19 มิถุนายน 2546 13:53 น.
พี่ดอกแก้ว
@.....บังเอิญหลงทางมาเมื่อครารุ่น
มารับความอบอุ่นอย่างสุดแสน
ได้รับการบ่มเพาะ ณ ดินแดน
ที่สมบูรณ์มาตรแม้นแผ่นดินทอง
.@....ครั้นเติบใหญ่ได้วิชามากูลเกื้อ
มีโอกาสช่วยเหลือถิ่นสถาน
อิ่มข้าวแดงแกงร้อนมาเนิ่นนาน
ก็ถึงกาลแทนคุณท่านด้วยมั่นใจ
@....ท่านให้เป็นกุลีแม้ขี้ข้า
@ใช้แรงกายดุจทาสาก็ทำได้
เพื่อแผ่นดินถิ่นทองผ่องพิไล
มิเคยคิดเดียดฉันท์ในงานนานา
@....ท่านให้เป็นเบี้ยเล็กๆบนกระดาน
เป็นด่านที่ห้าวหาญและทายท้า
ก็เป็นเบี้ยที่พร้อมจะบีฑา
บดขยี้ปัจจาที่รุกราน
@....ท่านให้เป็นเม็ดน้อยคอยระวัง
การภายในที่อาจยังความร้าวฉาน
ก็เป็นเม็ดฝีปากร้ายในกระดาน
แผ่ประจานปมปัญหาท้าความชัง
@....กิจการใดที่ผู้ใหญ่ไม่อาจกล่าว
เม็ดสามหาวก็ปากกล้าหน้าขึงขัง
แม้ในใจจะกริ่งเกรงถูกเกลียดชัง
แต่เพื่อยังประโยชน์ใหญ่จึงไม่เกรง
@....ท่านให้เป็นม้าศึกคึกคักสู้
เพื่อโรมรันพันตูผู้ข่มเหง
จากแดนดินถิ่นไหนไม่กลัวเกรง
อย่าอวดเบ่งบนแดนดินแผ่นดินทอง
@....ท่านให้เป็นเรือน้อยลอยปริ่มน้ำ
ผลิตความรื่นเริงบันเทิงฉลอง
รวมสมัครพรรคพวกทั้งรำร้อง
มาแซ่ซ้องสาธุการสำราญใจ
@....แต่เรือเล็กทั้งยังเด็กจึงม้วนคลื่น
กระทบกระทั่งกับผู้อื่นจนหวั่นไหว
เผลอชี้นิ้วสั่งการใครต่อใคร
ลืมนอบน้อมกับผู้ใหญ่ไม่เข้าที
@....เพราะใจหมายมุ่งให้งานสำเร็จ
มิได้คิดเผด็จการหว่านสี
มิได้ถือตนเหนือใครในชีวี
มิได้มีจิตหยามลามผู้ใด
@....ท่านให้เป็นโคนลอยคอยขีดเขียน
สร้างความเพียรและรอบคอบตอบคำไข
ฝึกฝนงานการหนังสือให้ลือไกล
แบ่งภาระท่านให้ได้คลายเบา
@....มาวันนี้ไม่มีที่บนกระดาน
ท่านให้ลงมาหัดอ่านและหัดเขียน
ให้มุ่งมั่นศึกษาและเล่าเรียน
เพื่อหมุนเวียนรักษาการณ์ผ่านเขตแดน
@....ท่านให้ทำหน้าที่ที่ตรงไหน
ก็ตั้งใจทำเต็มที่ไม่หวงแหน
ความสามารถมีเท่าใดขอทดแทน
พระคุณแผ่นดินทองของชีวี
@....จะเป็นเบี้ยหรือม้าศึกที่คึกค่า
ทำเต็มที่ทุกเวลาไม่หน่ายหนี
ความเจ็บช้ำที่สอดแทรกในฤดี
มิอาจมีอำนาจเหนือเมื่อทำงาน
@....จึงขอกราบถวายไตรกุศล
ที่บันดลช่วยเหลือเกื้อสถาน
แด่พระครูผู้ประสิทธิ์วิทยาการ
คณาจารย์ผู้สอนสั่งอย่างตั้งใจ
@...ไม่เคยคิดเป็นดาวใหญ่ในแผ่นฟ้า
หวังเป็นแสงชวาลาที่ผ่องใส
อยู่เบื้องหน้าพระปฏิมาผู้ทรงชัย
ส่องสว่างกระจ่างในแท่นบูชา
@....ขอมโนที่นอบน้อมพร้อมกตัญญู
จงเสริมส่งให้เป็นผู้ลดโทสา
และแตกฉานในการวิทยา
กอปรความเพียรเพื่อศึกษาสำเร็จเทอญ
18 มิถุนายน 2546 14:42 น.
