29 ตุลาคม 2547 19:10 น.
พี่ดอกแก้ว
เลียบเรือน้อยลอยชลยลฝั่งคลอง
มุ่งหมายมองความงามตามพฤกษา
เห็นโพงพางกางกั้นชั้นชลา
บ่งวิธีจับปลาของชาวคลอง
ล่องลอยไปหัวใจกลับสงบ
เมื่อได้พบความหมายในฝั่งสอง
หนึ่งนั้นพลุ่งพล่านไปในครรลอง
ที่หมายปองขายค้าเพื่อหากิน
ชนมากมายวุ่นวายแข่งขันเสียง
ตะเบ็งเถียงราคาค่าทรัพย์สิน
เรียกตลาดขายขาดเป็นอาจิณ
หลายชีวินคร่ำเคร่งเก็งราคา
อีกหนึ่งฝั่งยังเรือนเหมือนต้นไม้
สงบกายไร้พล่านขานโทสา
มีไม้ใหญ่ให้ร่มบ่มธารา
ไร้แสงสีร้านค้ามาเลียบเคียง
สองฝั่งคลองมองไปใจตรึกตรอง
ฝั่งที่ซ้องเซ็งแซ่ด้วยสรรพเสียง
ไม่ต่างจากชีพเราที่ร้อยเรียง
สร้างเสบียงโลกีย์ธรรมจนช้ำใจ
อีกฝั่งหนึ่งเปรียบซึ่งผู้หยุดคว้า
มีปัญญานำตนพ้นวิสัย
ทิ้งโลกีย์ไว้อีกฟากฝั่งไกล
สันโดษในความพร้อมย้อมจิตตา
กลางลำคลองล่องยลชนสองฝั่ง
ชีพนี้ดังเรือน้อยลอยถลา
ผ่านคลื่นลมโหมไล่ใส่ชีวา
ยอมจมเรือ...หรือว่าเลือกฝั่งใด
28 ตุลาคม 2547 07:11 น.
พี่ดอกแก้ว
ในห้องเรียนเขียนอ่านชำนาญเวทย์
มนต์วิเศษแคล่วคล่องท่องศึกษา
ทฤษฎีขึ้นใจในวิชา
กระบวนท่าสวยงามยามร่ายรำ
ฉากทดลองคล่องการทุกงานฝึก
เหตุผลลึกล้ำความแสนงามขำ
กอปรหลักการทุกหนผลกระทำ
วิจารณ์คำคมคาดแสนบาดใจ
รอยยิ้มเหยียดเดียดผู้สู้พ่ายแพ้
ชี้ทางแก้ข้อบกพร่องต้องวิสัย
ของผู้อื่นอย่างเชี่ยวชาญชำนาญนัย
ดุจตนเองเกรียงไกรในตองอู
แล้ววันหนึ่งถึงซึ่งผู้เก่งกาจ
ล้มระนาดศึกแรกแบกอดสู
หนีซมซานผิดหวังครั้งพันตู
ลืมหมดสิ้นความรู้ทฤษฎี
เปลี่ยนเป็นคนแพ้พ่ายไม่คลายแพ้
ผงเข้าตาไม่อาจแก้ให้สุขี
โทษหลายอย่างสร้างเหตุเภทไพรี
แต่ไม่โทษตนนี้ว่าอ่อนการณ์
เรียนวิธีสร้างสุขคลายทุกข์โศก
กลับวิโยคกอดตำราคราหักหาญ
ย้อนอดีตคร่ำครวญทวนสัญญาณ
สอบไม่ผ่านภาคสนามความเสียใจ
26 ตุลาคม 2547 22:32 น.
