12 มิถุนายน 2546 20:34 น.
พี่ดอกแก้ว
นรชนคนแกร่งแห่งนักสู้
ดำเนินอยู่บนวิถีที่กล้าหาญ
ฝ่าทุกข์ยากที่หลากล้ามาเนิ่นนาน
สร้างสะพานแห่งศรัทธาท้าแรงใจ
หากทดท้อรอรั้งยั้งการสร้าง
สะพานร้างห่างฝันเพราะหวั่นไหว
หากกริ่งเกรงอิทธิพลหรือกลัวภัย
สะพานจักสิ้นไร้ภาพสะพาน
นรชนคนนั้นไม่หวั่นท้อ
หมายปลูกกอความศรัทธาที่กล้าหาญ
แม้นโดดเดี่ยวยังมุ่งมั่นอุดมการณ์
รักในงานตรงหน้ากล้าพลีตน
เมื่อหมดแรงแสงหมองไม่ส่องหล้า
ดับชีวาลับหายไปจากหน
ดาวศรัทธายังเจิดจ้าในใจคน
คำนึงถึงนรชนไปชั่วกาล
11 มิถุนายน 2546 23:51 น.
พี่ดอกแก้ว
เฉกชนม์นี้มีความหมายคล้ายเรือน้อย
ที่เพียงลอยตามแรงแห่งคลื่นโหม
ยามทุกข์เบียดบีฑาฝ่าคลื่นโครม
ยามสุขไร้คลื่นโจมลำนาวา
ลอยเรื่อยไปในห้วงน้ำตามกระแส
ชลาลัยผันแปรเปลี่ยนทิศา
เวียนวกไปในน่านธารธารา
ไม่พบท่าเทียบฝั่งยั้งหยุดเรือ
มองชะแง้แลทิศคิดอยู่นิ่ง
ถ่วงเรือไว้ด้วยสิ่งทำหางเสือ
กำหนดทางคัดท้ายอยู่ปลายเรือ
ต้านกระแสความเชื่อที่เคยมี
หวังจะไปให้ถึงลำสำเภาทอง
ที่ฉายส่องผ่องประกายรัศมี
อยู่เบื้องหน้าไกลไกลในนที
จอดรอรับด้วยไมตรีมาช้านาน
จึงวาดพายไปบนสายทางเส้นนั้น
เรือน้อยพลันมีร่องรอยความร้าวฉาน
เกิดรูรั่วขึ้นมากมายในกระดาน
เปรียบทวารที่ซ่านไปในอารมณ์
เหลียวหาชันยาเรือเมื่อน้ำเข้า
วิดน้ำเก่าเททิ้งสิ่งหมักหมม
เพียรวาดพายให้เรือเบาเข้าแรงลม
อุดรอยรั่ว...วิดน้ำตม...เร่งรีบพาย
หมายสมัครสามัคคีมีในทาง
ไม่อ้างว้างมีเชือกเหนี่ยวเกลียวแปดสาย
กลายเป็นหนึ่งถึงสำเภาที่เงาพราย
เรือลำน้อยถึงที่หมายไม่เวียนวน
11 มิถุนายน 2546 11:53 น.
พี่ดอกแก้ว
งามแสงดาวแวววาวประกายวับ
แขวนประดับมากมายในผืนฟ้า
กระพริบผ่องส่องจากดาริกา
แม้นเพียงน้อยก็มีค่าในแสงดาว
วันที่ฟ้าลาจันทร์นั้นดาวน้อย
ระยิบลอยส่องไฟในกลางหาว
อาจไม่สุกสว่างกระจ่างพราว
ยังคงค่าในแสงดาว..อย่าหนาวใจ
11 มิถุนายน 2546 11:39 น.
พี่ดอกแก้ว
หากเสี้ยวหนึ่งของชีวิตนั้นคิดได้
ว่าอะไรคือประโยชน์และโภชน์ผล
ที่หล่อเลี้ยงชีวิตอย่างเหมาะตน
ไม่เบียดเบียนใจคนจนทุกข์ใจ
รู้จักใช้ชีวีมีคุณยิ่ง
สมเป็นสิ่งที่เกิดมาอย่างยิ่งใหญ่
เป็นมนุษย์สุดประเสริฐเลิศวิไล
เหนือส่ำสัตว์ที่สิ้นไร้ซึ่งปัญญา
รู้จักให้แผ่ไปยังผู้อื่น
ช่วยหยิบยื่นสิ่งที่ดีมีคุณค่า
รู้จักส่งกระแสใจมุทิตา
ไม่อิจฉาเสแสร้งแกล้งทำดี
เพียงเท่านี้ก็ทำให้โลกใสสวย
เพิ่มขึ้นด้วยเมตตาธรรมนำสุขศรี
เกื้อกูลกันฉันสหายในปฐพี
หมดศัตรูผู้หมายมีอาฆาตกัน
คนใจงามจึงงดงามเป็นที่สุด
เพราะผ่องผุดไตรทวารที่ผ่านผัน
กายวจีใจพร้อมจะแบ่งปัน
ให้ชีวิตได้สุขสันต์ทั่วโลกา
11 มิถุนายน 2546 06:00 น.
พี่ดอกแก้ว
.....มองหนทางข้างหน้ามาแต่เช้า
สองตาเฝ้ารอคอยละห้อยหา
อยากจะเห็นใครคนนั้นเดินกลับมา
พร้อมรอยยิ้มเกลื่อนหน้าและทักทาย
....ตะวันคล้อยลอยเลื่อนเคลื่อนสูงแล้ว
ยังไม่มีวี่แววที่มาดหมาย
ตะวันเคลื่อนเลื่อนคู่เข้าสู่บ่าย
ไม่มีสายตาใครให้สบตา
...ตะวันย่ำค่ำแล้วโอ้แก้วเอ๋ย
ไฉนเลยยังไม่กลับคืนมาหา
มองหนทางอย่างนี้ตลอดมา
นับเวลาผ่านได้เป็นหลายปี
อยู่แนวไพรไกลนักพักในป่า
จากบ้านเมืองสู่พนาด้วยหน้าที่
รักษาชาติให้คงอยู่บนปฐพี
ใช้ชีพนี้พิทักษ์รักษาแดน
คนที่รออยู่เบื้องหลังยังคิดไหม
ว่ามีใครต้องลำบากอย่างสุดแสน
รักษ์แผ่นดินปกป้องถิ่นพร้อมตายแทน
หัวใจนี้มาตรแม้นมอบให้เธอ
เพราะความรักจึงยังความหวังไว้
ให้ตั้งจิตตั้งใจได้คืนหวน
มิต้องการพลัดพรากและเรรวน
หลายชีวิตต่างล้วนหวังเรื่อยไป
หวังสิ่งนั้นสิ่งนี้มีแต่หวัง
คิดเป็นจริงเป็นจังหวังสดใส
ยามผิดหวังจึงต้องนองชลนัยน์
ในหัวใจมีแต่แผลแก้ไม่คลาย