนิพพานว่าเป็นธรรมอันเกริกไกร
กำจัดทุกข์สิ้นไปจากชีวี
บทสุดท้ายทรงทอดถ่ายวิธีการ
แก่ขบวนธรรมบาลเป็นหกที่
ไม่พูดร้าย..อะนูปะวาโท...แบบวิธี
อะนูปะฆาโต..หลีกหนีทำร้ายกัน
สำรวมชนม์บนพระปาฏิโมกข์
ไม่บริโภค..มัตตัญญุตา..หาเกินฉัน
นั่งและนอนในที่สงบครัน
และเพียรหมั่นประกอบใจให้ยิ่งงาม
ขบวนธรรมจากมคธจึงจรดหล้า
จากเวฬุวนาคราเพ็ญสาม
ทรงอบรมครูธรรมนำนิยาม
ได้ถึงความเป็นผู้ให้ไร้ภัยพาล
ทรงประกาศแบบแผนเป็นแก่นสอน
ให้สังวรกายวาจาคราสืบสาน
ใช้เหตุผลบนธรรมชำนะมาร
ครบประการวันมาฆปุรณมี