26 สิงหาคม 2546 19:25 น.
พี่ดอกแก้ว
สะท้อนพรายสายนทีมีแสงฟ้า
สนธยามาเยือนเหมือนใจหาย
แสงสุรีย์นี้จางจักห่างกาย
และจมสายธาราคราอัสดง
คงโดดเดี่ยวเปลี่ยวร้างกลางคืนค่ำ
ความมืดดำนำพาให้ล้าหลง
มีเพียงใจดวงนี้ที่มั่นคง
หมายดำรงเส้นทางแม้ลางเลือน
26 สิงหาคม 2546 19:03 น.
พี่ดอกแก้ว
ดุจดังมนต์ดลใจให้ฉ่ำหวาน
เมื่อพบพานครั้งแรกแปลกนักหนา
เธอกับฉันอยู่ไกลกันเหลือคณา
แต่กลับมาใกล้ชิดสนิทใจ
คราพบเพียงอักษรสุนทรถ้อย
ก็เรียงร้อยใจฉันให้หวั่นไหว
ตกในห้วงบ่วงรัดมัดฤทัย
ตรึงจิตไว้ให้คิดถึงคนึงครวญ
มาครั้งที่ได้พบประสบแล้ว
ดุจดังแก้วแคล้วไปได้คืนหวน
มาเติมใจให้ซ่านหวานรัญจวน
การรอคอยทั้งมวลก็สิ้นลง
26 สิงหาคม 2546 11:44 น.
พี่ดอกแก้ว
หนึ่งชีพชนม์ของคนบนเส้นทาง
ทุกก้าวย่างก้าวไปด้วยใจหวัง
อาจเหนื่อยอ่อนถอนท้อรอพลัง
หรือถึงฝั่งดังใจที่หมายปอง
ค่าของคนมิใช่ชนที่ก้าวมาก
หรือลำบากเพียงลำพังอย่างหม่นหมอง
ระหว่างก้าว..ก้าวด้วยช่วยประคอง
มีน้ำใจเนืองนองแก่ผู้คน
ดุจเล่มเทียนเพียรกล้าท้าลมแรง
ขับเปลวไฟให้แสงสว่างหน
ทำหน้าที่เสียสละแก่ปวงชน
ไม่ไร้ผลดั่งเทียนเพียรคุณงาม
แม้นเทียนดับลับตาลงครานี้
ยังมากมีเทียนเล่มใหม่ให้ล้นหลาม
ที่พร้อมก้าวด้วยรู้ค่าอยู่ทุกยาม
และเดินตามเพื่อเปล่งแสงแห่งแรงเทียน
26 สิงหาคม 2546 11:37 น.
พี่ดอกแก้ว
รวีวรรณผันฟ้าครารุ่งสาง
ลบเลือนร่างราตรีที่เปลี่ยวเหงา
ก้าวไปบนเส้นทางอย่างแผ่วเบา
นักสัญจรรอนเขาลำเนาไพร
มุ่งจะไปให้ถึงซึ่งความหวัง
ค้นหาฝั่งชีวิตที่สดใส
ทั้งสองเท้าสาวทางระหว่างไพร
สองดวงตาแลไกลหมายแสงทอง
กี่ล้มลุกฉุกใจให้ทดท้อ
บางคราก่อความร้าวคราวหม่นหมอง
บางครั้งสิ้นแรงไร้ใครประคอง
จึงล้มกองลงดินแทบสิ้นใจ
มีเพียงลมพัดไล้ให้คลายทุกข์
แล้วปลอบปลุกอีกครั้งหวังสดใส
เสียงลมแผ่วแว่วหวานบนลานไพร
ให้ก้าวไปต่อสู้รู้อดทน
เส้นทางนี้เคยมีผู้ผ่านมา
เป็นผู้กล้าฝ่าไปในแห่งหน
ทิ้งร่องรอยเดินทางอย่างลำบน
หวังให้ชนตามไปไม่หลงทาง
เส้นทางนี้มีกระดูกอยู่มากมาย
คือผู้ตายจากความกล้าคราหมองหมาง
เป็นคนท้อรอหวังอย่างเลือนลาง
บนเส้นทางมีแบบไว้ให้เลือกเป็น
26 สิงหาคม 2546 11:33 น.
พี่ดอกแก้ว
กาลเวลาพัดพาความแตกต่าง
มาพบกันกลางทางระหว่างฝัน
คนสองคนกับสองใจที่ไกลกัน
มาสืบสานสัมพันธ์เป็นหนึ่งใจ
เริ่มพื้นที่มีความหมายเชื่อมใจสอง
กำหนดกรอบครอบครองจองเขตไว้
ลงสีพื้นกลืนความต่างห่างกันไกล
เป็นเฉดใหม่สีอ่อนผ่อนปรนกัน
เมื่ออารมณ์งดงามตามหมายปอง
ใจทั้งสองผสมสีที่สุขสันต์
แล้วแต่งแต้มดอกไม้นานาพันธุ์
เต็มสวนฝันกลิ่นหอมย้อมฤดี
ยามเมื่อใจได้รับ...ความสดชื่น
จึงร่มรื่นพันธุ์ไม้ระบายสี
วาดพู่กันสานใบเขียวขจี
คลุมพื้นที่ของใจให้ร่มเย็น
ความอ่อนหวาน...บันดาลให้ใช้สีฟ้า
วาดนภาสดใสไร้ขุ่นเข็ญ
ความอบอุ่นให้แสงงามยามเช้าเย็น
ลงสีเป็นลายทองของตะวัน
ความหม่นเศร้า...คราวร้างห่างกันไกล
วาดใบไหวไม้ร่วงควงโศกศัลย์
ทับถมพื้นสีน้ำตาลพาลจาบัลย์
จรดพู่กันแต้มสีเทาคราวเหงาใจ
คราวแตกหัก...พักใจไม่สมาน
ผสมสีลงจานอย่างหมองไหม้
ระบายสีดำด่างกลางดวงใจ
ดั่งคืนแรมที่ไร้เพ็ญนภา
ครารักชื่น...ฟื้นค่ามาใกล้ชิด
สีของมิตรถูกฉาบลงตรงท้องฟ้า
กลบสีดำให้จางบางเบาตา
วาดเมฆขาวพราวฟ้าพาเบิกบาน
จุ่มพู่กันฝันใฝ่ในจานสี
แล้วแต่งแต้มฤดีที่สืบสาน
ความรู้สึกลึกซึ้งตรึงดวงมาน
ปรากฏการณ์จิตรกรรมย้ำอารมณ์
ในกรอบภาพอาบสีที่หลากหลาย
ความรู้สึกมากมายส่วนผสม
ทั้งรูปลักษณ์แสงเงาที่น่าชม
คืออารมณ์ของใจที่ใกล้กัน