16 สิงหาคม 2546 10:19 น.
พี่ดอกแก้ว
วันที่ลมพัดไหวใจวาบวับ
พลันสดับระฆังใจไหวสะท้าน
สะท้อนเสียงแห่งกมลจนกังวาน
ส่งความซ่านผ่านกระแสแค่สบตา
หมู่ดาวน้อยลอยระยับกับดวงเนตร
ขยายเขตราตรีที่เบื้องหน้า
แม้นนาทีนั้นยังมีสุริยา
แต่รู้ว่าดาริกามาเยี่ยมเยือน
เพียงแย้มยิ้มพริ้มพรายประกายนั้น
ดั่งคนธรรพ์บรรเลงเพลงเป็นเพื่อน
ดุจดวงใจต้องมนต์จนเลอะเลือน
ยินเสมือนคำว่า..รัก..จากใจเธอ
16 สิงหาคม 2546 09:53 น.
พี่ดอกแก้ว
จากเส้นทางสายเก่าที่เหงาร้าง
ตลอดทางไร้มิตรสนิทฝัน
เดินมาตามเส้นทางที่ต่างกัน
แล้ววันหนึ่งก็พลันมาพบรอย
เชื่อมเส้นทางสายเก่าเข้าสายใหม่
เป็นทางใหญ่รื่นฤดีมิเหงาหงอย
มีผองมิตรสนิทรักหวานทักถ้อย
มอบกวีบทน้อยมากน้ำใจ
จึงปลูกรักสลักตรึงถึงคุณค่า
แห่งถ้อยคำรจนาที่สวยใส
วรรณรสบทประพันธ์อันพิไล
สานสายใยบนทางสร้างสัมพันธ์
16 สิงหาคม 2546 09:34 น.
พี่ดอกแก้ว
เมื่อผ่านกัปป์ลับล่วงดวงตาแล้ว
มนุษย์ต่างสิ้นแววความสดใส
บรรเลงกรรมนำบ่วงล่วงสู่ภัย
เพราะสิ้นไร้แสงทองส่องอินทรีย์
คลาดจากสุขรุกไล่สู่สายมาร
สิ้นบันเทิงธรรมบาลต้องหลีกลี้
มิอาจสู้ศาสตร์ใหม่ในปฐพี
ที่เร่งรี่สร้างภาพอาบลักษณ์ตน
บทถนนหนแห่งต่างแต่งแต้ม
เพื่อยั่วแย้มความกระหายให้หวังผล
เพียงสินทรัพย์นับชื่อลือหมู่ชน
ลบรอยผลคุณงามและความดี
ค่านิยมบ่มรากซากความหลง
เพื่อหมายคงความใหญ่ในโลกนี้
ต่างค้นหามายาประดามี
เข้าราวีตีต่อก่อราคา
หลงเส้นทางล้างเป้าหมายในสายธรรม
จึงครอบงำทิศทางอย่างออกหน้า
ความลุ่มหลงครอบครองนครา
อย่าหมายว่าธรรมจะเฟื่องเลื่องระบือ
16 สิงหาคม 2546 09:31 น.
พี่ดอกแก้ว
คล้ายกำหนดชีพไว้ในอุ้งหัตถ์
คล้ายแจงจัดทุกสิ่งปรารถนา
คล้ายพระพรหมขีดเส้นเกณฑ์ชะตา
คล้ายใจนี้เป็นราชาที่เหนือใคร
ที่จริงใจมิใช่ไทแต่เป็นทาส
ที่หมายวาดเอาชนะเหนือสิ่งไหน
ที่ลำพองครองบังเหียนความเพียรไว้
ที่มักใหญ่ไม่พอต่อโลกีย์
เรียนเพื่อรู้รู้เรียนเพียรสร้างค่า
เรียนเพื่อความก้าวหน้าของชีพนี้
เรียนเพื่อหมายเสริมต่อก่อบารมี
เรียนนั้นมีหลายประสงค์ตรงผู้เรียน
มาเรียนใหม่เรียนรู้ใจให้รู้คิด
มาเรียงจิตให้เป็นไทไร้บังเหียน
มาขีดเส้นเบนค่าราคาเรียน
มาขีดเขียนคำว่าพอก่อที่ใจ
รู้ว่าความไม่พอเพราะใจอยาก
รู้ว่าความทุกข์มากเพราะหวั่นไหว
รู้ว่าความท้อแท้เพราะแพ้ใจ
รู้ว่าความพอได้เพราะใจดี
15 สิงหาคม 2546 07:37 น.
พี่ดอกแก้ว
หมดรักมลายหลง
หมดพงศ์มลายเผ่า
หมดตนมลายเงา
หมดเรามลายอัตตา
สิ้นทุกข์คือสุขล้ำ
สิ้นกรรมคือคุณค่า
สิ้นเหตุคือตัณหา
สิ้นสมุทยาคือนิพพาน