17 กรกฎาคม 2546 20:39 น.
พี่ดอกแก้ว
สายหมอกผ่านม่านฟ้าเมื่อครารุ่ง
สุรีย์ศรีแผ่พุ่งผ่านหมอกขาว
ระยิบยับจับตาดูพร่าพราว
สะท้อนน้ำแวววาวที่ราวไพร
อยู่บนเนินเพลินชมหมอกพรมพร่าง
คลุมแผ่นพื้นเบื้องล่างราวใยไหม
ละอองขาวเคลือบเขียวของพฤกษ์ไพร
งามละไมทอดสายตาพาเยือกเย็น
อยู่เบื้องล่างพรางไปด้วยสายหมอก
ทางดำเนินย้อนยอกยากแลเห็น
สายสุรีย์บางเบาช่างหนาวเย็น
ม่านหมอกเคลือบความเด่นแห่งสุรีย์
ความงดงาม.. ความดี... ที่แตกต่าง
มีช่องว่าง ..เว้นไว้ ...ให้เช่นนี้
ต่างองศา....มุมมอง ...ของความดี
จึงมากมี....ความต่าง.....ในทางเดิน
17 กรกฎาคม 2546 16:37 น.
พี่ดอกแก้ว
คืนวันที่หวานชื่นระรื่นจิต
ได้ครวญคิดปลูกพันธุ์อันสูงค่า
คือต้นรักสลักไว้ในวิญญา
และรักษาให้จำเริญเพลินฤดี
มีรอยยิ้มพิมพ์ใจ..ใยอาหาร
มีสายตาหวามหวานสานแสงสี
มีน้ำใจหลั่งรดดวงฤดี
เพื่อพันธุ์นั้นเจริญศรีเป็นต้นใบ
ค่อยค่อยดัดคัดกิ่งทิ้งใบหมอง
และประคองต้นอ่อนสะท้อนไหว
ให้มั่นคงตรงค่ากับหทัย
ผลิดอกใบให้ผลบนเมตตา
อาจมีบ้างบางครั้งพลั้งไหวหวั่น
ไปกับลมหวงนั้นจนเกือบล้า
อาจมีบ้างบางคราวที่เย็นชา
เพราะลมหนาวผ่านมากระทบใจ
แต่เพราะรากฐานรักสลักแน่น
ไม่หวั่นแม้นลมกล้าท้าเพียงไหน
ก็แค่เพียงพลิ้วพัดระบัดใบ
มิอาจให้โค่นหักในรักงาม
วันนี้ยังเติบใหญ่ไม่สิ้นสุด
กิ่งใบผุดผลิดอกออกล้นหลาม
และจะคงความหอมทุกโมงยาม
รักต้นนี้มีนามว่ารักเธอ
17 กรกฎาคม 2546 16:32 น.
พี่ดอกแก้ว
อโนทัยไขแสงแห่งความงาม
ทอดรังสีคลี่ยามให้สดใส
ปลุกแผ่นดิน สิ้นหมองทั้งผองไพร
เริ่มวันใหม่ให้ชีวาสร้างค่าคุณ
หากในยามท้อแท้...แม้ยามเช้า
ก็หมองเศร้าไร้แสงทุกแห่งหน
ดั่งชีวิตอัสดงลงฝั่งชล
กระแสท้นธาราน้ำตานอง
ดำเนินศรย้อนเวลาในคราเศร้า
นึกถึงวันเก่าเก่าอย่างหม่นหมอง
อยากให้หวนคืนใจที่หมายปอง
ประสบสองใจนั้นมั่นหนึ่งเดียว
คราลำแสงสุริยามากระทบ
ถึงถิ่นคู่อยู่ครบยิ่งแลเหลียว
ย้ำเตือนใจให้สะท้อนถอนใจเลี้ยว
สู่อดีตดายเดียวเฝ้าย้อนความ
ทิ้งเวลาครานี้ที่ปัจจุบัน
ให้เหหันสูญค่าน่าเหยียดหยาม
เหมือนเป็นซากสิ้นไร้ไม่งดงาม
ร้องทวงถามถึงอดีตให้กรีดใจ
16 กรกฎาคม 2546 09:51 น.
พี่ดอกแก้ว
ผักตบชวาพาใจให้ไหวหวาม
ล่องลอยตามลำคลองให้มองเห็น
บางคนชอบว่าเป็นสิ่งร่มเย็น
ฟอกอากาศให้เป็นออกซิเจน
กอหญ้าใหญ่ลอยไปกลางสายน้ำ
บางครั้งงามเหมือนเกาะน้อยที่ลอยเล่น
สีเขียวเข้มเต็มท้องน้ำเมื่อยามเย็น
บางคนเห็นเป็นกัดขวางทางสัญจร
ทั้งสองคือสวะที่ระราน
ให้ลำธารแคบลงคงถ่ายถอน
นี่คือสิ่งที่ปรากฏในบทกลอน
ถึงสวะที่คลอนพื้นธารา
สำหรับความเปลี่ยนไปในเปลี่ยนแปลง
คือปัญญาที่แจ้งสิ่งตรงหน้า
พบเห็นในพระไตรลักษณา
ที่รู้ว่ามีเกิดดับลับเรื่อยไป
15 กรกฎาคม 2546 08:11 น.
พี่ดอกแก้ว
ในอ้อมกอดของฟ้าคราหลังฝน
ประภัสร์พรายนภดลเป็นสีสัน
สลับสายลำแสงแห่งตะวัน
งามเฉิดฉันท์รุ้งพรายกระจายเงา
ดุจมนตราพาใจให้ลอยล่อง
และเที่ยวท่องสองคนไม่หม่นเศร้า
สู่แดนฟ้าหลากสีที่บางเบา
คลอเคลียเคล้าเสรีที่หมายปอง
จรดขอบโค้งรุ้งงามยามจินตา
มวลพฤกษาสดใสไปทั้งผอง
หมอกแห่งรักโรยตัวรัวละออง
เคลือบคลุมผองผืนฟ้าครามนต์พราว
ในอ้อมรักแห่งใจในความจริง
ทุกทุกสิ่งไม่ต่างอย่างกลางหาว
ความหอมหวานสานใจไว้ทุกคราว
เส้นทางรักยังยาวกว่ารุ้งงาม