22 กรกฎาคม 2546 09:49 น.
พี่ดอกแก้ว
สิทธิ์ของใจใครรักใครก็ไม่ผิด
แต่ลองคิดสักนิดฉันผิดไหม
ฉันรักเธอก็ไม่ผิดสิทธิ์ของใจ
เธอรักใครก็ไม่ผิดสิทธิ์ของเธอ
22 กรกฎาคม 2546 09:42 น.
พี่ดอกแก้ว
กว่าเติบกล้าเกรียงไกรหนึ่งในโลก
มิใช่โชคกาพสวรรค์บันดาลได้
หากผ่านความเจ็บปวดรวดร้าวใจ
ด้วยหทัยที่เข้มแข็งแกร่งตระการ
อย่าถามเลยเหนื่อยหรือไม่...ในพงหนาม
ตอบว่าไม่เข็ดขาม...กล้าขับขาน
พร้อมยืนหยัดยิ่งยงกลางพงศ์พาล
พร้อมประหัตประหารมารไผท
จะยืนอยู่ สู้เพื่อ ประชาผอง
สร้างครรลองคุณธรรมนำพิสัย
เพื่อชาติศาสน์กษัตริย์รัฐขจัดภัย
ด้วยจริงใจจากดวงจิตนิจรันดร์
22 กรกฎาคม 2546 09:32 น.
พี่ดอกแก้ว
...รู้ไหมมีใครคอยห่วงหา
คึดถึงทุกเวลาเธออยู่ไหน
จะได้ไม่อยู่อย่างปวดร้าวใจ
ไม่ยากร้องไห้อยู่คนเดียว เพียงลำพัง
22 กรกฎาคม 2546 08:53 น.
พี่ดอกแก้ว
รัตติกาลผ่านฟ้ามายามพลบ
แผ่นดินลบรอยแสงแห่งรังสี
ห้วงนภาพร่าแสงรัชนี
ศศิฉายประกายศรีกระจ่างตา
ระยับยิบวิบวาวสกาวเดือน
ดุจภาพเตือนใจตรองให้มองฟ้า
มิอาจเลือนเคลื่อนคลายย้ายสายตา
ต้องมนตราบุหลันอันงดงาม
ละอองแสงแห่งม่านดาริกา
กระพริบพาดวงใจให้ทวงถาม
เหตุไฉนจันทร์เด่นไปทุกยาม
ขึ้นหรือแรมแจ่มความเหนือหมู่ดาว
เสียงกระซิบจากจันทร์นั้นหวานนัก
เปี่ยมด้วยรักพาใจไปสู่หาว
ลำแสงนวลครวญตอบกับแสงดาว
อย่าปวดร้าวดาริกา..อย่าเสียใจ
แม้นจันทรางามนักเปี่ยมศักดิ์ยศ
ก็โดดเดี่ยวรันทดดาวเห็นไหม
ไร้คู่เคียงเรียงร้อยคล้องสร้อยใจ
กลางราตรีนี้ไร้สายสัมพันธ์
มีเพียงดาวพราวฟ้ามาเป็นเพื่อน
คลอดวงเดือนดุจม่านช่วยสานฝัน
ไม่โดดเดี่ยวเปลี่ยวใจไปนิรันดร์
เพราะมีดาวเคียงขวัญยามราตรี
21 กรกฎาคม 2546 22:31 น.
พี่ดอกแก้ว
คำวอนสะท้อนฟ้าคราฝนแล้ง
หรือเหือดแห้งน้ำใจไม่เห็นหน้า
ฝนเคยฉ่ำพรำพื้นพสุธา
ชุบชีวาพันธุ์ไม้ให้ร่มเงา
สายลมร้อนย้อนใจให้เจ็บร้าว
ทุ่งนาข้าวรอฝนจนดินเฉา
ยืนแหงนหน้าถามฟ้าเพียงแผ่วเบา
เมื่อไหร่เงาเมฆฝนจะวนมา
สายน้ำเหือดเดือดพล่านทุกบ้านแล้ว
เสียงแผ่วแผ่วถามฝนให้หล่นหล้า
มองภาพฉายหมายองค์กษัตรา
และบนบานเทวาขจัดภัย
ทั้งร้อนแล้งแห้งน้ำตามลำห้วย
ใกล้มอดม้วยพันธุ์สัตว์ในน้ำใส
ไร้น้ำหล่อข้าวกล้าให้เติบวัย
คงสิ้นไร้ข้าวสารไม่นานวัน
วอนเทวาอย่าเมินคนเดินดิน
ทุกชีวินรอหวังยังตรงนั้น
ช่วยเสกเป่าเงาร้อนให้ผ่อนพลัน
สั่งให้ฟ้าจาบัลย์หลังฝนปราย
เสียงครืนครั่นสั่นฟ้ามาเบาเบา
ใจเต้นเร่ารอเห็นหยาดเส้นสาย
เสียงกระทบหลังคาเริ่มรัวราย
นิมิตหมายวรรษามาหลั่งริน
แหงนมองฟ้าครานี้ใจปรี่สุข
สายฝนชุกชะโลมไปทั่วถิ่น
จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน
คือเมตตาไม่สิ้นจากเทพไท