4 ธันวาคม 2546 08:06 น.
พี่ดอกแก้ว
ก้าวไปบนเวทีที่น่าเศร้า
ทุกสิ่งเร้ารุมให้ใฝ่ตัณหา
ดำเนินตามกองไฟทุรคา
เห็นมายาเป็นสิ่งที่จริงจัง
ลวงหลอกใจให้ไกลทางเจริญ
ยิ่งห่างเหินหลงไปในกรงขัง
มัดชีวิตปลิดเสรีรี้พลัง
ลอยติดฝั่งรอเข้าวันเผาไฟ
ถอยรอยทางย่างก้าวที่ร้าวแหลก
เลือกทางแยกสัญจรย้อนไปใหม่
ด้วยเรียนรู้ดูจำธรรมอำไพ
บ่มจิตใจใฝ่ลิขิตนิมิตดี
อย่าร้าวรานทานใจให้อดทน
ชีวิตตนมีค่าและศักดิ์ศรี
เป็นมนุษย์สุดประเสริฐเลิศชีวี
ใช้ภพภูมิที่มีด้วยกุสลา
มีโอกาส.....ใช้โอกาสไม่ขลาดเขลา
อย่าหมองเศร้ากลุ้มใจในปัญหา
เหนื่อยก็พักหนักก็วางอย่าร้างรา
สร้างคุณค่าด้วยลิขิตชีวิตงาม
4 ธันวาคม 2546 07:52 น.
พี่ดอกแก้ว
เก็บกลืนไว้ในใจไม่เปิดเผย
คำอ้างเอ่ยเพ้อพร่ำรำพันถ้อย
ไม่ให้หลุดจากปากแม้หนึ่งน้อย
มิยอมแพ้แก่รอยที่กรีดใจ
พงหนามก่ายเป็นลายเนื้อถูกเกี่ยว
จะไม่เลี้ยวหลบหนามที่ตามไล่
มุ่งหมายจรดรอยเท้าก้าวต่อไป
เดินตามทางพ่อสร้างไว้ให้ลูกเดิน
หยาดเหงื่อพ่อล้อแสงแดดที่แผดกล้า
แผ้วมรรคานำไปไม่ขัดเขิน
ประทับตาตรึงใจให้เผชิญ
ทางดำเนินตามคำสอนมิผ่อนคลาย
ทุกคำพ่อก่อสัญญาให้ฝ่าฟัน
รู้อดทน..มุ่งมั่น..เพื่อเป้าหมาย
รู้สละ...ช่วยเหลือ....เพื่อนรอบกาย
กตัญญู..อย่ารู้หน่าย..ในพระคุณ
เดินตามพ่อ...ก่อพลังพรั่งดวงจิต
พ่อคือผู้ลิขิตเพื่ออุดหนุน
พ่อคือผู้เติมต่อก่อต้นทุน
เกื้อการุณแก่ลูกนี้ไม่มีเทียม
๏ ๏ ๏ ๏ ๏ ๏ ๏ ๏ ๏ ๏ ๏ ๏
2 ธันวาคม 2546 10:48 น.
พี่ดอกแก้ว
ร่วมชื่นชมคมคำนำอรรถา
จำนรรจากรีดกรายลวดลายศิลป์
เป็นบทสอนรอนใจไร้ราคิน
ร่วมดูหมิ่นผู้อวดตนบนศักดา
ครั้นเมื่อฝนหมดฟ้าพาเปลี่ยนฉาก
วายุหลากโลดแล่นสู่แผ่นผา
กรรโชกมิตรปลิดปลิวลิ่วนภา
ความหนาวแทรกอุราคราลมพาน
ชิงชังกันขันแข่งแบ่งพวกพรรค
พร้อมสมัครทำลายด้วยใจหาญ
ฟาดฟันกันสรรเสียดสีที่ร้าวราน
บ้างประจานเรื่องเก่าเล่าเรื่องปลอม
ลืมสัญญาเมื่อสายัณห์วันร่วมฟาก
คราวตีจากถีบหัวเรือไม่ถนอม
สร้างกำแพงด้วยไฟจากใจตรอม
รวมพวกพร้อมตัดสินคนบนใจกา
หมดความหมายเรื่องมากมายในวันเก่า
โทสะเร้าเผาความดีที่เคยจ้า
สิ้นใยเยื่อไม่เหลือกรุณา
ความเกลียดชังบังตาทั้งสองดวง
ปล่อยความโกรธพิโรธใจในเคืองแค้น
ให้ฝังแน่นดั่งของที่ต้องหวง
ดุจน้ำกรดรดราดอยู่กลางทรวง
ใจทั้งดวงจึงร้อนเร่าคราวพบกัน
เพราะถือตนบนถือดีที่ถูกผิด
จึงกลายมิตรเป็นศัตรูผู้เดียดฉันท์
แท้ใจตนต่ำทรามชอบหยามกัน
ถือตัวฉันนั้นแน่แต่ผู้เดียว
2 ธันวาคม 2546 10:42 น.
