8 กรกฎาคม 2546 20:33 น.
พี่ดอกแก้ว
เมื่อใกล้กันเธอนั้นไม่เห็นค่า
ที่ผ่านมามอบให้ได้ทุกสิ่ง
อย่าถามเลยรักแค่ไหนในความจริง
เพราะทุกสิ่งในใจฉันนั้นคือเธอ
เพียรถักร้อยสร้อยรักภักดีมอบ
ได้คำตอบว่าเป็นเพียงคนช่างเพ้อ
ไม่เคยอยู่ในใจใคร่พบเจอ
เธอบอกว่า ....แค่เผลอยิ้มให้มา
และขับไสไล่ส่งไม่สงสาร
ความหวังราญแหลกลงอยู่ตรงหน้า
จึงเก็บกลืนบอบช้ำกับคำลา
เดินจากมาไม่คืนกลับทับเส้นทาง
วันนี้ไร้ตัวตนบนความรัก
ไร้ยศศักดิ์โดดเดี่ยวเปลี่ยวอ้างว้าง
คงมีเพียงกระแสใจไม่จืดจาง
มาพรมพร่างแม้นเธอไร้เยื่อใยดี
8 กรกฎาคม 2546 17:24 น.
พี่ดอกแก้ว
ยามรักหวานตาประสานสีชมพู
ทุกสิ่งดูสวยงามตามใจฝัน
โลกสดใสสิ้นไร้ภัยพรึงพรั่น
เพราะหลุมรักปิดกั้นสีรอบกาย
เห็นชีวิตเพียงนิดคิดว่ารู้
เห็นเพียงคู่เท่านี้มีความหมาย
เห็นกันเพียงเปลือกนอกที่พอกลาย
เห็นว่าสายสัมพันธ์นั้นคงทน
มีสีอื่นบนผืนแผ่นดินนี้
แต่บอดสีไม่เห็นเป็นไม่สน
ทั้งสีเขียวหม่นคล้ำดำมืดมน
สมัครใจเพียงผลยลชมพู
จึงไม่เหลือเผื่อใจให้สีอื่น
เพราะเริงรื่นลุ่มหลงพะวงคู่
ขาดความจริงนิ่งตรองเพื่อมองดู
ว่าชมพูอาจซีดจางสร่างหวานไป
บางคนพอเผื่อใจในความนี้
ยามฤดีหวานรสก็สดใส
เก็บกอบกำความสุขไว้เปี่ยมใจ
ยามโหยไห้ใจก็รู้ดูความจริง
เห็นสีแสงแสดงตนบนโลกหล้า
ก็พบสีดังว่าในทุกสิ่ง
พบความเปลี่ยนแปรไปไม่ท้วงติง
และหยุดนิ่งรับผิดชอบกอรปคุณธรรม
7 กรกฎาคม 2546 23:02 น.
พี่ดอกแก้ว
ดูสดใสสวยงามยามเนตรพิศ
ลายประดิษฐ์หัตถศิลป์ระรินไหว
เคลือบสีสันประณีตแนบแอบฤทัย
เพ่งทางใดก็พบงามทุกยามมอง
จึงชื่นชมผิวรอบดุจกรอบสวย
หลงเงาด้วยพรายแสงศรีไม่มีสอง
วางหัวใจไว้ด้วยรักเป็นฐานรอง
เฝ้าประคองวาจาหวานสะท้านใจ
แต่ดุจสายฟ้าฟาดแทบขาดจิต
ลายที่งามดุจเนรมิตเริ่มหมองไหม้
แลหลุดล่วงกะเทาะสีที่ฉาบไล้
เห็นพื้นในเมื่อไร้เปลือกมาเคลือบคลุม
แสนขรุขระกระด้างอย่างหยาบนัก
ไร้ลายรอยจำหลักให้เรียงกลุ่ม
เปลือกที่ลอกกลอกกลิ้งทิ้งตามมุม
สิ้นสีสันปกคลุม...ไม่งามตา
ตรองสติดำริมองกองเปลือกสี
กาลเวลาบ่งชี้ถึงคุณค่า
สิ่งที่งามด้วยความย้อมปลอมวัณณา
เพียงไม่นานก็ฉีกหน้าให้รู้ใจ
กลายวาจากลับวาทีเมื่อมีโทษ
หมายผูกโกรธแค้นเคืองเป็นเรื่องใหญ่
เคยหวานล้ำคำทักที่ปักใจ
ก็ขมไหม้ไร้น้ำตาลเป็นพาลชน
หากดีงามตามเนื้อแท้ดุจแร่ทอง
จะเทกองลองหลอมไฟอีกหลายหน
ทองเนื้อแท้ยังเรืองรองครองใจคน
ไม่มีเปลือกหลุดปนบนเนื้อทอง
7 กรกฎาคม 2546 22:38 น.
