21 ธันวาคม 2547 21:10 น.
พี่ดอกแก้ว
ดารดาษดวงดาวที่พราวฟ้า
ทอแสงงามจับตาในห้วงหน
บางหล่นร่วงควงร่างกลางสกล
บางค้างบนฟ้างามราตรี
วีถีเปลี่ยนเวียนไปในพ.ศ.
บางงานก่อความเด่นเป็นสักขี
บางงานด้อยน้อยคุณหนุนฤดี
บางงานมีเรื่องราวให้ร้าวทรวง
ล้วนผ่านใจผ่านไปในกระแส
ความผันแปรดุจดาวในราวสรวง
อย่าน้อยใจในโศกของโลกลวง
หรือติดบ่วงเวลาพาช้ำใจ
ทิ้งอดีตกรีดเฉือนเหมือนแผลเก่า
ปล่อยความเศร้าไว้ตรงนั้นอย่าหวั่นไหว
ให้อยู่ในปีเดิมอย่าเก็บไป
รับปีใหม่ใจไม่หมองไร้ของเดิม
ส่วนความสุขปลุกจิตผลิตสุข
จงบรรทุกนำไปใช้สร้างเสริม
ให้ยิ่งความสุขสันต์หมั่นเพิ่มเติม
จากปีเดิมด้วยฤดีมีกำไร
ขออำนวยพรมาคราศกเปลี่ยน
จงหมุนเวียนให้พบความสดใส
ประสบสิ่งสมหวังได้ดังใจ
และปลอดภัยทุกท่านนิรันดร์เทอญ
20 ธันวาคม 2547 07:42 น.
พี่ดอกแก้ว
เขาเสริมเข็มเต็มเสาเข้ารากฐาน
สะเทือนบ้านลานเรือนเหมือนโยกไหว
ช่างเขาบอกตอกนี้ไม่เป็นไร
เพราะเสริมให้รับน้ำหนักไม่หักโครม
กี่เข็มตอกบอกใจอย่าไหวหวั่น
เสียงเลื่อนลั่นเครื่องหนักที่หักโหม
ทั้งโคลนเลนที่พรูเข้าจู่โจม
อย่าใจโทรมมองให้เป็นเช่นบทเรียน
ความอึดอัดขัดข้องไม่ต้องจิต
เสียงอมิตรกวนใจให้ปวดเศียร
ต้องยอมรับอุปสรรคอย่างพากเพียร
ฝึกบทเรียนด้วยอดทนเพื่อผลงาน
เมื่อรากฐานบ้านแน่นไม่แคลนโยก
ต้องโฉลกยืนยงคงลูกหลาน
จะต่อเติมกี่ชั้นของอาคาร
ก็โอฬารงดงามความมั่นคง
ดั่งชีวิตคิดเป็นเช่นคนดี
ต้องเริ่มที่กายวาจาอย่าใหลหลง
สุจริตรักษ์ศีลอย่างซื่อตรง
ดุจเสาเข็มหนุนองค์ให้แข็งแรง
แล้วเติมต่อก่อชั้นอันงามงด
ให้หมดจดหมดจิตคิดเคลือบแฝง
ความสงบสยบใจมิให้แปลง
สิ้นระแวงด้วยปัญญาพาเบิกบาน
แต่การปรับพื้นฐานสุจริต
ใช่เพียงคิดก็สำเร็จเสร็จตามสาร
ต้องเคี่ยวกรำฝึกนิสัยให้ชำนาญ
โดยจะต้องทรมานกิเลสตน
บางครั้งอาจเลอะเทอะเปรอะน้ำตา
เพื่อบ่มกายวาจาให้เกิดผล
สุจริตติดแน่นในกมล
จักต้องทนเพื่อชีวีที่ดีจริง
16 ธันวาคม 2547 18:51 น.
พี่ดอกแก้ว
เปิดขุมทรัพย์ใต้บันไดในวันหนึ่ง
ต้องตะลึงสายตาคราพบเห็น
ล้วนสิ่งของมากมายเกินจำเป็น
มาหลบเร้นตรงนี้เมื่อปีใด
ใคร่ครวญความตามเงื่อนย้อนเดือนแล้ว
พบวี่แววสะสมปมนิสัย
นาทีทองของห้างสร้างความไว
ให้จับจองชิงชัยลดราคา
ทั้งของแลกแจมแถมแกมหลอกขาย
เก็บสำรองมากมายให้สรรหา
ยามขาดแคลน...มีใช้ได้ทันตา
แต่ไม่เคยสักครา...ที่ขาดแคลน
ของจึงเหลือซุกซ่อนนอนอยู่นิ่ง
กลายเป็นสิ่งนอกส่วนควรหวงแหน
เหมือนขยะระรกปรกพื้นแดน
วิมานแมนกลายเป็นเช่นโกดัง
ของไม่ใช้มีไว้ไม่มีค่า
แม้นได้มาแบบเปล่าในคราวหลัง
เก็บไว้นานกาลพ้นคร่าจนพัง
เสื่อมพลังคุณภาพไร้คราบดี
ของเก็บเก่าเอาให้ใครก็ไม่งาม
ไม่ต้องตามประณีตทานงานบุญศรี
การซื้อหามากองตรองฤดี
ปัจจัยนี้เกินพอก่อเภทภัย
คือเปลืองที่เปลืองห้องต้องเก็บกัก
ความหวงแหนทะลักล้นนิสัย
เสียดายสรรพคุณที่เสื่อมไป
สิ้นทรัพย์ใช้ซื้อมาไม่ค่าควร
15 ธันวาคม 2547 09:19 น.