พี่ดอกแก้ว
หมายไปสู่ภูผาคราลมหนาว
สัมผัสราวละอองไหมในหมอกฝัน
รับความเย็นยะเยือกไว้ในใจพลัน
คลายความหันเหร้อนผ่อนอุรา
หมายไปชมผืนไพรในโลกกว้าง
ที่ไม่ร้างมุมมองของพฤกษา
สดขจีสีสันลออตา
มวลผกาเป็นโอสถรดความชัง
หมายไปพบความสงบและสวยงาม
ไร้คำถาม ..คำบ่น ..ค้นความหลัง
ไร้คำคน ..คุกคาม ..หยามประดัง
ไร้ปัญหา ..รุงรัง ..ที่รอบกาย
หมายไปพักถักใจให้มีแรง
เพื่อกล้าแกร่งคืนกลับไม่ลับหาย
ล้างความเบื่อ...เหลือความหวังยังพร่างพราย
ล้างความหน่ายเหนื่อยท้อต่อการงาน
หมายไปพ้นคนพูดมากหลากคำถาม
สักชั่วยาม..ตามใจปองร้องขับขาน
หมายปลดแอกแบกภาระที่คะคาน
สักวันวาร..เพื่อให้บ่าไม่ล้ากรำ
แต่สุดท้ายที่มุ่งหมายมิได้มา
เพราะมิเหลือเวลาให้หมายซ้ำ
มีชีวิตลิขิตงานเพื่อสานทำ
ก้มหน้ากรำงานต่อไม่ท้อใจ
มีเพียงจินตนาการมาสานฝัน
ล่องลอยพลันไปตามภาพฉาบฟ้าใส
พบความเย็นเห็นความงามตามพฤกษ์ไพร
ล้างหัวใจได้เท่านี้ที่ภาพวิว
2 ธันวาคม 2546 10:30 น.
พี่ดอกแก้ว
อยู่กลางใจไหววาบอาบไอหวาน
บอกตำนานการคงอยู่คู่แสงไข
เกื้อกำเนิดเกิดก่อความเกรียงไกร
ให้เคลื่อนไหวในโลกหล้าพาร่มเย็น
คือแสงไฟจากใจบุรุษเพชร
หมายเผด็จดัสกรผ่อนเคืองเข็ญ
บารมีปรี่แรงแห่งบำเพ็ญ
ระบัดความร่มเย็นสู่มรรคา
สาดส่องไปสู่ฤทัยผู้ใส่จิต
หมดนิมิตเกิดก่อต่อตัณหา
แม้นวิบากหลากไหลไม่นำพา
จิตโสดาตัดรอนสิ้นถิ่นชนกกรรม
เป็นกุศลพ้นวัฏฏะละเหตุทุกข์
สิ้นเชื้อปลุกอนุสัยไร้ความช้ำ
ถึงเศษบาปอาบร่างสร้างระกำ
มิอาจทำใจไหวในเหตุการณ์
การบรรลุมรรคผลจนสิ้นเชื้อ
มีปัญญาก่อเกื้อเพื่อสังหาร
สามัคคีมีในมรรคจักรอนราญ
กิเลสพาลตามประเภทเหตุกำลัง
คือทางเดียวที่เหนี่ยวได้ไปนิพพาน
เป็นทางที่ทิ้งมารไว้เบื้องหลัง
ตัดวัฏฏะละเหตุเก่าที่น่าชัง
จิตพิสุทธิ์ถึงฝั่งวิมุติธรรม
ละกิเลสได้สิ้นเชื้อไม่เหลือไฟ
ในดวงใจไร้ทุกข์มารุกล้ำ
แต่กายต้องกระทบวิบากกรรม
ที่เคยทำตามส่งผลไม่พ้นไป
จนกว่าจะปรินิพพานลง
อโหสิกรรมเลิกส่งผลมาให้
เพราะไร้สิ้นผู้รับผลพิษภัย
ไม่มีใดนอกเหตุกรรมนำผลเลย
ขอทวนซ้ำย้ำวิบากว่าคือผล
หาใช่กลลวงใครไม่เปิดเผย
เมื่อใดเหตุปัจจัยพร้อมย่อมเกิดเลย
อยู่ที่จิตจะวางเฉย..เพราะรู้จริง
แม้นพระพุทธองค์ผู้ทรงชัย
ก็มิอาจพ้นผลกรรมได้เลยสักสิ่ง
เคยบำเพ็ญทุกรกิริยาหาความจริง
ไม่อาจอิงด้วยฤทธิ์ฌานผ่านผลภัย
ทรงบอกทางสายเอกไว้เสกจิต
มิได้ทรงให้สิทธิ์เลือกทางไหน
เมื่อจิตพ้นธุลีที่นองใจ
จึงตัดใยอกุศลพ้นภพภูมิ