พี่ดอกแก้ว
น้ำตานองร้องถามความเรือเร่
รักแล้วมารวนเรเหห่างหาย
เทียบท่าเพียงวูบเดียวก็เปลี่ยวดาย
ทิ้งท่าร้างห่างหายไม่เห็นลำ
แรงคลื่นลมหรือโถมเรือให้เบื่อท่า
หรือคลื่นพาเรือน้อยลอยถลำ
ระเริงชลจนหลงทางห่างทิศจำ
ทิ้งความช้ำชอกไว้ให้ฝั่งชล
สิ้นกระแสโถมเชี่ยวของเกลียวคลื่น
หมดเป้าหมายเริงรื่นในแห่งหน
จึงหันทิศกลับทางจากกลางชล
สู่ชายฝั่งบัดดลเพราะจนใจ
มางอนง้อขอโทษอย่าโกรธเกรี้ยว
เพราะกระแสชลเชี่ยวที่ซัดใส่
มิอาจฝืนคลื่นลมที่โหมใจ
จึงวาดหางเสือไปอย่างจำนน
นี่น่ะหรือคือความหมายในสัมพันธ์
พอใจกันก็เคียงข้างไม่ห่างหน
เห็นคนใหม่ก็แบ่งใจให้อีกคน
ไม่เคยหยุดสักหนที่ต้องการ
เมื่อพลาดหวังพลั้งหมายก็ได้คิด
กลับมาแอบแนบชิดคิดประสาน
รอยแยกแห่งหัวใจให้แนบนาน
ครั้นพบพานคนใหม่...ก็หมายจร
18 มิถุนายน 2546 14:32 น.
พี่ดอกแก้ว
ผ่านมาพบเรือใบไม้
บรรทุกหัวใจบอบช้ำ
แล่นเอื่อยเรื่อยล่องท่องลำ
ไร้คำพูดจาพาที
นิ่งมองสองข้างตลิ่ง
หมดสิ่งสนใจไร้สี
ความมืดหม่นท่วมฤดี
ใบไม้เต็มปรี่น้ำตา
แวะพักทางนี้ดีไหม
หยิบใจมาช่วยรักษา
โอมเพี้ยง! จงแกร่งกายา
โอม! ใจจงกล้าฝ่าฟัน
18 มิถุนายน 2546 14:31 น.
พี่ดอกแก้ว
ผ่านมาพบเรือใบไม้
บรรทุกหัวใจบอบช้ำ
แล่นเอื่อยเรื่อยล่องท่องลำ
ไร้คำพูดจาพาที
นิ่งมองสองข้างตลิ่ง
หมดสิ่งสนใจไร้สี
ความมืดหม่นท่วมฤดี
ใบไม้เต็มปรี่น้ำตา
แวะพักทางนี้ดีไหม
หยิบใจมาช่วยรักษา
โอมเพี้ยง! จงแกร่งกายา
โอม! ใจจงกล้าฝ่าฟัน
18 มิถุนายน 2546 04:42 น.
พี่ดอกแก้ว
ทรัพย์ในดินสินในน้ำยามโบราณ
เมื่อสืบกาลผ่านวิถีที่ผันแสง
ความสมบูรณ์เริ่มลดถดถอยแรง
ก้าวสู่ความเปลี่ยนแปลงไปอัปปาง
เคยทำมาหากินบนถิ่นนี้
อย่างสุขีในพืชผลไม่หม่นหมาง
ไม่ต้องแย่งชิงปล้นบนเส้นทาง
เรือนรอบข้างเอื้ออุดมพรหมธรรม
เสียงไก่ขันเจื้อยแจ้วแว่วคราวรุ่ง
ก็เร่งหุงโภชนะประณีตล้ำ
ถวายแด่เนื้อนาบุญผู้หนุนนำ
จาริกธรรมโปรดสัตว์ขจัดภัย
ทุกวันธัมสวนะละกิจบาป
เฝ้ากำหราบจิตมารที่ซ่านไหว
สดับธรรมจากเจ้ากูกู้ศีลมัย
และน้อมใจสักการะพระพุทธองค์
จำเนียรกาลผ่านสมัยในยุคนี้
คุณความดีหลุดร่วงไปใจลุ่มหลง
รับกระแสความเชื่อใหม่ให้ทะนง
เศรษฐกิจจะมั่นคงเพราะเงินตรา
ค่านิยมชมชื่นตื่นในทรัพย์
ก็รุดจับดวงใจให้ใฝ่หา
ทั้งลาภยศทรัพย์สถานงานโภคา
ให้คุณค่ากว่าความดีมีคุณธรรม
เพราะตั้งจิตผิดทิศทางอย่างประมาท
หลงในชาติอวิชชาพาจิตพล้ำ
เดินสู่ทางทุจริตไม่ควรทำ
ไม่เชื่อกรรมว่าให้ผลที่ตนเอง
หลากอาชีพที่ผุดพรายในแผ่นดิน
จึงมากลิ้นมากวิธีที่ข่มเหง
เอารัดเปรียบเหยียบกันไว้ไม่กลัวเกรง
ดอกไม้พาลบานเบ่งในสังคม
ต้องปลูกใหม่คือปลูกใจไว้ในศีล
อบรมอินทรีย์งามตามเหมาะสม
ใช้พระธรรมย้อมใจให้เข้มคม
ก็จะบ่มความเป็นไทยให้งดงาม