พี่ดอกแก้ว
พื้นกระดานนานมาพาผุกร่อน
เคยนั่งนอนยืนเดินเพลินหนักหนา
มาวันหนึ่งล้มคะมำตีลังกา
กระดานรองบาทาพลันหักโครม
ทรุดกายลงตรงพื้นลื่นไถล
ความตกใจไหลบ่าเข้าถาโถม
ความระแวงแซงพรูรี่จู่โจม
เหงื่อไหลโทรมเกรงภัยในพื้นชาน
ความวางใจในเรือนไม่เหมือนเก่า
พื้นของเหย้าก่ออาเพทเหตุหักหาญ
ตั้งประเด็นผู้ต้องหาให้กระดาน
ทุกแผ่นอาจเป็นพาลได้เช่นกัน
ความระแวงแรงไหลไปอย่างนี้
พื้นที่ดีถูกตีค่าน่าหยามหยัน
เพราะตกใจไม่แจกแจงให้เท่าทัน
จึงหุนหันเหมารวมสวมโทษกอง
คิดทิ้งพื้นทุกแผ่นแล่นวิตก
ไม่หยิบยกเพียงส่วนที่ชวนหมอง
จึงสิ้นเปลืองมากมายทั้งเงินทอง
เสียข้าวของเพราะแก้ไขอย่างไม่ควร
แผ่นไหนพังทิ้งไปในบางแผ่น
ที่เหลือยังหนักแน่นไม่ผันผวน
คงคุณค่าไม้ดีมีเนื้อนวล
ซ่อมบางส่วนรักษาไว้ในเรือนงาม
ดั่งกลแฝงแสร้งมาคราดื่นดึก
พวกข้าศึกเพียงนิดจิตขวากหนาม
อย่าเหมารวมท่วมไปในทุกคาม
ว่าให้ความร่วมมือถือศัตรู
อยู่อย่างใจไม่ตระหนกพกกระต่าย
ตื่นตูมจนวุ่นวายให้อดสู
สงบใจใช้ปัญญามาตรองดู
ให้ล่วงรู้แล้วดับเหตุแห่งเภทภัย
13 ธันวาคม 2547 21:29 น.
พี่ดอกแก้ว
หยิบมากลึงมาเกลาเสลาสลัก
ด้วยความรักขัดรอยที่พร้อยขวาง
จนเกลี้ยงกลมไร้เสี้ยนเบียดเบียนทาง
แล้วจัดวางลายเงาเฝ้าจารรอย
ค่อยยกมีดกรีดคมจมเนื้อไม้
ทุ่มเทกายสลักมิพักถอย
เสริมที่ควรส่วนที่บั่นก็หมั่นซอย
ให้งามงดหยดย้อยน่าชื่นชม
รมด้วยควันอันหอมพร้อมเคลือบสี
ให้ดูดีมีราคาว่าสวยสม
มิใช่ไม้ขรุขระที่คละตรม
ให้เป็นที่นิยมประดับประดา
เป็นช่อฟ้ากาแลใช่แคร่ไม้
ประดับลายบารมีที่สรรหา
ให้อยู่สูงด้วยใจใฝ่สัมมา
อนิจจาไม่นานพาลหักครืน
มิใช่ลมทำร้ายหรือสายฝน
แต่เพราะด้วยกมลไม่อาจฝืน
แรงกิเลสเภทภัยได้ยั่งยืน
จึงร่วงหล่นสู่พื้นเพราะอ่อนแอ
แม้นวางลายให้สวยด้วยสร้างสรรค์
มิอาจให้ไม้นั้นเพิ่มกระแส
ความเข้มแข็งเพื่อสลายความปรวนแปร
จึงเป็นแค่อำพรางอย่างอาภรณ์
กาลเวลาจึงมาพิสูจน์ไม้
ตัดขยายธาตุแท้แผ่ความหลอน
ว่าไม้นั้นอ่อนผุปรุไส้คลอน
จึงต้องจรเพราะไม่ดีที่เนื้อตน