พี่ดอกแก้ว
หอมกำจายกรายกรุ่นละมุนจิต
ให้เพ่งพิศหากลิ่นจากถิ่นไหน
เห็นมาลีพลีช่อล้อลมไกว
พุ่มไสวเบ่งบานริมน่านบึง
สูดหายใจรับไว้ด้วยกลิ่นหอม
แล้วยั่วย้อมตรึงจิตให้คิดถึง
โอบอวลกลิ่นผกามาเคล้าคลึง
และรำพึงหลงใหลในกลิ่นยวน
หอมผกาเหมือนวาจาแสนเสนาะ
ความไพเราะดุจกลิ่นไม่สิ้นหวน
ชนผู้หวังชื่นฉ่ำก็คร่ำครวญ
ไม่ถี่ถ้วนความจริงสิ่งธรรมา
อันชีวิตนิดน้อยคอยหายใจ
เพียงอาศัยอากาศปราศฝุ่นหนา
พยุงยังร่างกายให้ชีวา
มิได้มุ่งไขว่คว้ากลิ่นหอมใด
เมื่อมีคำหวานหวามมาหลามจิต
ผู้อ่อนแอแพ้พิษก็หลงใหล
ติดในคำหวามหวานซ่านฤทัย
และต้องการต่อไปไม่สิ้นกาล
คราใดพบประสบคำทำขมจิต
จึงครวญคิดตัดพ้อและต่อขาน
พกความโกรธอาฆาตประกาศพาล
ตัดสายธารสัมพันธ์ผันผวนไป
ผู้รู้จริงจึงนิ่งไม่เกลียดชัง
ห้วงหายใจทุกครั้งก็แจ่มใส
ไม่ติดข้องหมองหมางกลิ่นจางไป
แต่ใส่ใจสูดอากาศไม่ขาดทรวง
22 ตุลาคม 2547 08:33 น.
พี่ดอกแก้ว
มวลแมกไม้หลายพันธุ์บรรเจิดค่า
ละลานตาในสวนล้วนสดสี
ด้านทิศเหนือเกื้อหนุนบารมี
ประดับว่านนามดีเพื่อปลอดภัย
ปลูกมะพลับกับมะปรางทางทิศใต้
เสริมดวงให้รวยรุ่งพุ่งสดใส
ตะวันออกปลูกมะพร้าวเป็นราวไกว
สารภีมีไผ่ให้เสริมดวง
ตะวันตกยกเภทภัยคดีความ
ปลูกมะขามมะยมข่มข้าหลวง
จัดสวนงามตามทิศปิดกลลวง
เชื่อว่าไม้ทั้งปวงเสริมมงคล
คือความเห็นครูบาคราโบราณ
สร้างเบิกบานพฤกษ์ไพรไปทุกหน
ใช้แมกไม้ปรับจิตอย่างชิดชนม์
รับร่มผลความเชื่อเกื้อร่มเงา
หากสวนใจไร้ศีลสิ้นกลิ่นศักดิ์
ไร้ต้นรักแนบชิดจิตเสลา
ขาดดอกจานเมตตามาแนบเนาว์
จักอับเฉาที่ตนคนปลูกเอง
ต่อให้มีสวนศรีต้องทิศา
แต่มนาฝักใฝ่ในข่มเหง
อวดอำนาจบาตรใหญ่ไม่ยำเกรง
เขานั้นเองปลูกอุตพิดที่จิตตน
ไม้มงคลที่สวนส่วนภายนอก
ต้องช้ำชอกเพราะสวนใจสับสน
สิ้นความดีหนีลับอัปมงคล
อย่าโทษต้นไม้นี้ไม่มีคุณ
21 ตุลาคม 2547 08:29 น.
พี่ดอกแก้ว
ทอไหมฝันวันฟ้าใสใจเจิดจ้า
เป็นลวดลายลออตาจรัสศรี
ถักเส้นฝันมั่นใจในไมตรี
สลับกับความดีเป็นลายพราง
วางความหวังตั้งไว้ในกลางช่อ
สานใจก่อศรัทธาอย่ารู้หมาง
เป็นลายดอกบอกให้สู้บนเส้นทาง
ขัดลายขวางวางใจไว้ในธรรม
เก็บริมชายด้วยลายของความรัก
พร้อมลายปักเมตตามาเน้นขำ
ให้ผองมิตรลิขิตวัตรตัดรอยกรรม
และน้อมนำสุขไว้ในทุกชนม์
คือผืนฝันผันฟ้ามาห่มขวัญ
ร่วมสร้างสรรค์อาภรณ์ซ้อนเหตุผล
ตกแต่งร่างอย่างสง่าและน่ายล
เพื่อทุกคนงดงามทุกยามมอง