12 สิงหาคม 2546 08:05 น.
พี่ดอกแก้ว
สุดขอบฟ้าล่องลอยไปในห้วงภพ
อ้อมบรรจบสายทางอย่างหรรษา
คลอเมฆินทร์ผินผ่านม่านนภา
ขับฟองฟ้าให้กระจายเป็นลายจาง
ผ่านหมู่นกยกปีกให้ได้บินเหิร
พัดให้ลอยเพลิดเพลินแต่รุ่งสาง
เป็นลมน้อยหนุนใต้ปีกไม่เว้นวาง
ทุกเส้นทางห่วงหาอาทรกัน
ผ่านแมกไม้แวะทักทายใบไม้เขียว
จนเอนลู่กรูเกรียวทั้งไพรสัณฑ์
หยอกล้อกิ่งก้านไหวไปด้วยกัน
สร้างสีสันสวนไพรให้รื่นเริง
ผ่านเปลวร้อนผ่อนแดดที่แผดร่าง
คนเดินทางให้เย็นใจในลมเหลิง
ระบัดกายคลายพิษแผดของแดดเพลิง
ได้สำเริงสำราญผ่านสายลม
ผ่านเมืองแมนแดนสรวงของปวงเทพ
ก็เที่ยวท่องล่องเสพถิ่นงามสม
ไปจนถึงเทวาชั้นพระพรหม
ด้วยแรงลมแห่งตนด้นเที่ยวไป
ผ่านมนุษย์สุดลำเค็ญเห็นการแย่ง
และขันแข่งเอาแต่ตนจนสิ้นไร้
ความเมตตาอาทรคลอนจากใจ
ใช้แรงลมพัดเท่าใดไม่หวนคืน
สุดขอบฟ้าพาร่างไปไล้ทุกถิ่น
เห็นหมดสิ้นความทุกข์...สุข...เริงรื่น
มิมีใดมั่นคงและยงยืน
ดั่งสายลมพรมพื้นพัดผ่านไป
12 สิงหาคม 2546 07:50 น.
พี่ดอกแก้ว
หอมกลิ่นระรินสาย
คละคลับคล้ายพวงบุปผา
รื่นรมย์บ่มพนา
โลมจันทราราชาวดี
คืนค่ำลำนำกลอน
ถ้อยสุนทรอ้อนรัชนี
เฉิดฟ้ากลางราตรี
แสงนวลจันทร์อันพิไล
แสงดาวพราวฟากฟ้า
แต้มนภาดูสดใส
เย็นลมที่พรมไกว
ให้ดื่มด่ำกับดวงดาว
แม้นไร้หมู่วิหค
ที่ผินผกอยู่กลางหาว
ดอกไม้ไม่พร่างพราว
ไร้เมฆงามตามนภา
ธรรมชาติยามค่ำคืน
ก็สดชื่นเป็นหนักหนา
อาบใจให้คลายล้า
หายเหนื่อยอ่อนพักผ่อนใจ
12 สิงหาคม 2546 07:44 น.
พี่ดอกแก้ว
บนถนนของหัวใจในวันนี้
ก็กลับมีมากมายหลายคำถาม
เคยเดินเดี่ยวเปลี่ยวไร้ใครติดตาม
บัดนี้มีเงางามมาถามใจ
ไร้สำเนียงเสียงสรรพสดับถ้อย
มีเพียงรอยหวามหวานผ่านไหวไหว
เป็นรูปริ้วปลิวล่องในห้องใจ
ที่ว่างว่างเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม
เคยรวดเร็วรุกไล่ไร้ปัญหา
บัดนี้กลับไม่กล้าจะฮึกเหิม
มีอำนาจไร้ตนมาแต่งเติม
และพูนเพิ่มความสะท้านบนลานใจ
ยิ่งผ่านวันเวลามาหลายแรม
ก็แต่งแต้มรอยลักษณ์ยากผลักไส
เงาขยายลายเงาเข้าครองใจ
ถักสายใยเยื่องามยามสบตา
อะไรหนอทอใจให้ซาบซ่าน
รับรู้รสความหวานนานนักหนา
อะไรหนอทอประกายในสายตา
ให้กระพริบวับพาป่วนหัวใจ
12 สิงหาคม 2546 07:40 น.
พี่ดอกแก้ว
ด้อยเพียงดินถวิลมองจ้องดารา
หมายไขว่คว้ามาแนบแอบเคียงข้าง
ชะเง้อมองจองหมายใจเลือนลาง
เพราะความต่างห่างดอกฟ้าดาราวดี
แต่ยังหวังยังฝันถึงวันซึ้ง
ครวญคำนึงทะยานกายไม่หน่ายหนี
รวบรวมร่างกลางดงจากธุลี
ปั้นเป็นดินอินทรีย์มีรูปรอย
ค่อยค่อยเสริมเติมแต่งแห่งลายศิลป์
บรรจงจินตนาการไม่เสื่อมถอย
เผาหลอมร่างสร้างหวังและรอคอย
ดินก้อนน้อยกลายเป็นดาวพราวนภา
8 สิงหาคม 2546 20:09 น.
พี่ดอกแก้ว
เที่ยวเดินดงฝ่าพงที่รกเรื้อ
หมายใจเพื่อไปสู่ยอดแห่งภูผา
แม้นเส้นทางขรุชันบั่นกายา
ต้องเหนื่อยแรงเหน็ดล้าก็ฝ่าไป
เพียงเพราะว่า..เห็นค่าในบางคำ
จึงกระทำตามจิตที่คิดใฝ่
คือพิชิตยอดผาศิลาลัย
ประกาศไว้ว่าเรานี้มีศักดา
ผ่านความชื้นขื่นขมระทมใจ
หนักแค่ไหนก็จะมุ่งปรารถนา
พิษแผลร้ายจากรอยบาดคาดกายา
ไม่มีค่าให้เสียขวัญกั้นเส้นทาง
พบความงามตามเนินเพลินแมกไม้
บุบผาไพรชูช่อล้อเคียงข้าง
ลำธารใสไหลรินไม่สิ้นราง
ก็เพียงวางใจหย่อนผ่อนชั่วคราว
มิอาจมีสิ่งใดให้เหนี่ยวรั้ง
ทั้งรักชังหมดสิ้นรอยสืบสาว
มีเพียงหวังตั้งใจไปคว้าดาว
ถึงปวดร้าวก็มุ่งหมายไม่คลายคลอน