พี่ดอกแก้ว
พักสักครู่อยู่ตรงนี้ที่ใจล้า
อย่าเพิ่งกล้าก้าวไปในแห่งหน
รอยแผลลึกยังปริแตกแยกกมล
มาพอกฝนยาเสียก่อนเพื่อผ่อนคลาย
รักษาแผลให้สมานประสานสนิท
อย่ารีบคิดเคลื่อนไหวเพราะใจหาย
ยิ่งรีบก้าวต่อไปยิ่งทำลาย
ให้แผลกรายเรื้อรังฝังรอยนาน
แผลที่มีเพียงเท่านี้เจ็บมากแล้ว
ใจที่แผ่วต้องผ่อนพักอย่าหักหาญ
ให้แรงฟื้นคืนก่อนอย่ารอนราญ
อาจจะนานสักหน่อยคอยเวลา
ที่ผ่านมาอาจเพราะว่าเป็นความเขลา
จึงใจเบาไม่ระวังเพราะเดียงสา
ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมคมจมมายา
ได้แผลมาเพราะไม่รู้ดูไม่เป็น
เมื่อแผลหายกลายเป็นผิวมีริ้วพาด
คือรอยเพิ่มความฉลาดเพราะมองเห็น
ความพลาดพลั้งครั้งคราวรักไม่เป็น
มีก้าวใหม่ที่โดดเด่นมากกว่าเดิม
4 กรกฎาคม 2546 22:39 น.
พี่ดอกแก้ว
โลกใบนี้ที่...กลมนัก...ขอทักถาม
เหตุใดคนนิยามโลกอับเฉา
มีมุมหม่นมุมหมองให้ครองเศร้า
กลมแล้วมี...มุมเงา...ได้อย่างไร
มีหลายคนที่ค้นพบมุมลบสุข
ครองแต่ทุกข์ในมุมอับกับโหยไห้
บางคนอยู่มุมมืดฝืดน้ำใจ
มีทั่วไป...มุมโศก...บนโลกกลม
บนเส้นทางสายใหญ่ในโลกหล้า
หลายคนที่เดินมาอย่างขื่นขม
คนมากมาย...ก็เห็นคล้ายเป็นสายลม
สร้างมุมขมไว้บนทางอย่างตั้งใจ
เดินไปบนเส้นทางอย่างอ่อนล้า
หมอกความเศร้าบังตาให้พร่าไหว
เห็นแต่ความอ้างว้างอยู่เรื่อยไป
มองตรงไหนก็ไร้คนบนหนทาง
เพราะปิดใจไม่รับใครที่แปลกหน้า
ปฏิเสธวาจาคนรอบข้าง
สร้างขอบเขตมุมเหงาเศร้าเปลี่ยวร้าง
ไม่รับแสงสว่างจากใครเลย
โลกใบนี้จึงมากมีมุมรันทด
เพราะตั้งกฎเกณฑ์ใจไว้เปิดเผย
ใครจะขอพานพบไม่ได้เลย
เพราะคุ้นเคยกับมุมเศร้าเคล้าน้ำตา